น้ำตกกวางสี สวยสมกับคำโฆษณา น้ำใสสีออกเขียว แต่มองไปทางไหน ก็มีแต่ป้ายห้ามลงเล่นน้ำ แล้วอย่างนี้ เสื้อผ้าที่เตรียมมาเต็มที่สำหรับการเล่นน้ำจะได้ใช้หรือ? โอย..เริ่มเครียด เริ่มอยากไม่อยู่ในกฏระเบียบ เริ่มลงเดินแช่ เริ่มจุ่มๆ เป็นขั้นๆไป ถ้าหามีการโวยวาย ก็จะอ้างว่า ..อ่านหนังสือบ่ออก ..ความคิดด้านร้ายเริ่มปรากฏ หลังจากที่ทุกคนเก็บภาพกันแล้ว เราก็มีแนวร่วมเรื่องหาจุดลงเล่นน้ำ ..เราเดินย้อนลงมาจากจุดที่ถ่ายรูป แล้วก็เห็นคนเล่นน้ำ ว้าวว..เจอแล้ว อ้อ..ณ จุดที่ให้เล่นน้ำได้ จะมีห้องสำหรับเปลี่ยนเสื้อผ้า ที่ด้านบนเปิดโล่งไว้คอยให้บริการนี่เอง เลยได้เล่นน้ำสมใจ แต่ก็เล่นได้ไม่นาน เพราะขี้หนาว..นี่ขนาดหน้าแล้ง น้ำเยอะขนาดนี้ ถ้าหน้าฝน คงไม่ต้องพูดถึง เราเล่นน้ำกันให้ฉ่ำ ดูเวลา ก็พอสมควรแล้ว ก็จัดแจงเปลี่ยนเสื้อผ้า เก็บสัมภาระ เตรียมตัวไปเจอตามจุดนัดพบ
ขากลับ เราเดินกลับทางเดินป่า ตามป้ายที่เห็นตอนเข้ามา แล้ว...เราก็ได้เห็นว่าเส้นทางนี้ ผ่านจุดเล่นน้ำหลายจุด และ จุดที่ทุกคนเอ่ยถึง คือ ตอนโหนเชือกแบบทาร์ซาน..ที่หันมามองหน้ากัน แล้วคิดในใจ เราพลาดไปได้ยังไง แต่ทุกคนก็ไม่อยากจะเปลี่ยนเสื้อผ้ากันเพียงเพื่อให้ได้โหนเชือก..ฝากไว้ก่อนเหอะ ...แล้วก็พูดเข้าข้างตัวเองว่า ดีแล้วล่ะที่เราขึ้นไปทางนั้นกัน ไม่งั้นเราก็คงเดินไม่ถึงน้ำตกเพื่อถ่ายรูปหรอก..อืม เป็นการปลอบใจที่เข้าท่าอยู่ไม่น้อย ถ้าเรามาเจอจุดเล่นน้ำ แล้วเรามัวแต่เล่นน้ำ คงไม่มีภาพน้ำตกมาประกอบเรื่องเล่า
ตรงเวลาเป๊ะ ไม่มีใครสาย...เอ๊า..ขึ้นรถๆ ตามระเบียบ ขึ้นแล้วหลับเลยนะ..ถึงไม่มีใครบอกอย่างนี้ แต่เราทุกคนก็ปฏิบัติอย่างเคร่งครัด ฮ่าๆ
ตื่นก็ถึงที่พักพอดี..สบายตัว ก็เลยสอบถามน้องที่ดูแลที่พักเรื่องรถเดินทางกลับ ว่ากลับเส้นทางไหนถึงจะดี ตอนแรกตั้งใจว่าจะนั่งเรือไปขึ้นรถทัวร์ที่ อ.เชียงของ จ.เชียงราย แต่กว่าเราจะไปถึงเชียงของ เราต้องใช้เวลาเดินทางกันยาวนานมาก เมื่อเปรียบเทียบกับการเดินทางกลับเส้นทางเดิม คือ นั่งรถยาวไปถึง เวียงจันทน์ เพื่อ ข้ามกลับทางหนองคาย อัตราค่าโดยสาร คนละ 130,000.- กีบ สำหรับรถ Super VIP ต้องซุปเปอร์เชียวนะ เดินทาง 10 ชั่วโมงโดยประมาณ ถึงเวียงจันทน์ ราคานี้รวมค่าอาหารกลางวันไว้ด้วย คงกลับเส้นทางนี้ล่ะ อ่ะ..ไปเอนหลังกันอีกหน่อย เย็นนี้จะไปชมพระอาทิตย์ตกดินกัน ที่วัดพูสี
ไม่ไหว..ขอบาย เอากล้องไปเก็บภาพมาฝากแม่หน่อยนะ แม่หิว..จะไปหาอะไรกิน
ไปนั่งโซ้ยย อาหารเจบุปเฟ่ต์กัน คนละ 3,000.- กีบ กับน้องสาว อิ่ม ก็อิ่มน่ะนะ แต่มันดูโหยๆ ยังไงก็ไม่รู้ เหมือนจะเป็นไข้ซะงั้น คงเพลียน้ำเพลียแดด ตลาดกลางคืน ก็ยังคงคึกคักเหมือนเมื่อคืนนี้ ระหว่างรอหนุ่มๆกลับลงมาจากภูสี เราก็ตามล่าหาข้าวเหนีย กับ หมูแดดเดียว ได้ที่ซอยเล็กๆ แห่งหนึ่ง เดี๋ยวไปนั่งจัดการที่พัก
กว่าสองหนุ่มจะกลับลงมาจากภูสี เราก็รู้สึกค่ำคืนนี้ทำไมเราเหนี้อยยย..เหนื่อย อย่างนี้หนอ แต่รูปที่ลูกชายเก็บมาฝาก ก็ทำให้นึกเสียดายว่าไม่ได้ขึ้นไปชมภาพบรรยากาศ ก็นะ..ความหิวไม่ปราณีใคร
คงเพราะแต่ละคนเหนื่อยล้าอ่อนแรงพอๆกัน เราก็เลยใช้เวลาอยู่ที่ตลาดกลางคืนไม่ดึกเหมือนคืนก่อน..
กลับไปอาบน้ำ นอนดูทีวีกันยังที่พัก ที่นี่ดูละครทีวีไทยกันเสียเป็นส่วนมาก แจ๋วใจร้าย กับคุณชายเทวดา
วางโปรแกรมของพรุ่งนี้เอาไว้ว่า รถสามล้อมารับตอบเจ็ดโมง ต้องตื่นกันเวลาไหนยังไง
แล้วรถออกเดินทางจากสถานีขนส่งท่านาหลวง ตอนแปดโมงเช้า มีตั๋วแล้วไม่มีไรน่าห่วง
มื้อเช้าพรุ่งนี้ก็เตรียมกันแล้วแบบง่ายๆ มาม่าคัพ..รสไหนแล้วแต่เลือก
วันที่ 8 พฤษภาคม 2552
เราตื่นกันแต่เช้า เพื่อเตรียมตัวเดินทางไกล..ไกลจริงๆนะ แค่คิดก็..จากหลวงพะบาง-วังเวียง-เวียงจันทน์
รถสามล้อมารับตรงเวลา สนนราคาเดิม คือ คนละ 50 บาท
สถานีขนส่งของท่านาหลวง ผู้คนไม่ยักกะคึกคักเหมือนที่วาดภาพเอาไว้ รถสีแจ๋นคันใหญ่จอดให้เห็นสะดุดตา
จำนวนรถวิ่งต่อวันมีไม่กี่เที่ยว ดังนั้นการจองไว้ก่อนล่วงหน้าจะทำให้เราไม่พลาดการเดินทาง หากเรามีจำนวนวันลาหยุดมาเป็นข้อบังคับให้กลับไปทันเวลา
เราออกเดินทางจากสถานีท่านาหลวง เวลา 8.00 น.
เส้นทางเดิม ทิวทัศน์เดิม กับรถคันใหม่ ใหญ่กว่าเดิม แต่ปัญหาที่ทำให้กังวล ก็ยังมีมากวนใจ
คือ อาการหูอื้อเป็นระยะๆ ตอนเส้นทางการเดินทาง ...กลับไปนี่จะรอดมั้ยนี่เรา น้ำในหูกำเริบแน่
..เนื่องจากเดินทางทั้งวันบริษัทฯขนส่งเลยจัดอาหารกลางวันไว้ให้ระหว่างทาง
หน้าตาประมาณนี้ หมูผัดน้ำมันหอย หมูผัดผัก ผักหวานน้ำมันหอย ราดข้าวได้แบบเยอะมากๆๆ
น้องที่เป็นอิสลาม ก็ใช้สิทธิคูปองอาหารแลกนมกล่องไป เหมือนรถทัวร์บ้านเราแหละ
รถวิ่งเข้าสถานีขนส่งที่วังเวียงเพื่อส่งผู้โดยสาร และ วิ่งตรงเข้าเวียงจันทน์ แปลกที่ว่า ตอนกลับไปที่เวียงจันทน์ ไม่ใช่สถานีขนส่งที่ตลาดเหมือนตอนเราแวะกินมื้อเช้าและแลกเงินกันเมื่อมาถึง แต่รถสองแถวจากที่นี่ ก็ไปส่งให้ยังจุดที่เราต้องการ แต่เมื่อมองดูสัมภาระของกลุ่มเรา พี่โชเฟอร์ เลยเสนอว่า สองร้อยส่งถึงด่านพรมแดน อ่า เฉลี่ยคนละ 50 บาท เอาๆ..ไปเหอะ ฝนตั้งเค้ามาโน่นแล้ว ท่าทางจะตกหนัก เหนียวตัวด้วย เงินกีบที่แลกไว้ใช้ หมดไปที่ด่านพรมแดนลาวพอดิบพอดี
จากด่านพรมแดนลาว พิธีการทุกอย่าง ตลอดจนค่าใช้จ่าย เท่าเดิมเป๊ะ..จนเราข้ามมาถึงพรมแดนไทย พร้อมกับเรียกสามล้อไปถึงสถานีขนส่งหนองคาย สนนราคาเดิม คนละ 50 บาท ไม่มีใครกังวลเรื่องต้องอาบน้ำ..สงสัยเจอฝรั่งเยอะ นิสัยฝรั่งเลยติดมาหน่อยนึง..ฮ่าๆ ตลอดเวลาที่เดินทางเราจะคอยจดค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นว่ามีอะไรบ้าง
สรุป ณ วันเดินทางกลับ สองคนแม่ลูกใช้เงินไป 9,300.- กับการเดินทางครั้งนี้ คิดเป็นเงินกีบ 2,250,600.- กีบ
เรากลับกรุงเทพฯด้วยรถบริษัท ชาญทัวร์ เหมือนตอนขามา ระยะเวลาสำหรับการเดินทางทั้งหมดกว่าจะกลับถึง กทม. 6คืน 7วัน ทั้งที่ตอนแรกคิดว่า จะกลับถึงเช้าวันที่ 11 แล้วไปทำงานเลย แต่ปรากฏว่ากลับก่อนวันนึง
ก็คุ้มแล้วกับการเที่ยวไปในต่างแดนครั้งแรกครั้งนี้ มีหลากหลายเรื่องราวที่น่าจดจำ ไปกันทั้งหมดสี่คน แต่ความประทับใจที่แต่ละคนได้รับต่างกัน บางคนอยากกลับไปหลวงพะบาง บางคนก็ฝังใจจำที่วังเวียง สำหรับเราเอง ต้องบอกว่า ตกหลุมรักหลวงพะบาง แต่เป็นการหลงรักสถานที่ มากกว่าผู้คน
...สิ่งปลูกสร้างบนถนนสายหลวงพะบางเก่า ยังติดตาตรึงใจ
วันที่ 10 พฤษภาคม 2552
เราแยกย้ายกันที่ขนส่งหมอชิต..แล้วเราจะพบกันอีก เมื่อมีทริป เที่ยวไปตามใจฉัน...
โปรดติดตามตอนต่อไป (ซึ่งก็ยังไม่รู้ว่าจะเมื่อไหร่...แหะๆ)
Create Date : 03 กรกฎาคม 2552 |
|
9 comments |
Last Update : 12 กรกฎาคม 2552 22:19:55 น. |
Counter : 1921 Pageviews. |
|
|