|
|
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 |
8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 |
15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 |
22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 |
29 | 30 | |
|
|
|
|
"การสร้างสำนักมวย" โดย เชา หมัดทศพืช 3 กรกฎาคม 2558 . เจ้าสำนักต้องประกอบด้วยสามคำ คือ "คุณธรรม ชื่อเสียง และฝีมือ" . "คุณธรรม" ย่อมมาก่อนสิ่งอื่น เราดูได้จากการวางตัวของลูกศิษย์ เรียกว่า "อาจารย์เป็นเช่นไร ลูกศิษย์ก็เป็นเช่นนั้น" ลูกศิษย์ไม่รู้รักสามัคคี นั่นเป็นเพราะอาจารย์ไม่สั่งสอน ลูกศิษย์ดี มันก็ต้องมาจากอาจารย์ดี . "ชื่อเสียง" หมายถึงการยอมรับในฝีมือ ของคนในวงการด้วยกัน และต้องเป็นคนที่เป็นมวยด้วย การยอมรับจึงไม่ใช่แค่การออกทีวี หรือไปแสดงโชว์ตามที่ต่างๆ หรือลงนิตยสารต่างๆ เพราะนั่นเป็นกรณีคนนอกวงการที่ไม่รู้เรื่อง ชื่อเสียงต้องเกิดจากการสั่งสม พูดได้แสดงได้ หลักการชัดเจน แสดงมวยไหนก็สาธิตตามหลักการของมวยนั้น คนที่เป็นมวยสายเดียวกันเมื่อเห็น ก็จะยอมรับว่าคนนี้เป็นมวยนั้นจริงๆ ไม่ใช่แค่อาศัยชื่อของมวยนั้น แต่เอาหลักการอื่นมาใส่แทน แล้วบอกว่าที่เรียนมาเขาสอนแบบนี้ คนในวงการเห็นก็บอกว่ามั่ว และไม่สามารถยอมรับได้ . ชื่อเสียงจึงไม่ใช่แค่เพียงการยกย่องกันเอง แต่เป็นการยอมรับในระดับวงการ ชื่อเสียงในสายมวยนั้นต้องเป็นที่ยอมรับ ในระดับสากลด้วย กล่าวคือ เมื่อสืบสายไป จะทราบได้ถึงอาจารย์ผู้สอนในลำดับก่อน ที่สืบสายมาในต่างประเทศได้อีกด้วย . ในปัจจุบัน สายมวยหลายสาย ก็กำลังดำเนินการอยู่ . "ฝีมือ" ต้องถึง ซึ่งหมายถึงการยอมรับ ฝีมือโดยคนในวงการเดียวกัน จึงจะเรียกได้ว่ามีฝีมือ ยกตัวอย่างเช่น เมื่อสาธิตมวยออกมา ต้องแสดงถึงหลักการได้ ไม่ใช่เพียงท่าได้แค่ "เหมือน" เท่านั้น เรื่องนี้ คนนอกสายวิชาที่ไม่มีความรู้ จะไม่มีทางเข้าใจ . ครูที่ไม่เข้าใจสามคำนี้ ก็มักจะเน้นไปข้อใดข้อหนึ่ง และมักแสดงออกในที่สาธารณะ ถึงพฤติกรรมบางอย่าง เช่น กล่าวว่า "สำนักของผม เน้นแต่ฝีมือ ไม่เน้นจารีตคร่ำครึ" บ้างก็เน้นแต่เรื่องชื่อเสียงเป็นหลัก เรื่องฝีมือไม่ได้พูดถึง บ้างก็ปากอ้างคัมภีร์ แต่ไม่สามารถสอนลูกศิษย์ให้ดีได้ ลูกศิษย์จึงทำตัวเป็นอันธพาล . พูดอย่างนี้ บางครั้งก็ต้องไปสืบดูว่า ทำไมจึงพูดเช่นนั้น สำนักอื่นที่มีมาตรฐาน ไม่เห็นทำแบบนี้ ... น่าสงสัย . "ถ้าเคร่งแต่เรื่องฝีมือเพียงอย่างเดียว มันก็ไม่ต่างอะไร จากสัตว์ที่แข็งแรงย่อมเอาชนะผู้อ่อนแอ หรือไม่รู้บุญคุณของกันและกัน อย่างนี้ก็ไม่ต่างจากลูกหมาที่ชำเราแม่ของตัวเอง" . ถ้าอาจารย์เป็นเสียอย่างนี้ ลูกศิษย์จะเป็นยังไง .... ก็ดูเอาเอง . ในวงการมักมีคำพูดหนึ่งที่ทำให้เข้าใจผิดอยู่เสมอ คือคำว่า "ถึงก่อน นับอาวุโส" . คำนี้ถูกนำมาใช้ในการแสดงเรื่องอาวุโส เช่น เข้าสำนักก่อน ย่อมมีอาวุโสกว่า รุ่นน้องจึงทำตนข้ามหน้าข้ามตาไม่ได้ . เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เข้าใจผิด... . คำว่า "ถึงก่อน" นี้หมายถึงถึงพร้อมด้วย "คุณธรรม ชื่อเสียง ฝีมือ" นั่นหมายความถึง "การเปิดสำนักสอน" ได้นั่นเอง . ผมยกตัวอย่างเช่น ในสำนักมีศิษย์ร่วมสำนักอยู่ 7 คน แต่ละคนมีฝีมือต่างกันไป วันหนึ่ง ศิษย์น้องคนสุดท้อง จะขอไปเปิดสำนัก มันก็ต้องมีกระบวนการทดสอบฝีมือเป็นอันดับแรก ถ้าฝีมือดี ก็คงไม่มีปัญหา แต่ถ้าฝีมือไม่ดี ก็ต้องซ่อมสร้างกันไป.... . พอเปิดสำนัก จะมีการเรียนเชิญครูบาอาจารย์ พี่น้องทั้งหลายจะมาร่ามแสดงความยินดี อันเป็นการ "ยอมรับ" ศิษย์น้องคนนี้ "ถึงก่อน" ส่วนศิษย์พี่ที่ยังไม่พร้อม ก็ต้องยอมรับว่า ศิษย์น้องคนนี้ถึงจริง ถึงคราวที่ศิษย์น้อง ขอความช่วยเหลือ ก็จะช่วยอย่างเต็มใจ และตามกำลังความสามารถของตน . แล้วสำนักที่เปิดนั้นต้องเป็นอย่างไร? . คำตอบคือ "มีแท่นบูชา รูปอาจารย์ทั้งหลาย และมีสถานที่ที่ชัดเจนหรือไม่" . สามสิ่งนี้ "บอกความเป็นสำนัก" . อาจารย์มวยยุคเก่าท่านหนึ่งเคยกล่าวกับผมว่า "กังฟูต้องสอนในสำนัก" ท่านได้อธิบายว่า สำนักแบ่งออกเป็นสามแบบคือ หนึ่ง "สำนักสืบทอด" ซึ่งเป็นสายตรง ผู้สืบทอดมีเพียงคนเดียว ได้รับการเขียนเทียบ ยกน้ำชา มีห้องหับชัดเจน มีแท่นบูชา และต้องสอนแต่เพียงมวยที่ตนสืบทอด มาเท่านั้น เช่น เป็นสายตรงสืบทอดปาจี๋สายมุสลิม ก็จะสอนได้เพียงวิชานี้เท่านั้น ไม่สอนวิชาอื่น . สอง "สำนักถ่ายทอด" กล่าวคือ ไม่ใช่สายสืบทอดโดยตรง แต่เป็นผู้มีฝีมือในสำนักเดียวกัน และได้เปิดสำนัก เขียนเทียบ ยกน้ำชา มีห้องหับชัดเจน แท่นบูชาก็ต้องมีเช่นเดียวกัน แต่แตกต่างตรงที่ สามารถสอนมวยอื่น ควบคู่ไปด้วยได้ แต่มวยหลักที่ได่รับถ่ายทอดมา ก็ต้องสอนโดยไม่ผิดหลักการ . สำนักทั้งสองแบบจะเกื้อหนุนกันอยู่ กล่าวคือ ในกรณีที่เกิดปัญหาจะเกิ้อหนุนกัน เช่น เรื่องการเรียนการสอนในรายละเอียด บางประการ สำนักสืบทอดมักให้ไปเรียนรู้เพิ่มเติม กับสำนักถ่ายทอดนี้ . แบบสุดท้าย "สำนักเลียนแบบ หรือสำนักยูทูป" สำนักนี้มีองค์ประกอบแตกต่างจากสองสำนักแรก ไม่มีที่สอนแน่นอน หรืออาจมีที่สอนแน่นอน แต่ไม่สามารถสืบสายได้ว่าตนเรียนมาจากใคร ... เรื่องนี้เคยเขียนเอาไว้มากแล้ว จึงไม่ขออธิบายเพืิ่มเติม . สำนักแบบที่สามไม่รวมไปถึงกรณีอาจารย์ผู้สอน แบบจิตกุศลที่เน้น "เรื่องสุขภาพ" เป็นหลัก หรือสอนในแบบอนุรักษ์ที่ต้องการปริมาณ เพราะนั่นอยู่กันคนละบริบท จึงไม่ขอกล่าวถึง . คำถาม "ทำไมสายต่อสู้จึงสอนในที่สาธารณะไม่ได้" ตอบ "ไม้ตายที่เห็นเพียงครั้งเดียวย่อมไม่ใช่ไม้ตาย" เพราะมันจะกลายเป็นเรื่องสาธารณะ . มวยจีนเราจัดลำดับการสิืบทอดและถ่ายทอด เอาไว้เป็นอย่างดี ตามธรรมเนียมต้องมีการให้เกียรติกัน การให้เกียรติแบบนี้ไม่ได้มีแต่มวยจีน มวยที่รับเอาวัฒนธรรมที่คล้ายคลึงกัน เช่น ญี่ปุ่น เกาหลี ก็จะใช้ธรรมเนียมคล้ายคลึงกันนี้ และจะไม่ไขว้สายมั่ว เช่น เมื่อกราบสายหนึ่งเป็นอาจารย์ พอไล่สายออกไป ก็จะมีศักดิ์เป็น อาจารย์อา อาจารย์ลุง แม้ท่านจะอายุน้อยกว่าศิษย์ หรือเท่ากับศิษย์ ก็ต้องให้เกียรติ อย่างนี้เรียกว่า "การเคารพอาวุโส" . ไม่ใช่ชอบพูดแบบเล่นหัว และสนุกไร้ขีดจำกัด เดี๋ยวเค้าจะหาว่าครูบาอาจารย์ไม่สั่งสอน - จบ -
Create Date : 17 พฤศจิกายน 2558 |
Last Update : 17 พฤศจิกายน 2558 9:58:37 น. |
|
0 comments
|
Counter : 817 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|
|
|