"จารีตชาวยุทธ์" ตอน "สำนักสืบทอด และสำนักเผยแพร่" ตอนที่ 2 โดย เชา หมัดทศพืช 21 พฤษภาคม 2558 . "ระบบจีน" มีความแตกต่างจากระบบอเมริกัน แตกต่างอย่างไร . "ระบบจีน" เป็นระบบที่ยึดถือเรื่องอาวุโสเป็นหลัก สามารถสืบสายได้ตั้งปรมาจารย์จนไปถึงหลานศิษย์ มีอาจารย์ อาจารย์ลุง อาจารย์อา อาจารย์ป้า ลูกศิษย์ ศิษย์พี่ ศิษย์น้อง หลานศิษย์ฯ และแบ่งออกเป็น "ผู้สืบทอด" และ "ผู้เผยแพร่" อย่างชัดเจน . ตัวอย่าง ในมวยไท่จี๋ตระกูลหยางตระกูลหยาง ผู้สืบทอดมวยตระกูลนี้ ได้แก่ อาจารย์ "หยางเฉิงฝู" ที่ได้รับการยอมรับในฝีมือจากศิษย์พี่ศิษย์น้อง อาจารย์ลุง อาจารย์อา สายนี้นับเป็น "สายหลัก" คือ ต้องสอนแต่เพียงมวยเส้นสืบทอดแต่เพียงอย่างเดียว . ส่วน "สายรอง" หมายถึงสายทีไม่ได้รับรองว่าเป็นผู้สืบทอด แต่ได้รับการยอมรับให้เป็นผู้ถ่ายทอดได้ เช่น สายอาจารย์หยางเส้าโหว สายรองนี้ไม่ใช่ว่าใครก็จะเป็นผู้ถ่ายทอดได้ สายนี้จะได้ต้องได้รับการยอมรับจากบรรดาอาจารย์ และศิษย์พี่ศิษย์น้องเช่นเดียวกับสำนักสืบทอด จึงจะมีสิทธิเป็นผู้ถ่ายทอดได้เช่นเดียวกัน . ถ้าไม่ได้รับ "การรับรอง" จะไปสอนไม่ได้ และจะกลายเป็นสำนักเถื่อน . ผมขอยกตัวอย่างสำนักมวยไท่จี๋ในเมืองไทย ที่มีการจัดลำดับ "สายหลัก" และ "สายรอง "อย่างชัดเจน สามารถอ้างอิงได้ สืบสายได้ เพราะได้เขียนเทียบยกน้ำชาตั้งสายได้ นั่นคือ มวยไท่จี๋สายอาจารย์ "โค้วเปียฮะ" หรืออาจารย์โค้ววัดเกาะ . อาจารย์โค้วเป็นศิษย์ใน ท่านเป็นศิษย์มวยไท่จี๋ตระกูลหยางสองสาย คือ สาย "เจิ้งหม่านชิง" และสาย "ต่งอิงเจี๋ย" อาจารย์โค้วเรียนมวยไท่จี๋สกุลต่งมาจาก อาจารย์ "ต่งฮู่หลิง" ลูกชายของอาจารย์ "ต่งอิงเจี๋ย" ซึงเรียนมาจากอาจารย์หยางเผิงฟู่ . ส่วนสายเจิ่งหม่านชิง ท่านเรียนมาจาก อาจารย์ "ยัพสิวเติ่ง" ลูกศิษย์ของอาจารย์ "เจิ้งหม่านชิง" ซึ่งเป็นลูกศิษย์ของอาจารย์หยางเผิงฟู่ . ศิษย์พี่ร่วมสำนักสายเจิ่งหมั่นชิงของอาจารย์โค้วได้แก่ อาจารย์ "จ๊อกสีกิ่ม" และอาจารย์ "ฮอกกี่เต็ก" . มวยไท่จี๋ของอาจารย์โค้วเน้นการผลักมือแบบดุดัน เพราะต้องเข้าใจว่าก่อนอาจารย์โค้วมาเรียนมวยไท่เก็ก ท่านได้เรียนมวยตั๊กแตนใต้มาก่อนจากอาจารย์ "แบ๊เง็กปอ" . อาจารย์โค้วเมื่อวัยหนุ่มขึ้นชื่อว่าเป็นคนใจนักเลง ชอบพิสูจน์ และเข้าหาอาจารย์เพื่อศึกษาเล่าเรียนเสมอ แต่เมื่อตอนวัยฉกรรจ์ได้มีเรื่องวิวาทต่อสู้กับหมู่นักเลง และกระโดดลงจากรถรางได้รับบาดเจ็บที่ขาข้างหนึ่ง หลายเดือนถัดมา แผลเน่าเนื่องจากรักษาขาไม่ดีจึงต้องตัดขา ท่านต้องใส่ขาปลอมหนึ่งข้าง เมื่อท่านรำมวยไท่จี๋ ท่านต้องรักษาสมดุลของท่าที่ยืน ทำให้ไม่อาจยืนทิ้งน้ำหนัก ทั้งสองขาได้ ท่านจึงต้องปรับปรุงการก้าวเท้า และท่ายืนให้เหมาะสมกับท่าน จนกลายเป็นเอกลักษณ์ ของมวยไท่จี๋สายอาจารย์โค้ว . ฝีมือผลักมือของอาจารย์โค้วร้ายกาจมาก และเป็นคนจริง จนเป็นที่มาของฉายา "เป๋โค้ว" สมัยนั้น ในกรุงเทพ วงการมวยจีนจะทราบดีว่า มีอาจารย์สอนมวยจีนที่มีขาพิการ แต่ฝืมือร้ายกาจอยู่สองท่าน คือ "เป๋หลี่" หรืออาจารย์หลี่ซินแซแห่งเฮอลี่ฉวน และอาจารย์ "เป๋โค้ว" หรืออาจารย์ โค้วเปียฮะ สอนมวยไท่จี๋ . มวยไท่จี๋สายอาจารย์โค้ว ผู้สืบทอดได้แก่ "อาจารย์พูน อมรนนท์ฤทธิ์" (รูปที่สอง) อาจารย์พูนเป็นผู้สืบทอดทางสายเลือดจากอาจารย์โค้ว และผู้ถ่ายทอด ได้แก่ "อาจารย์ชีวิน อัจฉริยะฉาย" ผู้เป็นสายศิษย์ที่ยกน้ำชา . ณ วันนี้เป็นที่ยอมรับว่า มวยไท่จี๋สายจากอาจารย์โค้ว มีผู้สืบทอด และผู้ถ่ายทอดเพียงสองท่านนี้ . ในตอนต่อไปจะได้กล่าวถึง "พิธีสืบทอด" และ "การตั้งสำนัก" -จบ-
Create Date : 02 พฤศจิกายน 2558 |
Last Update : 2 พฤศจิกายน 2558 11:03:09 น. |
|
1 comments
|
Counter : 885 Pageviews. |
|
|