The Banquet สะท้อนรสนิยมของวัฒนธรรมจีน..ที่ดีกว่าไทย..กระนั้นหรือ?
เพิ่งมีโอกาสได้ดู The Banquet หนังจีนกำลังภายในฉบับ Hamlet ของ เช็คสเปียร์ที่เห็นหลายๆ คนบ่นว่า ยืดไปมั่งละ ไม่อลังการงานสร้างมั่งละ ไม่บู๊ถล่มทลาย...เอ้อ.. สารพันที่จะบ่น เลยทำให้เราลังเลใจที่จะดู จนกระทั่งได้ตัดสินใจชมอภินิหารวังดอกทองของจางอี้โหมว (ในฐานะผู้กำกับขึ้นแท่น) ไปก่อนซะยังงั้น
แต่ปรากฎว่า..วันหนึ่งเมื่อเดินผ่านแผนกทีวีของห้างดังห้างหนึ่งซึ่งกำลังเพลย์ The Banquet บนจอ LCD ใหญ่ยักษ์ เราถึงต้องกับหยุดดูฉากนั้นด้วยความทึ่งเป็นอย่างยิ่ง..ในความสมบูรณ์ของ Art Direction, Lighting และการแสดงที่ประณีตของฉากนั้น
จนในที่สุดต้องไปตะเกียกตะกายหา DVD มาชม และก็ต้องทึ่งอย่างสุดๆ ว่า ตาผู้กำกับเฟิงเซียวกัง ที่หน้าตาประมาณจับกังนี้ ทำหนังได้ประณีตเลิศหรูมีรสนิยมซะไม่มี และก็เพิ่งได้เห็นชื่อของหยวนหวูปิง ราชาแห่งการออกแบบท่าต่อสู้ในหนังหลายๆ เรื่อง (อย่าง Matrix) มาเป็นผู้อำนวยการสร้างอีกด้วย
นับเป็นความลงตัวของงานสร้างที่รวมเอาศิลปการแสดง การกำกับศิลป์ ดนตรีที่ไพเราะชวนพิศวง และลีลาการต่อสู้ที่สวยงามมหัศจรรย์ มาไว้ในเรื่องแนวโศกนาฏกรรมของเชคสเปียร์ได้อย่างกลมกลืนเป็นที่ยิ่ง
และบอกตามตรงว่า ชื่นชมยิ่งกว่างานมโหฬารพันลึกเรื่องล่าสุดของจางอี้โหมว ..มากกว่าหลายเท่า น่าแปลกใจที่งานโฉ่งฉ่างแบบนั้นกลับดูดังตูมตามมากกว่า คนสมัยนี้คงชอบอะไรที่โจ๊ะพรึมๆ กันทั้งนั้นสินะ...
เอาแค่งานกำกับศิลป์ กับ การถ่ายภาพก็กินขาด ไม่ต้องมาเทียบอะไรกับหนังไทยแนว Epic ที่อุตส่าห์หาฝรั่งมังฆ้องมาถ่ายทำ ไม่น่าเชื่อว่ามุมมองของหนังจีนจะดีกว่าไทยขนาดนั้นเชียวหรือ? ยังไม่ต้องพูดถึงวิธีเล่าเรื่องที่มีลีลาและจังหวะจะโคนที่ไม่ธรรมดา
เราเคยมองว่าคนจีนมักจะทำอะไรโฉ่งฉ่าง ไร้วัฒนธรรมที่ประณีต คุยกันทีราวกับทะเลาะกัน ฯลฯ คนไทยที่มีวัฒนธรรมผู้ดีเก่าเป็นมรดกตกทอดมักจะดูถูกคนจีนอยู่เสมอ แต่เมื่อได้ดูหนังเรื่องนี้แล้วสิ่งเหล่านั้นพลันอันตรธานไปจากสมองในทันที เราจะได้เห็นวัฒนธรรมจีนที่ประณีตประดิดประดอย (ในสไตล์กึ่งร่วมสมัยด้วยวิธีการนำเสนอของหนัง) ..นั้นเหนือชั้นกว่าบ้านเรามากมายนัก
The Banquet พิสูจน์ให้เห็นเลยว่า วัฒนธรรมการสร้างหนังของเขานั้นล้ำหน้าไปชนิดที่เราได้แต่มองตาปริบๆ เผลอๆ แม้กระทั่งฝรั่งเองยังตามไม่ทัน ลักษณะการนำเสนอบรรยากาศนั้น เขาสามารถสร้างความรู้สึกของสไตล์ที่ล้ำในฉากที่ออกแบบด้วยศิลปโบราณได้อย่างน่าทึ่ง ปรุงแต่งด้วยดนตรีที่ลึกล้ำชวนพิศวง ด้วยท่วงทำนองที่ไพเราะติดหู
ไม่ต้องไปพูดถึงศิลปการแสดงที่ดูเป็นธรรมชาติ ด้วยภาษาจีนที่ฟังแล้วเป็นผู้ดี (กรุณาอย่าชมพากย์ไทยเป็นอันขาด สุนทรียภาพในการชมอาจจะถึงวินาศ) ในขณะที่บ้านเรายังพูดภาษาโบราณเหมือนท่องอาขยานกันปาวๆ
บ้านเราขาดแคลนคนมีรสนิยมไปหมดกันแล้วหรือ? หนังที่ประสบความสำเร็จในตลาด กลายเป็นหนังด่าพ่อล่อแม่กันเสีย 80 % เออ..ช่างเป็นมงคลกับวงการเสียนี่กระไร
ไอ้ครั้นมีโอกาส มีทุนทำหนังโชว์สักที ก็ให้มีเงื่อนไขของทั้งเวลาที่รีบเร่ง ทีมงานที่ลักลั่น และความไม่ลงตัวของอะไรอีกมากมาย ทำให้ได้ชิ้นงานที่ขาดความประณีตกลมกลืนมาแทน
ทั้งๆ ที่รสนิยมและศิลปวัฒนธรรมของไทยๆ เราน่าจะเป็นอะไรที่โชว์ได้อย่างเต็มภาคภูมิ หนังเล็กๆ อย่าง โหมโรง ก็ดูเป็นบทพิสูจน์ที่ดีอยู่ ..แต่ทำไมถึงขาดการสนับสนุนอย่างเป็นรูปธรรม จากทั้งภาครัฐและเอกชน?
ภาพยนตร์เป็นสื่อที่สร้างทัศนคติดีๆ ให้กับคนในชาติ และสร้างภาพลักษณ์ให้กับต่างชาติได้รวดเร็วที่สุด...เกินกว่าสื่อใดๆ ...มีใครในภาครัฐทราบตรงนี้หรือไม่?
หรือว่าคนไทยเรายุคนี้ ..ไม่ว่าหนุ่มสาวเฒ่าแก่..ต่างไร้ซึ่งรสนิยม..และสุนทรียภาพไปโดยสิ้น...
Create Date : 14 กรกฎาคม 2550 |
|
7 comments |
Last Update : 4 สิงหาคม 2550 16:07:25 น. |
Counter : 1216 Pageviews. |
|
|
|
เล่นกับโทนสีแดงดำได้จัดจ้านมาก ๆ (เหมือนเรื่อง House of Flying Daggers ที่เน้นสีม่วง-ทอง-เขียวมรกตได้สวยจริงๆ)