|
|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 |
6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 |
13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 |
20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 |
27 | 28 | 29 | 30 | |
|
|
|
8 พฤศจิกายน 2559
|
|
|
|
เทอร์โบชาร์จเจอร์ TURBOCHARGER คืออะไรในรถยนต์
วันนี้จะขอพูดถึงอุปกรณ์อย่างหนึ่งที่หลายคนคงรู้จักนั้นก็คือ เทอร์โบชาร์จเจอร์ (Turbocharger) สำหรับคนที่ชอบความแรงคุ้นเคยกันดีสำหรับเจ้าตัวนี้ ก่อนอื่นขอเล่าประวิติความเป็นมากันซะหน่อย
ความเป็นมาของเทอร์โบ หลังจากที่ได้มีการประประดิษฐ์เครื่องยนต์สันดาปภายในขึ้นมา เป็นช่วงต้นปี 1885 และปี 1896 เดมเลอร์ (Gottlieb Daimler) และ รูดอล์ฟดีเซล (Rudolf Diesel) ได้หาทางเพิ่มประสิทธิภาพให้กับเครื่องยนต์และประหยัดการใช้น้ำมันลงด้วย โดยเพิ่มประสิทธิภาพการเผาไหม้ คนที่ประสพความสำเร็จในการพัฒนา ด้วยการใช้ไอเสียในการเพิ่มการอัดอากาศ เป็นวิศวกรชาวสวิส Alfred Büchi สามารถเพิ่มประสิทธิภาพได้กว่า 40 % และนี่เป็นการเริ่มต้นเปิดตัวเข้าสู่อุตสาหกรรมยานยนต์ เทอร์โบยุคแรกถูกนำมาใช้กับดครื่องยนต์ขนาดใหญ่เช่น เครื่องยนต์ทางทะเล ส่วนในอุตสาหกรรมยานยนต์เริ่มใช้กับรถบรรทุกในปี 1938 เทอร์โบนั้นได้รับความนิยมมากในช่วงยุค 70 หลังจากที่มันถูกนำไปใช้ในการแข่ง Formula 1 แล้วทีนี้เจ้าเทอร์โบมันมีหลักการทำงานอย่างไร หลักการไม่ยากโดยตัวเทอร์โบรูปร่างหน้าตาเหมือนหอยโข่งหรือปั๊มน้ำแต่มันมีโข่งสองด้าน -ด้านหนึ่งเป็นด้านเทอร์ไบ (turbine) มองด้วยตาจะเป็นด้านสีดำด้านนี้จะเป็นด้านที่ต่อเข้าไอเสียที่ออกมาจากห้องเผาไหม้ แล้วเป็นตัวสร้างแรงบิดที่เกิดจากการไหลผ่านของไอเสียที่ประทะเข้ากับชุดเทอร์ไบ ส่งกำลังที่ได้ผ่านแกนเทอร์โบที่จะต่อไปยัง -คอมเพรสเซอร์ (Compressor) ด้านนี้จะเป็นตัวปั่นอาการเข้าไปในห้องเผาไหม้ด้วยแรงดัน เรียกง่ายๆว่ายัดอาการเข้าไปเลย นึกไม่ออกลองนึกถึงตอนกินข้าวเราตักกินเองเราค่อยๆตักใส่ปากทีละคำ แต่อยู่ๆวันดีคืนดีก็มีคนมาป้อนเข้าใส่ปากเราแบบใส่เอาๆให้เต็มปากเต็มคำและเร็วด้วย แต่สำหรับเครื่องยนต์การอัดอากาศเข้าไปเป็นการเพิ่มปริมาณอากาศที่ช่วยให้การเผาไหม้ดีขึ้นหัวฉีดจ่ายน้ำมันปริมาณที่เหมาะสมทำให้เราได้แรงม้าเพิ่มขึ้นได้ นี่คือรอบการทำงานของเทอร์โบ หลังจากได้ไอเสียที่มีแรงดันและความร้อนมาปันกังหันเทอร์ไบน์แล้วนั้นด้านสีดำก็จะมีความร้อนสูงขึ้นด้วย แล้วเนื่องจากด้านคอมเพรสเซอร์ที่อยู่ติดกันข้างๆย่อมได้รับการถ่ายความร้อนนั้นด้วยเป็นผลทำให้อากาศดีที่ไหลผ่านนั้นเกิดความร้อนสูงขึ้นด้วย นั้นจึงทำให้อากาศขยายตัวทำให้ประสิทธิภาพของอากาศที่จะทำการเผาไหม้ลดลง เราจึงต้องมีตัวลดอุณหภูมิอากาศที่เรียกว่า อินเตอร์คูลเลอร์ (Intercooler) แล้วจึงเข้าไปในห้องเผาไหม้ต่อไป ที่มา : https://thaioverdrive.blogspot.com
Create Date : 08 พฤศจิกายน 2559 |
Last Update : 8 พฤศจิกายน 2559 18:07:16 น. |
|
0 comments
|
Counter : 1364 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
|
|
EDM |
|
|
|
Location :
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]
|
สวัสดีเพื่อนๆที่มาเยี่ยมชมครับ ผมเป็นคนหนึ่งที่ชอบศึกษาสิ่งใหม่ๆอยู่เสมอ แม้สิ่งนั้นจะไม่รู้มาก่อนแต่ต้องใช้สติในการเรียนรู้ เพราะโอกาสมีทุกๆที่ๆเราไปไม่ว่าสิ่งนั้นจะดูไม่น่าสนใจก็ตาม เพราะอย่างน้อยเราจะได้รู้และเข้าใจสิ่งนั้นเพิ่มขึ้นนะครับ "ปัญหาไม่ใช่ปัญหาถ้าตัวเราไม่เป็นปัญหาเสียเอง"
|
|
|