ความรู้ภาค ก. ทั่วไปหรือ อะไร ??? ปัจจุบันนี้ การสอบเข้ารับราชการต้อง สอบผ่านความรู้ ภาค ก. ของ กพ. ก่อน ความรู้ภาค ก. หรือความรู้ทั่วไปที่ ก.พ. จัดสอบ ทุกระดับการศึกษา ถ้าผู้ที่เคยเข้าสอบ จะรู้ดีว่า มันเป็นความรู้ทั่วไป จริง ตามที่ว่าหรือไม่ เพราะ สิ่งที่เป็นจริงในการสอบความรู้ทั่วไป ของ ก.พ. จะเน้นหนักไปที่ 2 วิชา คือ กลุ่มวิชาคณิตศาสตร์ และ ภาษาไทยเท่านั้นเอง จำนวนข้อสอบ 80 ข้อ ซึ่งหลายคน สอบภาค ก. ไม่ผ่าน ทั้งที่ ความรู้เฉพาะทาง คือความรู้ที่จะใช้สอบภาค ข. ดีมาก แต่ถ้าสอบภาค ก. ไม่ผ่าน ก็จะเสียโอกาส ที่จะได้สอบเข้ารับราชการไปโดยอัตโนมัติ และการสอบภาค ก. ก็มีเพียง ปีละครั้ง ถ้าสอบปีนี้ไม่ผ่าน ก็ต้องรอปีหน้า แต่บังเอิญ การสอบรับราชการบางตำแหน่ง 2-5 ปีต่อครั้ง บังเอิญ การสอบรับราชการมาสอบในปีที่สอบ กพ.ภาค ก. ไม่ผ่านพอดี ก็ต้องเสียโอาสไปอีก 5 ปี กว่าจะกลับมาสอบอีกครั้ง นั่นหมายถึงว่า ถ้าเราสอบ ก.พ. ภาค ก.ไม่ผ่าน เราก็จะชวด ภาค. ข. ไป 3-5 ปี และการสอบ ก.พ.ที่เน้นไปที่วิชาคณิศาสตร์ที่โจทย์ค่อนข้างจะอัศจรรย์พันลึก ถ้าผู้ที่เข้าสอบจะยืนยันคำพูดผมได้ดี ตามปกติ ความรู้ทั่วไป ความน่าจะเป็น ต้องสอบใน 8 กลุ่มสาระวิชาพื้นฐานที่เรียนมาทั่วไปจึงจะถูกต้อง คือ มีทั้ง วิทย์ คณิต อังกฤษ สังคม ภาษาไทย เป็นต้น แล้วนำคะแนนที่สอบได้ทั้งหมดมารวมกัน อาจเพิ่มข้อสอบ เป็น 100 -120 ข้อ ก็ได้ ตรงนี้ต่างหากจึงจะเรียความรู้ทั่วไป ความเป็นจริงเราต้องยอมรับว่า คนเรามีความถนัดในวิชาพื้นฐานไม่เท่ากัน บางคนเก่งคณิต แต่อ่อนสังคม อ่อนภาษาไทย อ่อนวิทยาศาตร์ บางคน เก่งภาษาไทย เก่งสังคม เก่งวิทย์ แต่อ่อนวิชาอื่น ดังนี้เป็นต้น ถ้า ก.พ. ใช้วิชาสอบเพียงแค่ 2 วิชาหลัก คือคณิต กับภาษาไทย จะวัดได้อย่างไรว่าเป็นความรู้ทั่วไป และในอนาคตทราบมาว่า ก.พ. จะเพิ่มวิชา ภาษาอังกฤษเข้าไปอีก ก็จะเป็น คณิต อังกฤษ ภาษาไทย และการสอบ กพ.ภาค ก. ก็ไม่ได้จัดสอบ 3 เดือนครั้ง โอกาสของคนที่มีความรู้เฉพาะด้านเฉพาะตำแหน่งหน้า ดีมาก แต่อาจอ่อนในวิชาพื้นฐานทั่วไปบางวิชาเหล่านี้ ก็จะหมดสิทธิเข้าสอบรับราชการรับใช้บ้านเมือง ตัวอย่างข้อสอบ ก.พ. ภาค ก. ( ก.พ. 3 ) โจทย์ตัวอย่าง ในการสำรวจนักท่องเที่ยวครั้งหนึ่งเพื่อผลในการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวสำคัญในประเทศซึ่งในแบบสอบถามมีสถานที่ให้เลือก 7 แห่งและมีนักท่องเที่ยวตอบแบบสอบถาม 300 คนโดยแยกตามรายละเอียดดังนี้ -- นักท่องเที่ยวที่ชอบเที่ยวภูเก็ตมีมากกว่านักท่องเที่ยวที่ชอบเที่ยวหัวหินอยู่ 36 คน -- นักท่องเที่ยวที่ชอบเที่ยวภูเก็ตมีมากกว่านักท่องเที่ยวที่ชอบเที่ยวภูกระดึงอยู่ 36 คน -- นักท่องเที่ยวที่ชอบเที่ยวหัวหิน มีมากกว่านักท่องเที่ยวที่ชอบเที่ยวพัทยาอยู่ 24 คน -- นักท่องเที่ยวที่ชอบเที่ยวชะอำ มีมากกว่านักท่องเที่ยวที่ชอบเที่ยวสมุยอยู่ 40 คน -- นักท่องเที่ยวที่ชอบบางแสน มีมากกว่านักท่องเที่ยวที่ชอบเที่ยวเกาะสมุยอยู่ 96 คน ข้อสรุปที่1 นักท่องเที่ยวที่ชอบเที่ยวหัวหินมีมากกว่านักท่องเที่ยวที่ชอบเที่ยวภูกระดึง ข้อสรุปที่ 2 นักท่องเที่ยวที่ชอบเที่ยวพัทยามีมากกว่านักท่องเที่ยวที่ชอบเที่ยวภูเก็ต ข้อสรุปที่ 1..........ฯ ข้อสรุปที่ 2..........ฯ ข้อสอบจะเป็นลักษณะนี้ แล้วจะมีคำตอบให้ เช่น ตอบ 1 ถ้าข้อสรุปทั้งสองถูกหรือเป็นจริงตามเงื่อนไข ตอบ2 ถ้าข้อสรุปทั้งสองผิดหรือไม่เป็นจริงตามเงื่อนไข ตอบ 3 ถ้าข้อสรุปทั้งสองไม่สามารถสรุปได้แน่ชัดว่าถูกหรือผิดตามเงื่อนไข ตอบ 4 ถ้าข้อสรุปทั้งสองมีข้อสรุปใดข้อสรุปหนึ่งที่เป็นจริงหรือไม่เป็นจริงหรือไม่แน่ชัดซึ่งไม่เท่ากับอีกข้อสรุป นี่คือตัวอย่างบางข้อ แล้วข้อสอบจะเป็นลักษณะนี้คือเป็นชุด แล้วใช้ตอบคำคามหลายข้อ ถ้าผู้ใด ตอบได้ก็จะได้คะแนนชุดนี้ไปหลายคะแนน แต่ถ้าผุ้ใดไม่เข้าใจ ก็จะเสียคะแนนชุดนี้ไปหลายคะแนนเช่นกัน และข้อสอบข้อต่อไปก็จะมีลักษณะเป็นชุดแบบนี้ ถ้าตอบได้ก็ได้อีก แต่ถ้าไม่ได้ก็เสียคะแนนอีกชุดใหญ่ ใน 80 ข้อ มีไม่กี่ชุด ถ้าเสียก็เสียเลย ไม่มีทงได้ 60ใน 80 แน่นอน หรืออีกตัวอย่างโจทย์เงื่อนไข ถ้า ข้อที่ 1 ข้อสรุปที่ 1 Q > S ข้อสรุปที่ 2 V มีค่าน้อยที่สุด ข้อ 2 ข้อสรุปที่ 1 U < Q ข้อสรุปที่ 2 T > S ข้อ 3 ข้อสรุปที่ 1 T > Q ข้อสรุปที่ 2 U < V ข้อ 4 ข้อสรุปที่ 1 P = U ข้อสรุปที่ 2 Q < P ข้อ 5 ข้อสรุปที่ 1 R > S ข้อสรุปที่ 2 U ≠ T นี่คือ ตัวอย่างข้อสอบ ก.พ.3 ภาค ก. (ความรู้ทั่วไปที่เน้นไปที่ คณิต และภาษาไทย และอนาคตจะเพิ่มภาาอังกฤษเข้าไปด้วย หนทางเข้ารับราชการคงตีบตันมากขึ้นอีก ถ้าไม่มีการแก้ไข ก็ขอให้ ทุกคนโชคดีครับ กังวาล ทองเนตร รัฐศาสตร์ ภาควิชาการปกครอง มหาวิทยาลัยรามคำแหง |
Thongnetra
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 14 คน [?]
Group Blog All Blog
|
|||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |