เรื่องประหลาดใจในวันเกิดวิแดนริก (มงกุฎจันทราตอนพิเศษ) Court&Crown Duel Mini-story (2)
ลืมไปเลยว่าลงค้างไว้เป็นเดือนแล้ว แย่จริงๆ -_-" คราวนี้ลงจนจบเลยค่ะ . . .
นั่นเป็นครั้งสุดท้ายในสัปดาห์ที่ข้าได้มีเวลาว่าง ข้ายังต้องจัดการรายละเอียดปลีกย่อยของงานเลี้ยงซึ่งจะน่าตื่นตาตื่นใจทีเดียว การละเล่นในงานนี้คือการแสดงดนตรีและข้าจะสร้างมายาประกอบเพลงไปด้วย ดังนั้นนอกเหนือจากการนั่งอยู่ตามลำพังบนเบาะหน้าต้นไม้เนื้อทองของฟลอวิกเพื่อรับฟังคำร้องทุกข์จากประชาชน เข้าร่วมการพิจารณาคำร้องหลังจากนั้น ดูแลเรื่องจิปาถะในวัง รวมถึงออกเยี่ยมและรับการเยี่ยมจากเหล่าทูตานุทูต ข้าก็จะฝึกร่ายคาถาทั้งตามลำพังและพร้อมกับเหล่านักดนตรีจนกระทั่งแทบจะพึมพำมันออกมาในยามหลับ
สัปดาห์นั้นผ่านไปอย่างรวดเร็วราวกับสายน้ำตกในฤดูใบไม้ผลิ และทันใดนั้นวิแดนริกก็ควบม้าฝ่าหมอกสีเทากลับมาในวันเกิดของเขา ข้ารอคอยเขาอย่างใจจดใจจ่อ ทว่าก็ไม่ได้มีแต่ข้าเพียงคนเดียว เพราะการเป็นกษัตริย์นั้นไม่เอื้อต่อความเป็นส่วนตัวเลย คนอื่นๆก็รอคอยเขาอยู่เช่นกัน ทั้งคนรับใช้และคนเดินสาส์นของผู้คนจำนวนมากอย่างไม่น่าเชื่อซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในกองทัพพากันมายืนรออยู่ในลานหน้าพระราชวังขณะที่เขากับผู้ติดตามลงจากหลังม้า ข้าไม่สามารถตัดสินใจในเรื่องใดที่เกี่ยวข้องกับกองทัพหรือความไม่สงบที่ชายแดนได้ ประสบการณ์ในฐานะเคานท์เตสนักปฏิวัติของข้าทำได้เพียงสอนให้ข้าตระหนักถึงความซับซ้อนของานเช่นนี้
วิแดนริกเหลือบมองมาทางข้าเพียงแว่บเดียว ดวงตาอันอ่อนล้าของเขาเข้มขึ้นอย่างครุ่นคิด ข้ายิ้มตอบ และหวังว่าจะซ่อนความกังวลที่ทำให้หัวใจข้าเต้นแรงนั้นได้สักครั้งหนึ่ง
เราได้สบตากันเพียงแว่บเดียวแต่ข้าก็บอกได้ทันทีว่าสีหน้าของตัวเองเผยความในใจออกมาอีกแล้ว เพราะคิ้วของเขาขมวดเข้าก่อนจะเบือนหน้าหนีไป ให้ข้าเห็นเพียงแต่ผมสีทองยาวสยายซึ่งยุ่งด้วยแรงลมตัดกับผ้าคลุมสีดำขณะที่เขากับกลุ่มคนเดินสาส์นเข้าวังไป
และคนเดินสาส์นก็เดินเข้าออกห้องทำงานของเขาตลอดบ่าย เมื่อระฆังยามเย็นดังขึ้นข้าก็เลิกรอเวลาที่จะได้อยู่กับเขาตามลำพังและรีบวิ่งไปเปลี่ยนเสื้อ ข้าออกไปรับแขกที่ห้องรับรองตามลำพังและสำรวจความเรียบร้อยเป็นครั้งสุดท้าย พลางพึมพำคาถาไปตลอดทาง
วิแดนริกเกือบจะมาสาย ซาโวน่าเป็นคนพาตัวเขามาและกดไหล่เขาให้นั่งลงกับเบาะที่โต๊ะแขกพิเศษ เขาก้มลงกระซิบกับข้า ข้าเกือบต้องท้าเขาดวลดาบเพื่อให้เขาทิ้งงานมา ทำให้ดีนะ
และข้าก็ทำได้ดี หรืออย่างน้อยก็ดูว่าจะดี
อาหารรสชาติเยี่ยมไร้ที่ติ นักดนตรีเล่นเพลงได้ดียิ่งกว่าการซ้อมหนไหน และคาถามายาของข้าก็ทำให้แขกเหรื่อร้องด้วยความยินดี ข้าตระหนักว่าอารมณ์นั้นมีผลต่อมนตรายิ่งนัก ยิ่งอารมณ์ของผู้ใช้รุนแรงเท่าใด มนตราก็จะยิ่งแรงกล้าขึ้นเท่านั้น ดวงดาวโปรยปรายลงจากเพดาน สายรุ้งและเมฆหลากสีลอยอยู่กลางอากาศ ทิวทัศน์อันงดงามที่ถูกเลือกสรรมาจากแต่ละฤดูเข้าปกคลุมห้องทั้งห้องไว้ ข้าบอกได้ว่าบรรดาแขกเหรื่อชอบมันมาก แต่ข้าก็แทบไม่ได้ใส่ใจกับปฏิกริยาของพวกเขาเลย ใจของข้าจดจ่ออยู่แต่กับวิแดนริก
Create Date : 26 กันยายน 2553 |
|
7 comments |
Last Update : 26 กันยายน 2553 17:34:34 น. |
Counter : 807 Pageviews. |
|
|
|
เราจะต้องทะเลาะกันไหม เขาไม่กล้าเอ่ยปากบอกข้าเรื่องตรากฎหมายโบราณหรืออันตรายที่สลับซับซ้อนบางประการที่ข้ามองข้ามไปหรือเปล่า
นีปรากฏตัวขึ้นข้างข้า เจ้าเป็นอะไรรึเปล่า นางกระซิบพลางมองหน้าข้าอย่างเป็นห่วง
ข้าส่ายหน้า ลำคอของข้าตีบตันเกินกว่าจะกล้าเอ่ยคำใดออกมา
แอบออกไปทางประตูคนรับใช้สิ นางกระซิบ ไม่มีใครสังเกตหรอก ยิ่งเมื่อวิแดนริกกลับมาแล้ว และถ้าเกิดมีใครทักขึ้นมาข้าจะบอกว่าเจ้าร่ายมนต์จนหมดแรง ไม่มีใครสงสัยเรื่องนั้นแน่ นางเสริมพร้อมรอยยิ้มกว้าง
ข้าบีบมือนางตอบแล้วก้าวไปด้านโน้นมี มุดหลบแขนคนด้านนี้ที จากนั้นก็เปิดประตู และเสียงพูดคุยกับเสียงแก้วเจียระไนกระทบกันก็หายไป เหลือเพียงความเงียบงันที่ห่มคลุมข้าไว้
ข้าวิ่งกลับห้องไปตามทางแคบๆ ที่ไม่ค่อยมีใครใช้
ข้ากลั้นน้ำตาเอาไว้จนได้อยู่ตามลำพัง แล้วจึงปล่อยโฮออกมาเต็มที่ น้ำตาร้อนผ่าวร่วงโดนลูกปัดที่ปักอยู่อย่างงดงามบนชุดราตรีตัวใหม่ของข้า ทว่าข้าก็ไม่สนใจ ข้าสูดน้ำมูกพลางขนตำราเวทมนตร์ที่ศึกษามาอย่างตั้งใจ ที่เฝ้ารอมาเนิ่นนาน ออกมาใส่หีบไม้ใบใหญ่ ทันทีที่เก็บเสร็จ ข้าจะเรียกคนรับใช้มาขนมันไปเผาเสีย วิแดนริกจะได้ไม่ต้องมาแจกแจงกับข้าให้ลำบากใจ
แต่ก่อนที่ข้าจะทันปิดฝาหีบ ประตูด้านหลังก็เปิดออก แล้วเขาก็เข้ามายืนอยู่ที่นั่น
เจ้าทำอะไรน่ะ
ข้าสะดุ้งเฮือกแล้วเงยหน้าขึ้นอย่างรู้สึกผิดโดยยังมีหนังสือเล่มสุดท้ายอยู่ในมือ ข้าเห็นเขายืนอยู่ที่กรอบประตูด้วยสีหน้าลำบากใจ
ข้าโยนหนังสือลงหีบ ท่านไม่ต้องพะ พะ พูดอะไรหรอก
ข้าคร่ำครวญพร้อมสะอื้นฮั่กๆ ข้าคงไม่ทันได้คิด... คิดไม่ถึงรู้ว่าจะมีปัญหา... ท่านก็รู้ว่าข้าไม่เก่งเรื่องพวกนี้ ไม่คะ คะ เคยเลย...
เพียงสองก้าวเขาก็เข้ามายืนอยู่ข้างข้า เมล เขากระซิบในเรือนผมข้า
ข้าขอโทษ ข้าพล่ามไม่หยุด ข้ารู้ว่าทำให้ทุกอย่างยิ่งแย่... มันอดไม่ได้ข้าขอโทษที่หมู่นี้อารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ...
เขากอดข้าไว้ด้วยแขนข้างหนึ่งแล้วเอื้อมมืออีกข้างไปแตะหนังสือเล่มบนสุดในหีบเจ้าต้องเก็บตำราพวกนี้ไว้ในหีบไม้ด้วยหรือ เขาถาม บอกข้าหน่อยได้ไหมว่าทำไม เป็นกฎลึกลับของผู้ใช้เวทหรือ
ข้าสะอึก เปล่า...คือว่าข้าคิดว่าไม่มีหรอก แต่ข้าคิดว่าถ้าทำแบบนี้จะเผาได้ง่ายขึ้น คือข้าคิดว่าน่าจะรีบกำจัดมันเสียท่านจะได้ไม่ต้องลำบากใจ...
ฝาหีบถูกปิดดังปังอย่างไม่แยแส
วิแดนริกจับไหล่ข้าด้วยมือทั้งสองแล้วค่อยๆ หมุนตัวข้ากลับมาหาเขา
อะไรนะ เขาถาม เมล เจ้าตั้งใจจะทำอะไร
ก็กำจัดตำราข้าไงล่ะ ท่านไม่ต้องพูดอะไรหรอก ข้ารู้ว่าตัวเองไม่แนบเนียนนัก แต่ข้าอ่านสีหน้าท่านออก ท่านไม่พอใจ ข้าทำอะไรผิดพลาดไป แต่ข้าก็พยายามจะแก้ไข...
เมล
ฟืด! ฮึกๆ! ...ข้าตั้งใจจะจัดการให้เสร็จก่อนท่านกลับมา ท่านจะได้ไม่ต้อง...
เมล
...พะ พะ พูดอะไรที่เราจะเสียใจ ที่ท่านไม่อยากพูด ที่ข้าไม่อยากฟัง ที่ทะ ทะ ทำให้เราระ ระ รู้สึกยะ ยะ แย่...
เมเลียร่า!