คิดดี พูดดี ทำดี เพื่อโลกที่ดีของเรานะคะ
Group Blog
 
<<
เมษายน 2552
 
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
 
24 เมษายน 2552
 
All Blogs
 
บ๊าย..บาย..ซินจ่าวเวียดนามค่ะ (8)

การเดินทางหมื่นไมล์ต้องมีวันสิ้นสุด...และในที่สุด ซินจ่าวเวียดนามก็มาถึงตอนสุดท้ายแล้วนะคะ  เพราะเราจะกลับเมืองไทยกันแล้วค่ะ  แต่ขอให้ทุกคนอ่านให้ถึงบรรทัดสุดท้ายค่ะ  เพราะบิ๊กมีเบื้องลึกเบื้องหลัง (ที่แม้แต่เพื่อนร่วมก๊วนซินจ่าวเวียดนามครั้งนั้นก็ยังไม่ทราบค่ะ!!!!)



หลังจากเยี่ยมเคารพลุงโฮ สักการะเจ้าแม่กวนอิมที่วัดเจดีย์เสาเดียว และอิ่มท้องจากอาหารกลางวันกันแล้ว ก็ยังเหลือที่เที่ยวอีกหนึ่งที่นะคะ ก่อนที่เราจะได้ "ช้อปกระจาย" กัน สถานที่นั้นก็คือ ทะเลสาบคืนดาบ และวัดหง็อกเซินค่ะ (ก็คือ วัดเนี่ย..ตั้งอยู่ริมทะเลสาบน่ะค่ะ ติดกันเลย)

ชื่อวัดหง็อกเซิน แปลเป็นไทยคือ วัดเนินหยก อยู่ตรงข้ามอนุสาวรีย์ผู้กล้าหาญวางระเบิด 3 ขา (ในรูปเห็นระเบิด 3 ขาชัดเจนมาก) จริง ๆ อยากเล่าเรื่องการใช้ระเบิด 3 ขานี้ในสงครามเวียดนามนะ แต่มันจะสยองเกินไป...แต่...เพื่อสะกิดใจพวกเราให้รักชาติขึ้นอีกนิด เล่าดีกว่าเนอะ..แต่เอาย่อ ๆ ก็คือ (ตามคำบอกเล่าของพี่จันทร์นะคะ)



ระเบิดนี้เขาเอาไว้ทำลายรถถัง แต่มันจะใช้ได้ก็ต่อเมื่อต้องเอาไปวางไว้ใกล้รถถังมาก ๆ แน่นอนว่าคนในรถถังก็คงไม่ยอมให้มีคนเอาระเบิดไปวางใต้รถเขาง่าย ๆ ผู้กล้าหาญเหล่านี้ จึงพร้อมใจกันวิ่งเข้าไปเป็นแถว ๆ พอแถวหน้าถูกระเบิดล้มลง แถวหลังก็ปีนข้ามศพคนแถวหน้า เข้าใกล้รถถังเข้าไปอีกนิด แล้วก็โดนยิงล้ม แถวหลังก็ข้ามศพไปข้างหน้า แบบนี้เรื่อยไป จนกระทั่งเข้าไปใกล้รถถังได้ (เพราะรถถังมันยิงใกล้ ๆ ไม่ได้ไงคะ) ดังนั้นก็จะมีวีรชนไม่กี่คนที่รอดชีวิตเข้าไปวางระเบิด 3 ขาได้ ฟังดูแล้ว..อนุสาวรีย์นี้คงจะยังยิ่งใหญ่น้อยไปที่จะสดุดีวีรกรรมของท่านนะคะ จบเรื่องเศร้า...เข้าเรื่องเที่ยวต่อค่ะ!!!

อ้อ...โปรดสังเกตป้ายที่มีตัวเลข อยู่ข้าง ๆ อนุสาวรีย์ค่ะ เป็นป้าย countdown ว่าเหลืออีก 924 วัน กรุงฮานอยจะมีอายุครบ 1,000 ปี เป็นเมืองที่มีความเก่าแก่มาก ๆ และชาวเวียดนามก็ภูมิใจด้วยค่ะ

นี่เป็นประตูวัดค่ะ



>

ป้ายทั้งสองข้าง แปลว่า เขียนท้องฟ้า ด้วยหมึกจากทะเลสาบ และตัวอักษรสีแดง แปลว่า สมปรารถนา และโชคลาภ

นี่คือทะเลสาบคืนดาบ และสะพานแสงอาทิตย์ สะพานนี้เป็นที่ถ่ายทำเรื่อง ฮอยอัน ฉันรักเธอค่ะ






หอนาฬิกาที่เห็นคือ ที่ทำการไปรษณีย์ใหญ่ของเวียดนาม ส่วนกลางน้ำเป็นหอคอยเต่า ในทะเลสาบยังมีเต่าอยู่หลายตัว อายุเป็นพันปี



ทำไมทะเลสาบนี้จึงได้ชื่อว่า "ทะเลสาบคืนดาบ" อันนี้มีเรื่องเล่าค่ะ ทะเลสาบนี้ พระเจ้าเล (ราชวงศ์เล) ไปรบไม่เคยชนะข้าศึก จึงมาล่องเรือในทะเลสาบนี้ เต่าตัวหนึ่งผุดขึ้นมาขณะล่องเรือและส่งดาบให้ พระเจ้าเลนำไปรบและชนะข้าศึกได้ จึงมาล่องเรืออีกครั้ง เต่าตัวเดิมขึ้นมาพบพระองค์และกล่าวว่า “ขอให้ท่านจงคืนดาบแก่ข้าพเจ้า เพราะขณะนี้มีสันติภาพแล้ว คงไม่ควรใช้ดาบอีก”





ในปี 1935 มีเต่าตัวหนึ่ง พยายามขึ้นมาบนฝั่ง เจ้าหน้าที่จับกลับลงไปในน้ำ ก็คลานขึ้นมาอีก เป็นอยู่อย่างนี้ ถึง 3 ครั้ง จนครั้งสุดท้าย ประชาชนจึงคิดว่า เต่าคงไม่อยากอยู่ในน้ำแล้ว จึงนำมาสต๊าฟไว้ และเชื่อว่าเป็นเต่าตัวที่ถวายดาบแด่พระเจ้าเล



สถานที่ทั้งหมดด้านในวัดดนี้ สร้างอุทิศให้ เจิ่นฮืนดาบ ซึ่งสามารถรบชนะกุ๊บไลข่าน โดยใช้วิธีนำไม้แหลมไปปักไว้ในทะเลสาบตอนน้ำลง พอน้ำขึ้นก็ไปล่อทหารกุ๊บไลข่านเข้ามาติดกับดัก



เอาล่ะ...สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญก็พาเที่ยวไปหมดแล้ว คราวนี้ก็มาถึงเวลาที่พวกเรารอคอย...คือ ช็อปกระจาย!! ที่ "ถนน 36 สาย" ค่ะ คำว่า "36 สาย" มาจาก 9x4 คือถนนที่ตัดกัน มีพื้นที่ 20 เฮกเตอร์ พี่จันทร์บอกว่า มูลค่าการค้าขายในย่านนี้สามารถสร้างเมืองหลวงได้ทั้งเมือง และก็ไม่ต้องเดินไปไหนไกลเลย เพียงข้ามถนนมาจากวัดเนินหยกเท่านั้นเองค่ะ และแล้ว..สมาชิกก็สลายหายหัวกันไปตามซอกซอย ถ.36 สายอย่างรวดเร็ว!!!! (เชื่อจริง ๆ ว่าการช็อปมันอยู่ใน DNA..)

แต่ก่อนจะพาไปชมภาพ ให้ความรู้กันสักนิดนะคะ พี่จันทร์เล่าให้ฟังว่า ชาวเวียดนามก็มีลักษณะนิสัยเฉพาะภาคเหมือนกับชาวไทยเรา คือคนภาคกลาง พูดอ่อนน้อม หัวไวด้านค้าขายและด้านเศรษฐกิจ เพราะอยู่ภายใต้การปกครองของสหรัฐมานาน และค่อนข้างปราดเปรียว

คนภาคเหนือ จะมัธยัสถ์กว่า แต่ไม่ค่อยมีมารยาท (เราประจักษ์กับตัวเองตอนเข้าแถวรอเข้าสุสานค่ะ...เขาจะเอาตัวเข้ามากระแทกเพื่อแทรกแถว!!!) ส่วนคนภาคใต้ ไม่ค่อยเก็บเงิน ใช้เงินหมด และไม่เก็บให้ลูกหลาน ต้องให้ลูกหลานหาเงินเอง แต่มีน้ำมันดิบ

อ้ะ..ไปดูบรรยากาศการซื้อของกัน...รูปนี้ตอนซื้อรองเท้าค่ะ เลือกกัน..ต่อกันมันส์ไปเลย ที่นี่ก็จะต่อกันลงมาประมาณ 30-50% ค่ะ (ที่นั่งยอง ๆ นั่นคือคนขาย)



บิ๊กกับปริ๊นซ์ได้รองเท้า 1 คู่ คุณชายเขาซื้อที่ร้านเมื่อกี้แหล่ะค่ะ จำไม่ได้แล้วว่าราคาเท่าไร แต่ก็สมราคาอยู่ค่ะ จากนั้นเราก็เดินไปเดินมากัน บรรยากาศร้านค้า คล้ายย่านบางลำพูค่ะ สินค้าก็จะมีเป้และกระเป๋า ที่เขานิยมซื้อ ๆ กันมาก มีของที่ระลึกทั่วไป และรองเท้าเป็นหลัก บิ๊กพยายามมากที่จะสอยชุดอ๋าวหญ่ายมาสักตัว แต่ไม่เจอที่ถูกใจ ที่ถูกใจก็ราคาแพงจนคิดว่ามันไม่เหมาะสม เลยแห้วค่ะ

อ้อ..แต่ได้มาอีกอย่างหนึ่งคือ กาแฟ G7 ของเวียดนาม ไกด์อ้อพาไปซื้อที่ร้าน Hypromart (ดินของเวียดนามเหมาะที่จะปลูกกาแฟค่ะ กาแฟออกมาจึงหอมชื่นใจ) เจ้ากาแฟนี้ล่ะค่ะ..ทำให้บิ๊กซึ่งไม่เคยดื่มกาแฟเลย ต้องมาติดเป็นบ้าเป็นหลัง ซื้อมา 3 กล่อง กล่องละ 20 ซองสำเร็จรูป ไม่อยากให้หมดเลย พอหมดแล้วก็ไปตามหาซื้อในเมืองไทย ดูจากหีบห่อมันก็เหมือนกันทุกอย่างเลยนะคะ แต่ทำไมมันไม่หอมเท่าก็ไม่รู้ ของปลอมหรือเปล่าเนี่ย!!! แต่ไม่ต้องห่วง ตอนนี้ลอยตัวจากกาแฟแล้วค่ะ...



เราเดินบนถนนรอบนอกกันจนเบื่อ ก็ขอเดินซอกแซกเข้าถนนใน ๆ กันบ้าง ผ่านตลาดสดด้วย ก็คล้ายบ้านเรา เห็นการโม่แป้ง เดินผ่านเกสต์เฮ้าส์ (คล้ายย่านข้าวสาร) ด้านหน้านิยมทำบรรยากาศคล้ายร้านกบน้อย นักท่องเที่ยวก็ชอบมานั่งชิลชิลกัน ชมบรรยากาศกันนะคะ







ไกด์อ้อให้เวลาตั้งแต่ บ่ายสองถึงหกโมงเย็นเพื่อซื้อของ ให้ทุกคนกินข้าว แล้วมาขึ้นรถไปสนามบินเลย เราจึงต้องหาที่กินข้าวกันเอง แต่ทุกคนก็กริ่งเกรงอยู่อย่างหนึ่งคือ กลัวไปเจอร้านขายเนื้อน้องเอ๋ง ๆ เข้า พี่จันทร์จึงแนะให้ดูป้ายว่า ให้เข้าเฉพาะร้านที่เขียนว่า COM ซึ่งแปลว่าข้าว และ PHO ซึ่งแปลว่าก๋วยเตี๋ยว (อันนี้คนไทยคงคุ้นกันดี) การันตีได้ว่าไม่มีเนื้อหมา เพราะถ้าเข้าร้านที่ไม่มีสองคำนี้ ไม่แน่..โชคดีอาจเป็นของคุณ

ตอนแรกก็อยากนั่งร้านข้างทางประมาณนี้



แต่ไกด์อ้อแนะนำร้านให้ร้านหนึ่ง บอกว่าคนไทยนิยมมากินที่นี่ เป็นร้านบะหมี่เกี๋ยว คุณชายจึงแนะนำให้ไปที่นี่จะปลอดภัยที่สุด เข้าไปในร้าน ชะรอยว่า รังสีคนไทยจะออก เข้ามาถึงปุ๊ป เราก็กำลังคิดว่า จะสั่งเขาอย่างไร พออ้าปากว่า "เอ่อ.." ขาก็ถามกลับมาเลยว่า "หมี่เกี๋ยว" (ออกเสียงชัดเจนมากค่ะ!!) เราก็มีหน้าที่พยักหน้าอย่างเดียว และยิ้มด้วยความโล่งใจ...ได้อิ่มกันล่ะทีนี้







หมี่เกี๊ยวอร่อยใช้ได้เลยค่ะ และอิ่มมากด้วย ดูจากรูปคงรู้ว่าเขาให้เยอะมาก และราคา 20,000 ด่ง

ทุกคนกระเป๋าตังค์เบากันถ้วนหน้าแล้ว ก็มายังโรงหุ่นกระบอกกันตรงเวลาทีเดียว หิวน้ำมาก วิ่งไปซื้อโค้ก เขารับเงินไทยนะคะ แต่คิดกระป๋องละ 40 บาทแน่ะค่ะ เอาเถอะ..ถือเป็นการกระจายรายได้ค่ะ

จากนั้นเราก็ขึ้นรถมุ่งหน้าไปสนามบินกัน พี่จันทร์ก็ยังอดให้ความรู้ไม่ได้อีกว่า นโยบายของรัฐปัจจุบันนี้คือ
1. ประชาชนร่ำรวย
2. ประเทศชาติเข้มแข็ง
3. มีความเสมอภาค

และภายในปี 2020 เวียดนามจะต้องเป็นประเทศอุตสาหกรรม แต่ขณะนี้เริ่มเห็นข้อเสียแล้ว คือ ชาวนาขายนาไปอยู่คอนโดในเมือง แล้วกลับไม่มีงานทำ ลูกก็ขี้เกียจเพราะถือว่ามีเงินแล้ว (เหมือนประเทศไหนหนอ..คุ้น ๆ )

ความสำเร็จเล็ก ๆ ที่ชาวเวียดนามภูมิใจก็คือ คนที่ร่วมคิดประดิษฐ์เครื่อง ATM ที่สหรัฐ เป็นชาวเวียดนาม เมื่อกลับเวียดนามแม่แก่มากมองไม่เห็นแล้ว แต่ถ้าเป็นลูกจริง ๆ ต้องมีไฝ แม่ก็คลำหน้าลูกแล้วจำได้ ซึ้ง ๆ ค่ะ...

ถึงแล้วค่ะ...สนามบิน (รูปไม่ค่อยชัดนะจ๊ะ...รถแล่นเร็ว) ระหว่างทางรถขับฝ่าสายฝนซึ่งตกหนักมากเป็นการสั่งลา



พอถึงสนามบิน สิ่งที่ขาช็อปทั้งหลายเหมือนรู้หน้าที่ก็คือ แพ็คกระเป๋าใหม่ เอาของที่งอกออกมา ใส่ลงไปในกระเป๋าให้ได้ ซึ่งก็สำเร็จเรียบร้อยดีทุกคนค่ะ



ขอขอบคุณอีกครั้ง สำหรับไกด์ท้องถิ่น คือ พี่จันทร์ที่น่ารักของเรา และไกด์อ้อ..ซึ่งดูแลเราอย่างดีตลอดทัวร์ค่ะ



ตื่นเต้นจะได้กลับบ้านแล้ว...แต่...ข่าวร้ายซะงั้น...เรื่องดีเลย์ค่า... จากทุ่มกว่า กลายเป็นห้าทุ่ม รอกันเงกเลยค่ะ คณะของเราก็เลยต้องหาอะไรทำ ฝนตกหนักมาก พี่จันทร์อำลาทัวร์เราด้วยความอาลัย เราก็อาลัยพี่จันทร์ พี่จันทร์ก็อาลัยเรา ยังไม่วายฝากคำพูดสุดท้ายไว้ให้พวกเราคิดถึงอีกนะ พี่จันทร์พูดว่า

"คิดถึงเวียดนาม คิดถึงพี่จันทร์ด้วยนะ
แล้วไม่ต้องคิดถึงทุกลมหายใจ แต่คิดถึงทุกลมหายใจที่ตื่น"



เราจะเก็บความทรงจำที่ดีกับเวียดนามถึงตรงนี้ไว้ตลอดไปค่ะพี่จันทร์..เราสัญญา...


แต่สิ่งที่บิ๊กจะเล่าต่อไป คือ ประสบการณ์เล็ก ๆ ที่บิ๊กกับปริ๊นซ์ได้รับรู้มา ในระหว่างที่เรารอเครื่องดีเลย์นั่นล่ะค่ะ มีอยู่ 2 เรื่อง

เกริ่นนำก่อนนะคะ คิดว่าคณะทัวร์ทุกคนคงจะจำสถานการณ์ที่สนามบินได้ พอรถทัวร์มาส่งเราเสร็จแล้ว ทั้ง ๆ ที่ฝนตกหนักมาก ๆ เขาก็ออกรถกลับไปเลย เรียกว่าเปิดแน่บก็คงจะได้ พี่จันทร์ก็อยู่กับเรา ส่งพวกเราเสร็จ ฝนก็ยังไม่ซาลงเลย พวกเรามองพี่จันทร์เดินตากฝนออกไปขึ้นรถเมล์อย่างน่าเห็นใจที่สุด จำได้ว่า พวกเราพากันพึมพำกันเองว่า ปกติรถเขาก็ต้องรอไกด์ไม่ใช่เหรอ ทำไมรถเขาถึงทิ้งไกด์ไว้อย่างนี้ล่ะ ตอนนั้นบิ๊กก็สงสัยเหมือนกัน แต่ตอนนี้หายสงสัยแล้วค่ะ

ไกด์อ้อพบ VIP Lounge ของสายการบิน Cachey Pacific บิ๊กขอออกชื่อเลยนะคะ เพราะเรื่องที่จะเล่านี้ มันไม่เกี่ยวกับสายการบินเลย และจะเป็นการดีเสียอีกหากสายการบินจะรับรู้

ที่ lounge นี้ เป็นที่รับรองผู้โดยสาร VIP ค่ะ ให้บริการบุฟเฟต์ชากาแฟ กับขนมและผลไม้ ซึ่งรวมอยู่ในค่าตั๋วอยู่แล้ว ไกด์อ้อเดินมาพบเข้า และเข้าไปถามว่า ผู้โดยสารสายการบินอื่นมาใช้บริการได้หรือไม่ พนักงานบอกว่า ได้ แต่คิดราคา 5 เหรียญ ไกด์อ้อจึงมาแจ้งพวกเรา ก็มีบิ๊ก ปริ๊นซ์ และเพื่อนร่วมทัวร์อีกคนหนึ่ง กับไกด์อ้อไปใช้บริการกัน รวม 4 คน เราก็กินเพลินไปเลยค่ะ ชา กาแฟ ไมโล น้ำผลไม้ น้ำอัดลม ขนมเค้ก คุ้กกี้ ผลไม้ อร่อยมากค่ะ ได้เอนหลังบนโซฟาเล็กน้อย ระหว่างนี้ล่ะค่ะ ที่เราได้คุยกับไกด์อ้อ ทำให้ได้รู้เหตุผลที่พี่จันทร์โดนรถทัวร์ทิ้งให้ตากฝนกลับบ้านเอง

เล่าข้ามไปตอนหนึ่งคือ เมื่อเช้า ไกด์อ้อมาถามสมาชิกว่า จะให้ทิปพี่จันทร์กับคนขับรถและเด็กรถมั๊ย พวกเราก็ให้กันไปตามมาตรฐานกันทุกคนนะคะ เพราะทิปเขาก็ให้กันตามความพอใจอยู่แล้ว

นี่คือเรื่องที่หนึ่งค่ะ

พี่จันทร์เล่าให้ไกด์อ้อฟังว่า คืนเมื่อวานนี้ หลังจากส่งพวกเราที่โรงแรมแล้ว คนขับรถที่ชื่อยุ๊ง และเด็กรถที่ชื่อเติ้ง บอกพี่จันทร์ ให้บอกพวกเราเลยว่า เขาต้องการทิปคนละ 1200 บาทเป็นอย่างน้อย ให้พวกเราให้ทิปให้ครบตามจำนวนนี้ด้วย แต่พี่จันทร์บอกไปว่า ทำอย่างนี้ไม่ถูก ทิปควรจะได้เท่าไรเท่านั้น ทั้งสองคนก็เถียงว่า ทัวร์อื่นไกด์เขาก็บอกลูกทัวร์แบบนี้ แล้วเราก็ได้คนละ 1200 เป็นอย่างน้อยทุกที แล้วทำไมพี่จันทร์ขอให้พวกเราไม่ได้ พี่จันทร์ก็ยืนยันว่า พี่จันทร์จะไม่ทำเด็ดขาด

จากนั้น ตอนพาพวกเราไปกินข้าวกลางวัน ซึ่งร้านอาหารที่รับทัวร์ ปกติแล้วเขาจะมีที่ไว้สำหรับไกด์และคนขับรถทานข้าวต่างหาก ตายุ๊งกับตาเติ้งเขาก็ไปกินข้าวร่วมกับคนขับรถของทัวร์อื่น แต่พี่จันทร์ซึ่งนั่งอยู่โต๊ะใกล้ ๆ ได้ยินบทสนทนาที่ทั้งสองคนคุยกับเพื่อนคนขับรถว่า

"คอยดูนะ ถ้าเปิดซองทิปมา ทัวร์คณะนี้ให้พวกเราน้อยกว่าคนละ 1200 พวกเราจะปาซองทิปใส่หน้าไกด์ทันที ให้มันเห็น ๆ กันไปเลย"

พี่จันทร์ได้ยินแล้ว พอได้อยู่กับคนรถกันตามลำพัง พี่จันทร์ก็เลยบอกพวกเขาว่า "อย่าทำอย่างนั้นเด็ดขาดนะ"

เขากลับย้อนพี่จันทร์ว่า "ทำไมไม่ช่วยคนชาติเดียวกัน ทำไมไม่หาผลประโยชน์ใส่ตัว" พี่จันทร์ก็ยืนยันกลับไปคำเดิมว่า "อย่าทำเด็ดขาด"

ซึ่งเขาก็คงเกรงพี่จันทร์อยู่เหมือนกัน เพราะบิ๊กถามไกด์อ้อแล้ว ว่าเงินทิปของทัวร์เราที่ให้ไปนั้น พอหารแล้ว ได้ไม่ถึงจำนวนที่เขาอยากได้ แต่เขาก็ไม่ได้ปาซองเงินใส่หน้าไกด์อ้อ

นี่ล่ะค่ะ เขาคงเกรงพี่จันทร์ แต่ก็โกรธพี่จันทร์เหมือนกัน ที่พี่จันทร์ไม่ได้ขอทิปให้พวกเขา พอส่งทัวร์เสร็จ เขาก็เอารถกลับไปเลย ไม่รอรับไกด์กลับไปด้วยตามที่ควรจะเป็น ปล่อยให้พี่จันทร์กลับบ้านกลางสายฝนให้สะใจ

พวกเราฟังไกด์อ้อแล้วอึ้งเลยค่ะ สงสารพี่จันทร์มาก พอบิ๊กกลับมาอดไว้ไม่ไหวค่ะ เขียนจดหมายภาษาอังกฤษไปถึงกรรมการผู้จัดการบริษัททัวร์ของพี่จันทร์เลยค่ะ แนบรูปทั้งสองคนไปด้วย จะได้ไม่ผิดตัว แต่บิ๊กก็ไม่รู้นะคะ ว่าเรื่องราวหลังจดหมายหลุดออกจากมือบิ๊กไปมันจะเป็นอย่างไร แต่ภาวนาขอให้พี่จันทร์ได้รับความเป็นธรรมค่ะ


ยังไม่จบนะคะ มีเรื่องที่สองด้วยค่ะ

หลังจากเรา ดูเวลาแล้วว่า ควรไปขึ้นเครื่องได้แล้ว เราก็จะเรียกเช็คบิล สี่คน คนละ 5 เหรียญ ก็ควรเป็น 20 เหรียญนะคะ แต่พนักงานกลับจะเก็บเงินเรา 40 เหรียญค่ะ!!!! ช็อคเลย...ไกด์อ้อยืนยันว่าตอนแรก 5 เหรียญแน่นอน ซึ่งพวกเราเชื่อ เพราะไกด์อ้อคงฟังภาษาอังกฤษแค่นี้ออกอย่างแน่นอน พวกเราก็เลยขอบิลด้วย พนักงานเธอก็เขียนบิลให้เราจริง ค่ะ เป็นบิลของสายการบิน ซึ่งบิลปกติแล้วต้องมีหลายก็อปปี้ใช่ไหมคะ และเป็นแบบมีก็อปปี้ในตัว แต่พนักงานเธอเอากระดาษแข็งมารอง แล้วเขียนบิลเฉพาะก็อปปี้แรก ส่งให้พวกเรา ตอนนั้นน่ะ พวกเรากำลังถูกอารมณ์โกรธและอารมณ์เอ๋อเข้าครอบครอง ประกอบกับห้าทุ่มเข้าไปแล้ว กลับมาถึงเมืองไทยนั่นแหละ ถึงได้วิเคราะห์ได้ว่า สี่สิบเหรียญนี้...ต้องลอยไปเข้ากระเป๋าพนักงานพวกนั้นแน่ ๆ แล้วเขาก็คงทำอย่างนี้กับคนอื่น ๆ มานานแล้วด้วย แหม...มันน่าจะถ่ายรูปกลับมาเป็นหลักฐานด้วยนะเนี่ย
แต่ไม่ต้องห่วงนะคะ บิ๊กก็ทนเก็บเรื่องนี้ไว้ไม่ได้เช่นกัน เขียนจดหมายไปถึง airport manager ของสายการบินเรียบร้อยแล้วค่ะ แต่ก็อีกเช่นกัน ปล่อยวางในผลไปแล้วค่ะ คิดว่าสายการบินก็น่าจะมีการสอบสวนล่ะค่ะ

เล่าขำ ๆ นะคะ เพราะอย่างไรเสีย แค่สองเรื่องนี้ มันก็ไม่ทำให้ความประทับใจของบิ๊ก และของคณะทัวร์ทุกคน กับเวียดนามทริปนี้เปลี่ยนไปได้เลยค่ะ

เอาล่ะค่ะ...มหากาพย์ซินจ่าวเวียดนาม  ก็จบลงแล้วด้วยความประทับใจค่ะ  แอร์เอเชีย สายการบินเดิม  พาเรากลับกรุงเทพอย่างปลอดภัย บิ๊กกับปริ๊นซ์ถึงบ้านประมาณตีสามค่ะ 


แต่ที่สำคัญที่สุด  อยากขอบคุณทริปนี้  ที่ทำให้บิ๊กกับปริ๊นซ์ได้กัลยาณมิตรที่ดีและมีน้ำใจเพิ่มขึ้นให้กับชีวิตของเรา  หวังว่าในอนาคตคงมีโอกาสได้ร่วมทัวร์กันอีกนะคะ


ขอบคุณแฟนคลับทุกท่านที่ติดตามบล็อคทริปนี้มาโดยตลอดค่ะ  มีที่เที่ยวอีกมากมายรอให้บิ๊กทำบล็อคอยู่  ติดตามชมกันนะคะ 





Create Date : 24 เมษายน 2552
Last Update : 2 พฤษภาคม 2552 22:41:22 น. 11 comments
Counter : 1985 Pageviews.

 
ได้อ่านเรื่องเวียตนามจากหลายคนรู้สึกไม่อยากไปผู้คนดูจะเลวร้าย ขี้โกง และโลภมากจังเลย เราก็เคยได้ยินคนไม่ดีแบบนี้ในบ้านเมืองเราท่เขาปฏิบัติกับนักท่องเที่ยวอยู่เหมือนกันไม่รู้ที่ใหนมันจะแย่กว่ากัน พวกเราล้วนเป็นพุทธทำไมศีล พื้นฐานเราก็รักษาไม่ได้ เซ็ง


โดย: อรวรรณ IP: 58.137.1.20 วันที่: 3 พฤษภาคม 2552 เวลา:12:19:22 น.  

 
I miss vietnam and miss thailand too (hehe)


โดย: Nok IP: 81.185.244.19 วันที่: 3 พฤษภาคม 2552 เวลา:14:57:27 น.  

 
พี่บิ๊กคะ กวางอยากรู้เรื่องซึ้ง ๆของคนเวียดนามที่ร่วมผลิต ATM อ่ะค่ะ งง ๆ


โดย: น้องกวาง IP: 124.157.228.235 วันที่: 3 พฤษภาคม 2552 เวลา:17:03:10 น.  

 
ขอบคุณบิ๊กที่เก็บเรื่องราวความทรงจำมาให้หวนคิดถึงคณะทัวร์ หวังว่าคงได้พบกันอีกในทริปต่อไป รอให้บ้านเมืองเรา กลับสู่ภาวะปกติ คงได้ทัวร์กันอีกจ้ะ คิดถึงนะคะ


โดย: lek IP: 202.41.167.246 วันที่: 4 พฤษภาคม 2552 เวลา:17:52:42 น.  

 
ตามมาอ่านครับ เรื่องเที่ยวยังไม่มันส์เท่าเรื่องโดนโกง กับคนบริการที่มีทัศนคติแย่ๆ ที่ใหนๆก็คงเหมือนกันเลยนะเนี่ย


โดย: joblovenuk วันที่: 5 พฤษภาคม 2552 เวลา:9:04:35 น.  

 
สวัดดีค่ะอาจารย์

อ่านจากที่อาจารย์เล่า อาจารย์เหมือนเป็นไกด์เลย

เหมือนที่วิทยากรพูดตอนเรียนสัมมนาเลยค่ะ

ได้ยินได้ฟังเห็นสัมผัสอธิบายให้ผู้อื่นฟัง 555

อาจารย์เล่าซะละเอียดเลย หนูนึกภาพออกเลยค่ะ

*-----*


โดย: wannaporn IP: 210.86.128.84 วันที่: 13 พฤศจิกายน 2552 เวลา:14:29:47 น.  

 
แล้วช่วงนี้มีโปรแกรมไปประเทศไหนอีกหรือเปล่าคะ

เกิดมาหนูยังไม่เคยออกนอกเขตแดนประเทศไทยเลย

ฮา ฮา



โดย: wannaporn IP: 210.86.128.84 วันที่: 13 พฤศจิกายน 2552 เวลา:14:32:06 น.  

 
บิ๊กจ๊ะ
เวลาอัพโหลดบล็อค มันจะมีให้เราเลือกเข้าไปแก้ไข ข้อความที่เราพิมพ์อ่ะ ดูตัวอย่างของเรา หลังแก้ไขแล้วนะ



.......... แล้วก็เป็นความบังเอิญมากๆ ที่ร้านเพลิน ที่เพื่อนๆนัดกันเนี่ย เป็นร้านที่อยู่บนถนนเส้นทางผ่านระหว่างที่ทำงานผม กลับบ้านพอดี คือถ้านัดกันที่อื่น เวลาอื่นที่ผมไม่สะดวก ผมก็คงไม่ไปแน่ๆ แต่งานนี้ เวลาก็พอเหมาะ เป็นเวลาที่ผมเลิกงาน แล้วขับรถผ่านตรงนั้นพอดี ถ้าไม่แวะเข้าไปทักทายเพื่อนๆสักหน่อย มันก็ดูกระไรอยู่ แต่ละคนก็ไม่ได้เจอกันมาหลายปี บางคนก็ไม่ได้เจอกันตั้งแต่จบใหม่ๆก็มี แว่บไปรำลึกความหลังกันสักหน่อย



.......... ออกจากที่ทำงานหกโมงกว่าๆ ขับรถประมาณครึ่งชั่วโมง ก็ไปถึงร้านเพลิน โอ๊ะ ที่จอดรถเกือบเต็มแน่ะครับ รถเยอะมากๆๆ ขับรถไปจอดซ้อนคัน ลงมาจากรถ อ้าว เจอคนหน้าคุ้นๆ อาจารย์เจี๊ยบนั่นเอง กำลังคุยโทรศัพท์อยู่มั้งครับ อาจารย์ก็บอกว่า เดินเข้าไปในร้านเลย อาจารย์เจี๊ยบยังดูเหมือนเดิมเป๊ะๆ เวลาผ่านไปเท่าไหร่ ก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง



.......... ทีแรกก็ตกใจเหมือนกัน เอ มีแต่สาวๆมาวุ้ย ไม่มีเพื่อนๆผู้ชายมากันเลย จะมีใครคุยด้วยใหมเนี่ย คุยกับสาวๆเราก็ไม่ถนัด อิอิ โชคดีไม่นานนัก รัก ก็เดินทางมาถึง ตัวผ้อมผอม เพื่อนเราสงสัยทำงานอย่างเดียว ไม่ค่อยได้กินข้าว รักบอกว่า สุรินทร์เพิ่งลงจากเครื่องไม่กี่ชั่วโมงนี้ สงสัยคงไม่ได้แวะมา ส่วนจ้อย เห็นว่าไม่รู้จะมาหรือปล่าว เอ้า เราก็ว่า เฮ้ย จะเบี้ยวได้ไง โทรไปตามสักหน่อย ปรากฏว่าจ้อยบอกว่า กำลังเดินทางมา ใกล้ถึงแล้ว



.......... เห็นภาพเพื่อนๆที่ไม่ได้เจอกันนานเป็นสิบๆปี ทักทายกันก็รู้สึกดีเนาะ แต่ละคนไม่ค่อยเปลี่ยนแปลงเลย ดีใจที่ตัดสินใจแวะมา เพื่อนศิลชีพมาในงานวันนั้นตั้ง 14 คนแน่ะ จากทั้งหมดเมเจอร์มี 22 คนรุ่นเรา ขาดไปแค่ 8 คนเท่านั้น และใน 14 คนที่มาวันนั้น ก็มีสองคนที่อาศัยอยู่ต่างประเทศ แต่เผอิญอยู่ในช่วงระหว่างเดินทางมาพักผ่อนที่เมืองไทยพอดี อะไรจะบังเอิญขนาดนี้เนี่ย ??




สังเกตุตรง '640' height='480' อันนี้คือขนาดภาพเราแท้ๆที่เราลดไซ๊ส์ไว้แล้วไง เราก็มาแก้ไข ของเดิมมันจะเป็น 450 กับ 300 มั้งครับ ภาพเลยเล็ก สงสัยตรงใหนก็โทรมาถามเราได้ตลอดนะ เบอร์เดิม

อ่านแล้วลบเม้นท์เราทิ้งก็ได้นะ เดี๋ยวมันจะดูรก


โดย: joblovenuk วันที่: 30 ธันวาคม 2552 เวลา:13:08:36 น.  

 
โอ้ ตายแล้ว เราเอาโค๊ด html มาวาง มันดันขึ้นเป็นภาพเฉยเลย กรรมจริงๆ

งั้นยกตัวอย่างมาอันเดียวละกัน

https://www.bloggang.com/data/j/joblovenuk/picture/1261895650.jpg" target=_blank>

สังเกตุดูตรง '640' height='480' อันนี้คือหลังที่แก้ไขแล้ว ของเดิมจะเป็น 450 กับ 300 หรือไงเนี่ยแหละ


โดย: joblovenuk วันที่: 30 ธันวาคม 2552 เวลา:13:10:11 น.  

 
ทำไมภาพมันยังขึ้นอีกหว่างงจริงๆ งั้นลบๆทิ้งไปเถิด ไว้โทรคุยกันดีกว่า แง่ว


โดย: joblovenuk วันที่: 30 ธันวาคม 2552 เวลา:13:11:06 น.  

 
เมื่อช่วงหลังปีใหม่ 53 นี้ก็ได้ไปเวียตนามเหมือนกัน ตอนจบวัน เห็นพี่หัวหน้าคณะทัวร์เราคุยแบบเสียอารมณ์เล็กน้อยอยู่กับคนขับและไกด์

พี่เขาก็เลยควักเงินให้ตัดรำคาญ ปรากฎคนขับรถส่งเงินคืนแล้วบอกว่าต้องการมากกว่านั้น 10 เท่า (จำตัวเลขไม่ได้) พี่เขาเห็นว่าเยอะเกินควร เลยปฏิเสธไม่ให้ ให้เท่านั้นแหละ คนขับรถ ปาเงินใส่พี่เขาเลย ไกด์มาขอโทษขอโพยใหญ่ แล้วบอกว่าจะกลับไปทำรายงานแจ้งให้บริษัทรับรู้พฤติกรรมของคนขับ จะได้ไม่ให้งานเขาอีก


โดย: pornpan IP: 124.122.213.254 วันที่: 6 พฤษภาคม 2553 เวลา:18:19:04 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Teacherbik
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




ไลฟ์สไตล์ธรรมดา สำหรับคนที่ชีวิต
มีมากกว่าการทำงานและหาเงิน
New Comments
Friends' blogs
[Add Teacherbik's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.