Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2550
 
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
6 สิงหาคม 2550
 
All Blogs
 
Paris, je t'aime ประทับใจ----จนต้องบอกต่อ




18 หนังสั้น ...จาก 20 ผู้กำกับมีชื่อ และฝีมือที่คนอินดี้ซูฮก


18 หนังสั้น ...ที่ต่างเรื่องต่างก็มีเวลาการดำเนินเรื่องอย่างจำกัด แค่ประมาณ 5 นาที เท่านั้น


18 หนังสั้น ...ที่ใช้คอนเซปต์การคิด ทำ และสร้าง เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันว่า 'ปารีส' และ 'ความรัก'


18 หนังสั้น ...รวมเป็น 1 หนังยาว ที่ใช้ชื่อโปรเจกต์ว่า 'Paris Je T'aime'


18 หนังสั้น ...ถูกวางเรื่องราวทั้งหมดให้เกิดขึ้นในมหานครที่ได้ขึ้นชื่อว่า 'เมืองแห่งความรัก' ...ทุกอย่างจะเริ่มต้นที่นี่ และจบลงที่นี่ ที่ปารีส ที่เดียวเท่านั้น


18 หนังสั้น ...ในแต่ละเรื่อง ต่างจะเลือกใช้สถานที่สำคัญ และแหล่งท่องเที่ยวที่โดดเด่น เป็นที่รู้จัก แตกต่างกันออกไป และในแต่ละที่นั้น ก็จะอยู่ในเขตเมืองที่แตกต่างกันอีกด้วย (หมายเหตุ จาก Filmax : ความจริง ปารีส มีอยู่ทั้งหมด 20 เขต... ในหนังจะไม่มีตอนของเขต 12 และ 15)


18 หนังสั้น ...จะว่าด้วยเรื่องของความรักในรูปแบบต่างๆ ที่อาจจะได้รับกลิ่นอายของหนังเมืองผู้ดี 'Love Actually' มาอยู่บ้าง แต่การนำเสนอก็ยังแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง


18 หนังสั้น ...จะแยกเรื่องราวออกจากกัน จะไม่มีส่วนใดในอีกเรื่องที่มีความผูกพันเป็นพิเศษกับอีกเรื่อง และ เรื่องทุกเรื่องที่เริ่มและจบลงในห้านาทีนั้นจะไม่มีความต่อเนื่องเกี่ยวข้องกันไปในเรื่องถัดๆไป

18 หนังสั้น ...นำเสนอความรักที่มีทั้งแบบสุข เศร้า เหงา ฮา ปะปนกันไป ...ซึ่งมีความรักเป็นคู่ทั้งแบบที่ธรรมดาสามัญถูกครรลอง และรักแอบจิต ผิดธรรมดา ก็อีก หรือจะเป็นความรักในสายใยครอบครัว ก็ด้วย

18 หนังสั้น ...จะมีกลวิธีการเล่าเรื่อง นำเสนอที่ไม่เหมือนกัน ไปตามแต่เทคนิคของผู้กำกับแต่ละคน ที่มีลูกเล่น มีวิธีคิดที่แตกต่างออกมา


18 หนังสั้น ...แต่ละเรื่อง ต่างเป็นงานโชว์ภูมิ น่าอวดอ้างศักยภาพของผู้กำกับทั้ง 20 คน ที่ต่างคนต่างก็มีของ มีสไตล์ในแบบตัวเอง และได้เอาความถนัดในแนวทางของตนมาใช้เป็นความสามารถของการเป็นนักเล่าเรื่องที่ดี ที่ทำให้ 5 นาทีของตัวเอง คุ้มค่าสูงสุดในเวลาที่ถูกจำกัด


18 หนังสั้น ...มีทั้งเรื่องที่ดูแล้ว รู้สึกดี รู้สึกเพลิน รู้สึกอึดอัด รู้สึกงั้นๆ ปนเปกันไป ...ไม่ใช่ทุกเรื่องทั้งหมดที่จะทำออกมาได้ดีเลิศเลอ ในกับบางเรื่องดูจบแล้วอาจจะไม่มีอะไรให้จดจำเป็นพิเศษ หากแต่ทุกเรื่องก็มีจุดบางจุดที่ทำให้ผมรู้สึกชอบในตัวของมัน แม้จะเล็กน้อยก็ตาม


18 หนังสั้น ...กับความเล็กน้อยไปจนถึงมากมายที่ทำให้ชอบในแต่ละเรื่อง ก็คือ รายละเอียดการนำเสนอในแง่มุมของผู้กำกับแต่ละคน ที่เข้าใจคิด เข้าใจทำ เข้าใจเล่นกับตัวละครและคนดู อย่างในบางตอนก็อาจไม่มีเนื้อเรื่องอะไรเลย เป็นเพียงเหตุการณ์แค่เหตุการณ์หนึ่งที่ดำเนินไปแบบไม่มีเหตุมีผล แต่หนังก็อธิบายทุกอย่างที่เป็นอยู่ในแต่ต้นและจนจบได้ลงตัว (ถึงจะมีค้างคาเรื่องอยู่บ้าง แต่ก็ไม่คาใจอะไรจนพาลให้หงุดหงิด) หรือว่าในตอนหนึ่งของ 'คริสโตเฟอร์ ดอยล์' ที่เล่าออกมาซะโคตรงง หลุดโลกสุดๆ จนน่าจะถือเป็นตอนที่ด้อยที่สุดแล้ว ก็ยังมีอะไรที่ทำให้ผมชอบได้ ก็คือ ความบ้า ความกล้า ที่จะแหวก ที่จะแตกต่าง แบบว่าไม่น่าใส่เข้ามาเป็น 1 ใน 18 ของหนังเรื่องนี้เอาซะเลย


18 หนังสั้น ...กับเทคนิคการถ่ายทำที่แตกต่างกันของผู้กำกับแต่ละราย ก็คือ อีกส่วนรายละเอียดที่ทำให้หนังแต่ละเรื่องมีความน่าสนใจในตัวของมัน ...แม้กับบางเรื่อง ที่ไม่ได้ดีเด่อะไรในการเล่าเรื่องเลย ก็จะได้ตรงนี้มาทดแทนทำให้ดึงตาดูดใจ อย่างเช่น ในตอนหนึ่งของ 'อัลฟองโซ่ คัวรอน' ก็ใช้การถ่ายลองเทค มาช่วยให้หนังที่ไม่มีเรื่องราวอะไรนอกไปจากการสนทนาบนถนน ดูสนุกขึ้นมาได้ (พอดีกับที่คัวรอน เคยใช้เทคนิคนี้ ใน Children of Men อย่างก็ได้ผลออกมาเป็นฉากมันส์ๆที่สุดยอด ทรงพลังมากๆ) หรือตอนหนึ่งของ 'วินเซนโซ่ นาตาลี' ก็ทำเรื่องราวให้เป็นหนังผี(แวมไพร์) โดยใช้การฉายภาพออกมาให้ดูหม่นมืด รับกับเวลาตกดึก ที่ให้บรรยากาศแบบโกธิกชวนสยองวิเวก


18 หนังสั้น ...อุดมไปด้วยดารามีชื่อ เหล่านักแสดงฝีมือชั้นยอดมากมายแห่งฮอลลีวู้ด ที่ยกทัพมาปารีสเพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในหนังรักรูปแบบใหม่ ...เราจะได้เห็น 'นาตาลี พอร์ตแมน' ตกหลุมรักไอ้หนุ่มอีกคนที่อยู่ในด้านมืด (เพราะตาบอด) หลังจากสะบั้นกับหนุ่มด้านมืดคนก่อนที่กลายเป็น ดาร์ธ เวเดอร์ ไปแล้ว , เราจะได้เห็น 'วิลเลม ดาโฟ' เป็นคาวบอยขี่ม้า หลังจากเคยเห็นเป็นไอ้ก๊อบลินขี่บอร์ดมาก่อน , เราจะได้เห็น 'แม็กกี้ จิลเลนฮาล' ติดผง , เราจะได้เห็น 'อีไลจาห์ วู้ด' ติด(ใจ)ผี เป็นต้น


18 หนังสั้น ...กับดาราที่มีส่วนร่วมมีบทบาท ล้วนทั้งหมดต่างให้การแสดงอินอย่างที่บทมันพาไป ...ใครต้องเล่นซึ้ง ก็พาคนดูเศร้า ใครต้องเล่นมุข ก็พาคนดูฮา ใครที่บทต้องการสร้างความประทับใจ ก็เอาคนดูให้ต้องรู้สึกโดนไปตามๆกัน



18 หนังสั้น ...รวมเป็น 1 หนัง ที่ทำให้ผมรู้สึกตกหลุมรักในเมืองปารีสอย่างรุนแรง ตลอดที่นั่งดูๆไป ก็นั่งวางแผนชีวิตไปด้วยว่า สักวันหนึ่ง ถ้าได้มีโอกาสดีๆ เราจะไปเที่ยวมหานครแห่งความรักแห่งนี้ (ยิ่งหลังจากเรื่องนี้ ได้มาดู Ratatouille อีก ก็ยิ่งรู้สึกว่า 'โอ๊ย!!! อยากไปใจจะขาดแล้วคร้าบบบบ...')


18 หนังสั้น ...ใน 1 หนังยาว ที่มีชื่อว่า 'Paris Je T'aime' ...ถือเป็นอีก 1 ใน 10 หนังดีในรอบปีนี้ ที่ผมเฌอแตมเป็นที่สุด ...และขอบอกต่อว่า 'นี่คือหนังอินดี้ ที่คนเฌอแตมหนัง ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง'





1 Montmartre : อุบัติเหตุรัก บางวันอาจจะเป็นวันแย่ๆที่น่าเบื่อ แต่คุณไม่รู้หรอกว่าบางครั้งเรื่องดีดีอาจจะรอเราอยู่ก็ได้

2 Quais de Seine : รักสดใส วัยแรกพบของไอ้หนุ่มนักแซวสาวที่วันนึงได้พบกับสาวอาหรับที่ทำให้เขารู้ว่าจริงๆแล้ว รักเป็นเช่นไร ตอนนี้น่ารักมากครับ ดูไปอมยิ้มไปพร้อมเอาใจช่วยไอ้หนุ่มคนนี้ตลอดเรื่องเลยครับ เป็นตอนที่ผมชอบมากๆครับ
เรื่องของหนุ่มนักแซวกับสาวอาหรับ ดูแล้วหัวใจพองโต ชอบด้วยจริงๆ
คู่ puppy love ของหนุ่มฝรั่งเศสกะสาวตะวันออกกลาง ครั้งหนึ่งในชีวิตวัยรุ่น ไม่เห็นจะอยากรู้เลยว่าเค้าจะได้รักกันต่อมั้ย แค่ที่ได้สบตากันแค่นั้นก็ทำให้ยิ้มได้แล้ว

3 Le Marais : รักของหนุ่ม Y กัส แวน แซนท์ ยังทำหนังของคนแปลกแยกออกมาได้ดีเช่นเดิม แม้เรื่องรัก 5 นาทีของเด็กหนุ่มที่พยายามจีบอีกเด็กหนุ่มในเรื่อง จะเทียบไม่ได้กับฉากสารภาพรักหน้ากองไฟ 5 นาทีในเรื่อง My Own Private Idaho ที่เข้าขั้นคลาสสิคไปแล้ว แต่ด้วยเสน่ห์ทางการแสดงของ Gaspard Ulliel ท่าทางเคอะเขิน แต่ก็อ่ะนะแบบว่าไม่ไหวแล้ว ต้องจีบ เป็นอะไรที่ทำให้คนดูอมยิ้มได้ตลอด บทสนทนาที่ประมาณว่า “เราเคยเจอกันมาก่อนรึเปล่า” “ ผมไม่รู้ว่าทำไม แต่รู้ว่าถ้าไม่ได้พูดกับคุณ ผมจะพลาดอะไรที่สำคัญในชีวิตไป” มันเชยสิ้นดี แต่พอมาอยู่ในเรื่องนี้กลับน่ารักมากมาย ยิ่งมาตอนเฉลยท้ายตอนด้วยแล้ว ทำให้ไอ้ที่อมยิ้มไว้ ยิ้มออกมาได้เต็มปากเลยครับ ชอบเหมือนกันตอนนี้
คู่ของกัสปารด์ บอกรักหนุ่มน้อยอีกคน หักมุมได้น่ารักมั่กๆๆๆ

ผมชอบ 'Le Marais' ของ Gus Van Sant
ชอบที่ Gaspard Ulliel แสดงวิธีการจีบ น่ะครับ ผมว่าถ้าเราไม่มองว่านี่เป็น ความรักของ ผู้ชายกับผู้ชาย มันน่ารักนะครับ และด้วยประโยคที่ว่า 'ผมรู้สึกว่าผมต้องพลาดสิ่งสำคัญบางอย่าง ถ้าผมไม่ได้พูดกับคุณ' (ประมาณนี้นะครับ ไม่แน่ใจ) ผมยังรู้สึกเป็นเกย์ชั่วขณะ
เรื่อง พรหมลิขิตเนี่ย ผมว่า พระเจ้าไม่ได้ มอบให้ แค่ ชายกับหญิง เท่านั้นหรอก
อีกอย่าง หนึ่ง ผมว่าเพราะเป็นปารีส ความรักอย่างในเรื่องนี้มันก็เลยดูสวยงามขึ้นมา

4 Tuileries :(ซวยเพราะสบตา) งานของพี่น้องโคเอ็น ที่ยังคงเป็นพี่น้องโคเอ็น มาพร้อมตลกร้าย ของพวกขี้แพ้ และสตีฟ บูเชมี่ ตอนนี้ง่ายๆ แต่เจ๋งและสนุกมากครับ ยกเครดิตให้การแสดงที่สุดกวนแต่น่ารักให้สตีฟเลยครับ
ตอนอย่าเผลอไปสบตา สาว ปารีส 555
'Tuileries' ของ 'สองพี่น้อง โคเอน' ...ผมเฌอแตม ในความตลกแบบสุดโต่ง ตามสไตล์โคเอน ...ซึ่งหนังไม่มีเนื้อเรื่องอะไรเลย ก็แค่เหตุการณ์ๆหนึ่ง ที่ 'สตีฟ บุสเซมี' บังเอิญ(ซวย)ไปสบตากับผู้ชายที่หึงหวงแฟน แล้วหนังก็ดำเนินไปแบบมุขต่อมุข ที่ทำให้ พี่สตีฟ ต้องเจ็บตัวเจ็บใจ แต่ผมกลับทำได้แต่หัวเราะอย่างเจ็บปวดฟันกรามซะเหลือเกิน

นักท่องเที่ยวอเมริกันกำลังนั่งพักในสถานีรถใต้ดิน ดูเขาจะมีความสุขกับการมาเมืองใหม่ๆเช่นปารีส แต่แล้วเขากลับทำผิดคำแนะนำที่คู่มือนักท่องเที่ยวบอกไว้ อย่าสบตาคนฝรั่งเศส ผลลัพธ์จึงตามมาด้วย ความซวยแสนเซ็ง

ซึ่งก็ขำดี แต่ ทั้งนี้ทั้งนั้น เครดิตหลักๆน่าจะยกให้กับ การแสดงซื่อกวนโอ๊ย ของ สตีฟ บุซเซมี่


5 Loin du 16ème : หลังจากเจอรักที่สดใสมาตลอด ตอนนี้คือตอนแรกที่เจอรักที่หม่นหมอง แม่คนนึงในย่านยากจน ต้องเอาลูกไปฝากไว้ที่สถานเลี้ยงเด็ก เพื่อจะไปเป็นพี่เลี้ยงเลี้ยงลูกของคนอื่นที่ร่ำรวย ตอนนี้เนื้อเรื่องแทบไม่มีอะไร แต่อารมณ์มันโดนมากครับ
- แม่กล่อมลูก...ตอนแรกดูแล้วงงมากเลย พอเอากลับไปคิดต่อแล้วรู้สึกโดนๆ ยังงัยไม่รุ เงียบแต่ทรงพลังมากๆ

ชอบตอนสาวเลี้ยงเด็กนะ
ไม่ได้เลี้ยงลูกตัวเอง
แต่นั่งรถไปเลี้ยงลูกเศรษฐีในย่านคนรวย

ร้องเพลงกล่อมเด็กเพลงเดียวกันเลย
แต่แววตาที่มองมันคนละเรื่อง
ดูแล้วน้ำตาคลอ

6 Porte de Choisy : (หรรษาในปารีส) งานกำกับของคริสโตเฟอร์ ดอยด์ ที่ตอนดูได้แต่สงสัยว่า “มรึงเมายามากำกับเหรอไง” เป็นอะไรที่ติสต์ เซอร์ และเข้าไม่ถึงครับ
ตอน อ้ายหนี่ เซลล์ ขายของ ไปร้านคนจีน มีภาษาไทย ใส่ไปด้วย ไม่รู้ว่าจะใส่ไปทำไมฟ่ะ
มารับงานกำกับเองในตอนนี้ ไม่รู้จะเล่าเนื้อเรื่องอย่างไร กับ หนังโชว์สไตล์ขายความแหวกแนว ที่ดูจะเป็นตอนเดียวในชุดนี้ ที่ไม่ได้พูดถึงความรักความสัมพันธ์ ที่ชอบตอนนี้เพียงเพราะ มันบ้ามาก บ้ามากและ บ้ามาก

7 Bastille : (การเกิดใหม่ของความรัก) ผู้ชายคนหนึ่งกำลังจะบอกเลิกภรรยาเพื่อไปอยู่กับเมียน้อย ก่อนจะพบว่าเธอเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย เป็นตอนนึงที่ผมคิดว่ามันบิวท์เกินไป แต่ก็อะนะ ด้วยเนื้อหาและการเล่าเรื่อง รวมทั้งเพลงประกอบตอนนี้มันกระทบใจครับ
- คู่สามีมีกิ๊กกะภรรยาป่วยใกล้ตาย...เป็น 5 นาทีที่คุ้มค้าและได้ใจความที่สุดที่ดูมาทั้งหมด
'เขา' กำลังจะบอกเลิกกับ 'เธอ' แต่ด้วยเหตุบางอย่างที่สอดแทรกเข้ามา การบอกเลิกจึงต้องเปลี่ยนไป แล้ว ความรักก็ผลิบานครั้งใหม่อีกครั้ง เป็นหนังสั้นตอนที่เล่าเรื่องโดยใช้ความเป็นหนังสั้นเมโลดราม่าได้เข้าที ผมชอบตอนนี้ในแง่ของการเป็น หนังรัก ที่ใช้เวลาสั้นๆ เล่าเรื่องราวและส่งต่ออารมณ์มายังคนดูภายในเวลาที่กำหนดได้อย่างลงตัว


8 Place des Victoires : แม่คนหนึ่งที่ทำใจไม่ได้กับการจากไปของลูกชาย ในคืนนึงที่เธอต้องปล่อยวางและยอมรับความจริงซักที เจ๋งสุดของตอนนี้ก็ด้วยการแสดงของกระบี่มือ 1 ของฝรั่งเศสอย่างจูเลียต บินอช ที่รับบทเป็นแม่ระทมทุกข์ที่ส่งผ่านมาถึงคนดูเต็มๆ แค่ 5 นาที แต่ she ทรงพลังมาก และเป็นตอนที่ทำให้น้ำตาผมคลอเบ้าด้วยครับ

9 Tour Eiffel : งานกำกับที่ยังกะหนังการ์ตูน ก็แน่ล่ะซิ เพราะผู้กำกับคือ Sylvain Chomet ที่เคยกำกับอนิเมชั่น Les Triplettes de Belleville อันลือลั่นมาแล้ว เล่าเรื่องราวของเด็กคนนึงที่บอกว่าพ่อแม่ตัวตลกหน้าขาวของเค้าเจอกันในคุกได้ยังไง ฉากที่พ่อกับแม่เจอกัน เป็นหนึ่งในฉากที่ผมชอบที่สุดในหนังเรื่องนี้ครับ
'Tour Eiffel' ของ 'ซิลแวง โคเมต์' ...ผมเฌอแตม ในความขบขันน่ารักน่าเลิฟ ที่นำเสนอออกมาเป็นละครใบ้ ...เรื่องราวของชายโสดเปล่าเปลี่ยว ที่เที่ยวออกตามหาความรักไปทั่วละแวกแถวหอไอเฟล หากสุดท้ายก็ไปจบลงที่ ต้องติดคุก และได้พบรักในที่แห่งนั้นซะอย่างงั้น ...นักแสดงเล่นได้น่ารักหนึ่ง ผกก.ซิลแวง ทำออกมาได้ละเมียดอารมณ์เหงาแต่เอาฮาได้ดีอีกหนึ่ง และการเล่าเป็นละครใบ้ก็อีกหนึ่ง ที่ทำให้ตอนนี้เป็นตอนหนึ่งที่มีแต่คนชอบ
- คู่ใบ้ .... ไม่มีคำพูดใดๆ แต่ love is all around
เด็กผู้ชายคนหนึ่งจะมาเล่า ชีวิตรักของพ่อและแม่ก่อนที่จะมีเขาถือกำเนิดขึ้นมา พ่อและแม่ของเขาไม่เหมือนคนธรรมดาๆทั่วไป เพราะ ทั้งคู่เป็นนักแสดงละครใบ้หน้าขาว ซึ่ง การแสดงละครใบ้ที่อยู่ในหนังคือเสน่ห์ที่ทำให้ตอนนี้มีความน่ารักเป็นอย่างยิ่ง


10 Parc Monceau : ตอนนี้ด้วยเรื่องราวที่แทบไม่มีอะไร แค่พ่อลูกมาเจอกันแล้วเดินคุยกันถึงปัญหาในชีวิต ก่อนที่จะเฉลยตอนจบ ทำให้คนดูอมยิ้ม แต่ที่มันเจ๋งก็เพราะ เจ้าพ่อ long take แห่ง Children Of Men อัลฟองโซ คัวรอน ใช้เทคนิค long take อีกครั้ง ที่ตลอด 5 นาทีในเรื่องไม่มีการตัดต่อเลย
ในชุดนี้ มีหนังที่ผมจัดอยู่ในกลุ่ม “ไม่มีอะไรในกอไผ่” อยู่สองสามเรื่อง บังเอิญ ตอนนี้เป็นตอนที่ผมชอบ แม้เนื้อหาจะมีอยู่แค่ว่า พ่อกับลูกเดินคุยกันเกี่ยวกับการมีห่วงคล้องชีวิตให้ขาดอิสระ จากต้นถนนไปสุดทาง เพียงแค่คุยเท่านี้จริงๆ แต่ การถ่ายแบบลองเทคบวกกับจุดหักมุม(สำหรับผม) ก็ชวนให้ยิ้มได้เมื่อหนังจบลง เรื่องนี้ถ้าไม่กลับมาดูรายชื่อนักแสดง จะไม่ทันสังเกตเลยว่า สาวอึ๋มสุดเซ็กซี่Ludivine Sagnier จาก swimming pool คือ ตัวเอกของเรื่อง



11 Quartier des Enfants Rouges : นักแสดงขี้เมา ที่ในคืนเหงาๆคืนนึงได้พบกับพ่อค้ายา นอกจากจะเป็นพ่อค้าลูกค้ากันแล้ว ในคืนนี้เธอยังอยากให้เค้ามาเติมเต็มความเหงาให้อีกด้วย ไม่รู้อ่ะ ผมว่ามันน่าจะมีอะไรมากกว่านี้อ่ะครับตอนนี้
- คู่ดาราขี้ยาเนี่ย..ตอนจบเหมือนสิ่งที่เธอรอคอยมันหายวูบไปเลยเนอะ เป็นเราๆก็คงใจหายอยู่ลึกๆ
นักแสดงสาวชาวอเมริกัน สั่งยา(เสพติด)จากคนท้องถิ่น เพียงชั่ววินาทีที่เขาอยู่ใกล้และสื่อสารความปรารถนาอย่างสัมผัสเธอ เขาจากไปมอบเบอร์ให้ เธอสั่งยาใหม่หวังเจอเขา แต่ เขาไม่กลับมา ให้อารมณ์เศร้าๆเหงาๆเล็กๆ ทำให้รู้สึกถึงความจี๊ดแรกพบได้ดีกว่า ตอนแรกของหนังชุดนี้


12 Place des Fêtes : เป็นตอนที่เลี่ยน และมีมุกจีบสาวเสร่อๆประมาณว่า “ ให้ผมนวดขามั้ย คุณน่าจะปวดขา” พอผู้หญิงถามว่าทำไมชั้นต้องปวดขา ผู้ชายก็ตอบว่า “ก็เพราะคุณมาวิ่งอยู่ในหัวใจผมทั้งคืน” เลี่ยน และเสร่อเป็นที่สุด แต่พอมาอยู่ในสถานการณ์ในหนัง พร้อมกับเหตุและผลของการมาสู่สถานการณ์นั้น มันช่าง เอ่อ จริงเหรอ ตั้งใจไปนิด ผมเลยไม่ชอบเท่าไหร่ แต่เพลงเพราะนะครับตอนนี้



13 Pigalle : คู่รักวัยดึก ที่พยายามหาทางสร้างความซู่ซ่าให้ชีวิตคู่ให้คนเอง แต่ก็อ่ะนะ เป็นอีกตอนที่ผมเข้าไม่ถึงอ่ะครับ


14 Quartier de la Madeleine : ชายหนุ่มคนนึง หลงรักสาว vampire ไม่ต้องมีคำพูดซักคำ แต่ใช้ความเจ๋งด้านภาพ ที่เหมือนหนังนัวร์ยุค 60 พร้อมดนตรีประกอบที่หลอนนิดๆ


15 Père-Lachaise : คู่หมั้นชาวอังกฤษ (สำเนียง Londoner อย่างแรง) ที่ไปเที่ยวสุสาน แล้วก็เกิดการไม่เข้าใจกัน แล้วตอนนี้ได้เจ้าพ่อหนังสยอง เวส คราเวนมากำกับ แล้วจะไม่มีผีได้ไง ว่าแล้วพ่อคุณก็ปลุกผีออสการ์ ไวด์ กวีเกย์ผู้เปลี่ยวเหงาออกมาให้ทั้งคู่ปรับความเข้าใจกันได้ ตอนนี้น่ารักดีครับ ไม่น่าเชื่อว่าเวส คราเวนจะทำหนังออกมาได้น่ารักขนาดนี้ ที่สำคัญยังมี เอมิลี่ มอร์ติมอร์ที่ไม่รู้ดิ ผมชอบมากอ่ะครับ เล่นด้วย (เธอเหมือนเพื่อนผมคนนึงเลย ทั้งหน้าตา ท่าทาง การพูด) ผมก็เลยชอบอ่ะครับ

นักท่องเที่ยวคู่รักหนุ่มสาวสองคนท่องเที่ยวปารีส แล้วความไม่เข้ากัน วิญญาณดวงหนึ่งช่วยให้ทั้งคู่ปรับความเข้าใจ หนังเล่าปัญหาความสัมพันธ์ที่พบกันได้บ่อยๆแบบเบาๆ



16 Faubourg Saint-Denis : หนุ่มตาบอดกับสาวนักแสดง นาตาลี พอร์ตแมนน่ารักมาก แต่ที่เยี่ยมคืองานด้านภาพของผู้กำกับ ที่ดึงความรู้สึกสมัย Run,Lola,run กลับมาได้อีกครั้ง สปีดภาพที่เร็วประหนึ่งวิดีโอเกม บอกเล่าเรื่องราวความสัมพันธ์ของหนุ่มสาวคู่นี้ รัก-เบื่อ-หน่าย จนมาสรุปสุดท้ายที่ชายตาบอดพูดว่า “I see you” ผมถึงรู้ว่าแม้งานภาพจะเด่น แต่ที่ผมชอบมากกลับเป็นบทที่เหมือนไม่มีอะไรซ้ำไปซ้ำมามากกว่า
'Faubourg Saint-Denis' ของ 'ทอม ทิกแวร์' ...ผมเฌอแตม กับการเริ่มต้นและจบลงในเวลาอันน้อยนิด ได้บริบูรณ์ ...เรารู้จักและอินกับความรักของคู่นี้ได้อย่างรวดเร็ว ไปพร้อมกับการตัดต่อที่ฉับไวและเร่งเร้าอารมณ์คนดูให้คล้อยตาม ...ในขณะที่หนังรักบางเรื่องอาจต้องใช้เวลาสัก 90 นาทีในการทำให้คนดูเข้าใจและเห็นใจในความรักของพระนาง แต่เรื่องนี้ใช้เวลาทำให้เราโดนใจได้เพียงแค่ใน 5 นาที เท่านั้นเอง ...อีกอย่างที่ผมชอบก็คือ การจบหักมุม

ชายตาบอดพบรักนักแสดงสาวหน้าใหม่ ความรักดำเนินไปไวปานกดปุ่ม FF เราจะได้เห็นตั้งแต่แรกรักจนแยกจาก ก่อนจะตีตลบกลับมาอีกครั้ง นอกจากเทคนิกการเล่าเรื่องที่เจ๋งและล้ำ การเล่นกับ โลกมืด VS. โลกมายา ก็ทำให้ช่วงเวลาสั้นของหนังได้โชว์ความคิดสร้างสรรค์ของตัวบทภาพยนตร์





17 Quartier Latin : อดีตคู่รักวัยดึกที่นัดเจอกัน เป็น 1 ตอนที่ผมชอบที่สุดครับ การแสดงที่สุดยอดของทั้งคู่ และ บทที่เผ็ดร้อน บอกเล่าเรื่องราวของคู่นี้ที่แม้ยังรักกันอยู่ ยังเหลือเยื่อใย แต่ด้วยความที่ผ่านอะไรมามากเกินไปทำให้อยู่ร่วมกันไม่ได้ แค่คน 2 คนนั่งคุยกัน ด้วยท่าทีที่รู้เท่าทันกัน และบทสนทนาที่จิกกัดฝ่ายตรงข้ามได้เหวอะหวะสะใจคนดู ทำให้ผมสนุกไปกับตอนนี้มากมาย ยิ่งพอตอนท้ายที่ผู้ชายเรียกผู้หญิงว่า bitch แล้วผู้หญิงส่งจูบให้ สุดยอดจนผมอยากจะลุกขึ้นปรบมือให้เลยครับ
- คู่ปู่กะย่าที่กำลังจะหย่ากัน ถ้าไม่ใช่คนคู่นี้ จะแรงได้ขนาดนี้มั้ยนะ ชอบจีนน่า โรว์แลนด์อย่างแรง

คู่สามีภรรยาวัยดึกนัดเจอเพื่อเจรจาการหย่า แม้จะกัดกันเหน็บกันไปมา ในช่วงเวลาสั้นๆ แต่ เราสามารถสัมผัสได้ถึง ความเชื่อมโยง(connection)ของคนทั้งสองคน ที่น่าเศร้าก็ตรงเหมือนชีวิตคู่หลายๆชีวิต ที่แม้จะยังคงเหลือความรักแต่สุดท้ายแล้วก็ไม่อาจไปด้วยกันได้ เหลือลงท้ายที่ความขมขื่น

การจับคู่ของสองนักแสดงที่เคมีเข้ากันแบบแสบสันต์ ทำให้ ภาพคนหนึ่งบอก Bitch แล้วอีกคนส่ง จูบ ให้นั้นยังติดตา



18 14ème Arrondissement :(ปารีสและตัวฉัน) ผู้หญิงอเมริกันคนนึงตั้งใจมาปารีสมากขนาดเก็บเงินและเรียนภาษาฝรั่งเศส 2 ปี เดินชมเมือง พร้อมบรรยายด้วยภาษาฝรั่งเศสที่เรียบเฉยไร้อารมณ์ แต่มันกลับสร้างอารมณ์ร่วมให้กับคนดูยิ่งนัก ผู้หญิงที่อ้วน แก่ และเหงาเที่ยวฝรั่งเศสเนี่ยนะน่าสนใจตรงไหน มันน่าสนใจตรงที่อเล็กซานเดอร์ เพย์น ทำหนังง่ายๆแบบนี้ให้โดนอ่ะดิ แล้วที่สำคัญตอนนี้ยังเหมือนบทสรุปของเรื่องราวด้วยว่า ทำไมปารีสถึงเป็นมหาครแห่งความรัก ทั้งๆที่ไม่ได้เล่าเรื่องของคู่รักด้วยซ้ำในตอนนี้
'14e arrondissement' ของ 'อเล็กซานเดอร์ เพย์น' ...ผมเฌอแตม กับหนังสั้นเรื่องสุดท้าย ที่ได้เล่านิยามความรักเมืองปารีส ได้ตรงตัวกับคอนเซปต์มากที่สุดแล้ว ...ว่าด้วย หญิงสาวคนหนึ่งที่ได้ทำฝันตัวเองให้เป็นจริง ด้วยการมาเที่ยวปารีส ...และด้วยความรักอย่างแรงกล้าที่เธอมีต่อมหานครปารีส นี่เอง ที่ทำให้ความน่ารักของตอนนี้ได้เข้าไปครองใจของคนดูทุกคน ซึ่งเหล่านักวิจารณ์ทั้งหลายก็ยังได้ยกให้ นี่เป็นตอนที่ดีที่สุดของ 'Paris Je T'aime'
ชอบตอนคู่ใบ้กับตอนสุดท้าย ที่คุณป้ามาเที่ยวคนเดียวที่สุดค่ะ
ออกมาจากโรง หัวใจพองโต เรื่องของคนตัวเล็กๆ ก็มีมุมสำคัญมากพอที่จะเอามาเล่าทุกคนเลยนะ รู้สึกตัวเองมีค่าขึ้นมาหน่อยนึง

คนอยู่เมืองกรุงดูแล้วน่าจะอินนะคะ


ดูจบแล้วถ้าถามว่าชอบตอนไหนที่สุดผมคงตอบไม่ได้ เพราะแต่ละตอนมีเสน่ห์ที่แตกต่างกันออกไป บางตอนเหมือนไม่มีอะไร บางตอนก็เบาโหวง บางตอนก็หนักอึ้ง บางตอนก็ขอให้มันจบแค่ตรงนั้น ในขณะที่บางตอนก็อยากเห็นการขยายเรื่องราวให้เป็นหนัง 2 ชั่วโมงเเต็มๆ

แต่ถ้าถามว่าผมรู้สึกพิเศษกับตอนไหนที่สุด คงจะต้องตอบว่า ตอนสุดท้ายอ่ะครับ เพราะว่าถ้าเปลี่ยนป้าอ้วนเป็นผม เปลี่ยนปารีสเป็นเมืองปาย แล้วผมก็ได้คำตอบของครั้งที่เขียนถึงเมืองปายไปเมื่อ 2 ตอนที่แล้วที่ว่า ทำไมผมรักปายนัก ผมได้คำตอบแล้วครับว่า เพราะปาย ทำให้ผมรู้สึก 'มีชีวิต'



















Create Date : 06 สิงหาคม 2550
Last Update : 7 กันยายน 2550 11:21:17 น. 11 comments
Counter : 10261 Pageviews.

 
ข้อความเหล่านี้ เป็นหลากหลายความคิดเห็น ของเพื่อนๆ ทั้งจาก พันทิบ และ บล๊อค พวกเขา ผมได้รวบรวมมา

ที่ ผม เขียนหน้านี้ขึ้นมา เพราะผมประทับใจในตัวหนัง (อย่างมาก) จุดมุ่งหมาย แค่ ถ้าใครแวะเข้ามาอ่าน แนะนำให้ไปดูกันนะ


ปล..ขอขอบคุณทุกความคิดเห็น และ ข้อความที่ผม ก็อปปี้มาจากพันทิบ และ บล๊อค เหล่านั้นด้วยครับ


Free Image Hosting at //www.ImageShack.us


โดย: โขมงโฉงเฉง วันที่: 6 สิงหาคม 2550 เวลา:16:20:30 น.  

 
ดูแล้วเหมือนกันครับ ชอบเรื่องที่แฟนเป็นมะเร็ง ซึ้งมากครับ แล้วก็ชอบน้องนาตาลี น่าร๊ากกกกกก


โดย: ภูสูง วันที่: 6 สิงหาคม 2550 เวลา:17:48:37 น.  

 


โดย: โขมงโฉงเฉง วันที่: 18 สิงหาคม 2550 เวลา:0:34:39 น.  

 
feist-la meme histoire

Quel est donc
Ce lien entre nous
Cette chose indéfinissable ?
Où vont ces destins qui se nouent
Pour nous rendre inséparables ?

On avance
Au fil du temps
Au gré du vent... ainsi...

On vit au jour le jour
Nos envies, nos amours
On s’en va sans savoir
On est toujours
Dans la même histoire...

Quel est donc
Ce qui nous sépare
Qui par hasard nous réunit ?
Pourquoi tant d’allers, de départs
Dans cette ronde infinie ?

On avance
Au fil du temps
Au gré du vent... ainsi...

On vit au jour le jour
Nos envies, nos amours
On s’en va sans savoir
On est toujours
Dans la même histoire...

On vit au jour le jour
Nos envies, nos amours
On s’en va sans savoir
On est toujours
Dans la même histoire...
La même histoire...


โดย: โขมงโฉงเฉง วันที่: 18 สิงหาคม 2550 เวลา:0:36:50 น.  

 
เอ้า ต้องเม้นละสิเนี่ย

อยากดูหนังเรื่องนี้จังเลย


โดย: ผู้ใช้เวทย์การิน IP: 114.128.10.189 วันที่: 8 พฤศจิกายน 2551 เวลา:12:55:08 น.  

 
ยามสงครามฆ่าคนเป็นร้อยเรียกวีรบุรุษ ยามปกติสุขฆ่าหนึ่งคนเรียกฆาตกร

ผมไม่ใช่ผู้ชายที่เลิศเลอ แต่ผมรู้ว่าความรักคืออะไร

หากเราเดินตามรอยเท้าของคนอื่น เราก็จะไม่มีรอยเท้าเป็นของตนเอง

บางสิ่งที่เราค้นหา เราอาจไม่พบมัน....แต่เมื่อเราหยุดค้นหา มันกลับมาหาเราเอง

พลังที่ยิ่งใหญ่มาพร้อมกับความรับผิดชอบที่ใหญ่ยิ่ง

เมาเหมือนหมา ดีกว่าไม่เมาแล้วเป็นหมา

ทุกสิ่งที่คุณให้ไป ไม่มีความหมายกลับมา ที่สุดก็เสียแต่น้ำตา ที่คุณไม่เคยให้ใคร

ผมทำน้ำตาหายไปในมหาสมุทร เมื่อไหร่ที่คุณค้นเจอ เมื่อนั้นผมถึงหยุดรักคุณ

คุณว่าคุณมีอดีต..แล้วใครไม่มีบ้างล่ะ ? สิ่งเดียวที่ผมอยากรู้ก็คือ..คุณพอจะมีที่ว่างในอนาคต สำหรับผมบ้างมั๊ย

ถ้าคุณต้องการบางสิ่ง บางอย่างมากๆ จงปล่อยมันไป

ถ้ามันกลับมาหาคุณ...มันก็จะเป็นของคุณตลอดไป

แต่ถ้ามันไม่กลับมา แสดงว่ามันไม่ใช่ของคุณตั้งแต่แรก

คุณเสียอะไรที่คุณไม่เคยมีไม่ได้

ทำไมเราไม่เคยรู้เลยว่ารักมันเริ่มต้นเมื่อไหร่ แต่เราจะรู้เสมอว่า รักมันจะจบลงเมื่อไหร่

จงโง่เง่าพอที่จะตกหลุมรักใครสักคน

แต่จงฉลาดพอที่จะรู้ตัวว่าตกหลุมรักใครคนนั้น

คุณอาจรักใครบางคนได้สุดหัวใจ แม้ไม่เข้าใจเขาเลยแม้แต่นิดเดียว

ที่เราต้องเจ็บปวดกับความรักน่ะ ไม่ใช่เพราะมันจากไปหรอก ... แต่เพราะมันยังคงอยู่ต่างหาก

คนเรา ถึงแม้จะมีข้อดีสัก 99 อย่าง แต่ถ้ามีข้อเสียออกมาสัก 1 อย่างล่ะก็

ต่อให้ดียังไงก็รักไม่ลงก็มีนะ ในทางกลับกัน คนที่มีข้อเสีย 99 อย่าง

แต่ว่าถ้ามีข้อดีที่เด่นมากออกมาสัก 1 อย่าง ก็ถือว่าเป็นเสน่ห์ได้นะ

ถึงคนอื่นทั่วไปจะมองไม่เห็น แต่ถ้าสายตาเรา มองเห็นไอ้ 1% ที่ว่านี้ก็จะทำให้เรารักคน ๆ นั้นขึ้นมาได้


โดย: ชอบ IP: 110.168.124.199 วันที่: 4 กันยายน 2553 เวลา:12:32:11 น.  

 
แนะนำเว็บดูหนังซีรีย์เกาหลีฟรี


โดย: koreaserie (loveyoupantip ) วันที่: 6 สิงหาคม 2554 เวลา:11:49:00 น.  

 
แวะมาเยี่ยมเยียนนะครับ หลังจากหายหน้าหายตาไปนาน

ชอบบล๊อค ของ โขมงโฉงเฉง ทุเรื่องครับ ให้ความรู้และ

บันเทิงตลอด


โดย: WATTANACHAI T^T IP: 58.8.229.99 วันที่: 5 กันยายน 2554 เวลา:12:58:55 น.  

 


โดย: lalular (lalular ) วันที่: 29 ตุลาคม 2554 เวลา:13:25:09 น.  

 
ชีวิตมันต้องมีร้องไห้บ้าง หัวเราะบ้างเป็นธรรมดา

งั้นตอนนี้เลือกไม่ร้องไห้ละกัน....


โดย: Tatar IP: 110.168.70.29 วันที่: 26 พฤศจิกายน 2554 เวลา:13:36:03 น.  

 
วันนั้น ต่างเคย
เป็นเหมือน ดั่งเงา
ความทุกข์ แบ่งเบา
เราสอง ผูกพัน
ฉันก็ยังเห็นเธอ
กับยิ้มที่เปี่ยม ด้วยความ จริงใจ
แต่วันนี้ กลับจากฉันไป
วันนี้ ไม่มี
ให้เห็น อีกเลย
รอยยิ้ม ที่คุ้นเคย
ก็เฉย ต่อกัน
แล้วจะเป็นเช่นไร
จะหวังในสิ่งใด
ขาดเธอไป ก็ไม่รู้จะอยู่เพื่อใคร
ไม่มีเธอคืนมา
จะย้อนวันเวลาไปทำไม
จะทำตัวเช่นไร
จะย้อนคืนกลับไป อยู่กับใคร
คงเหลือ แต่เพียง
รอยช้ำ ต่อไป
รอยยิ้ม และน้ำใจ
ไม่เหลือ อีกเลย
แล้วจะเป็นเช่นไร
จะหวังในสิ่งใด
ขาดเธอไป ก็ไม่รู้จะอยู่ เพื่อใคร?

คิดถึงเสมอนะ นัทต้า


โดย: Happy Valentine Day 2013 จ้ะ หนึ่ง จากตาต้า IP: 124.121.208.253 วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:21:35:10 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

โขมงโฉงเฉง
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]





ฉันอาจเป็นสายฝน เมื่อเธอร้อนใจ
อบอุ่นเหมือนไฟ เมื่อเธอเหน็บหนาว
อาจเป็นดนตรี กล่อมเธอเมื่อเหงา
อาจเป็นแสงดาว เมื่อเธอแหงนมอง...คิดถึงนะ

You're just too good to be true.
Can't take my eyes off of you.
You'd be like heaven to touch. I wanna
hold you so much. At long last love has arrived. And I thank God I'm alive. You're
just too good to be true. Can't take my
eyes off of you.Pardon the way that I stare. There's nothing else to compare. The sight of you leaves me weak. There are no words left to speak.
But if you feel like I feel. Please let me know
that it's real. You're just too good to be true.
Can't take my eyes off of you.
I need you baby, if it's quite all right,
I love you baby, you warm a lonely night. I love
you baby. Trust in me when I say It's OK: Oh pretty
baby, don't let me down I pray. Oh pretty
baby, now that I found you, stay. And let me
love you, oh baby let me love you, oh baby....


Friends' blogs
[Add โขมงโฉงเฉง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.