อย่าเจ็บ อย่าไข้และให้ได้พบแต่กัลยาณมิตร
Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2549
 
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728 
 
3 กุมภาพันธ์ 2549
 
All Blogs
 
การเดินทางอันน่าประทับใจ

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่รู้จะเรียกว่ายังไง น่าจะเป็นความบังเอิญสุดๆๆๆ หรือเพราะว่าเมืองไทยเรายังมีคนมีน้ำใจงามอยู่อีกมาก รึว่าเป็นวัฒนธรรมของชาวบ้านในต่างจังหวัดก็เหลือจะเดาล่ะครับ อะไรมันจะเกิดได้พอเหมาะพอเจาะจนผมเองก็ยังสงสัยและก็ยังประทับใจมากบอกไม่ถูกเหมือนกัน ทั้งแปลกใจระคนสงสัยว่าเหตุการณ์แบบนี้จะมีได้บ่อยสักแค่ไหนเชียว


ต้นปีสี่ห้า พี่ชายพาพ่อไปหาหมอนวดที่อำเภอไชโย จังหวัดอ่างทอง เพราะเพิ่งฟื้นจากอัมพฤกษ์อาการดีสักเก้าสิบห้า มีขาดๆ เกินๆ อยู่นิดหน่อย คิดแล้วก็เหนื่อยแทน ไปหาหมอจีนฝังเข็มทีละห้าร้อยก็ไป ตอนนั้นผมก็ยังว่างๆ เพราะเพิ่งจะกลับบ้านได้ไม่นานหลังจากที่ไปพเนจรซะหลายปี


หมอสมพร อายุราวเจ็ดสิบเนื้อหนังดูเหี่ยวๆ บ้าง แต่ยังแข็งแรงมาก แกอยู่บ้านนุ่งแค่กางเกงขาสั้นแบบหูรูด เสื้อไม่ใส่ ถ้าเป็นคนสมัยก่อนคงจะนุ่งผ้าขะม้าอยู่บ้าน หมอเขาคุยสนุกเป็นกันเองดี


การนวดเขานวดแปลกดีใช้เท้าเหยียบ แต่ไม่มีนวดหน้าด้วยฝ่าเท้า ก็มีที่ใช้มือนวดด้วย หมอเป็นลูกศิษย์วัดหนองหญ้านาง จังหวัดลพบุรีมั้งไม่แน่ใจ ถ้าวิชาเดิมเขาจะใช้ส้นเท้าเหยียบน้ำมันเหยียบไฟจนลุกแล้วเอาส้นเท้ามาคลึงไปตามร่างกายของผู้ป่วย เคยดูทีวีเห็นแล้วอึ้ง คนใช้วิชาต้องถือศีลห้า และจะมีลำไม้ไผ่ผูกกับเสาไว้เป็นที่ยึดจะผ่อนหรือจะกดให้หนักก็ได้ แต่แกบอกว่ามันเลอะ ทำแล้วตีนดำหมด แกทำลูกประคบใส่น้ำมัน เป็นลูกประคบแบบน้ำมันแทนส้นเท้า เตาให้ความร้อนเปลี่ยนจากเตาถ่านมาใช้กระทะไฟฟ้าตรานกยูงแทน น่ามอบรางวัลไอเดียบรรเจิดอวอร์ด


นึกยังไงไม่รู้ผมถามแกว่าถ้าผมขอมาเรียนกะแกสักห้าวันเจ็ดวันจะได้ป่าว แกบอกว่าก็มาได้เลย รึไม่ต้องกลับไปก็ได้ ผมบอกไว้วันหลังดีกว่าไว้ว่างๆ ก่อนค่อยมาใหม่อีกที


พอสักสองสามอาทิตย์ผมก็ไป ไม่ได้นัดหมายอะไรหรอก นึกจะไปก็ไป วันนั้นก็ดันตื่นซะสายกว่าจะออกจากบ้านได้ก็เกือบเที่ยงแล้ว คิดว่าคงไปถึงที่โน่นเย็นๆ คงจะได้มั้งนะ แต่ผิดคาด ไปถึงก็โพล้เพล้แล้ว กว่าจะถึงหมอชิตก็เสียเวลาไปหลายชั่วโมง


นั่งรถสิงห์บุรีบอกเขาว่าไปลงวัดไชโย ตอนลงรถ ตะวันสาดแสงเงินแสงทองจะหมดแล้ว ก็ยังสว่างอยู่น่าจะหกโมงเย็นแล้ว จากถนนดำไปกว่าจะถึงวัดไชโยก็ประมาณสองกิโล แล้วจากวัดไปบ้านหมออีกก็เกือบสามกิโล เหอๆ แค่นี้เอง สบายมาก กะว่าแถววัดคงจะมีวินมอเตอร์ไซต์พอให้พึ่งได้ ผมก็เดินไปเรื่อยๆ สักพักใหญ่ๆ ได้ยินเสียงคนเรียก หนุ่มๆ ใครเรียกเราหว่า อะ ว้าว รถเบนซ์คับคันเบ้อเริ่ม ถ้าจะถามทางหนูไม่รู้น้า... ปล่าวหรอก คนในรถถามว่า หนุ่มจะไปไหน ผมก็เอ้อ .. ไปบ้านหมอสมพรครับ ท่านก็ให้ขึ้นรถไปด้วย ท่านเป็นท่านเจ้าคุณอยู่ลพบุรี ผมถามชื่อไว้ดันลืมจด ถามตั้งสองสามรอบแต่ดันไม่จำ รู้สึกท่านจะไปวัดท่าแพ


พอถึงเรือนไทยจะมีทางแยก ก็ใกล้บ้านหมอมากแล้ว ไม่น่าจะเกินกิโล ผมก็เดินต๊อกแต๊กเรื่อยเปื่อยของเราไป เดินทางไกลจะรีบไปก็แค่นั้นแหละ เดินเรื่อยๆ เปื่อยๆ มันก็จะถึงเอง แต่ก็เริ่มมืดแล้ว เดินไปไม่ถึงสิบเมตร ก็มีรถกระบะมาเลย บีบแตร ปี๊นๆ อะไรจะบังเอิญขนาดนี้ฟระ มองหน้าคนขับก็ไม่ค่อยชัด แต่อายุสักสี่สิบได้ พี่เขาบอกว่าตอนเป็นนักเรียนอาชีวะโบกรถบ่อย ถ้าเห็นใครก็จะเรียกเขาขึ้นรถเสมอ เราก็เออ ดีจัง ถึงบ้านหมอก็มืดพอดี


ไปอยู่ได้สักอาทิตย์ผมก็ไม่ไหวแล้ว เกรงใจเขาด้วย พอได้วิชามากะเขาบ้าง แต่เหมือนไปเที่ยวมากกว่า เมื่อก่อนยิ่งกว่านี้ไปทำนากับชาวบ้านตั้งสองปี สมใจอยาก มีแต่เรื่องประทับใจ ได้ประสบการณ์ชีวิต กับได้สัมผัสบรรยากาศชาวบ้านๆ ใสๆ ไร้มายา แบบที่จะหาไม่ได้จากคนเมืองกรุงที่เขาว่าเจริญ มีแต่ตึกสูงใหญ่เต็มไปหมด แต่...


พอลาหมอ ลายายแล้ว ออกมาจากรั้วบ้านยังไม่ทันจะพ้นเขตบ้านเลย ได้ยินเสียงรถมอเตอร์ไซค์แบบที่มีถังน้ำมันอยู่ด้านหน้า เสียงดังมาจากข้างหลัง เสียงรถค่อยๆ ชลอลง คนขี่เป็นวัยรุ่นอายุยังไม่ยี่สิบ เขาถามว่า พี่ไปไหนครับไปด้วยกันมั้ย มีรึจะปฏิเสธ กระโดดขึ้นคร่อมได้น้องเขาก็ถามว่าจะไปไหน ผมบอกขอลงแค่เรือนไทยก็พอ จะต่อรถไปสิงห์บุรี กะว่าจะไปวัดอัมพวันก่อนกลับ เราก็แวะซะหน่อยไม่ไกลกันเท่าไร อ่านหนังสือมาอยากเห็นกับตาสักหน่อยว่าเป็นไง ต้นตะเคียนกับช้างเผือกเป็นยังไงนะ


รถที่จะไปสิงห์ฯ นานๆ จะมาสักคัน ปกติต้องรอนาน น้องเขาบอกระหว่างทาง แต่พอถึงปากทาง รถคันที่จะไปสิงห์บุรี ก็มาพอดี น้องเขาก็คงงงกะเราด้วย บอกว่าทำไมโชคดีจัง ผมบอกขอบคุณน้องเขาเสร็จผมก็วิ่งขึ้นรถเลย อะไรกันนี่ แถมรถคันที่โดยสารไปเขาก็ไม่เก็บสตางค์ด้วย เพราะคนขับเขาขับไปธุระที่สิงห์บุรี ก็เลยไม่เก็บค่าโดยสาร แต่ถ้าใครโบกเขาก็จอดรับหมด มีคนโดยสารไปด้วยไม่ถึงสิบคน เป็นรถบัสโดยสารสองแถวแต่คันโตๆ


เรื่องของเรื่องสุดแสนจะบังเอิญ เล่าให้ใครฟังเขาก็ว่าแปลกดี ผมจะมีเรื่องแปลกๆ เกี่ยวกับการโดยสารรถราอยู่บ่อยๆ ถ้าจะไปไหนส่วนมากก็จะได้ไป หรือจะรอรถก็จะรอไม่นาน ผมเชื่อเรื่องของกรรม การทำดี เป็นเรื่องที่ให้ผลอันน่าชื่นใจเสมอ พระท่านว่าเรื่องบังเอิญไม่มีในโลก ทุกอย่างเป็นมาแต่เหตุ จะบังเอิญยังไงก็มีเหตุทั้งนั้น ส่วนจะเป็นเรื่องจากอะไรตอนไหนนั้น ท่านว่าเป็น เรื่องอจินไตย





Create Date : 03 กุมภาพันธ์ 2549
Last Update : 5 กุมภาพันธ์ 2549 9:39:32 น. 1 comments
Counter : 382 Pageviews.

 


โดย: hidden file วันที่: 27 มีนาคม 2549 เวลา:16:15:02 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

hidden file
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]





หยดน้ำเล็กๆ ทำให้เธอมีชีวิตอยู่ได้
คนไม่ยอมขายวิญญาณ ใครสักคนบอกฉัน
ชีวิต...งานศิลป์ที่มีลมหายใจ
ดำรงชีพอย่างขาดศิลปะ
คงไม่ต่างจากโคกระบือที่เขาสนตะพาย
เส้นทางที่ฉันขีดฉันวาดมันเองกับมือ
มันก็แค่ทางเล็กๆ ดูยุ่งเหยิง
ไม่ง่าย แต่ก็ไม่ยากจนเกินไป
ที่ยากก็ตรงที่ทำให้ใครๆ เขาเข้าใจไม่ได้ แค่นั้นแหละ



มีความฝันตราบที่ยังมีลมหายใจ
คนที่ไม่มีความฝันก็เหมือนตายไปแล้ว
คนตายแล้วย่อมไม่หลับฝัน
คนไม่มีความฝัน - คนตาย



เป็นเรื่องแปลกที่ว่า
เมื่อเรารักใครแล้วหากเขาทำผิดพลาด
เรามักโกรธเขามากกว่าคนอื่น
เพราะเรามีความคาดหวังในคนที่เรารักไว้สูง
พอไม่ได้ดั่งใจ
ก็โกรธหรือน้อยใจเขามากกว่าคนอื่น
ดังนั้น การให้อภัย
จึงจำเป็นอย่างยิ่งในการครองชีวิตคู่



Destiny can be change

Time sometimes flows backwards

Snow can fall in the Spring

and even a frozen heart can come back to life...




ปฏิทินพระจันทร์

Friends' blogs
[Add hidden file's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.