กางแผนที่ แบกเป้พาลูกเที่ยว บันทึกการเดินทางเที่ยวเอง แบ่งปันประสบการณ์การท่องเที่ยวแบบประหยัดและมีความสุข หลงบ้างมั่วบ้างแต่ก็สนุกดังคำกล่าวในหนังสือ Lonely Planet เคยบอกไว้ว่า " หากไม่มีปาฏิหาริย์บังเกิด ก็จงเป็นปาฏิหาริย์นั้นเสียเอง "
|
|||
Day14: Trip in switzerland 2014 : STRASBOURG FRANCE เมืองมรดกโลกแห่งแคว้นอัลซาส ----------------------------------------------------------------- เที่ยวเอง 17d in Switzerland 2014 (5-21 April2014 ) day 1 : BKK- Zurich Switzerland / Swiss Airline day 2 : Stein Am Rhine day 3 : Top of Zurich ... Uetliberg day 4 : Luzern day 5 : Bern day 6 : Jungfraujoch day 7 : Basel day 8 : Zurich Lake day 9 : Lugano + Champion Italy day 10 : Rapperswill Zoo day 11 : St.Gallen+Appenzell day 12 : Jeneva day 13 : Titlis day 14 : Strasbourg France day 15 : Friedrichshafen + Konstanz Germany day 16 :Zurich day 17 :Zurich - BKK ---------------------------------------------------------------------- Day 14 Trip in switzerland 2014 : STRASBOURG FRANCE ทริปเที่ยวเองในสวิตเซอร์แลนด์วันนี้ เราจะข้ามแดนไปฝรั่งเศสกัน ไปเที่ยวแบบเช้าไปเย็นกลับ สะดวกด้วยรถไฟสายยุโรปที่เชื่อมต่อกันอย่างสะดวกสบาย เมืองที่เราเลือกไปวันนี้คือเมือง Strasbourg เมืองที่ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของฝรั่งเศส ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นเมืองมรดกโลก (World Heritage Site) จากองค์การยูเนสโก ในปีค.ศ.1988 Strasbourg เป็นเมืองสองวัฒนธรรมคือฝรั่งเศสและเยอรมัน ที่สำคัญคือยังเป็นเมืองหลวงแห่ง รัฐสภายุโรป ( Palais de I' Europe ) อีกด้วย ------------Friday 18 April 2014---------------------- วันที่ 14 ในทริปเที่ยวเอง 17วัน in Switzerland วันนี้เราจะนั่งรถไฟยุโรปข้ามไปฝรั่งเศสกันครับ สตาบูร์กอยู่ห่างปารีส300กม. เป็นเมืองหลักและเมืองหลวงของแคว้น อัลซาส (Alsace Region) ตั้งอยู่ทางตะวันออกของฝรั่งเศสติดกับพรมแดนประเทศเยอรมัน มีประชากรในเขตเมืองประมณ 272,975 (ปี 2006) พื้นที่เมือง 78.2 ตร.กม. ใหญ่เป็นอันดับ 7 ของประเทศฝรั่งเศส ในการเดินทางเที่ยวในสวิสทุกวันเราลุยกันเองครับ คุณแม่เขียนแผน คุณพ่อดูตารางการเดินทางโดยรถไฟ แทนทัพวิ่งตาม ฮ่าๆ แต่วันนี้พิเศษลุงมาร์คจะเดินทางไปกับเราด้วย เนื่องจากต้องเดินทางข้ามประเทศอาจมีระบบบางอย่างที่ไม่เหมือนสวิส เอาเป็นว่าครั้งหน้าลุยเองกันได้ รอบหน้ามีเวลาเราจะไปค้างปารีสกันครับ Zurich Switzerland : เริ่มต้น รอรถไฟสาย S18 ที่สถานี Spital Zollikerberg แผนวันนี้ Zurich - Basel - FRANCE (Strasbourg) ไปลงรถที่สถานี Stadelhofen หน้าทะเลสาบซูริคที่เดิม รอดักรถด่วน2นาทีไปลง Zurich HB ZURICH HB ตารางรถไฟเราไปขบวนปลายทางบาเซิล เราต้องนั่งรถไปเมืองบาเซิลเพื่อข้ามด่านเข้าประเทศฝรั่งเศส เราจะไปเปลี่ยนรถไฟสายฝรั่งเศสที่บาเซิล ซึ่งเป็นเมืองชายแดนสามประเทศ สวิส ฝรั่งเศสและเยอรมัน คนแน่นสถานีเพราะเป็นช่วงวันหยุดยาวเทศกาลอีสเตอร์ของยุโรป 18-21เม.ย.คนเดินทางกันแน่น 9.00 น ออกเดินทางจาก Zurich HB ตั๋ว SWISS PASS ใช้ได้ฟรีถึงแค่บาเซิล จากนั้นเราต้องซื้อตั๋วรถไฟไปฝรั่งเศสเองครับ 9.50 ถึง Basel นี่ล่ะ สถานีรถไฟบาเซิล BASEL Switzerland เมืองชายแดนแห่งสามวัฒนธรรม ในรายการ UBC Explor2ตอนรถไฟสายยุโรป ได้พาชมเส้นทางรถไฟที่เมืองบาเซิลนี้เช่นกัน รอซื้อตั๋วรถไฟก่อนครับไม่นาน ดูตารางรถไฟออกที่ป้ายนี้ ราคาตั๋วรถไฟไปStrasbourg France ผู้ใหญ่ 60CHF (2,220บาท) เด็ก 30CHF (1,100บาท) เห็นแล้ว รถไฟไปสตราบูร์กออกเวลา10.21 ชานชาลาที่31 Bonjour ยินดีต้อนรับสู่ฝรั่งเศสครับ ข้ามแดนไปอีกฝั่งเป็นสถานีรถไฟสายฝรั่งเศสแล้ว เป็นการสร้างระบบคมนาคมในยุโรปที่เชื่อมต่อกันได้สมบูรณ์แบบ ที่นี่เป็นสถานีรถไฟนานาชาติ รถไฟสร้างมาสิ้นสุดรางรถไฟที่บาเซิล รางแถบนี้ยังเป็นรถไฟสายสวิสครับ ต้องแสตมป์ตั๋ว Validate ทุกใบก่อนครับ ก่อนเข้าไปที่ชานชาลา นี่ล่ะครับ รถไฟสายฝรั่งเศสที่เราจะเดินทางไปด้วย สีสันสวยงามจริงๆ 10.21 Basel Switzerland to Strasbourg France ใช้เวลาเดินทาง1ชั่วโมง15นาที รถไฟสายฝรั่งเศสแล่นเร็วมากๆ คุณแม่เก็บภาพระหว่างทางไม่ได้เลย ผ่านสถานีแรกคือ Saint louis และผ่านเมืองโบราณที่น่าแวะเที่ยวคือเมือง Colmar ไว้ครั้งหน้าเราจะมาแวะ รถไฟสายฝรั่งเศสมีเครื่องอำนวยความสะดวกครบ มีที่ชาร์ทสายไฟเหมือนในรถไฟสายสวิสด้วย
11.35 STRASBOURG FRANCE มาถึงแล้วฝรั่งเศส สตราสบูร์ก (Strasbourg) เมืองแห่งความโรแมนติก ใหญ่เป็นอันดับ7ของฝรั่งเศส ตั้งอยู่ในแคว้นอัลซาส (Alsace) ทางตะวันออกเฉียงเหนือของฝรั่งเศส มีชายแดนติดกับประเทศเยอรมนีและเป็นทั้งพื้นที่ที่มีชื่อเสียงด้านการผลิตไวน์และจุดท่องเที่ยวยอดนิยม ตั้งอยู่เหนือหุบเขาลุ่มแม่น้ำไรน์ซึ่งอยู่ทางทิศตะวันออกของปารีสประมาณ 300 กม. เป็นเมืองหลวงของแคว้นอัลซาสและมีเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมที่ผสมผสานของฝรั่งเศส-เยอรมัน สถานีรถไฟเต็มไปด้วยผู้คน นักท่องเที่ยวมากมาย ประกาศเป็นภาษาฝรั่งเศสก้ฟังไม่รู้เรืองครับ ฮ่าๆ แต่ได้บรรยากาศการท่องเที่ยวดี ด้านโดมบริเวณทางเดินสถานีรถไฟ จริงๆแล้วสถานีรถไฟที่นี่สวยงามมากแต่ไม่ได้เก็บภาพด้านนอก เราจะลงไปขึ้นรถรางเพื่อเข้าเมือง นักเดินทางมากมายที่สถานีรถไฟ เก็บภาพตู้ขายตั๋ว เหมือนที่สวิสรึป่าวนะ เราลงลิฟท์ไปใต้ดินเพื่อนั่งรถรางเข้าไปในเมือง ช็อตแรกในฝรั่งเศสก็เจอของดีฮ่าๆ เซ็นเซอร์ เรานั่งรถรางมาถึงเขตเมือง Strasbourg แล้ว เดินเล่นตามแผนที่ตามหาจุดหมายแรกมหาวิหารที่ยิ่งใหญ่อลังการแห่งเมืองนกกระสา
ผ่านตึกรามสวยงาม ดูสถาปัตกรรมที่นี่ยังคงเหมือนตึกในสวิส สวยงามดูมีรายละเอียด แม้ราวเหล็กยังดูอ่อนช้อยงดงาม เทศกาลอีสเตอร์ยังมีในถนนทุกแห่ง เดินมาเรื่อยๆมาถึงที่นี่ จัตุรัส กูเทนเบิร์ก ( Place Guthenberg ) เห็นอนุสาวรีย์ของ โยฮันน์ กูเทนเบิร์ก หรือบิดาการพิมพ์ กูเทนเบิร์กเป็นบิดาการพิมพ์ชาวเยอรมัน ผู้ประดิษฐ์แท่นพิมพ์ที่ถอดได้ ทำให้ข่าวสารกระจายได้เร็วเขาได้ใช้ชีวิตช่วงหนึ่งในเมืองนี้ชาวเมืองจึงได้สร้างอนุสาวรีย์เป็นที่ระลึก ที่บริเวณนี้ เป็นจตุรัสมีร้านค้าให้ช๊อปปิ้งมีออกร้านเหมือนสวนสนุกน่าจะเป็นตลาดนัด มีของเล่น ของกิน ท่ามกลางเช้าวันฝนพรำ เดินเล่นๆได้ไม่เปียกมากมาย น้องกองทัพไม่ยอมกางร่ม ไม่มีปัญหาในการเดินเที่ยวครับ เดินผ่านจัตุรัสมาเรื่อยๆ เริ่มเห็นจุดหมายของเราแล้ว ยอดมหาวิหารโนตเตรอดาม มหาวิหาร โนตเตรอ ดาม แห่ง สตราสบูร์ก ( Cathédrale Notre-Dame-de-Strasbourg)
ร้านคุ๊กกี้แสนอร่อยที่มีชื่อเสียง ร้านนี้ห้ามพลาดมีกล่องคุ๊กกี้น่ารักมากก ขากลับเราจะมาแวะที่นี่ครับ ถนนสายช้อปปิ้งระหว่างเส้นทางไปมหาวิหารช่วงนี้ยังอยู่ในบรรยากาศอีสเตอร์ มาถึงหน้ามหาวิหารแล้วครับ ฝนหยุดๆตกๆแต่ไม่แรง ขนาดที่วันฝนพรำ นักท่องเที่ยวยังเยอะไม่หวั่นฝน มหาวิหาร โนตเตรอ ดาม แห่ง สตราสบูร์ก ( Cathédrale Notre-Dame-de-Strasbourg) มหาวิหาร โนตเตรอ ดาม แห่ง สตราสบูร์ก ( Cathédrale Notre-Dame-de-Strasbourg) มหาวิหาร Cathedrale de Notre-Dame ที่ก่อสร้างด้วยหินทรายสีชมพูทั้งหลังในรูปแบบสถาปัตยกรรมแบบโกธิค สถาปัตยกรรมเป็นแบบโรมาเนสก์ แต่ยังมีส่วนประกอบที่สำคัญของสถาปัตยกรรมแบบกอทิกตอนปลายที่งดงามที่สุดแห่งหนี่ง โดยมีสถาปนิกชาวเยอรมัน เออร์วิน วอน สไตน์บัค (Erwin von Steinbach) เป็นผู้ดูแลการออกแบบและก่อสร้างในช่วงปีค.ศ. 1277 จนถึง ค.ศ. 1318
มหาวิหาร เคยได้รับการบันทึกเป็นสิ่งก่อสร้างที่มีความสูงที่สุดในโลก ในช่วงปีค.ศ. 1647 จนถึงปีค.ศ. 1874 ด้วยความสูงถึง 142 เมตร ซึ่งในปัจจุบัน ถือเป็นวิหารที่สูงที่สุดอันดับที่หกของโลก และสูงที่สุดเป็นอันดับสองรองจากมหาวิหารรูอ็อง และยังถือเป็นวิหารที่สูงที่สุดที่สร้างในยุคกลาง ที่ยังคงสภาพอยู่ในปัจจุบัน มหาวิหารได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก โดยองค์การยูเนสโก ในปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวเข้าเยี่ยมชมปีละประมาณ 4 ล้านคน โดยถือเป็นมหาวิหารที่มีนักท่องเที่ยวต่อปีมากที่สุดรองจากมหาวิหารน็อทร์-ดามแห่งปารีส ตำแหน่งที่โบสถ์สร้างอยู่มีตำนานมานานกว่า 3000 ปี ในปีที่ 12 ก่อนคริสตกาล ตรงนี้เป็นที่ตั้งของวิหารโรมันโดยมีเทพเจ้าของชาวโรมันอย่างน้อยสามองค์ประดิษฐานอยู่ในนั้น เมื่อคริสตศาสนาแพร่มาถึงที่นี่ ได้มีการสร้างโบสถ์พระแม่มารี ขึ้นมาเหนือซากปรักหักพังของวิหารอีกที
รอบๆมหาวิหารมีร้านค้า ร้านอาหาร โดยรอบ มีตำรวจขี่จักรยานรักษาความปลอดภัยดูอบอุ่นใจ เข้าไปชมในมหาวิหารกันเลยครับ ด้านในดูยิ่งใหญ่สวยงามด้วยภาพกระจกสี ที่สำคัญคือมีนาฬิกาดาราศาสตร์อยู่ในนี้ ผนังรอบโบสถ์ก่อด้วยหินอ่อนเป็นลวดลายงดงาม หน้าต่างกระจกสีกับrose window สร้างมาตั้งแต่ศตวรรษที่12 วันนี้ดูจะมีพิธีในมหาวิหาร เทียนอธิษฐาน สว่างไสวในมหาวิหาร เสียตังค์ครับถ้าต้องการจุด
ใกล้ๆ กันจะมีบ้านเก่าสวยงามหลังนึง ชื่อว่า Maison Kammerzell ซึ่งตอนนี้กลายเป็นร้านอาหาร (บ้านสีดำๆกลางภาพล่ะครับ) ออกมาข้างนอกเจอขบวนแห่พิธี แต่ไม่ทราบว่านี่คือพิธีอะไร หาข้อมูลไม่ได้ (ใครรู้รบกวนตอบที) แต่ยืนเก็บภาพซะเต็มที่ ขบวนยาวเหยียด บริเวณหน้ามหาวิหารมีร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึกอยู่เต็มไปหมดรวมทั้งศิลปินชาวฝรั่งเศสที่รับวาดภาพเหมือน ให้บรรยากาศเมืองฝรั่งเศสจริงๆ ร้านขายของที่ระลึก มีจุดเด่นคือนกกระสา สัญลักษณ์ของแคว้นอัลซาส ซึ่งค้นหาที่มายังไม่ได้ ไปเจอใบเวบหนึ่งเขาเล่าว่า "ในสมัยโบราณเชื่อกันว่า เทพธิดาวีนัสนอกจากเป็นเทพีแห่งความรักผู้เลอโฉมแล้ว ยังเป็นเทพีครองความมีลูกดกด้วย ชาวกรีกและโรมันนับถือนกกระสาอันเป็นนกคู่บารมีของเทพธิดาวีนัส โดยรับหน้าที่คาบห่อผ้าซึ่งภายในมีทารกไปมอบให้กับครอบครัวที่จะมีเด็กเกิด หรือหากนกกระสาสองตัวผัวเมียมาทำรังบนหลังคาบ้าน ถือเป็นเครื่องหมายแสดงว่า เทพธิดาวีนัสโปรดให้ครอบครัวในบ้านนั้นมีลูก และประสบความรุ่งเรือง ดังนั้นชาวยุโรปจะรู้สึกยินดีหากมีนกกระสามาทำรังบนหลังคาบ้าน" ก็ยังไม่แน่ใจตำนานนี้และยังสงสัยว่าทำไมนกกระสาเป็นสัญลักษณ์ของแคว้นAlsac คุณแม่ยังหลงทางวนเวียนอยู่แถวนี้ครับฮ่าๆติดกับซะแล้ว ร้านอาหารสวยเก๋มีตลอดเส้นทางไว้รับนักท่องเที่ยว ภาพวาดงดงามบนผนังตึก ได้เวลาเดินทางต่อไป เราจะไปดูแม่น้ำและย่านเมืองเก่าของที่นี่ ร้านนี้คุณแม่ชอบบรรยากาศอีสเตอร์มีไข่สีสดใสประดับหน้าร้าน เดินชมวิวมาตามริมแม่น้ำอิลล์ ขอนั่งพักเหนื่อยแป๊บครับ ที่นี่เป็นเมืองขนาดกลาง มีย่านเมืองเก่าทางประวัติศาสตร์ที่รู้จักกันในนาม la Petite France (ปารีสน้อย) ภูมิทัศน์สวยงามด้วยบ้านเรือนที่ตั้งอยู่ริมฝั่งสองแม่น้ำ เรือล่องแม่น้ำชมวิวสำหรับนักท่องเที่ยว แต่เราเดินและก็เดินครับ ชมวิวตลอดทาง การล่องเรือไปตามแม่น้ำอิลล์เป็นอีกวิธีหนึ่งในการท่องเที่ยวสำรวจเมืองสตราสบูร์ก เรือจะล่องไปตามแม่น้ำซึ่งไหลผ่านใจกลางเมืองไปทางทิศใต้ของ La Petite France คุณแม่หนีแล็บที่เมืองไทยยังมาเจอแล็บที่ฝรั่งเศสอีก วิวบ้านเรือนที่จะเข้าสู่เขตเมืองเก่า ที่เห็นด้านหลังคือโบสถ์ Saint-Thomas เป็นโบสถ์คริสต์นิการโปรแตสแตนท์ เป็นศิลปะแบบ Alsatian Gothic ย่าน La Petite France ในสตราสบูร์ก ย่านเมืองเก่า (La Petite France) ซึ่งเป็นศูนย์กลางเมือง มีลักษณะเป็นพื้นที่ล้อมรอบด้วยแม่น้ำอิลล์ทั้งสี่ด้านและมีเส้นทางคูคลองเชื่อมต่อกันไปมากมาย บริเวณใกล้เคียงเป็นเกาะที่มีสะพานหลายแห่งเป็นตัวเชื่อมต่อไปยังพื้นที่ส่วนอื่นๆของเมือง ภายในย่านนี้มีลักษณะเป็นตรอกซอกซอย พื้นถนนปูลาดด้วยหินกรวด เรียงรายด้วยบ้านไม้โบราณสไตล์อัลซาสที่สวยงามซึ่งทอดตัวเป็นภาพเงาสะท้อนในคลองตลอดถนน rue des Moulins นักท่องเที่ยวรอชมไฮไลต์ของเรือในการแล่นเรือผ่านระดับน้ำที่ไม่เท่ากัน เรือจะมาหยุดตรงประตูน้ำ ระดับน้ำไม่เท่ากัน และมีวิธีการปรับระดับน้ำโดยเปิดประตูหนึงแล้วเปิดอีกประตู รอให้ระดับน้ำเท่ากัน แล้วให้เรือผ่าน ใช้เวลาอยู่เหมือนกัน เขตเมืองเก่า เดิมชมบ้านเรือนที่สวยงาม บ้านเรือนครึ่งปูนครึ่งไม้แบบโบราณ บ้านแบบนี้เรียกว่า Maison à colombage และยังมีร้านขายสินค้าที่ระลึก โดยเฉพาะตุ๊กตานกกระสา มีรถชมเมืองด้วยนะครับ ร้านอาหารไทย ครับ บ้านเรือนงดงามโดยเฉพาะทางเดินปูหินโบราณ
อีกแห่งของประตูน้ำ การแล่นเรือผ่านคลองแต่ละแห่ง จะมีการปรับระดับน้ำเพื่อให้เดินเรือแล่นผ่านได้ เป็นไฮไลต์อีกอย่างของเมืองสตราบูร์ก มุมนี้มุมโปรด บ้านเรือนสีลูกกวาดริมแม่น้ำ รถจักรยานผูกไว้กับเสาเก่ๆ ที่นี่เราเห็นจักรยานแต่ไม่มากเท่าสวิส โรงแรม IBIS มีสาขาทั่วไปในยุโรปเห็นบ่อยมาก รอนั่งรถรางเพื่อกลับไปยังที่เดิมหน้ามหาวิหาร จะกลับไปซื้อคุ๊กกี้ครับ รูปปั้นอัศวินหน้าร้านขายยา
หยุดตรงนี้ก่อนฮับ มาลองเจลาโตฝรั่งเศสดูบ้าง ราคาไอติมที่นี่ไม่แพงเท่าสวิส โคนละ1-2ยูโร (x44บาท) Brezelใหญ่ยักษ์ ขากลับแวะร้านคุ๊กกี้ร้านดังที่ผ่านมาเมื่อเช้า คุ๊กกี้มีขายแบบรวมในกล่องหรือแยกซื้อกล่องและคุ๊กกี้แต่ละรสที่ชอบก็ได้คิดราคาตามน้ำหนัก แต่ละชิ้นสอดไส้หลากหลายรสชาติแสนอร่อย แต่แม่หมายตา กล่องคุ๊กกี้ลายโบราณสวยๆมากกว่า ช่วงบ่ายๆ ร้านอาหารเริ่มมีชีวิตชีวา มีนักท่องเที่ยวนั่งจิบกาแฟ ดื่มเบียร์กันเต็มไปหมด เหมือนในยุโรปทุกเมืองที่ผ่านมา เราเดินกลับย้อนเส้นทางเดิม Place Kleber หรือจตุรัส Kleber เป็นจตุรัสที่ใหญ่ที่สุดของเมือง Strasbourg อยู่กลางเมืองเลยครับ ได้รับการตั้งชื่อตามชื่อของนายพล Jean-Baptiste Kléber ซึ่งเกิดใน Strasbourg ในปี 1753
ที่กลางจัตุรัสนี้มีรูปปั้นของนายพล ข้างใต้เป็นหลุมฝังศพของเขา รอรถรางกลับสถานีรถไฟ ถึงเวลาลาจากเมืองนกกระสากันแล้วครับ
ถึงสถานีรถไฟ 16.21 น. ได้เวลาอำลาฝรั่งเศสกันแล้ว การเดินทางเที่ยวเองต้องดูเวลารถแต่ละเที่ยวให้ดี เพื่อวางแผนการเที่ยวในแต่ละวัน ไม่เช่นนั้นอาจตกรถไฟได้ ลวดลายสวยงามภายในสถานีรถไฟ รถไฟสายฝรั่งเศสพาเรามุ่งตรงออกจากเมืองนกกระสา ขากลับรถไฟเป็นของเรา นักท่องเที่ยวแทบไม่มีเลยครับ เสบียงเล็กน้อย โปสการ์ดสวยๆที่ระลึกจากเมือง Strasbourg รถไฟวิ่งเข้าสู่สถานีนานาชาติที่เมืองบาเซิล สวิตเซอร์แลนด์ 17.40 ถึง Basel Switzerland อากาศหนาวมาก ด่านตรวจคนเข้าประเทศไม่มีเจ้าหน้าที่เลย เดินเข้าไปเลยครับ แต่ทุกที่ของสวิสจะมีกล้องวงจรปิดติดอยู่ ไม่เห็นเจ้าหน้าที่ก็จริงแต่อาจมองเราจากกล้อง จากฝรั่งเศส เรากลับเข้ามายังเขตสวิส สถานีรถไฟBasel มีเวลานิดหน่อยก่อนรถไฟออก หาเดินซื้อของที่ระลึกบาเซิล ได้กล่องขนมแบบนี้ล่ะแม่ชอบมากๆ ออกจากบาเซิล ฟ้าครึ้มอากาศหนาวมาก มีฝนตก แต่ในรถไฟแสนอบอุ่น บนรถไฟระหว่างเมืองจะมีนายตรววจมาตรวจตั๋วเสมอ ใครไม่มีโดนปรับ100CHF (3700บาท) จากบาเซิลกลับสู่ซูริคครับ ระหว่างทาง เก็บภาพนี้ไว้ ที่เก็บรถของทหารสวิสทหารที่เข้มแข็งที่สุดในยุโรป การเดินทางวันนี้กลับบ้านเร็วกว่าปกติ อากาศวันนี้9องศา แต่หนาวมาก คนในเมืองซูริคดูเงียบเหงาน่าจะเป็นเพราะเป็นวันหยุดยาวเทศกาลอีสเตอร์ ที่สวิสฟ้าจะมืดประมาณ3ทุ่ม เราจึงท่องเที่ยวได้แบบสบายใจ 19.30 ถึงบ้านแล้วครับ ฟ้ายังไม่มืดเลย ได้นกกระสามาฝากน้องสแตนลี่ย์ วันนี้หลับไม่รอพี่แทนไท กองทัพเลย วันนี้เราได้ประสบการณ์การเดินทางเที่ยวเองในประเทศฝรั่งเศส มีลุงมาร์คพาไป รอบหน้าเราคงลองเดินทางไปฝรั่งเศสได้ด้วยตัวเอง แม่วางแผนอยากไปปารีส นั่งรถไฟจากบาเซิลยาวเลย วันนี้นอนพักเอาแรง พรุ่งนี้ยังมีทริปใหญ่รออยู่ พรุ่งนี้เราจะไปเที่ยวเยอรมันกันครับ เดินทางเช้าไปเย็นกลับแบบนี้ คุณแม่วางแผนไปเมืองที่มีประวัติศาสตร์เรือเหาะเยอรมันที่โด่งดัง ติดตามทริปเที่ยวเองของพี่แทนไท น้องกองทัพกันนะครับ ---------------------------------------------------------------------------------------------------- ------------------------------------------------------------ ทริปเที่ยวเอง17days in Switzerland 2014 : 5-21 April 2014 Review : Swiss International Air Lines 2014 :แนะนำ SWISS PASS 2014 Day1 : Zurich Switzerland ตะลุยสนามบอลZurich FC 2014 บุกสนามซูริค Zurich FC & Grasshopper Day2 : SteinAmRhine 2014 ตอนที่1 เมืองโบราณ Stein am Rhine Day3: Uetliberg 2014 Top of Zurich เที่ยวซูริค ส่องเทือกเขาแอลป์ บนเขา Uetliberg Day4: Luzern 2014 Luzern เมืองโรแมนติคแห่งสะพานไม้ หงส์ขาว และสิงห์โตร้องไห้ Day5: Bern 2014 Bern เที่ยวเมืองเบิร์น เมืองพี่หมีสามตัวและตุ๊กตานาฬิกาเต้นระบำ Day6: Jungfraujoch 2014 ลุยภูเขาหิมะ Jungfrau Top of Europe สถานีรถไฟสูงที่สุดในยุโรป Juncfraujoch ตอนที่1 Jungfraujoch ตอน2 ตะลุย-7องศาบนยุ้งเฟรา 3454m Day7: Basel 2014 Basel เมืองแห่งพิพิธภัณฑ์และวัฒนธรรมโบราณ Day8: Zurich lake 2014 Zurich Lake ล่องเรือชมทะเลสาบซูริคในวันฟ้าใส Day9: Logano & Champion Italy 2014 ข้ามทะเลสาบเมืองLUGANO ไปชิมพิซซ่าที่ ITALY Day10: Rapperswill 2014 วันสบายๆพาเที่ยวสวนสัตว์เมือง Rapperswil Day11: St.Gallen & Appenzell 2014 เที่ยวเมือง St Gallen ชมห้องสมุดสวยที่สุดในโลก และมหาวิหารอันงดงาม นั่งรถไฟสวิสเที่ยวเมืองแห่งชีสและกระดิ่งวัว เมือง Appenzell : ) Day12: Jeneva 2014 Jeneva เมืองแห่งความอิสระเสรีภาพ ตามหาUNและน้ำพุ Jet d'Eau Day13: Titlis 2014 ตะลุยหิมะบนเทือกเขา TITLIS -15 Cบนความสูง3020m ปิดท้ายพาหม่ำฟองดูชีส Day14: Strasbourg France 2014 เยือนฝรั่งเศส Strasbourg FRANCE เมืองมรดกโลกแห่งแคว้นอัลซาส Day15: Friedrichshafen + Konstanz Germany 2014 GERMANY ล่องเรือไปเยอรมันตามหาพิพิธภัณฑ์เรือเหาะZeppilin Museum Day 16 : เดินเล่นริมทะเลสาบ Zurich Lake 2014 Day17: Zurich- BKK ปี2014 ---------------------------------------------------------------------------------- ทริปเที่ยวเอง14 days in Switzerland2016 ปี2 : 7-20 April 2016 Review :: Emirates Airline ประสบการณ์7ชม.ในสนามบินDubai https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=tantailovegongtup&month=20-07-2016&group=24&gblog=4 Day1 : BKK-ZRH Zurich Switzerland 2016 7April 2016 แนะนำswiss pass พาเที่ยวซูริคZurichวันแรก https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=tantailovegongtup&month=24-07-2016&group=24&gblog=6 Day2 : SteinAmRhine Switzerland 2016 8 April 2016 ท่องเมืองเก่า Stein am Rhine , Switzerland https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=tantailovegongtup&month=31-07-2016&group=24&gblog=8 Day2 :Schaffhausen Switzerland 2016 8 April 2016 Schaffhausen Switzerland https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=tantailovegongtup&month=01-08-2016&group=24&gblog=10 Day3: Leictenstein 2016 9 April 2016 เยือนประเทศแสนสงบ พระราชวังบนยอดเขา ป.Liechtenstein https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=tantailovegongtup&month=03-08-2016&group=24&gblog=12 Day4: Freiburg Germany 2016 10 April 2016 เยือนเมืองแห่งแสงอาทิตย์ Freiburg เยอรมัน https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=tantailovegongtup&month=07-08-2016&group=24&gblog=14 Day5: Pilatus & Rigi , Luzern Switzerland 2016 11 April 2016 วันเดียวตะลุย2ยอดเขา นั่งรถไฟไต่เขาขบวนเก่าที่สุดในยุโรป ท่องทะเลสาบ Luzern https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=tantailovegongtup&month=22-08-2016&group=25&gblog=1 Day6: Strasbourg France 2016 12 April 2016 เยือนดินแดนแห่งนกกะสา เมืองมรดกโลก Strasbourg France https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=tantailovegongtup&month=08-09-2016&group=25&gblog=6 Day7: St.Gallen & Appenzell Switzerland 2016 13 April 2016 พาเที่ยวเมืองกระดิ่งวัวสุดแสนน่ารัก https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=tantailovegongtup&month=30-08-2016&group=25&gblog=3 Day8: FIFA football museum & Zurich Switzerland 2016 14 April 2016 ลุยพิพิธภัณฑ์ฟุตบอล FIFA เปิดใหม่ในซูริค แฟนฟุตบอลห้ามพลาด https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=tantailovegongtup&month=02-09-2016&group=25&gblog=4 Day9: Innsbruck Austria 2016 15 April 2016 ประทับใจในออสเตรีย เมืองสีลูกกวาดกลางหุบเขา https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=tantailovegongtup&month=07-09-2016&group=25&gblog=5 Day10: Colmar France 2016 16 April 2016 เยือนฝรั่งเศส เมืองโบราณแสนสวย https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=tantailovegongtup&month=09-2016&date=25&group=25&gblog=8 Day11: Zermatt Switzerland 2016 17 April 2016 ตะลุยพายุหิมะ ตามหายอดเขา Matterhorn บนกล่องช็อคโกแลตToblerone โดยรถไฟสายGornergrat https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=tantailovegongtup&month=07-10-2016&group=25&gblog=11 Day12: Titlis Switzerland 2016 18 April 2016 เล่นหิมะบนยอดเขา Tislis รอบสอง สนุกสุดๆไปเลย https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=tantailovegongtup&month=05-11-2016&group=25&gblog=15 Day13: Milano Italy 2016 19 April 2016 เยือนมหาวิหาร Milano Duomo เดินชมแหล่งช้อปปิ้งสุดหรู Galleria Vittorio Emanuele และไปชะโงกดูสนามฟุตบอล Sansiro https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=tantailovegongtup&month=11-11-2016&group=25&gblog=16 Day14: Zurich Switzerland 2016 20 April 2016 เดินเที่ยวซูริคปิดท้ายทริป พาชิมร้านขนมเจ้าหญิง อำลา switzerland - BKK --------------------------------------------------------------------------- |
momarmy
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 91 คน [?] เทคนิคการแพทย์ที่มีฝัน รักการเดินทาง เขียนบันทึกการท่องเที่ยว และรักการถ่ายภาพลูกชายเป็นชีวิตจิตใจ มีความสุขทุกครั้งที่ได้เก็บกระเป๋า สะพายกล้องออกเดินทาง รักอิสระชอบวางแผนและเดินทางท่องเที่ยวเอง มีความฝันอยากพาผู้คนไปท่องเที่ยวให้มีความสุข บันทึกการเดินทางในบล็อคนี้คือการบันทึกวันเวลาแห่งความสุขเก็บไว้ และยินดีแบ่งปันประสบการณ์การเดินทางในการท่องเที่ยวด้วยตัวเองให้กับผู้ที่มีความฝันเหมือนกัน Group Blog
All Blog
Link |
||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |
จากสถานี Tgv เข้าเมือง ใช้เวลานานมั้ยคะ