ทางรอด
 
กันยายน 2550
 
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
30 
 
4 กันยายน 2550
 
 

งานหูจิ่ง-โผ่วโต่ว (ทักษิณานุประทาน-เปรตพลี) หรือ งานเทศกาลอุลลัมพัน วัดโพธิ์แมนคุณาราม

ในเดือนที่เจ็ด ตามปฏิทินจีน จะเป็นเทศกาลสารทจีน หรือเทศกาลอุลลัมพัน ซึ่งตามศาสนสถานต่างๆของชาวจีน จะจัดงานขึ้น แต่รูปแบบของการจัดงานของวัดมหายานจีนนิกายกลับแตกต่างออกไป ถึงอยากรวบรวมมาให้ดูกัน

ตำนานที่มาของเทศกาลอุลลัมพันตามคติมหายาน


จะประกอบไปด้วยตำนาน2ตำนาน

ตำนานแรก ตำนาน "เอี่ยมคาว"หรือ "เปรตพลี"

ตามพระสูตรมหายานชื่อ"เปรตมุขอัศนีชวาล" ได้บรรยายไว้ว่า ในสมัยพุทธกาล พระอานนท์เถระเจ้าซึ่งยังไม่ได้สำเร็จมรรคผล ได้เจริญวิปัสสนาอยู่ในที่สงัด พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร(กวนอิม)มีพระประสงค์จะอาราธนาพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแสดงพระธรรมเทศนาเกี่ยวกับการพิธีเปรตพลี จึงแปลงกายเป็นอสุรกายรูปร่างสูงใหญ่ มีเปลวไฟพุ่งออกจากปาก เมื่อจะทานอาหารใดๆไฟนั้นก็เผาผลาญเสีย ได้รับเวทนาอย่างมาก อสุรกายตนนั้นได้บอกแก่พระอานนท์เถระว่า ตนชื่อ "อัศนีชวาลมุข"(แปลว่าผู้มีเปลวไฟพุ่งออกจากปาก) หรือ"เอี่ยมค่าว" มีความทรมานจากการอดยาก เพราะกระทำกรรมหนัก จ๊าบจวงพระรัตนตรัย ไม่รักษาศีล ขอพระเถระโปรดอุทิศส่วนกุศลให้ด้วย หากพระเถระไม่ช่วย จะต้องถึงแก่มรณะภาพใน3 วัน พระอานนท์ได้ฟังก็มีความหวาดกลัวตามวิสัยปุถุชน ถึงเข้าเฝ้าสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า กราบทูลถามถึงวิธีแก้ไข พระพุทธองค์ทรงทราบด้วยพระญาณจึงทรงอธิบายว่า นั้นเป็นร่างแปลงของพระโพธิสัตว์กวนอิม เพื่อให้พระองค์ทรงแสดงพระสูตรเกี่ยวกับการ กระทำเปตรพลีอุทิศ ซึ่งได้เป็นพิธีปฏิบัติมาจนปัจจุบัน

ตำนานที่ 2 คือ พระมหาโมคคลานะเถระเจ้าผู้ได้รับการยกย่องจากพระพุทธเจ้าว่าเป็นผู้มีฤทธิ์มาก มีมารดาซึ่งมีมิจฉาทิฐิ ไม่เคารพในพระรัตนตรัย และไม่เชื่อในกฎแห่งกรรม ชอบฆ่าสัตว์ตัดชีวิต เมื่อสิ้นใจ ได้ไปเสวยกรรมหนักในอบายภูมิ เป็นเปรตในอเวจี อดยากหิวโหย พระมหาเถระซึ่งเป็นพระอรหันต์ได้รับรู้ด้วยญาณว่ามารดารับกรรมอันหนัก ก็เกิดสงสาร จึงเข้าญาณสมาบัติ นำอาหารใส่บาตร ลงไปในนรก เพื่อโปรดมารดา เมื่อมาถึงเมืองนรกประตูนรกปิดอยู่ ท่านบังเกิดความสังเวชที่ไม่อาจช่วยมารดาได้จึงนำไม้เท้าธุดงค์กดลงไปที่พื้น ด้วยเดชแห่งความกตัญญูของพระเถระ ประตูนรกก็เปิดออกให้ท่านได้เข้าไปพบมารดา เมื่อท่านพบมารดาได้มอบอาหารจากบาตรให้พอมารดารับอาหารในบาตรกลับกลายเป็นเปลวไฟ ไปหมดสิ้น มารดาท่านก้ไม่สามารถรับประทานได้ พระมหาเถระจนใจไม่ทราบว่าจะแก้ไข้อย่างไร จึงกลับมาทูลถามพระพุทธเจ้า พระพุทธองค์จึงทรง ชี้แนะว่า มารดาพระมหาเถระได้กระทำกรรมอันหนัก แม้พระมหาเถระจะทรงฤทธิ์ ก็เหลือกำลังที่จะโปรดให้พ้นทุกข์ได้ ต้องอาศัย บารมีของสงฆ์คือคณะสงฆ์ ในวันมหาปวารณา(วันออกพรรษา)โดยการถวายสังฆทานต่อคณะสงฆ์ (สังฆทานอันไม่เจาะจงพระสงฆ์เป็นทานอันมีกุศลมาก)และคณะสงฆ์อาศัยผลานิสงค์ ของ การบำเพ็ญ ศีล สมาธิ ในช่วงเข้าพรรษา นั้นอุทิศแด่ มารดาของพระมหาเถระก็จะช่วยให้มารดาพระมหาเถระพ้นทุกข์ได้

การเข้าพรรษาของคณะสงฆ์จีน จะเข้าตั้งแต่วัน 15 ค่ำเดือน 4 จนถึง 15 ค่ำ เดือน7 ตามปฏิทินจีน ฉะนั้น เทศกาลอุลลัมพัน จึง เป็นเทศกาล ในเดือน 7 และถูกแต่งเติมความเชื่อ ว่า เป็นเดือนผี เป็นเดือนที่ประตูนรกเปิด ทั้งที่เป็นเดือนที่ดีเป็นโอกาสให้พุทธศาสนิกชนสามารถ กระทำบุญอุทิศต่อผู้ล่วงลับโดยอาศัยบารมีจากอยู่จำพรรษาของพระสงฆ์ได้

จากทั้ง 2ตำนาน เมื่อมาผนวกกัน จึงเป็นช่วงงานเทศกาล กระทำ ทักษิณานุประทาน คือ การอุทิศส่วนกุศลให้ดวงวิญญาณบรรพบุรุษ และ เปรตพลีโยคะ คือ การให้ทานแก่ ดวงวิญญาณในภูมิอบายทั้ง6

เมื่อรู้เรื่องที่มาของเทศกาลอุลลัมพันแล้ว เราเดินเข้าไปดูพิธีกันดีกว่า


ป้ายบอกว่ากำลังจัดงานอุลลัมพัน



ทางวัดจัดข้าวสารไว้จำหน่ายเพื่อให้สาธุชนนำไปไหว้และจากนั้นก็บริจาคต่อมูลนิธิสงเคราะห์คนพิการต่อไปเพื่อเป็นทาน



ส่วนทางนี้เป็นที่ขายธูปเทียน ผลไม้ และกระดาษไหว้ สำหรับไหว้พระ และ บรรพบุรุษ กำไรถือว่าทำบุญถวายวัด



เครื่องกระดาษก็มีจัดจำหน่าย จริงๆมีเยอะกว่านี้ ในหอไตร มีทั้งบ้าน รถยนต์ ภูเขาทอง ฯลฯ




ป้ายบูชาวิญญาณบรรพบุรุษ บริเวณวิหารหน้า



หุ่นกระดาษไต้สื่อเอี้ย หรือหุ่นกระดาษรูปเปรตอัศนีชวาลมุข(เอี่ยมค่าว)ที่ยอดของหุ่นจะเป็นรูปพระโพธิสัตว์กวนอิมแสดงว่าเป็นร่างแปลง ที่ต้องตั้งหุ่น ขึ้นมาเพื่อ เจตนา2อย่าง คือ
1. สาธุชนเมื่อเห็นหุ่นแล้วเซ่นไหว้ จิตจะเป็นสมาธิจดจ่อต่อเปรตเอี่ยมค่าว ผลานิสงค์ก็จะไปสู่เหล่าเปรตได้เต็มที่ เพราะจิตแน่วแน่

2. เมื่อสาธุชนเห็นหุ่นแล้วก็จะเกิดความสงสัย ว่าหุ่นอะไรก็จะสอบถามกับพระสงฆ์ พระสงฆ์ก็จะอธิบายถึงที่มาที่ไปของหุ่นรวมถึง เหตุผลของการทำพิธี ด้วย นับเป็นการเทศนาเกี่ยวกับ อัศนีชวาลเปตรมุขสูตรไปในตัว

ในรูปนั้น พระสงฆ์กำลังทำพิธีเบิกเนตร และอัญเชิญดวงวิญญาณบรรพบุรุษและวิญญาณไร้ญาติมารับการอุทิศกุศล สังเกต ป้ายที่อยู่หน้าหุ่นกระดาษ ป้ายใหญ่สุด จะระบุว่า เป็นดวงวิญญาณอุบาสกอุบาสิกา ในทั้ง 3ภพ ถัดมา น่าจะเป็นป้ายบูรพาจารย์ ข้างซ้ายขวา เป็นอุบาสกชาย อุบาสิกาหญิง แยกกัน ล่างสุด เป็นป้ายของพระสงฆ์ที่มรณะภาพไปแล้ว โดยทางวัดจะตั้งป้ายให้ 3 ปี และที่ข้างๆหุ่นด้ามมือที่ชี้ออก จะเห็นโคมกระดาษมี กระดาษสีเหลือง ห้อย จะเป็นรายชื่อ บรรพบุรุษที่ญาติได้แจ้งชื่อไว้ เพื่อนำเข้าประกอบพิธีกงเต็ก


ป้ายบูชาวิญญาณบริเวณห้องสมุด



ป้ายบูชาวิญญาณบริเวณห้องเรียน(เก็งตึ้ง)



ป้ายบูชาวิญญาณบริเวณวิหารพระกษิติครรภ์โพธิสัตว์ ในรูป มีซือเฮียกำลังสวดอุทิศให้ดวงวิญญาณ(กงเล่ง)



ป้ายบูชาวิญญาณบริเวณ วิหารบูรพาจารย์ ในรูปจะเห็นสรีระท่านอดีตเจ้าอาวาสวัดโพธิแมน ท่านเจ้าคุณโพธิแจ้งมหาเถระ(ซือกง)



ป้ายบูชาวิญญาณบรรพบุรุษต้องผู้เขียนซึ่งอยู่ในวิหารบูรพาจารย์ ย้อนขึ้นไป3รุ่น ทั้งสองตะกูลของบิดามารดา ที่เห็นคาดสีแดง เป็นการปกปิดข้อมูลข่าวสารตัวเลขของป้าย เพื่อป้องกันการแทงหวย (ฮ่า......)


เหลือบไปเห็นป้ายบูชาป้ายหนึง น่ารักมาก เป็นป้ายที่ระบุว่า เป็นท่านพ่อตา ซึ่งโดยทั่วไปที่เห็นก็จะมี พ่อแม่ พี่น้อง ลุงป้าน้าอา ซึ่งดูปกติมาก พอเห็นป้ายนี้ แล้ว ผมยิ้มออกมาและคิดว่า ท่านนี้มีบุญที่ มีลูกเขยกตัญญูซึ่ง แสดงออกว่า ลูกสาวของท่านก็คงได้รับความรักจากลูกเขยเช่นกันไม่งันลูกเขยคงไม่ขอตั้งป้ายให้ท่านแน่ๆ(ขอปกปิดเลขที่ป้าย และชื่อของผู้ล่วงลับน่ะครับ เพราะผมไม่เจอท่านลูกเขยเลยไม่ทันได้ขออนุญาต แต่อยากยกย่องท่านเหลือเกิน)



พระสงฆ์สวดอุทิศให้ ดวงวิญญาณทั้งหลาย บริเวณแท่นพิธีบูชาไต้สื่อเอี้ย(ซึ่งจะเป็นตัวแทนของวิญญาณบรรพบุรุษและวิญญาณไร้ญาติ)


>
ข้าวสารที่สาธุชนนำมาไหว้ จะนำต่อไปบริจาคให้มูลนิธิสงเคราะห์คนพิการต่อไป



พระสงฆ์สวดขมากรรมพระพุทธเจ้าพันพระองค์ในพระอุโบสถ ขณะเดียวกันพระสงฆ์อีกคณะจะสวดอุทิศบริเวณแท่นไต้สื่อเอี้ย



สาธุชนร่วมสวดขมากรรมพระพุทธเจ้าพันพระองค์ด้วยเพื่ออุทิศให้ดวงวิญญาณ



โฉมหน้ายมทูตในนรก!!! น่ากลัวไหมครับ(แอบเห็นมีหน้าอุลตร้าแมนกับมดเอ็กซ์ด้วยล่ะ)




เจ้าหน้าที่วัดกำลังจัดเตรียมจำลองเมืองนรก ที่เห็นแผ่นกระเบืองจะสมมติเป็นประตูนรก และไข่ที่มีหน้ามีตานั้นเป็นเหล่ายมทูตทั้งหลาย ประตูที่เห็นเป็นประตูนรกทางทิศเหนือ



หุ่นกระดาษสีแดงหน้าเขียวนั้น เข้าใจว่าจะเป็นท่านยมบาล



ที่วงกลมไว้นั้นคือ มาลาวัชระสำหรับพระสงฆ์ใส่ และคฑาวัชระ ใช้สำรับประกอบพิธีกรรม เปิดประตูนรก(จำลองเหตุการณืในพระสูตรตำนานพระมหาโมคคลานะเถระลงไปโปรดมารดา)


พระสงฆ์เริ่มประกอบพิธี โดยพระสงฆ์ผู้เป็นประธานจะสวมจีวรสีแดง



ประตูนรกทางทิศตะวันออก ในเมืองนรกจะมีป้ายวิญญาณตั้งอยู่สมมติให้ดวงวิญญาณเสวยกรรมอยู่ในอบายภูมิ โดย จะมีประตูนรกใหญ่ 4ประตู และมีกระเบืองสมมติเป็นประตูนรกอีก 18 แผ่นแทนนรก18 ขุม



น่าเสียดายที่ผมไม่สามารถทะลวงเข้าไปถ่ายใกล้ๆได้+แสงไม่มี ภาพนี้พระสงฆ์กำลังประกอบพิธีเปิดประตูนรก โดยการสวดสรรเสริญ พระรัตนตรัย มีความหมายเป็นหลักธรรมว่า สรรพสัตว์จะพ้นจากอบายภูมิได้ ด้วยการเข้าถึงพระรัตนตรัย บำเพ็ญศีล และบำเพ็ญตามพระธรรมของพระพุทธเจ้า (นัยยะเป็นการสอนบุคคลที่มาร่วมงานกงเต็กนั้นล่ะ)





พระสงฆ์ประกอบพิธีชำระดวงวิญญาณ โดยมีหลักธรรมว่า การสำรวจในกาย วาจา ใจ เป็นการละเว้นอกุศลกรรมบททั้ง10 เมื่ละเว้นได้แล้ว จิตใจย่อมผ่องแผ่วผ่องใส บริสุทธิ์ ไม่มั่วหมอง(นัยยะสอนคนเป็นเช่นกัน)



พระสงฆ์ประกอบพิธีเพื่อเริ่มพิธีเดินข้ามสะพานโอฆสงสาร



ผู้เขียนฝีมืออ่อนหัด เมื่อจะถ่ายรูปช่วงนี้ ควันธูปที่สาธุชนจุดมาเยอะมาก และผู้เขียนไม่ได้ตั้งโฟกัสเป็นแม่นวล ดันทุรังใช้แต่ระบบอีโต้ เพราะไม่รู้ ภาพจึงออกมาเละๆแบบนี้อ่ะครับ ในภาพพระสงฆ์เจริญเมตตากรณียสูตร ทำพิธีเบิกสะพานโอฆสงสาร


สาธุชนรอทำพิธีข้ามสะพาน (ไม่ใช่รูปวิญญาณแต่เป็นเพราะควันธูปเยอะ แต่ดูขลังดีเนอะ)



พระสงฆ์นำข้ามสะพานโอฆสงสาร ซึ่งเป็นหลักธรรมว่า สรรพสัตว์ย่อมเวียนว่ายในโอฆวัฏฏะ




ทิ้งเงินก่อนขึ้นสะพาน เป็นหลักธรรมว่า เมื่อเราไปเกิด เราไปแต่ตัวทรัพย์สมบัติย่อมทิ้งไว้ และเป็นหลักธรรมปริศนาอีกขอว่าเมื่อเวียนว่ายเราใช้ผลบุญของเราไปตลอดถ้าเราไม่สะสมเพิ่มย่อมหมดไป


อยู่บนสะพานเปรียบเสมื่อนเรากำลังเสวยกรรมอยู่ในภพภูมิทั้งหก อันได้แก่ เทวดา มนุษย์ เดรัจฉาน นรก เปรต และ อสูรกาย


ทิ้งเงินตอนลงสะพาน เป็นหลักธรรมว่า เมื่อเราสิ้นลมจากภพชาตินั้น เราไปแต่ตัว ทรัพย์สมบัติเราต้องทิ้งไว้


การข้ามสะพาน จะกระทำข้ามไป 3รอบ เป็นหลักธรรมแทนการเวียนว่ายตายเกิด หลายภพหลายชาติ โดยที่ยังไม่อาจพบพระสัทธรรมเพื่อปฏิบัติตนให้หลุดพ้น


ข้ามสะพานกลับ 3รอบ เปรียบได้กลับเมื่อได้พบพระสัทธรรม และได้เวียนว่ายตายเกิดเพื่อบำเพ็ญบารมีแสวงหาทางหลุดพ้น(ตามหลักโพธิสัตว์ของคติมหายาน) สมกลับคำกล่าวว่า "ทะเลทุกข์ไร้ขอบเขต หวนคืนถึงขอบฝั่ง" ซึ่งพระสงฆ์จะจะสวดสรรเสริญพระโพธิสัตว์ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของการบำเพ็ญบารมีต่างๆ เช่นพระอวโลกิตศวร แทน เมตตาบารมี พระกษิติครรภ์โพธิสัตว์แทน อธิษฐานบารมีหรือมหาปณิธาน ตอนนี้ ผมได้เปลี่ยนเอา handdy camมาถ่ายภาพนิ่งแทน ภาพอาจออกมาไม่สวย


เมื่อเวียนขึ้นสะพานกลับครบ3รอบ พระสงฆ์จะไม่นำขึ้นสะพานแต่จะเดินขึ้นไปหน้าปะรำพิธีพระพุทธ(ในที่นี้ใช้พระอุโบสถแทนปะรำพระพุทธ) ซึ่งเป็นหลักธรรมแทนการหลุดพ้นจากวัฏฏจักรการเวียนว่าย โดยพระสงฆ์ได้สวดสรรเสริญแดนสุขาวดี เป็นสัญลักษณ์ของการหลุดพ้นตามหลักมหายาน

จากนั้นพระสงฆ์จะขึ้นไปสวดขมากรรมบนพระอุโบสถ และข้ามสะพานกลับมาอีก1รอบ ซึ่งแทนความหมายว่า พวกเรายังไม่พ้นทุกข์ต้องกลับมาบำเพ็ญกันต่อ

พอจบจากการข้ามสะพานก็จะเป็นพิธี โปรยดอกไม้ เพื่อบูชา พระพุทธและ พระโพธิสัตว์ทั้งหลาย



พิธีโปรยดอกไม้เพื่อบูชาพระรัตนตรัยและพระโพธิสัตว์ ในมลฑลพิธี พระสงฆ์ผู้เป็นประธานคือท่านเจ้าคุณเย็นเซียว รองเจ้าคณะใหญ่จีนนิกายแห่งประเทศไทยและ ท่านเจ้าอาวาสวัดมังกรกมลาวาส (เล้งเน่ยยี่)

เสร็จพิธีโปรยดอกไม้ วันสุดท้ายจะเป็นพิธีตันตระโยคะอุทิศ ซึ่งเป็นการอุทิศส่วนกุศลให้แก่ สรรพสัตว์ในภูมิทั้ง6

ซึ่งผมไม่มีรูปมาฝากจึงขอติดไว้ เมื่อมีพิธีนี้อีกเมื่อไรจะขอนำส่วนนี้มากฝาก เพราะ พิธีตันตะโยคะ นี้ มีจัดบ่อย กว่าส่วนพิธีกงเต็ก และผมอยากให้รับทราบถึง สาระหลักธรรมของพิธีกงเต็กมากกว่า แค่พิธีกรรมตามความเชื่อ จึงของทำเวปบล็อกนี้ เพื่อสรรเสริญคุณพระรัตนตรัย

สุดท้ายขอขอบพระคุณ คุณครูบาอาจารย์ทั้งหลายมีพระมหาปัญญาพระมัชชุศรีโพธิสัตว์ ท่านเจ้าคุณพระอาจารย์เย็นเต็กเป็นต้น คณะสงฆ์วัดโพธิ์แมนคุณาราม เจ้าหน้าที่วัด ทุกท่านด้วย

หากเวปบล็อกนี้ มีส่วนเป็นกุศล ขอถวายบูชาแด่พระรัตนตรัย ปวงพระโพธิสัตว์ทั้งหลาย และอุทิศให้แก่ สรรพสัตว์ซึ่งยังเวียนว่ายในสงสารวัฎ ด้วยเทิด

และหากเวปบล็อกนี้มีขอผิดพลาดประการใดขอโปรดอนุเคราะห์ชี้แจงแถลงไขด้วยผมจะได้ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงให้สมบูรณ์ขึ้น




南无大愿地藏王菩萨







 

Create Date : 04 กันยายน 2550
3 comments
Last Update : 5 กันยายน 2550 18:29:30 น.
Counter : 8575 Pageviews.

 

เมื่อวันเสาร์ก็ไปมาเหมือนกัน แต่ไปไหว้พระ กะ ไหว้เจ้าเฉยๆ ค่ะ

 

โดย: เพ็ญเพียงพอ 4 กันยายน 2550 17:09:42 น.  

 

ขอขอบคุณมากค่ะที่เขียนอธิบายให้เข้าใจ
ไปร่วมงานด้วยแต่ไม่เข้าใจว่าแต่ละพิธีมีความหมายอย่างไร

 

โดย: P IP: 202.57.176.136 12 กันยายน 2552 13:40:30 น.  

 

ขออนุญาตประชาสัมพันธ์
ขอเชิญชวนรวมศรัทธาพุทธบริษัทร่วมสร้างพระมหาเจดีย์ประชาสามัคคี พระสุทธิญาณเถระ(หลวงปู่สมชาย ฐิตวิริโย) วัดเขาสุกิม จ.จันทบุรี โอนเงินเข้าบัญชีวัดเขาสุกิม
ธนาคารกสิกรไทย สาขาถนนศรีรองเมือง เลขที่บัญชี 148-2-69684-4 , ธนาคารทหารไทย สาขาหนองคล้า เลขที่บัญชี 398-3-31019-2 ติดต่อพระอาจารย์ประสิทธิ์ชัย อตุลธรรมโม (พระติดตามหลวงปู่สมชาย ฐิตวิริโย) รองประธานการก่อสร้างพระมหาเจดีย์ 081-5201464,082-2598591

 

โดย: ปรีชา รัตนประสิทธิ์ IP: 182.53.29.196 13 กุมภาพันธ์ 2554 21:16:06 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

 

หนุ่มชาวบ้าน
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




[Add หนุ่มชาวบ้าน's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com
pantip.com pantipmarket.com pantown.com