เจาะไขกระดูกไปตรวจ
หลังจากที่คุณหมอด้านมะเร็งวิทยาบอกว่า คุณพ่อไม่ได้เป็นมะเร็งแล้วนั้น หลังจากนั้นก็เลยพาคุณพ่อไปตรวจด้านระบบประสาทที่ร.พ.ประสาท ที่คุณพ่อรักษาความดันโลหิตสูงอยู่ คุณหมอบอกว่า อาการที่คุณพ่อพูดไม่ชัด ไม่ได้เกี่ยวกับระบบประสาท และมี comment เกี่ยวกับเรื่องมะเร็งอีกว่า เป็นไปได้ที่จะหามะเร็งไม่เจอ แนะนำให้ไปเจาะไขกระดูกดู และให้กลับไปรักษาตัวต่อที่ร.พ.เดิม ไม่เห็นด้วยที่จะเปลี่ยนร.พ. เพราะมีประวัติการรักษาหมดแล้ว อีกอย่างที่ร.พ.พระมงกุฎก็เป็นสถานศึกษาของนักเรียนแพทย์อีกด้วย วันนั้นหลังจากออกจากร.พ.ประสาท น้องสาวก็ได้พาคุณพ่อมาพบคุณหมอที่ห้องฉุกเฉินที่ร.พ.พระมงกุฎต่อ หลังจากที่แผนกมะเร็งและแผนกอายุรกรรมไม่รับ บอกให้ไปติดต่อที่ห้องฉุกเฉินแทน และมีใบนำส่งจากร.พ.ประสาทมาด้วย เนื่องจากวันนั้นผลการเจาะเลือดต่ำกว่าปกติ อย่างที่คุณพ่อเคยเป็นบ่อยๆ คุณหมอก็ไม่ได้ให้เลือดในวันนั้น บอกให้มากินยาบำรุง และบอกคุณพ่อว่า หมอขอใส่สายยางซัก 6 เดือนให้อาหารทางสายยางได้ไหมคุณลุง ถ้าคุณลุงไม่ยอมกินร่างกายก็ไม่ไหว คุณหมอบอกว่า การให้เลือดไม่ใช่การรักษา ต้่องหาสาเหตุว่าทำไมเลือดจึงมีค่าต่ำกว่าปกติอยู่เรื่อยๆ ไม่ใช่เอะอะก็มาให้เลือด คุณลุงก็ต้องกินให้อาหารไปบำรุงสมองสร้างเม็ดเลือดด้วย น้องสาวบอกทีแรกก็ตกใจ แต่เข้าใจว่าอาจจะเป็นการขู่เล็กๆของคุณหมอก็ได้ เพราะคุณหมอบอกว่าคุณพ่อก็มีฟันเต็มปาก ทำไมไม่กิน อร่อยไม่อร่อยก็ต้องกิน สรุปจากที่ฟังวันนั้น น้องสาวบอกว่า เหมือนว่าคุณพ่อไม่ยอมกินเพราะไม่อร่อย กินอะไรไม่ถูกปากก็เลยไม่อยากกิน วันนั้นกลับมาบ้าน คุณพ่อยอมกินข้าวสวย กินกับข้าวอย่างอื่นนอกจากข้าวต้มปลาสลิด ก็เลยเย้าคุณพ่อกะน้องสาวว่า ต้องให้หมอขู่เหรอถึงจะยอมกิน พ่อบอกว่า กลัวจะต้องให้อาหารทางสายยางเหมือนแม่ น้องสาวบอกว่ากลัวจะกินแค่ไม่กี่วันน่ะซิ แล้วก็จริงอย่างที่น้องสาวว่า กินได้ 2 วัน ก้ขอกลับมากินข้าวต้ม-ปลาสลิดเหมือนเดิมอีก เลยไม่รู้จะทำอย่างไรเหมือนกัน
หลังจากนั้นก็ไปพบคุณหมอด้านมะเร็งวิทยา เอาจดหมายจากที่ร.พ.ประสาทไปให้ดูด้วย น้องสาวบอกคุณหมอไม่เปิดเลย บอกไม่แปลกใจซะอีก บอกว่าเป็นไปได้ตามที่บอกเรื่องเจาะไขกระดูกดู แล้วบอกว่าถ้าเจาะเจอมะเร็งแล้วยังไง คนไข้ก็ให้คีโมไม่ได้ ฉายแสงก็ไม่ได้ คือทำอะไรไม่ได้เลย เพราะร่างกายอ่อนแอมาก รับไม่ไหว แต่ถ้าอยากจะเจาะเพื่ออยากรู้ แล้วถ้าไม่ใช่ก็หาทางรักษาต่อไปก็ได้ น้องสาวก็มาเล่าให้ฟังว่า แบบนี้ก็เหมือนหมอรู้อยู่แล้วซิ ไม่ได้มีอาการแปลกใจหรืออะไร แล้วคราวที่แล้วที่สรุปให้บอกว่าไม่เป็นมะเร็งแล้วหมายความว่าไง เหมือนไม่อยากรักษาต่อ หายังไงก็ไม่เจอก็เลยจบ แล้วรักษาตามอาการเหรอ ได้ยินน้องสาวเล่าให้ฟัง แล้วเลยคิดว่าคุณหมอเค้าคงคิดว่า ไม่มีทางรักษาอยู่ดีถ้าเป้นมะเร็งก็เลยเหมือนให้อยู่กับครอบครัวรึเปล่า ไม่เข้าใจเหมือนกัน แต่สรุปแล้วก็ส่งคุณพ่อไปแผนกโลหิตต่อให้ดูโดยตรง ถ้าจะมีการเจาะก็ให้คุณหมอทางด้านนี้ดูว่าสมควรจะเจาะหรือไม่ เราก็เอ้า กลายเป็นงั้นไป
หลังจากไปพบคุณหมอด้านโลหิตแล้ว คุณหมอให้เจาะไขกระดูก แต่น้องสาวบอกว่า ไม่ได้เจาะไขสันหลังเพราะอันตรายมาก แต่เจาะตรงสะโพกด้านหลัง คุณพ่อบอกเป็นหมอฝึกหัดเจาะ 2-3 ครั้งกว่าจะเจาะได้ ได้ยินหมอคุยกันว่าต้องมีเสียงดังกึกถึงจะได้ พ่อบอกไม่เห็นจะได้ยินซักที แล้วหมอนัดอีก 2 อาทิตย์ฟังผล ตอนนี้ก็เลยได้แต่รอหลังปีใหม่เลย วันนั้นหลังจากกลับมาบ้าน คุณพ่อก็ยอมกินอาหารอื่นอีกนอกจากข้าวต้ม เลยบอกคุณพ่อว่า สรุปแล้วพ่อกินได้ แต่ไม่อยากกิน ลูกๆก็ขู่กันว่า ตอนที่กินได้ก็กินซะก่อนที่จะไม่ได้กิน ต้องให้อาหารทางสายยางก็ไม่รู้ด้วยแล้ว ถ้าไม่รักตัวเอง ถึงตอนนั้นจะมาร้องกินก็ช่วยไม่ได้แล้ว รู้สึกว่าจะต้องขู่แทนปลอบถึงจะยอมกิน น้องสาวบอกว่า พูดมากเดี๋ยวพ่อไม่กินมันซะเลย เลยขำๆกันไป มีอีกอย่างที่คุณหมอบอกคือถ้าร่างกายอ่อนเพลียเมื่อไหร่ก็คือต้องมาให้เลือด แต่จริงๆต้องให้เลือดก่อนจะอ่อนเพลีย เพราะไม่งั้นคนไข้ก็ไม่มีแรงแบบนี้แหล่ะ ให้ยังไงก็ไม่มีเรี่ยวแรงขึ้นมาหรอก อาจจะประมาณ 2 อาทิตย์มาให้เลือดทีมาไหวมั้ย ก็เลยไม่รู้ว่าอาการที่หมอว่านี่คืออะไรที่ต้องมาให้เลือดบ่อยๆแบบนี้ น้องสาวบอกว่าไม่ได้ถามหมอหรอก ไว้รอฟังผลดีกว่า ไม่อยากจะคิดว่าเป็นมะเร็งในเม็ดเลือดหรือเปล่า เหมือนมะเร็งไปทำให้ไขกระดูกไม่สร้างเม็ดเลือด หมอบอกว่าพ่อไม่มีเลือดออกจากตรงไหนเลย อาจจะเป็นตัวมะเร็งที่กินเข้าไปในเม็ดเลือด อันนี้เป็นหมอที่ร.พ.ประสาทและหมอที่ห้องฉุกเฉินสันนิษฐานก่อนหน้าที่จะมาพบคุณหมอด้านโลหิตวิทยา
แต่ตอนนี้ก็ไม่รู้สึกว่าคุณพ่อกังวลอะไรมากนัก ดูเหมือนจะเชื่อว่าเป็นโรคเลือดมากกว่าจะเป็นมะเร็ง และเห็นมีคนไข้อื่นอายุรุ่นราวคราวเดียวกับคุณพ่อที่เป็น กินยาเป็นกำๆเลย มาให้เลือดทุก 2 อาทิตย์ เลยเหมือนพ่อสบายใจขึ้นหรือเปล่าอันนี้ไม่แน่ใจ ฟังจากน้องสาวมาเล่าให้ฟังอีกที ตอนนี้พวกเราแค่ขอให้คุณพ่อกินข้าวได้ มีเรี่ยวแรงขึ้น ก็พอใจแล้ว ไม่อยากเครียดกับเรื่องโรคแล้ว คิดไปก็หดหู่เข้าไปอีก อันนี้แหล่ะที่จขบ.เองคิดตลอดเวลาว่าพ่อน่าจะมีอะไรผิดปกติมากกว่าผลการตรวจของหมอที่ผ่านๆมา เพราะยังไม่เจอโรคก็ยังไม่สบายใจอยู่ดี เพราะมันเหมือนไม่มีทางรักษาคุณพ่อได้ นอกจากให้ยาให้เลือดไปตามอาการแบบนี้ไปเรื่อยๆ มันก็ดูแปลกๆยังไงชอบกล ยังไงก็อยากให้รู้ผลไปเลยว่าเป็นอะไร จะได้ตั้งหลักรับกับมัน อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด แต่อยู่ที่เราจะต่อสู้กับมันอย่างไรต่อไปนี่แหล่ะสำคัญ
Create Date : 24 ธันวาคม 2552 |
|
68 comments |
Last Update : 24 ธันวาคม 2552 19:42:03 น. |
Counter : 4114 Pageviews. |
|
|
|