เล่นหุ้น หรือ ลงทุน..ทำไม??
มีคนเขียนบทความเกี่ยวกับการลงทุน และการเล่นหุ้นที่ดี ๆ อยู่มากมาย แต่คนอ่านจำนวนไม่น้อย ก็ยังหลงคิดว่า การเล่นหุ้น และ การลงทุน เป็นเรื่องเดียวกัน แรก ๆ คนเขียนเองก็เป็นคนหนึ่งที่คิดเช่นนั้น เพราะคิดเองว่าเราก็เอาเงินมาลงทุนนี่หว่า จะคิดทำไมว่าเป็นนักลงทุน หรือนักเกร็งรายย่อย มันก็เหมือน ๆ กันนั่นแหล่ะ พอได้เข้ามาสัมผัสจริง ๆ ก็รู้ในที่สุด ว่ามันแตกต่างกันมาก เพราะการเล่นหุ้น ไม่จำเป็นต้องรู้อะไรมาก ไม่ต่างกับเล่นการพนัน ไม่จำเป็นต้องมีหลักการอะไรมากมาย ตัวไหนตั้งท่าวิ่งก็ช้อน วิ่งไปสักหน่อยได้กำไรพอก็ขาย ใครให้ซื้อตัวไหนก็ซื้อตาม เค้าเดาถูกเราก็ได้กำไรไป เค้าเดาผิด เราก็ขาดทุน ไอ่ที่หลงเชื่อคนเชียร์ชนิดทุ่มหมดเนื้อหมดตัวก็Xวยไป แต่การลงทุนนั้น มีอะไรมากกว่าแค่การฟังตามเค้าว่า หรือขอตัวย่อกันแบบเล่นหวยรายวัน การลงทุนนั้นมีหลักการเหมือนจะเยอะ สุดท้ายหัวใจสำคัญก็ไม่ได้มีอะไรมากไปกว่าการหา "ความเป็นไปได้ที่จะทำผลกำไรสูงสุด" จากการร่วมเป็นหุ้นส่วนกิจการใดกิจการหนึ่งใครจะใช้หลักการไหน อย่างไรเหตุผลที่แต่ละคนเลือกตัวหุ้นนั้นก็แตกต่างกันไปตามสไตล์การลงทุน แรงจูงใจเดียวกันหรือปัจจัยหลักที่ทำให้เม่าน้อยเม่าใหญ่พากันบินเข้ามาร่วมระเริงรื่นกันในตลาดหลักทรัพย์ ก็เพราะต้องการ "ความสำเร็จในการลงทุน" เรียกให้หรู ๆ ให้เหมาะกับนักลงทุนส่วนใหญ่ที่รวยกันอยู่แล้ว แต่ยังสนุกกับการวัดฝีมือในสังเวียนนี้อยู่ แต่...สำหรับนักเก็ง(จนตัวเกร็ง)กำไรระยะสั้นแรงจูงใจเดียวก็คือ "เงิน" นั่นเอง ที่ทำให้พ่อบ้านแม่เรือน นักเรียน นักศึกษา เข้ามาหาค่ากับข้าว ค่ามือถือ ค่าเทอม กระทั่งคนวัยเกษียณที่หาความสำราญกับการนั่งมองกระดานหุ้น ช้อนซื้อเทขายกันอย่างสนุกสนานราวเป็นการละเล่นให้แก้เครียดคลายเหงา กลุ่มนักลงทุนเค้าจะไม่ค่อยขายหุ้นกันบ่อย ๆ ยิ่งพวกรักหุ้นมูลค่าหรือที่เรียกติดปากว่า VI เค้าเก็บกันข้ามภพข้ามชาติเลยทีเดียว แบบ Warren Buffett ที่เก็บมาตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัย และเก็บออมเรื่อย ๆ กระทั่งแก่ปูนนี้ เงินที่มีก็น่าจะถมที่ได้หลายร้อยไร่ ตามข่าวที่ว่าแกเป็นมะเร็งต่อมลูกหมากระยะแรก ตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าอาการดีขึ้นหรือยัง อันนี้ก็ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องการลงทุนของเค้าสักหน่อย แค่ห่วงสุขภาพก็เท่านั้น กลุ่มนักเก็งกำไรรายย่อยจำนวนไม่น้อยที่ก้าวเข้ามาเพราะอยากเป็นแบบ Warren แต่ท้ายที่สุด ก็ติดหล่มความสนุกสนานในการกอบโกยกำไรระยะสั้น ๆ กันหนึบหนับ ทั้งที่เป้าหมายแรกนั้นอยากลงทุนระยะยาว เก็บไว้เป็นปี ๆ หรือเป็นหลักประกันให้ลูกหลานได้ใช้จ่ายในอนาคต บางคนได้ตลอดไม่มีเสียก็ถือว่าดีไป แต่คนที่ไม่ได้โชคดีไปซะตลอดก็มีโอกาสเสียเงินเก็บทั้งชีวิตไปกับหุ้น จนติดหนี้ติดสินท่วมหัวก็มีให้เห็น เพียงแต่ไม่มีใครเอามาพูดถึง ถ้าเราถามใจตัวเองให้ชัดเจน ว่าต้องการอะไรในชีวิต ความมั่นคงทางการเงินระยะยาว สำหรับครอบครัวและบั้นปลายชีวิต หรือ เพิ่มช่องทางการหาเงิน เพื่อนำไปจับจ่ายใช้สอยเป็นครั้งคราว เราก็คงรู้แนวทางของตัวเองว่าจะต้องระมัดระวังแค่ไหน อาจมีไม่น้อยที่ต้องการทั้งสองอย่าง คือ หาเงินใช้รายเดือน เพิ่มจากเงินประจำและ เก็บออมหุ้นมูลค่าเพื่ออนาคต อันนี้ก็สามารถจัดพอร์ทได้ แตกต่างกันไป เรื่องการจัดสัดส่วนการลงทุนให้ชัดเจนนั้นเป็นเรื่องสำคัญมากเรื่องหนึ่งที่คนเขียนก็เพิ่งจะได้บทเรียนราคาแพง จึงอยากแนะนำผู้เริ่มก้าวเข้ามาร่วมวงการ หรือมือ(เม่า)ใหม่หัดบิน ให้พึงระวัง หากเรามีเป้าหมาย ทั้งระยะสั้นและยาว ก็ควรจัดให้เป็นสัดส่วน และมีวินัยในการซื้อขาย ไม่ควรไล่ราคาซื้อเพราะข่าวที่กระพือ "ราคาเป้าหมาย" เหมือนแสงไฟสีสดใสที่ล่อหลอกให้เม่าอย่างเราเข้าไปติดจนปีกหางขาดวิ่น หรือถึงกับปางตาย เวลาหุ้นราคา ร่วงเราก็ต้องรู้ว่ามันร่วงเพราะเหตุใด แค่การเทขาย หรือปัจจัยอื่น ๆ อย่าผลีผลามขายตามกระแส โดยเฉพาะถ้าเราวิเคราะห์ตัวหุ้นมาดีแล้ว และมีความเข้าใจในกิจการนั้น ๆ อย่างถ่องแท้ เมื่อราคาตกก็สามารถซื้อเฉลี่ย หรือ ทำกำไรในยามขาลงได้ ขอให้เชื่อมั่นในตัวเอง ความรู้สึกแรกที่อธิบายได้ ความชอบ บวกความเข้าใจและศรัทธาในตัวผู้บริหารกิจการที่เราร่วมลงทุน จะทำให้เราเก็บหุ้นมูลค่าไว้ได้จนมันให้ดอกออกผลอย่างที่เราต้องการ แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่ความโลภ หรือความกลัว เข้าครอบงำ ทำให้อยากขายหรืออยากซื้อหุ้นที่กำลังวิ่งโทง ๆ อยู่นั้น เราต้องกำหนดใจและตั้งสติดี ๆ ว่าตัวนี้คือหุ้นประเภทไหน ซื้อไว้เพื่อเก็บยาวหรือเก็งกำไรระยะสั้น ทุนของเราเท่าไหร่ จะถัวเฉลี่ยหรือ short against port จะเข้าซื้อสูงไปหรือไม่ ดูกราฟแล้ว ขาขึ้นหรือขาลง ปริมาณซื้อขายมีเท่าไหร่ ซื้อราคาสูงขนาดนี้แล้วใครจะรับต่อ ราคาต่ำขนาดนี้ ถ้าซื้อไว้แล้วรอให้มันวิ่งสี่คูณร้อยภายในสองสามวันจะเป็นไปได้มั้ย อย่าทำให้ตัวเองอยู่ในสภาวะกดดันโดยไม่จำเป็น ต้องรู้จักปล่อยวาง และทำใจ ยอมรับความจริง ขายหมู ก็ดีกว่าไม่มีของขาย ขายของไม่ออกที่ราคาเป้าหมาย แต่ยังขายได้ที่ต้นทุน ก็ยังดีกว่าตัดใจ cut loss ไม่เป็น เว้นเสียแต่ ไม่มีจุดที่เราเรียกว่าเสียประโยชน์ เงินเราเย็นเจี๊ยบ กิจการดี รอผลประกอบการ ข้ามสามปีสี่ปีได้ ก็ไม่ต้องไปตามกระแสตัดความสูญเสียกับชาวบ้านเค้า ที่เขียนมายืดยาวนี้ก็เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวตลาด(หลักทรัพย์)รายย่อยมือใหม่อย่างเรา จะบอกว่า...ควรสรุปประเด็น(จะในใจ หรือเขียนก็ได้นะ) ให้ชัดเจนว่า เราจะ "เล่นหุ้น" หรือ "ลงทุน" เพื่ออะไร มีความรู้ ความเข้าใจในหุ้นแค่ไหน จะได้เดินทางไปอย่างมีจุดหมาย ไม่ต้องเป็นทุกข์ ไม่ต้องหนาวบนดอย ไม่ต้องคอยรถมารับ ตั้งราคาเป้าหมายไว้ขายแล้ว ให้ขาย อย่าอ้อล้อ พอราคาร่วงแล้วมาบอก "รู้งี้ ขายซะแต่แรกก็ดีหรอก" หุ หุ หุ ใครที่ได้กำไรแล้ว อย่างหนักบ้าง เบาบ้าง อย่าลืมทำบุญให้ทาน กันด้วยนะจ๊ะ บุพการี ญาติ พี่น้อง ควรเจือจานท่านอย่าให้ขาด แล้วบุญกุศลจะส่งให้มีโชคมีลาภยิ่ง ๆ ขึ้นอีกจ้า อ้อ..ช่วยเหลือองค์กรการกุศลบ้างด้วยก็ยิ่งดี ทั้งคนยากไร้ พิการ สัตว์พิการ ฯลฯ รอคอยความช่วยเหลือ กันอยู่อีกมากมาย เงินทองหาไม่ยากเท่าน้ำใจ ความซาบซึ้งใจที่ได้ "ให้" มีมูลค่ามากมายมหาศาล ยิ่งใหญ่เกินกว่าเงินทองที่มากมายท่วมหัวจะทำให้รู้สึกเช่นนั้นได้ ขอให้โชคดี ร่ำรวยกันทุกคน นะจ๊ะ
Create Date : 26 เมษายน 2555 |
|
9 comments |
Last Update : 26 เมษายน 2555 4:05:04 น. |
Counter : 1194 Pageviews. |
|
|
|