I won't live 100 years but I will live 100%
Group Blog
 
 
สิงหาคม 2551
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
2 สิงหาคม 2551
 
All Blogs
 
เลห์ ลาดักห์ ที่พักแห่งศรัทธาของคนแรมทาง

เมื่อ 13 ปีก่อน ได้ไปเที่ยวอินเดียเหนือ เมืองซิมล่า และ ธรรมศาลา
กับคณะอาจารย์จากศิลปากร ประสบการณ์ที่ล้ำค่าคือกลุ่มเราได้เข้าเฝ้าองค์ดาไลลามะ และ ได้ร่วมการสนทนาธรรมกับท่าน ตอนหนึ่งของบทสนทนา ท่านบอกว่าไม่เคยสิ้นหวังที่จะได้กลับไปธิเบต ที่จะได้เห็นสันติภาพกลับคืนมายังธิเบต ถึงแม้จะถูกบีบคั้นจากจีนปานใด ท่านบอกว่าศรัทธาของท่านยังมีเต็มเปี่ยม

จำได้ว่าตลอดเวลแห่งการพูดคุย พระพักตร์ของท่านเบิกบาน ผ่องใส และหัวเราะเสียงดังระหว่างการพูดคุย เราเห็นก็ให้รู้สึกหัวใจฟูฟ่อง ปิติ และศรัทธาในสิ่งที่ท่านคิด นี่คงเป็นรัศมี เป็นบุคลิกภาพของผู้นำทางจิตวิญญาณอย่างแท้จริง ไม่แปลกใจเลยที่คำสอนของท่านจะจับใจคนต่างชาติจำนวนมากทั่วโลกไม่เพียงแต่ชาวธิเบต ชาวลาดักห์ที่รักและศรัทธาท่านเต็มหัวใจ ( จากการได้พูดคุยกับชาวลาดักห์ เห็นเช่นนั้น)

ครั้งนั้น ท่านประทานพระพุทธรูปองค์เล็กๆใส่มือให้ทุกคน แทนผ้ากะตะสีขาวที่ชาวธิเบตที่นับถือพุทธมหายานจะได้รับไปบูชา

จากนั้นมา ความรู้สึกอยากไปธิเบต อยากไปเห็นความยิ่งใหญ่ขอลาซาลสักครั้งก็เกาะกุมหัวใจ แต่ก็ยังไม่มีโอกาส แต่..อ่านพบว่าที่แคว้นลาดักห์ มีเมืองหลวงชื่อเลห์ เป็นแคว้นทางตอนเหนือของอินเดียที่มีชายแดนติดกับปากีสถาน จีน และมีหนทางเชื่อมต่อไปถึงธิเบต จึงมีชาวธิเบตจำนวนมากที่ลี้ภัยจากการรุกรานของจีนมาอยู่ที่นี่เป็นดินแดนที่เค้าเรียกกันว่า"ธิเบตน้อย"

ลาดักห์เป็นถิ่นอารยธรรมเก่าแก่ของโลกที่พุทธศาสนานิกายมหายาน (วชิรญาณ) มีความรุ่งเรืองตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ในอดีต ที่นี่ส่วนหนึ่งของเส้นทางการค้าสำคัญที่เรียกันว่าเส้นทางสายไหม เป็นเส้นทางที่พระถังซัมจั๋งเดินทางมาอัญเชิญพระไตรปิฎก เนื่องจากมีลักษณะเป็นที่ราบในหุบเขา ที่โอบล้อมด้วยปราการเทือกเขาสลับซับซ้อนจากโลกภายนอก จึงได้ชื่อว่าวัฒนธรรม ความเป็นอยู่ของผู้คนที่นั่น มีความเป็น " ธิเบต"
มากกว่าลาซาล

ปีหนึ่งๆ ธรรมชาติจะเปิดให้คนนอกเข้าไปเยือนลาดักห์ได้เพียงช่วงมิถุนายน-ตุลาคม นอกนั้นหนทางจะถูกปิดเพราะหิมะ ไปได้ทางเดี่ยวคือเครื่องบินซึ่งก็บินไม่ได้ทุกวันเพราะสภาพอากาศ หน้าหนาวที่นั่นอากาศติดลบ 30 องศาเซลเซียส

โชคดีที่ //www.painaima.com ได้จัดทริปไปลาดักห์ในช่วงที่ลาหยุดยาวได้ ในช่วงเดือนกคที่ผ่านมาก ฝันก็เลยเป็นจริง เราเลยได้ไปสัมผ้ส ความศรัทธาของชาวลาดักห์ ชาวธิเบตอพยพ ที่ยังมีอยู่เต็มเปี่ยม
ต่อสิ่งที่เค้าเชื่อและนับถือ





ด้านหน้าของภูเขาคือสถานที่ที่องค์ดาไลลามะ จะเสด็จประทับและโปรดชาวลาดักห์





เดือนกค ยังไม่เข้าหน้าร้อนเสียทีเดียว ยังมีฝนตกบ้างประปราย ช่วงที่เราไปเป็นช่วงที่มีฝนตกหนักในรอบสิบปีที่อินเดีย ทั้งที่ลาดักห์อยู่ในเขตเงาฝน ก็พลอยมีฝนตก ฟ้าครึ้มไปกะเค้าด้วย

มองไปทางไหนจะเห็นแต่ภูเขาสีน้ำตาลโอบล้อม แต่ยังพอมีสีเขียวสี เหลืองของพืชผลที่ชาวบ้านปลูกไว้ในทุ่งนาให้พักสายตามั่ง ทุ่งนี้ชาวบ้านปลูกไว้เลี้ยงสัตว์




ที่ราบระหว่างหุบเขา คือ อู่ข้าว อู่น้ำของลาดักห์ นอกจากข้าวบาร์เล่ ชาวลาดักห์จะปลุกแอ็บเปิ้ล พลัม แอพพลิคอท น้ำที่ใช้หล่อเลี้ยงการเกษตรมาจากหิมะที่ละลาย ( รูปนี้ถ่ายจากในรถค่ะ มันจะเอียงๆ นิโหน่ย)



สถูป เจดีย์ และ ก้อนหินที่สลักมนตรา " โอมมณี ปัดเม หุม" มีให้เห็นทุกหนทาง ( ถ่ายจากในรถอีกเช่นกัน)




จากโรงแรมที่เราพัก มองเห็นพระราชวังเก่าคือ พระราชวังเลห์ และ สตอกได้ชัดเจน



คาร์ดุงลา (Kardungla) ว่ากันว่าเป็นถนนที่สูงที่สุดในโลก ต้องไต่เขาหลายสิบลูกกว่าจะไปถึง ทางวิบากเอาเรื่องเลย แต่วิวหระหว่างทางสวยมาก เป็นเส้นทางขนส่งเสบียงของทหาร ที่ตั้งฐานอยู่ประชิดชายแดนปากีสถาน ถัดต่อไป

ที่นี่อยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเลกว่า 5000 เมตร (จำนวนฟุตดดูจากป้ายค่ะ)
โชคดีที่รอดจากการป่วยเพราะแพ้ความสูงจากที่อยู่บนนั้นมาหวุดหวิด เพื่อนบางคนเป็น แต่เกือบแย่จากการดมควันพิษจากรถบรรทุกเล่นเอายืนโงนเงน ต้องกลับมานั่งพักในรถ เดินไปไหนไม่ได้ไกล

ยิ่งสูงอ็อกซิเจนจะเบาบางมาก ตอนไปถึงหิมะตกอีกต่างหาก ฟ้าครึ้ม ขาวขุ่น แล้วก็แดดเปรี้ยงราวสิบนาทีต่อมา ลงมาจับไข้เลยค่ะ




จุดชมวิว ด้านหนึ่งของคาร์ดุงลา ไม่มีปัญญาถ่ายแล้วค่ะ ยืนยังแทบจะไม่ติดพื้น ธรรมดาเราไม่ควรอยู่บนบั้นนาน สักครึ่งชั่วโมงก็น่าจะพอ สำหรับคนที่มาจากที่ราบต่ำอย่างพวกเรา ร่างกายยังปรับไม่ได้ดีค่ะ


Create Date : 02 สิงหาคม 2551
Last Update : 2 สิงหาคม 2551 18:08:14 น. 24 comments
Counter : 2011 Pageviews.

 
มาคอยเฝ้าชื่นชมค่ะ
อยากไปลาดักมาก ๆ เลย คราวที่แล้วไปแค่แคชเมียร์ ได้ไปกุลมาร์ค โซนามาร์ค
ได้เห็นชายแดนทิเบตน้อยอยู่ลิบ ๆ
ตั้งใจว่า...วันหนึ่งฉันจะไป

วันนี้จึงขอตามไปอย่างกระชั้นชิดค่ะ


โดย: ชิงดวง วันที่: 2 สิงหาคม 2551 เวลา:17:25:28 น.  

 
ขอบคุณค่ะคุณชิงดวงที่เข้ามาพูดคุยกัน
หากมีโอกาส อยากให้ไปเห็นซักครั้งค่ะ ตอนที่ร่างกายยังแข็งแรง ลาดักห์สวยงามดั่งค่ำล่ำลือ

ต้องขอโทษด้วยนะคะ หากจะโหลดช้าไป
เพราะเอารูปใหญ่ๆ ( ขี้เกียจย่ออีก) ไปแปะไว้ที่คูหาแรกหมด


โดย: ทากลูกหมู วันที่: 2 สิงหาคม 2551 เวลา:17:43:32 น.  

 
เห็นในสารคดีท่องเที่ยว กี่ครั้งก็สวย อยากไปมั่งจัง เราไปเหนือสุดแค่ Amritsa เมืองติดชายแดนปากีฯ ปัญจาบว่าสวยแล้ว แต่คงไม่สู้ลาดักนะคะ งามแบบธรรมชาติ


โดย: พ็อบเบิ้ล IP: 58.9.3.58 วันที่: 2 สิงหาคม 2551 เวลา:18:36:43 น.  

 
จากเดลี เราเลือกที่จะบินไปลาดักห์ไฟล์เช้าตรู่ จากลาดักห์เรามีแผนจะไปแคชเมียร์ต่อทางรถยนต์

ช่วงที่เครื่องบินลดระดับลง ภาพทะเลภูเขาที่สลับซับซ้อน
เบื้องล่างทำให้เราตื่นเต้นมาก งดงามและยิ่งใหญ่เกินคำบรรยาย ได้แต่เก็บภาพไว้ในใจ

ช่วงที่เท้าเหยียบแผ่นดินลาดักห์ ตื่นเต้นมาก เตือนตัวเองให้เดินช้าๆ ค่อยๆยุรยาตร เพื่อปรับตัวให้ชินกับสภาพอากาศที่มีออกซิเจนเบาบาง

เก้าโมงเช้า ถึงโรงแรมที่พักก็นอนพักผ่อนไปจนเที่ยงครึ่ง
ถึงได้ลุกมาทานอาหารตอนบ่าย แล้วก็นอนพักผ่อนอีก สี่โมงเย็นถึงได้ออกไปเดินชมเมือง วันนี้จะเป็นวันพักผ่อน เพื่อปรับสภาพร่างกายให้เคยชินกับความสูง เพิ่งรู้ว่าการอาบน้ำและแต่งตัวก็ทำให้เหนือยได้

ต้องขอบคุณน้อง Honey Lemon ที่ให้คำแนะนำเรื่องการกินยา Diamox เพื่อป้องกัน altitude sickness

ต่อไปนี้เป็นการรายงานผล และ เพื่อเป็นการแบ่งปันความรู้ให้ผู้ที่จะเดินทางไปลาดักห์ หรือไปเที่ยวที่มีความสูงมากๆ

เพราะว่าพี่มีภารกิจรัดตัวมาก พี่เลยเลือกไปกินยาคืนแรกที่ถึงเดลี แทนที่จะกินที่บ้านสักสองวันก่อนเดินทาง ให้ร่างกายชินกับอาการข้างเคียง ผลคือ ร่างกายขับปัสสาวะอย่างหนักหน่วง เรียกว่าอยู่ไม่สุขเลย ส่วนเพื่อนพี่ท้องไส้ปั่นป่วน ท้องเสียทันที หลังกินยาไม่นาน

สำหรับพี่ วันที่สองที่ไปดูระบำหน้ากากที่วัดเฮมิส ทุกข์มากจากอาการปวดฉี่ จนไม่อาจทำใจให้ชื่นชมการแสดงได้ ในที่สุด ต้องแหวกฝุงชนแน่นขนัดออกมาก่อนการแสดงจบ จากนั้นเกิดอาการไม่สบายตัวอย่างหนัก กลางคืนนอนไม่ค่อยหลับ ลุกเข้าห้องน้ำบ่อยมาก ก็เลยหักดิบ เลิกกินยา หลังจากกินได้สองวัน เลือกทำอย่างอื่นทดแทน

1. จิบน้ำขิงอุ่นๆ ที่เตรียมไปตลอดเวลา พกกระติกน้ำร้อนไปจากเมืองไทยไปเวิร์คจริงๆ

2. กินขิงก้อน ( แช่อิ่มแบบแห้ง น้องในทริปซื้อจากสนามบินสุวรรณภูมิ)

3. ขับถ่ายเป็นเวลา พยายามไม่อั้น ( ขนาดนั้น กลับมาเป็นไข้สูงอยู่สองวันเพราะทางเดินปัสสาวะอักเสบ )

4. กินอาหารแค่ครึ่งกระเพาะ เลือดจะได้ไปเลี้ยงสมอง
ไม่ปวดหัวง่าย อยู่ลาดักห์ กินอาหารไม่ลงเลย ทั้งที่อาหารโรงแรมอร่อยมาก ดีมาก แต่พวกเราจะไม่สบายตัว จนไม่อยากอาหาร เชฟยืนหน้าเศร้าทุกวัน

5. อย่าให้พุงหนาวเป็นอันขาด ใส่เสื้ออุ่นๆ อุ อุ พลาดไปวันที่ไปดูระบำหน้ากาก ใส่เสื้อตัวเดียวไป ฝนตก หนาว ผลท้องเย็นจนรู้สึกว่าท้องเป็นตะคริว

6. เวลานอน ต้องเปิดหน้าต่างให้อากาศถ่ายเท วางภาชนะใส่น้ำที่ในห้องนอนด้วย

7. คาดหน้ากากกันฝุ่น หรือ ผ้าเช็ดหน้าปิดจมูก ให้ลมหายใจอุ่นๆ อยู่ตลอดเวลา เพราะอากาศเย็นและแห้งมาก เวลาเดินขึ้นเขา ช่วยให้เหนื่อยน้อยลง

8. ปิดโกเอี๊ยะที่ด้านข้างของใบหน้า เลยหางคิ้วออกไป หลังใบหู โกเอี๊ยะนี้น้องเค้าซื้อมาจากเมืองจีน ช่วยให้ไม่เมารถ บรรเทาอาการปวดศีรษะ ให้เลือดหมุนเวียนสะดวก
พวกเราปิดกันทุกคน ทั้งแก็งค์ ปิดทุกวันที่เลห์ จนฝรั่งมาถามว่าพวกยูปิดอะไรอ่ะ

อ้อ..ลืมบอกไป ทริบนี้ มีแต่เภสัชไปจ้ะ มีสองสามคนที่ไม่ใช่ นอกนั้นเป็นเพื่อนๆกันทั้งกลุ่ม ก็เลยสบายไป มีน้องๆ คอยดูแล คอยจัดยาให้กิน และช่วยนวดบำบัดสะกัดจุดเวลาเริ่มหน้าตาซีดเซียว







กลางเมืองลาดักห์เลยจ้ะ


โดย: ทากลูกหมู วันที่: 2 สิงหาคม 2551 เวลา:18:49:45 น.  

 
เป็นที่หนึ่งของความฝันเลยครับ สักวันคงได้มีโอกาสไปเยือนบ้าง แต่นี้มาเก็บความรู้สึกของคนที่เคยไปมาแล้วก่อน มีคนย่ำเท้านำหน้าไปก่อนก็ปลอดภัยอีกแบบนะครับ..เสี่ยงมาก ๆ เดี๋ยวไม่ได้ไปในที่ชอบ ๆ ตอนยังมีชีวิตอยู่ซะอีก.. ขอบคุณสำหรับภาพสวย ๆครับ..


โดย: เฟื่องนคร-ชอนตะวัน (F_nakhon ) วันที่: 2 สิงหาคม 2551 เวลา:18:53:28 น.  

 
สวัสดีค่ะ

หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม ไปแวะที่เวบไซด์นี้นะคะ
www.painaima.com

ที่นั่นแปะรูป และ รายละเอียดการเดินทางใต้หัวข้อ
บรรยากาศทริปค่ะ มีหลายหัวข้อเลย ตามเมืองที่ไป

ที่นั่นหลายคนช่วยกันเล่าเรื่องและลงรูปค่ะ
เป็นการแบ่งปันข้อมูลให้คนชอบเที่ยวเหมือนกันค่ะ
ยังมีอีกหลายตอนที่จะลง หากว่างไปอ่านได้ค่ะ

-มุ่งหน้าสู่แคชเมียร์ แวะขี่ม้าชมการ์เซียร์ที่โซนามาร์จ

-ไปเที่ยวโลกพระจันทร์กันเถอะ "Let's go to the Moonland of Ladakh"

- ดอกไม้จากปลายฟ้า..เลห์ ลาดัค แคชเมียร์

-เลห์.ลาดัค.สุดปลายฟ้าที่ทะเลสาบปังกง (Pang Gong Tso)

-นาฎธรรม ระบำหน้ากากที่วัดเฮมิส

- ชมวัด ชมวัง ในลาดักห์

-เลห์ (ทริป กูลำบาก) ภาค ภูผางาม


โดย: ทากลูกหมู วันที่: 2 สิงหาคม 2551 เวลา:19:05:29 น.  

 


มุมช็อบปิ้งกลางเมือง


โดย: ทากลูกหมู วันที่: 2 สิงหาคม 2551 เวลา:19:08:59 น.  

 


คุณยาย นั่งขายของที่ระลึก ช่วงที่แขกไม่มาก็สวดมนต์
นับลูกประคำ เจริญสติอยู่ตลอดเวลา


โดย: ทากลูกหมู วันที่: 2 สิงหาคม 2551 เวลา:19:12:00 น.  

 
เมืองนี้เหมือนเมืองต้องมนต์อยู่ในฉากนวนิยาย "ดั่งดวงหฤทัย" เลยค่ะ
ต่างกันตรงที่เมืองในนิยายมีเหมืองเพชรหินล้ำค่าอยู่ดาษดื่น
แต่เมืองดาลักซห์ที่คุณทากฯไปสัมผัสมีความศรัทธาแห่งพระพุทธศาสนานำจิตวิญญาณ

คุณค่าของวัตถุ ศรัทธาความเชื่อ เหมือนเหรียญ2ด้านเลยนะคะ

คุณทากฯโชคดีจังค่ะได้ท่องเที่ยวต่างประเทศไม่ซ้ำซากจำเจกะตลาดการท่องเที่ยวอื่นๆ
คงมีภาคต่อๆอีกใช่มั๊ยคะ ลาซักห์สวยๆเต็มไปด้วยเสน่ห์อย่างนี้คงมีหลายมุมที่จะนำเสนอ
อย่างนั้นใช่มั๊ยคะ อิอิ รอชมอีกค่ะ



โดย: ด า ว ท ะ เ ล IP: 125.24.7.226 วันที่: 2 สิงหาคม 2551 เวลา:19:17:11 น.  

 
หวัดดีค่ะ คุณดาวทะเล

ตั้งใจว่าจะเก็บภาพในบล็อกแทนการบันทึกท่องเที่ยว
ในแต่ละจุดที่ไป แต่ไปแบบช้าๆนะคะ

ครั้งนี้ ถ่ายรูปแต่ขนาดเล็กๆมา เพราะขี้เกียจมาย่อ
ส่วนใหญ่จะไม่ค่อยอัดรูปไว้ดู ไม่รู้คิดผิดหรือเปล่า
เห็นขนาดรูปที่ตัวเองถ่ายมายังตกใจ บร้าไปแล้วเรา

ลาดักห์เป็นเมืองที่มีมนต์ขลังดังที่คุณดาวทะเลว่า
โดยเฉพาะเส้นที่ไปคาร์กิล ช่วงที่เป็น Moonland
ภูเขางดงามตะการตามาก หลับไม่ได้เลยค่ะ เส้นทางนั้น
สวยสุดๆๆ


โดย: ทากลูกหมู วันที่: 2 สิงหาคม 2551 เวลา:19:25:55 น.  

 


แต่บล็อกนี้ยังวนเวียนอยู่ในเมืองก่อนนะคะ

วิวจากดาดฟ้าโรงแรมค่ะ

บนโรงแรมมีระเบียงเล่นระดับให้นั่งชมวิวภูเขารอบด้าน

ที่นี่ฟ้าสว่างตั้งแต่ยังไม่ตีห้า พระอาทิตย์ตกหลังสองทุ่มค่ะ
เป็นฤดูที่ชาวลาดักห์ทำงานหนัก เก็บเกี่ยวพืชผล หามรุ่งหามค่ะ สองทุ่ม เวลาขับรถออกนอกเมือง ยังเห็นชาวบ้านทำงานในไร่นาอยู่เลย


โดย: ทากลูกหมู วันที่: 2 สิงหาคม 2551 เวลา:19:29:56 น.  

 


แก็งค์โกเอี๊ยะของเรา หน้าร้านน้ำปั่นเจ้าอร่อยกลางเมือง
เลห์ ตรงข้าวัดธิเบตค่ะ น้ำมะม่วงปั่นอร่อย หอมชื่นใจมาก


โดย: ทากลูกหมู วันที่: 2 สิงหาคม 2551 เวลา:19:32:22 น.  

 
มาตามติดไปชมเมืองลาดักห์ด้วยคนค่ะ

ไม่ได้คุยกันเลย คิดถึงจัง

พี่อ้อยสบายดีหรือเปล่าคะ


โดย: หยุ่ยยุ้ย วันที่: 2 สิงหาคม 2551 เวลา:19:33:33 น.  

 


ถ่ายรูปในเมืองมาน้อยมาก เพราะคิดว่าวันหลังคงได้เดินไปเล่นอีกหลายครั้ง คิดผิดค่ะ เดินยังไม่รอบเมืองเลย

พอวันไหนออกไปเที่ยวไกลๆ กลับมาถึงโรงแรมก็หมดแรงแล้ว อาบน้ำ กินข้าว เข้านอน ไม่มีโอกาส แม้แต่จะเดินไปซื้อของที่ตัวเองอยากได้

บางทีเดินไปได้ครึ่งทาง เหนื่อยค่ะ เดินกลับโรงแรมเฉยเลย เสียดายจริงๆ อยากได้หมวกกันหนาวสีสวยๆ อยากไปร้านโยเกิร์ตที่เพื่อนบอกว่าอร่อยมาก เสื้อยืดปักลายสวยๆที่เลห์ราคาไม่แพง น่าซื้อมาก

เจอน้องคนไทย สามคนไปเที่ยวกันเอง น้องๆบอกจะอยุ่เที่ยวสักหนึ่งเดือน น่าอิจฉามาก ห้าวันแรก น้องบอกปวดหัวทุกวัน พักอย่างเดียว

ที่พักในเลห์มีหลายราคา ไม่แพงมากก็มี แต่ก็ควรเลือกที่สะอาก นอนสบายหน่อย มีน้ำอุ่นอาบ ลำพังร่างกายต้องปรับสภาพให้อยู่บนที่สูงแบบนั้นก็แย่พอแล้ว ไม่ควรไปทนทุกข์เวทนา ซ้ำเติมความยากลำบากเข้าไปอีก ล้มป่วยขึ้นมาจะอดไปชมที่สวยๆ ซึ่งมักจะอยู่ที่สูง ถนนแบบน้องๆ ทุรกันดาร

หากมีเวลาเยอะๆ นั่งรถจากเดลี แวะเที่ยวมะนาลี แล้วต่อไปถึงเลห์ก็ได้ ร่างกายค่อยๆปรับไป เส้นทางสายนั้นก็งามมากเช่นกัน มีพักค้างคืนในเต้นท์ด้วย

ช่วงหน้าร้อนนี้ ดอกไม้ป่ากำลังบาน เวลาเห็นดอกไม้บานบนผาหินแกร่งแล้วชื่นใจ ทุกเส้นทางที่ผ่าน มีดอกไม้ป่าหลากสีให้ชมค่ะ น่ารักมากมาย

คราวหน้า ค่อยไปชมวัด ชมวัง ชมระบำหน้ากากด้วยกันที่วัดเฮมิสนะคะ


โดย: ทากลูกหมู วันที่: 2 สิงหาคม 2551 เวลา:19:50:43 น.  

 
หวัดดีจ้ะยุ้ย

พี่สบายดีแระ ตอนกลับมาป่วยอยู่สี่วัน แล้วก็ยุ่งสุดๆกับงาน เพิ่งจะว่างมาเข้าบล็อกวันนี้

รีบมาเขียนก่อนลืม ยุ้ยสบายดีนะ


โดย: ทากลูกหมู วันที่: 2 สิงหาคม 2551 เวลา:20:03:08 น.  

 

ช่วงอาทิตย์หลังจากที่พี่อ้อยเดินทาง แวะมาดูบล็อกนี้ตลอด
เพื่อติดตามผลการใช้ยา ตามประสาเภสัชที่ดีค่ะ
แต่จริงๆแอบแฝงความอยากเที่ยว ตามเขาไปด้วยแบบไม่เหนื่อย

ขอบคุณที่รายงานผลนะคะ
จะได้ทราบว่า อาการข้างเคียงมากน้อยแค่ไหน
ดีใจที่พี่อ้อยกลับมาอย่างปกติ แค่เหนื่อยๆ ไม่ได้ป่วย

เห็นรูปแล้ว อยากไปจัง
ชอบบ้านเมืองและธรรมชาติแบบนี้ค่ะ

แต่คงต้องมีเวลาหยุดนานๆหน่อย
เพราะกว่าคนชั้นต่ำ (altitude) แบบเราๆ จะปรับตัวกับพื้นที่สูงๆได้ คงต้องใช้เวลาพอประมาณ
แล้วถึงจะเที่ยวสนุก

เดี๋ยวจะตามไปอ่านในเว็บนะคะ


โดย: HoneyLemonSoda วันที่: 2 สิงหาคม 2551 เวลา:20:32:22 น.  

 
ผมกำลังอยากไปที่นี่เลยครับพี่

แต่ต้องอดใจไว้ก่อน รอเก็บเงินก่อนครับ

ปลายปีกะจะไป 4 สังเวชนียสถาน แต่ยังหาทัวร์ไม่ได้เลย

เฮ้อ....

ปล.ไม่ได้มาทักทายนาน คิดถึงนะครับพี่


โดย: DAN_KRAB(ไม่ได้ล็อคอินครับ) IP: 125.27.213.144 วันที่: 2 สิงหาคม 2551 เวลา:23:12:12 น.  

 
ว้า...ยังไม่อ่านดีมั้ยเนี่ย
ค่อยอ่านตอนส่งไป...เดี๋ยวจืด

อย่าเพิ่งดีใจ...เห็นไปกรี๊ดซะหลายตลบที่ ไฮ 5
ขอจีนมาคั่นแค่เล่มนี้เท่านั้น
อินเดียนี่ก็ลงถัดไปเลย...เห็นรูปแล้วน้ำลายไหลอ่า
กะว่าจะลงกี่ตอนดี ขอซักสองนะจ๊ะ
.............................................


>


โดย: ทากชมพู วันที่: 3 สิงหาคม 2551 เวลา:8:35:22 น.  

 
เอ๊ย พูดผิด ธิเบตสิ ไม่ใช่อินเดีย
โทษๆ


โดย: ทากชมพู วันที่: 3 สิงหาคม 2551 เวลา:8:37:11 น.  

 
ภาพสวยๆทั้งนั้นแลยค่ะ


โดย: teansri วันที่: 4 สิงหาคม 2551 เวลา:5:58:29 น.  

 
อืม สวยงามน่าเที่ยวชมจริงๆ ถึงลุงไม่ได้ไปด้วยตนเอง ได้มาชมภาพมาฟังเขาเล่าก็ยังดีครับ ภาพสวยเลยนะนี่ แม่พลอย


โดย: เขาพนม วันที่: 4 สิงหาคม 2551 เวลา:21:44:57 น.  

 
ลุงทำภาพให้ใหญ่ขนาด 800x600 แต่ไฟล์ภาพไม่เกิน 150 K แล้วโพสลงบล็อก ไม่ปรับปรุงขนาดใดๆทั้งสิ้น คงใช้ขนาดภาพตามมาตรฐานของบล็อก คือ 450X300 เมื่อสั่งออนบล็อกจึงสามารถดับเบิ้ลคลิ๊กให้ภาพใหญ่ขึ้นมาได้อะครับอ้อยครับ


โดย: เขาพนม วันที่: 5 สิงหาคม 2551 เวลา:11:20:01 น.  

 
สวัสดีค่ะพี่อ้อย

รูปสวยจังค่ะ

เปาชอบสีสันของเสื้อผ้าของชาวพื้นเมืองจัง

สักวันคงมีโอกาสได้ไป

พี่อ้อยสบายดีแล้วนะคะ


โดย: วาฬอันดามัน วันที่: 8 สิงหาคม 2551 เวลา:15:41:02 น.  

 
สวยจังเลยค่ะ อยากไปบ้างง่ะ


โดย: มาเรีย ณ ไกลบ้าน วันที่: 17 กันยายน 2551 เวลา:9:42:44 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ทากลูกหมู
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add ทากลูกหมู's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.