แบนศรี แอนด์ เดอะไวกิ้ง
Location :
กรุงเทพมหานคร Norway

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]









...สงวนลิขสิทธิ์...
ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์
พ.ศ. 2539

...ห้ามมิให้ผู้ใดละเมิด...
ไม่ว่าการลอกเลียน ดัดแปลง
ตัดทอนหรือนำส่วนหนึ่งส่วนใด
ทั้งข้อความ รูปภาพใดๆ
ใน blog แห่งนี้ไปใช้

ทั้งในการเผยแพร่
หรือเพื่อการอ้างอิง
โดยไม่ได้รับอนุญาต
เป็นลายลักษณ์อักษร

โดยทั้งนี้เจ้าของบล็อก
จะดำเนินการตามคดี
ที่กฏหมายบัญญัติไว้สูงสุด

Kanie Mhamui Finebook

Create Your Badge

pearleus pearleus
New Comments
Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2555
 
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
10 สิงหาคม 2555
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add แบนศรี แอนด์ เดอะไวกิ้ง's blog to your web]
Links
 

 
@Norge : ^^เกี๊ยวเกรงใจ???^^

หากใครมีประสบการณ์ไปรับประทานอาหาร ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหารแบบมีแค่เตาแก๊ส และโต๊ะสำหรับลูกค้านั่ง หรือจะแบบฮิโซ โต๊ะตั้งหลายร้อนตัวในร้านใหญ่ๆ แบบเรสเตอรอง หากไปในร้านที่มีมารยาทงามตามสากล เมื่อเรารับประทานไปได้สักสองคำ บ๋อย เอ๊ย บริกรก็จะมีใจบริการ แวะเวียนมาสอบถามว่า..."อร่อยไหมครับ/คะ?"

ดิฉันก็เจอบ่อยค่ะ และไม่รู้เพราะเหตุใด ชอบมาถามกันตอนอาหารเต็มปากกัน มาแบบนั้จะให้ตอบอย่างไรคะ ได้แต่พยักหน้าหงึกหงักไป บริกรเดินหน้าบานเป็นจานดาวเทียม เพราะเห็นเราพยักหน้าว่าอาหารอร่อยเหลือหลาย ซึ่งดิฉันก็มักจะพยักหน้า พร้อมยิ้ม ยิ่งมาอยู่นอร์เวย์ ตอนมาสั่งอาหารทานแรกๆ พูดภาษาเขาไม่ได้ มาถามอะไร ดิฉันก็พยักหน้าหมดล่ะค่ะ ยิ่งบริกรทำหน้ายิ้มแย้มเกินจริงใจด้วยล่ะก็ ยิ่งพยักหน้าถี่เลยทีเดียว กลัวเขาไม่เชื่อว่าอร่อยล้ำจำใจ เอ๊ยจำขึ้นใจเลยทีเดียว

แต่เมื่อไม่กี่วันก่อนไปทานอาหารไทย สั่งผัดไทไป...แต่รสชาติเหมือนผัดขายทำไมมาก ด้วยรสชาติหายสาปสูญ เส้นแข็งโป๊กปาหัวสุนัขเสียชีวิต กุ้งเนื้อเหลวยุ่ยเหมือนโดนฆ่าหมกป่ามาหลายวัน แต่เมื่อเจ้าของร้านมาถามดิฉันว่า...รสชาติเป็นเยี่ยงไรบ้างนั้น...

ดิฉันกลับตอบไปอย่างไม่มีขัดเขิน หรือละอายต่อความรู้สึกตัวเองเลยว่า...อร่อยค่ะ

ทำให้นึกถึงเหตุการณ์หนึ่งที่เกิดขึ้น ก่อนดิฉันจะออกเดินทางมาเกาะอวบศักดิ์รับประทานแบบเป็นทางการ ณ นอร์เวย์นี้ ดิฉันก็ได้มีพฤติกรรมนี้เช่นกัน แถมด้วยคำพูดติดปากกับเพื่อนรักสมัยเรียนมหาวิทยาลัยด้วยค่ะ...ตอนนั้นดิฉันกับเพื่อนรัก ตกลงกันไปรับประทานอาหารไทยแสนหรูร่วมกันค่ะ ด้วยกลัวค่ะ กลัวว่าไปอยู่นู่นแล้ว จะไม่ได้ลิ้มชิมรสอาหารไทยอย่างที่เด็ดดวงแบบอยู่บ้านเรา เพื่อนรักก็พาไปเลยค่ะ ไปภัตตาคาร...บะหมี่เกี๊ยวน้ำแห่งหนึ่งในเมืองบางกอก (ร้านบะหมี่เกี๊ยวธรรมดานี่ล่ะค่ะ แต่จะไปเป็นมาดามเอกซ์พอร์ต กลัวฟังแล้วไม่ฮิโซ)  ในเมนูเขาว่ามีเกี๊ยวปูน้ำแสนอร่อย ก็สั่งโลดเลยค่ะ ถึงแม้อากาศจะเมืองบางกอกจะร้อนตับไหม้ ไส้หด แต่ขอซดเกี๊ยวน้ำร้อนๆ ให้อุ่นใจหน่อยเหอะ ไปนอร์เวย์กลัวไม่ได้กินค่ะ (แหม นังอวบบ่นบ่อยค่ะ ทำอย่างกะจะย้ายไปอยู่แอฟริกา กลัวอดอยากจริงนะหล่อน) ซึ่งกะว่าซดเกี๊ยวเสร็จ เดี๋ยวจะกลับไปปล้ำ เอ๊ย กอดอวบทีหลังตบท้ายเมื่อไปถึงนอร์เวย์ (แอบหื่น) รอไปได้สักครู่ เกี๊ยวน้ำก็มาส่งถึงที่

เกี๊ยวน้ำไทยเชื้อสายไชนิสที่ขึ้นชื่อของร้าน...หน้าตาดูโศกเศร้าเหมือนภรรเมียทหารผ่านศึกมาก สีซีดเซียว ไม่เหลืองเข้ม หรือขาวใสแบบที่เรากินกัน แต่มันสีเหลืองอร่อย จนจาง เหมือนโดนฆ่าหมกน้ำซุปมาหลายเพลา แถมน้ำซุปก็ใสแจ๋วดั่งน้ำล้างหัวล้าน อืม มีแค่ไขๆ ของมันลอยอยู่ให้รู้ว่าได้จากการต้มวิญญาณไก่ กับผักชีผ่านสงครามโลกมาสองรอบโรยหน้านิดหน่อย...จากสภาพไม่แน่ใจเลยว่ารสชาติจะอลังการดั่งราคาร่วมห้าสิบบาทต่อถ้วยนี้เลย เอิ่ม แต่สั่งมาแล้ว ก็ต้องทานค่ะ เสียดายเงิน ทำงานตากเหงื่ออาบตา กว่าจะรีดไถอวบมาได้แทบแย่ แหะๆ

ก็ซดไปโฮกแรก แทบจะบ้วนทิ้ง นอกจากไม่ร้อนแล้ว น้ำซุปยังจืดชืดไร้รสชาติอีกต่างหาก...จืดไม่พอ เกี๊ยวยุ่ยจนละลายในปากแบบกระดาษยุ่ยน้ำ ปูที่เป็นไฮไลท์ของงานนั้น ดิฉันใช้ลิ้นควานหาไม่เจอ เจอแต่แป้งล้วนๆ กับกลิ่นปูกลายๆ เหมือนอยู่คนละพิภพ...หันไปมองหน้าเพื่อนรัก หรี่ตามองมัน อาหารมื้อสุดท้ายก่อนจากเมืองไทย เอ็งพาข้ามากินซุปเกี๊ยววิญญาณปูหรือไรกัน

สองคนกับเพื่อนรัก กินกันไม่พูดไม่จา ได้แต่ด่ากันด้วยสายตาไปมา ก็จ้วงแจวเกี๊ยวเข้าปากกันไม่ถึงครึ่งถ้วย เฮียเจ้าของร้าน...อาเฮียตัวใหญ่ อ้วนกลม หน้าตาละม้ายเหมือนหมีแพนด้า ใต้ตาเฮียดำคล้ำมาก จนอยากเอาอายครีมมาปาดให้สักสองสามที แกก็มาทักทาย พร้อมถามว่า..."อาหารอร่อยไหมครับ?"

สองคนกับเพื่อนที่เมื่อกี้นั่งด่ากันไปมาด้วยสายตา และทำปากหมุบหมิบ พูดขึ้นพร้อมกันแบบไม่ได้นัดหมายว่า..."อร่อยค่า"

ก่อนมองหน้าสบตา ด่ากันและกันอีกรอบที่ไม่มีใครกล้าพูดความจริงว่า...เฮีย เลิกทำเกี๊ยวปูขาย แล้วไปรับจ้างหมกศพน่าจะเวิร์คว่า เพราะดูแล้ว เกี๊ยวปูของเฮียน่าจะตายมาหลายวันแล้ว

เฮียเจ้าของร้านหน้าบาน เดินละสองสหายไว้เบื้องหลัง ส่วนเราสองคนก็กล้ำกลืนกันไปไม่กี่คำ ก็เช็กบิล แล้วขอตัวไปเสียตังค์ร้านส้มตำครกละยี่สิบห้าบาท ครึ่งราคาของเกี๊ยวเกรงใจแถวบ้านแทน

โถๆๆๆ นี่ล่ะหนา คนไทย กับ ความเกรงใจ คือของคู่กันจริงๆ แม้อาหารจะรสชาติเหมือนไม้ดีดปาก ก็ยังสามารถหันไปเอ่ยชมกันได้อย่างไม่มีขัดเขินเยี่ยงนี้...จากนั้นเวลาคุยกับเพื่อนรักที่อยู่เมืองไทยคนนี้ แล้วเผอิญไม่กล้าเผยความในใจกับอะไรที่ดูแย่สุดๆ ของกันและกัน ด้วยความเกรงใจล่ะก็ อีกฝ่ายจะถามเบาๆ พร้อมยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ว่า...เฮ้ย เกี๊ยวเกรงใจหรอเอ็ง???

และมาเมื่อไม่กี่วันนี้กับผัดไท ที่ดิฉันแอบเรียกว่า ผัดขายทำไมที่ว่านี้...ดิฉันก็ยังไม่พ้นกงกำกงเกวียนเดิมค่ะ เพียงแต่เปลี่ยนเมนูเป็น ผัดไทปากไว เท่านั้นเอง...

วันนี้คุณเกี๊ยวเกรงใจหรือยังคะ???




Create Date : 10 สิงหาคม 2555
Last Update : 10 สิงหาคม 2555 8:28:53 น. 4 comments
Counter : 3432 Pageviews.

 
จริงๆนะ คนไทยกะเกรงใจ หิวก็บอกว่าไม่เป็นราย
เหนื่อยก็ไม่เป็นราย
จนสุดท้าย เป็นลม ไม่เป็นราย แล้วพอฟังฝรั่งพูดตรงๆ บางทีโมโหด้วย ไม่มี มารยาทเลย เค้าไม่โกหก แต่ i love the way you lied อิๆ ไม่สวยก็บอกว่าสวย ทำไม่อร่อยก็บอกอร่อย อิ


โดย: supersupy วันที่: 10 สิงหาคม 2555 เวลา:9:44:46 น.  

 
ฉันติดนิสัยเยอรมันไปแล้วอ่าาาาา พูดตรงไปตรงมา ถ้าเราต้องเสียเงินนี่ ความเกรงใจฉันจะหายไปเลย 555 เจอบ่อยค่ะเวลาไปทานอาหาร และจะเจ็บกระดองใจทุกทีไป ที่สั่งอาหารไทยมาแล้วไม่ได้เรื่อง..ทานไปน้ำตาเล็ดไปเพราะ "เสียดายตังค์" และเวลาที่บริกรมาถามที่โต๊ะ(ส่วนใหญ่เค้าจะมาถามตอนเก็บเงินน่ะ)ว่า อาหารเป็นไงบ้าง..ฉันจะตรงมาก ถ้าห่วยจะตอบเค้าไปว่า " งั้น ๆ " (อันนี้แปลว่าห่วย ไม่มากินอีกต่อไป) บางทีเจอแบบเค็มปรี๊ดกินแล้วขนร่วงแทบหมดตัว ก็จะตะกิดบอกบริกรให้เอาจานไปลองชิมกันให้สบายใจ เพราะตูกินไม่ได้ และไม่ต้องการจานใหม่ (เพราะกลัวพวกมานถุยน้ำลายใส่มาให้กิน ฮ่าาาาๆๆๆๆ)


โดย: Max Bulliboo วันที่: 10 สิงหาคม 2555 เวลา:20:02:40 น.  

 
ไม่ได้เข้าร้านไทยเมืองนอกนานแล้วค่ะ..เพราะกลัวไม่อร่อย แล้วต้องปั้นหน้าว่าอร่อยนี่แหละค่ะ..ครั้งสุดท้ายที่เข้าร้านไทย ไปเจอ แกงป่า ใส่กะทิ เลิกเลยค่ะ อยากกินอาหารไทย ทำกินที่บ้านแซ่บกว่าค่ะ..


โดย: simplyusana วันที่: 15 สิงหาคม 2555 เวลา:22:47:52 น.  

 
Bitcoin (BTC) might just be the golden opportunity of our era, poised to skyrocket to $200,000 in the upcoming year or the one following. In the past year alone, BTC has witnessed a staggering 20-fold increase, while other cryptocurrencies have surged by an astounding 800 times! Consider this: a mere few years ago, Bitcoin was valued at just $2. Now is the time to seize this unparalleled chance in life.
Join Binance, the world's largest and most secure digital currency exchange, and unlock free rewards. Don't let this pivotal moment slip through your fingers!
Click the link below to enjoy a lifetime 10% discount on all your trades.
https://swiy.co/LgSv


โดย: Mariofef IP: 203.10.98.33 วันที่: 28 มีนาคม 2567 เวลา:4:58:20 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.