อันเนื่องมาจากสงคราม 9 ทัพ พวกผู้ชายได้เข้าไปเป็นทหารกันหมดเหลือแต่พวกผู้หญิงกับคนแก่ที่อยู่ในหมู่บ้าน
เมื่อข้าศึกบุกมาหวังจะตีบ้านสาขลา ด้วยความสามัคคีและความชำนาญในพื้นที่จึงทำให้ชนะข้าศึก
จึงได้ตั้งชื่อว่า สาวกล้าและเพี้ยนมาเป็นสาขลามาจนถึงปัจจุบัน
เมื่อเดินทางถึงวัดสาขลา พบพระปรางค์เอียงอย่างเด่นชัด
พระปรางค์องค์นี้มียอดเอนเอียงจากจุดตั้งฉากไปทางทิศตะวันตกประมาณ 15 องศา
โดยมีเรื่องเล่าสืบต่อกันมาว่าในการก่อสร้างพระปรางค์ชาวบ้านเกรงกันว่า
พระปรางค์จะเอนล้มไปทางทิศตะวันออกแล้วจะล้มลงไปในคลองจึงวางเสาเข็มนอนทางด้านคลองไว้มาก
ด้านในองค์พระปรางค์มีเข็มนอนน้อยพระปรางค์จึงเอนเอียงดั่งที่เห็นในปัจจุบันนี้
สำหรับความคงทนแข็งแรงของปูนที่ใช้ก่อสร้างองค์พระปรางค์ชาวบ้านได้นำอ้อยมาตำ
จากนั้นนำน้ำอ้อยมาผสมเข้ากับปูน ดังนั้นองค์พระปรางค์จึงมีความคงทนแข็งแรงเป็นพิเศษ
สำหรับยุคสมัยในการก่อสร้างองค์พระปรางค์มีการจารึกบนแผ่นศิลาว่า
การก่อสร้างองค์พระปรางค์ใช้เวลาในการสร้างหนึ่งปีกับอีกหกเดือนจึงสำเร็จ
สิ้นปูนไปเป็นจำนวนหลายร้อยเกวียน
ปี พ.ศ. ที่สร้างองค์พระปรางค์คือ พ.ศ.2427
เครดิต //www.m-culture.in.th/
ชุมชนบ้านสาขลากับวิถีชีวิตติดสายน้ำ
สภาพโดยทั่วไปของชุมชนบ้านสาขลาเป็นป่าชายเลน ซึ่งเป็นระบบนิเวศน์ของป่าเขตร้อน
มีลักษณะภูมิอากาศแบบมรสุม มีีความชื้นสูง มีปริมาณน้ำฝนมาก
พืชเกิดอยู่บริเวณปากแม่น้ำบนดินเลน หรือเลนปนทรายที่มีน้ำท่วมถึงเสมอ
พันธุ์ไม้โดยทั่วไปที่ขึ้นอยู่มีไม้แสมขาวขึ้นสลับกับแสมดำ ไม้โกงกาง ไม้ลำพูและจาก
ถัดเข้าไปจะเป็นบริเวณที่มีน้ำทะเลท่วมถึงบ้างเป็นครั้งคราวจะพบต้นโพทะเล
เหงือกปลาหมอ และปรงไข่
(ศูนย์วัฒนธรรมจังหวัดสมุทรปราการ พ.ศ. 2540)
ซุ้มประตูวัดสาขลา
วัดสาขลาได้รับพระราชทานนามว่า วิสุงคามสีมา เมื่อพ.ศ. 2375
มีพระประธานในวิหารนามว่า หลวงพ่อโต สร้างคู่กับวัดแต่สร้างเมื่อใด ใครเป็นคู่สร้างไม่ปรากฎ
เป็นพระพุทธรูปศิลปะสมัยอู่ทอง ปางมารวิชัย เป็นที่เคารพบูชาของชาวบ้านสาขลาและประชาชนทั่วไป
มีเรื่องเล่าขานถึงความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อโตว่า
เมื่อวันที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2526 เกิดเหตุเพลิงไหม้ในหมู่บ้าน ชาวบ้านที่ออกไปหาปลาไม่ไกลจากหมู่บ้านนัก
เห็นองค์หลวงพ่อโตใช้จีวรโบกไฟที่กำลังไหม้จนค่อยๆดับลง พร้อมได้ยินเสียงสวดมนต์อย่างต่อเนื่องจนถึงเช้า
เมื่อชาวบ้านทราบเรื่องจึงไปที่วัดและเห็นหลวงพ่อโตดำเป็นเขม่าไปทั้งองค์
ชาวบ้านจึงพากันทำบุญให้กับหลวงพ่อโตทุกวันที่ 6 มกราคมของทุกปี
พิพิธภัณฑ์เทพศรีสาขลา
ส่วนที่งดงามและน่าสนใจแห่งหนึ่งในวัดฯ
วัดสาขลา แห่งนี้ยังมีสิ่งที่น่าสนใจอีกหลายอย่างค่ะ
นอกจากรูปจำลองขนาดเล็กของพระเกจิอาจารย์ทั่วประเทศแล้ว
ยังมีพิพิธภัณฑ์พื้นบ้าน สามารถชมของใช้ในบ้าน ภาชนะเครื่องปั้นดินเผา ของเล่น เครื่องกระเบื้อง
เครื่องจักสาน เครื่องมือจับปลา ตู้พระธรรม ฯลฯ
ออกเดินทางจากวัดสาขลาไปชมองค์พระสมุทรเจดีย์
องค์พระสมุทรเจดีย์
ตั้งอยู่ที่ บ้านเจดีย์ ต.ปากคลองบางปลากด อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ
เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 07.00-19.00 น.
การเดินทาง
รถยนต์ส่วนตัว ไปตามเส้นทางถนนสุขสวัสดิ์ เมื่อถึงทางแยกตรงหอนาฬิกาของอำเภอพระสมุทรเจดีย์
เลี้ยวซ้ายไปตามถนน ตรงไปสุดทางจะเจอองค์พระสมุทรเจดีย์
ในสมัยแรกที่มีการสร้าง พื้นที่ตรงนี้มีลักษณะเป็นเกาะมีน้ำล้อมรอบ
พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ 2 ทรงมีพระราชดำริให้สร้างพระเจดีย์ขึ้นบนเกาะนั้น
เพื่อเป็นที่สักการบูชาของผู้คนที่เดินทางผ่านไปผ่านมาให้เป็นสิริมงคล
นอกจากจะมีพระราชดำริให้สร้างพระเจดีย์กลางน้ำแล้ว ยังทรงพระราชทานนามพระมหาเจดีย์นี้ว่า
พระสมุทรเจดีย์ เนื่องจากมีพระราชประสงค์ให้เป็นศาสนสถานอันเป็นพระมหาเจดีย์คู่เมืองสมุทรปราการ
แต่การก่อสร้างพระเจดีย์ยังไม่ได้เริ่มต้นขึ้น ทำได้เพียงการถมศิลาเพิ่มฐานก็เสด็จสวรรคตไปเสียก่อน
พระสมุทรเจดีย์นั้นก็มาสร้างจนเสร็จสมบูรณ์ในสมัยรัชกาลที่ 3
พระสมุทรเจดีย์ในปัจจุบันนั้นไม่ใช่องค์เดิมกับที่สร้างเสร็จสมัยรัชกาลที่ 3 แต่อย่างใด
เนื่องจากในรัชกาลที่ 4 มีคนปีนขึ้นไปบนพระเจดีย์แล้วเจาะขโมยเอาพระบรมสารีริกธาตุที่บรรจุไว้ออกไป
พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงโปรดเกล้าฯให้สร้างองค์พระเจดีย์ที่ใหญ่และสูงขึ้นไป
ครอบพระเจดีย์องค์เดิมไว้เพื่อไม่ให้มีใครปีนขึ้นไปได้อีก
ดังนั้นจึงเป็นที่มาของพระสมุทรเจดีย์องค์ที่งามสง่า เห็นเด่นชัดอยู่จนปัจจุบันนี้
เมื่อกาลเวลาเปลี่ยนแปลงไปตะกอนดินต่างๆ ก็ทับถมกันมากเข้า
จนทำให้ตลิ่งทางฝั่งขวาของแม่น้ำยื่นออกมาจนเชื่อมติดกับเกาะกลางน้ำ
ทำให้พระสมุทรเจดีย์องค์นี้ไม่ได้อยู่กลางน้ำอีกต่อไป
ในแต่ละปีนั้นทาง จ.สมุทรปราการ จะมีการจัดงานประจำปี งานนมัสการองค์พระสมุทรเจดีย์
โดยจะจัดงานตั้งแต่วันแรม 5 ค่ำเดือน 11 เป็นต้นไป เป็นเวลา 12 วัน 12 คืน
ซึ่งถือว่าเป็นงานที่ยิ่งใหญ่มีพุทธศาสนิกชนแห่แหนมาร่วมงานบุญนี้เป็นจำนวนมาก
โดยภายในงานจะมีประเพณีการห่มผ้าแดงให้แก่องค์พระสมุทรเจดีย์
ซึ่งชาวบ้านจะช่วยกันเย็บผ้าแดงผืนใหญ่นี้ มีพิธีการบวงสรวง ขบวนแห่ผ้าแดงทั้งทางบกและทางน้ำ
เครดิต //www.manager.co.th
ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกหลายแห่งในจังหวัดนี้
นับว่าจังหวัดสมุทรปราการ เป็นทางเลือกของการท่องเที่ยวที่ไม่ไกลกรุงเทพฯอีกจังหวัดหนึ่งค่ะ
ขอบคุณเพื่อนๆที่แวะเยี่ยมบล๊อกนะคะ
ขอบคุณคุณป้าเก๋าและคุณพีชสำหรับของแต่งบล๊อก
พบกันใหม่บล๊อกหน้าค่ะ
ขอบคุณภาพสวย ๆ กับข้อมูลดี ๆ นะคะ
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้
ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
mambymam Beauty Blog ดู Blog
Sweet_pills Travel Blog ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 5 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น
ปล.บล็อกลิลเปลี่ยนชื่อใหม่นะคะ