มีนาคม 2549

 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
25
26
27
28
29
30
31
 
 
ฤดูฝน ผมเหงา เธอเปลี่ยว ตอนที่6
ฤดูฝน ผมเหงา เธอเปลี่ยว
“โปร” เธอพยายามจะแตะต้องตัวผม
ผมขยับหนี “ผมทนต่อไปไม่ไหวอีกแล้วครับ คุณมิน เลือกเถอะครับ”
แล้วน้ำตาของผู้หญิงคนหนึ่งค่อยๆ เอ่อล้น เห็นได้ชัดว่า เธอพยายามกลั้นมัน แต่มันก็กลั้นไม่อยู่
“เลือกคนที่คุณมินรักที่สุด ก็พอครับ” ผมพูดไป พร้อมเบือนหน้าหนี ผมไม่อยากเห็นน้ำตาของเธอ
“อยากจะรู้จริงๆ หรือว่าเราจะเลือกใคร” คุณมินลุกขึ้น
คราวนี้ ไม่ใช่คุณมินคนเดียวที่ร้องไห้ ผมก็จะร้องไห้ เธอล้มตัวลงบนเตียง สองมือปาดน้ำตาเหมือนเด็กๆ

ผมคนนี้ ในวันนั้น ที่เธอหวังจะให้มาปลอบโยนหัวใจช้ำๆ ของเธอ
แต่ในวันนี้ ผมคนนี้กลับ ทำให้คุณมินต้องร้องไห้

“ฉันรักนาย ไหม รักไหม ไม่รักเลย ไม่เคยรักเลย ออกไปจากบ้านฉันเดียวนี้นะ ออกไป” เธอตะโกนลั่นเสียงดัง
“ไม่ต้องแล้วครับ ไม่ต้องแล้วครับ” ผมร้องขอให้เธอหยุด และรวบตัวเธอมากอด กว่าเธอจะสงบได้ เล่นเอาเหนื่อย เพราะเธอทั้งทุบจิกข่วนผมไม่หยุด แต่ผมกอดเธอไว้ในอ้อมแขนไม่ปล่อย และไม่ยอมให้เธอหนีไปแม่มดที่ไหนทั้งนั้น

“มันผิด... มันผิด อย่าทำแบบนี้เลย มันผิดนะ ”
“คุณมิน ผมแค่อยากจะรู้ว่าผมมีค่าแค่ไหน ในสายตาของคุณเท่านั้น”
“อย่างน้อย” เธอพูดขณะผลักผมออกห่าง “ก็มีค่ามากกว่าผู้หญิงสำส่อนอย่างฉัน แน่ๆ”
“คุณมินครับ ทำไมถึงพูดแบบนั้น ไม่เอานะครับ ไม่พูดแบบนั้น”
“ก็แค่ผู้หญิงสำส่อนคนหนึ่ง เธอจะมีสิทธิ์เรียกร้องความรักได้มากแค่ไหนเชียว”

คุณมินไม่รู้หรอกว่า คำพูดพล่อยๆ ของเธอในคำสุดท้าย ทำให้ผมเกือบกลั้นน้ำตาของลูกผู้ชายไว้ไม่อยู่
เพราะสำหรับผม เธอไม่ใช่ผู้หญิงอารมณ์เปลี่ยวคนหนึ่ง ที่ผู้ชายขี้เหงาอย่างผมบังเอิญเดินผ่านมาแน่ๆ
แต่เพราะ คุณมินคือหัวใจของผมที่ตามหามานาน

ผมปล่อยให้เธอนอนหลับให้สบาย เธอเจอเรื่องหนักๆ มามากพอแล้ว อย่าทำให้เธอต้องทุกข์ทนไปมากกว่านี้เลย
แล้วอยู่ดี ดี ฟ้าค่อยแปรเปลี่ยนจากส่งดาวแวววาว มาเป็น ส่งเม็ดฝนเบาๆแทน ทำให้อากาศรอบตัวเย็นสบายขึ้นมาก
คุณมินถามผมทั้งๆ ที่ตาก็ปิด ใกล้จะหลับเต็มที ข้างนอกฝนตกหรือเปล่า

“แค่เหตุผลประหลาดๆ ที่ซ่อนอยู่ในสายฝนน่ะ” เธอพูดพร้อมส่งสายตาชวนฝัน ทำให้ผมรู้สึกร้อนวูบวาบไปทั้งตัว “ไม่รู้ว่าโปรจะสังเกตหรือเปล่านะ แต่โปรมักจะมาพร้อมสายฝนเสมอ แล้วฝนดัน มาเวลาที่เราอยู่ด้วยกันทุกที พอฉันเห็นฝนทีไร ก็แอบคิดไม่ได้ ว่าโปรต้องอยู่ใกล้ๆ ฉันแถวๆนี้แหละ ประหลาดเนอะ โปร ”
“ครับ เหตุผลปัญญาอ่อน มากๆ เลยครับ ไม่รู้ว่าคิดได้ไง” ผมหัวเราะอย่างอารมณ์ดี ถึงแม้ว่าผมเองก็รู้สึกเหมือนกัน ว่าฝนมักจะตกทุกครั้ง ที่เราสองคนอยู่ด้วยกัน

“เออ ฉันมันบ้า ไปเอง” เธอพูดเหมือนงอน แต่ ผมรู้ ว่าเธอเองก็แอบขำในความคิดมากของตัวเอง
ผมดีใจ ที่เห็นเธอยิ้มออก หลังจากนั้น นางฟ้าของผมก็หลับปุ๋ยในอ้อมกอดของผม
แต่ผมกลับหลับไม่ลง อาจเพราะวันนั้นผมเจอความจริง ที่ยากเกินกว่าจะข่มใจหลับลงให้สบายได้

ผมพยายามจะนึกเพลง It had to be you แต่นึกได้ไม่เต็มเพลง ถ้าถามพี่ต่อ พี่ต่อคงรู้จักเพลงนี้ดี
ก็นอกจากเพลงที่พี่ต่อร้องให้ในงานแต่งงานคุณมิน แล้วยังเป็นเพลงโปรดของพี่ต่อร้องบ่อยๆ อีกด้วย
พี่ต่อจะลืมไปได้อย่างไร

ผมจึงเปลี่ยน ลองไปนึกถึงเพลงอื่นดู ที่เข้ากับอารมณ์ผมในตอนนี้ แต่นึกไม่ออกจริงๆ
“You meant for me much more”
กว่าผมจะหลับลงได้ ก็ใกล้สว่างเต็มที
“I don't care what they say
I know what you meant for me that day”

(คุณมีความหมายสำหรับผมมากมาย
ผมไม่แคร์หรอกว่าใครหน้าไหน จะพูดอย่างไง
ผมแค่รู้ว่า คุณนั้นมีความหมายสำหรับผม ในวันนี้ เท่านั้นพอ )

ผมตื่นมาตอนในเสาร์เกือบเก้าโมงเช้า คุณมินเป็นคนมาปลุก พร้อมบอกให้มาทานอาหารเช้าด้วยกัน
ผมรู้สึกตื่นเต้นทุกครั้ง ที่ได้กินอาหารฝีมือคุณมิน
แต่ที่ทำผมตื่นเต้น จนหน้าซีด ก็คือคุณมินบอกให้ผมอาบน้ำเร็วๆ เพราะ พี่ต่อกำลังรอผมกินอาหารเช้าด้วยกันข้างล่าง

พี่ต่ออยู่ในอิริยาบถที่สบายๆ กำลังจิบกาแฟอย่างอารมณ์ดี
คุณมินบอกให้ผมไปนั่งรอก่อนจะยกข้าวต้มมาให้ “ไง ... โปร..” คำทักทายนั้น เหมือนทุกๆครั้ง แต่ทำไมผมกลับรู้สึกแปลบๆ ที่หัวใจ ผมพยักหน้าหงึกๆ มองหาอะไรมาอ่าน เพื่อจะได้หลบสายตาของพี่ต่อ
“นึกว่าเมื่อคืน แกกลับไปแล้วซ่ะอีก”
“เปล่าครับ ยังไม่ได้กลับ”
“ใครชงกาแฟให้พี่ต่อหรือครับ”
“ชงเอง มีอะไรไหม” พี่ต่อเงยหน้าจากหนังสือพิมพ์ มามองหน้าผม ทำให้ผมหลบสายตาเกือบไม่ทัน เมื่อพี่ต่อไม่มองแล้ว ผมจึงพูดต่อ “เปล่า ครับ ผมแค่แปลกใจ”
“แปลกใจอะไร”
“คุณมินเกลียดกลิ่นกาแฟ”
“กูรู้นะ กูคบไอ้มินมาเกือบสิบปี ทำไมกูจะไม่รู้ .. ” พี่ต่อตอบผม ทั้งที่ผมยังถามไม่จบ เสียงกระชากเหมือนตะคอก ถ้าเป็นผมตอนเป็นพี่ต่อตอนนั้น ผมเองก็ควบคุมอารมณ์ไม่อยู่เช่นกัน โชคดีที่ คุณมินเดินผ่านมาพอดี เธอยกชามมาวางที่หน้าผมและพี่ต่อ
ช่างบังเอิญยิ่งกว่า ที่ผมกับพี่ต่อยิ้มพร้อมกัน คุณมินยิ้มน้อยๆ ที่เห็นเราทั้งคู่ยิ้มพร้อมกัน เธอยกถ้วยกาแฟขึ้นเก็บ พร้อมสั่งห้ามพี่ต่อกินกาแฟอีก เพราะเธอเกลียดกลิ่นของ มัน ติเตียนว่ากาแฟไม่มีประโยชน์กินทำไม ลับหลังเธอไปแล้ว พี่ต่อกับผมทิ้งให้ตกอยู่ในความเงียบอยู่ครู่ใหญ่ พี่ต่อก็เลยหาเรื่องพูด
“ที่กลับมา ลืมของไว้หรือไง”
“ก็.......ประมาณนั้นแหละครับ”
ปรกติ ผู้ชายเขาจะไม่ถามอะไรที่มันจู้จี้จุกจิกกันหรอกครับ แต่วันนี้พี่ต่อแกคงกะสอบผมเต็มที่ ให้จนมุม โชคดีที่ผมได้ยินเสียงรถมอเตอร์ไซค์ของบุรุษไปรษณีย์ ทำให้ผมขอปลีกตัวออกมาได้ทัน

ผมรับจดหมายสามสี่ฉบับ พยายามปั้นหน้า แต่ก็ปั้นไม่ออก ไม่รู้ว่าจะทำหน้าอย่างไรดี
พอกลับมาก็เห็น คุณมินกำลังตักข้าวต้มใส่ชามรอแล้ว ข้าวต้มนี่คงอร่อยมาก จนทำให้พี่ต่อชมไม่หยุด ผมพยายามยิ้มเพื่อปกปิดไม่ให้คุณมิน รู้ว่าผมเครียดแทบคลั่ง ผมรับชามข้าวต้มจากเธอมาเหยาะพริกไทย
“เมื่อคืนคงหนักไปหน่อยล่ะสิ ตักข้าวมือสั่นเชียว” พี่ต่อแซวผมแบบนี้ ทำให้ผมเริ่มฉุนขาด
คุณมินตอบอย่างอารมณ์ดี “เมื่อคืนไม่มีอะไรกันหรอก มัวแต่ทำงานเลยไม่ว่าง”
“งั้นคงจะเป็นคืนนี้ล่ะสิ”
คุณมินพยายามหัวเราะกลบเกลื่อน “ก็ประมาณนั้นแหละ” เธอนั่งลงทานอาหารเช้าด้วยกัน พี่ต่อเอื้อมมือไปเสยผมคุณมินขึ้น สายตาคุณมินกับพี่ต่อในตอนนี้ ผมหวังว่าที่ผมเห็น ผมคงมองผิดไป ...ผมคงเครียดจนตาลายถึงได้เห็นอะไรที่ไม่เป็นความจริง เขาสองคนมีความลับอะไรกัน พี่ต่อเผลอยิ้มออกมาก่อน คุณมินจึงยิ้มตาม หรือ ผมไม่ได้ตาลาย แต่ผมเห็นอย่างนั้นจริงๆ
“เดียวผม มันก็ไปกินข้าวด้วยหรอก” พี่ต่อเตือน คุณมินให้ระวังผมยาวๆ อาจจะหล่นไปชามข้าวต้ม พี่ต่อลุกขึ้นเดินออกไปหลังบ้านครู่หนึ่งกลับมาพร้อม ยางรัด และหวีพี่ต่อจับคุณมินนั่งนิ่ง ๆ หวีผมและรัดให้อย่างระวัง
ผมไม่ชอบสถานการณ์แบบนี้เลย แต่ดูท่าทางคุณมินจะมีความสุขดี ผมจึงต้องฝืนมีความสุขไปด้วย

แต่ความสุขมันย่อมอยู่กับเราไม่นาน หรอกครับ อะไรที่มันสงบ และราบเรียบนั้น ย่อมเป็นสัญญาณอันตรายถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นไม่ช้า ผมโยนจดหมายสามสี่ฉบับที่รับมาจากบุรุษไปรษณีย์ให้คุณมิน เพื่อให้ขัดจังหวะการสนทนาของพวกเขา
คุณมินเลือกที่จะเปิดอ่านจดหมายตรงนั้น เธอพูดอะไรไม่ได้ศัพท์กับพี่ต่อ พี่ต่อรีบฉวยจดหมายมาอ่าน และ ไล่ฉีกซองจดหมายไปทีละซอง
แล้วเสียงโทรศัพท์ก็ดังลั่นขึ้น คุณมินลุกขึ้นตั้งใจจะไปรับโทรศัพท์ แต่พี่ต่อห้ามไว้ อาสาจะไปรับโทรศัพท์เอง บรรยากาศในตอนนั้นอยู่ในความเงียบ ผมรู้สึกว่า จดหมายนั้นมันต้องมีอะไรแน่ๆ คุณมินถือไว้ในมือแน่นแบบนี้ ผมพยายามถามว่าเกิดอะไรขึ้น แต่คุณมินก็ไม่ยอมบอกอะไร จนพี่ต่อเดินกลับมา คุณมินถามว่าเป็นอย่างไร พี่ต่อก็เอาแต่ส่ายหน้า และบอกให้ผมกลับบ้านไปก่อน ผมไม่ยอมกลับ เพราะผมเป็นห่วงคุณมินว่าเกิดอะไรขึ้น
แต่คุณมินขอร้องให้ผมและพี่ต่อกลับไปก่อน พี่ต่อรวบจดหมายทั้งหมดบนโต๊ะเก็บใส่กระเป๋า พี่ต่ออาสาจะพาผมไปส่งที่บ้านเพราะเขาไม่เห็นรถผม

ผมจึงสารภาพความจริงไปว่าผมจอดไว้ที่สวนหย่อมใกล้ๆ กับสโมสรเพื่อไม่ให้คนแถวนี้สงสัย ผมถามพี่ต่ออีกครั้งว่าเกิดอะไรขึ้น แต่พี่ต่อบอกว่าไม่มีอะไรมาก เดียวก็จัดการได้ สบายมาก พี่ต่อเดินไปส่งผมถึงรถ
ผมขับรถออกไปแล้ว แต่ความกังวลมันทำให้ผมอยู่ไม่เป็นสุข ผมเป็นห่วงเธอ ถึงแม้ว่าผมจะช่วยอะไรไม่ได้ ขอแค่ได้ปลอบเธอตอนที่เศร้าๆ ก็พอ ให้เธอรู้ว่าไม่ว่าอย่างไรก็จะมีผมยืนเคียงข้างเธอเสมอ ผมจึงตัดสินใจในเย็นวันนั้น ว่าจะไปหาเธอ ผมแวะไปที่สโมสรก่อน เพราะวันเสาร์แบบนี้ เธออาจไปสอนว่ายน้ำให้เด็กๆ แต่ผิดคาด คนคุมสระบอกว่าคุณมินวันนี้ไม่มาสอน โทรไปที่บ้านหลายครั้งก็ไม่รับ ผมลองขับรถผ่านหน้าบ้านเธอก่อน
น่าแปลก ที่ตอนนั้นก็ทุ่มกว่าแล้ว ทำไมบ้านเธอถึงได้ปิดไฟเงียบ ตอนนั้นมันน่าจะมีลางสังหรณ์อะไรสักอย่างเกิดขึ้นกับผมบ้าง เพื่อผมจะได้เข้าไปช่วยเธอได้ แต่มันก็ไม่มี ผมจอดรถหน้าบ้านเธอสังเกตดู คราวนี้ ไฟที่ห้องทำงานเปิดสว่าง และปิดลงอย่างรวดเร็วเช่นกัน
ผมถือวิสาสะปีนรั้วเข้าประตูหลัง ประตูหลังไม่ได้ล๊อคเสียด้วย ผมค่อยๆ ไต่ไปตามกำแพง จนเจอบันได พยายามขึ้นบันไดด้วยฝีเท้าที่เบาที่สุด ในบ้านหลังนี้ผมมั่นใจว่าผมรู้ดีทุกซอกทุกมุม
และแล้วกลิ่น คาวคุ้ง ก็ฟุ้งอย่างประหลาด ถึงแม้จะเบาบาง แต่มันก็ทำให้ เลือดในตัวผมเดือดผ่านอย่างไร้เหตุผล หัวใจเต้นแรงจนเกือบจุกอกออกมา เสียง... ผมได้ยินเสียงเหมือนแปลกๆ ในห้องทำงาน
และแล้วกลิ่นแห่งฝันร้ายของผม ก็ปลุกทุกประสาทผมให้ตื่นตัวไปทุกรูขุมขน
ผมจำได้ดีว่ามันคือกลิ่นของดินปืน แม้ว่าผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่บ้านหลังนี้ แต่สัมผัสของผมทั้งห้ามันบอกผมชัดเจน มีคนยิงกันในบ้านหลังนี้ ผมพยายามหยุดหัวใจที่เต้นระทึก ผมไม่ได้กลัวแม้แต่น้อย ความรู้สึกเดียวที่ผมมีในขณะนั้นก็คือ หวังว่าคุณมินของผมจะไม่เป็นไร
เธอกำลังนอนสลบอยู่บนพื้น มีใครบางคนกำลังจะยิงเธอ ผมรีบกระโดดขวาง มันปวดขึ้นมาจี๊ด... เมื่อก้มมองดูเลือดไหลซึมออกมาจากเนื้อ... ไม่ถูกยิง แต่ลูกปืนเฉี่ยวขา ทิ้งแผลยาว

ผมเคยคิดมาตลอดว่าสักวันหนึ่ง จะเป็นอย่างไร ถ้าหากว่าสามีของเธอกลับมาเร็วกว่าที่คิด แต่ผมคิดไม่ถึงว่าเขาจะกลับมาบ้านเร็ว พร้อมของฝากคือ ลูกปืนจากปืนที่กำลังเล็งเข้าที่หัวผม



Create Date : 23 มีนาคม 2549
Last Update : 28 พฤษภาคม 2549 3:48:34 น.
Counter : 240 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

หวานใจนายโหด
Location :
กรุงเทพ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




add me!!plz~
Add to Google

ไม่สวยก็เซ็งเป็น


MY VIP Friend