มีนาคม 2549

 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
25
26
27
28
29
30
31
 
 
ฤดูฝน ผมเหงา เธอเปลี่ยว ตอนที่10
ฤดูฝน ผมเหงา เธอเปลี่ยว
หลังจากนั่น ฤดูฝนก็เริ่มจางหาย เข้าสู่ฤดูหนาว (ที่ไม่ค่อยจะหนาวสักเท่าไหร่ ในกรุงเทพ)
บ่อยครั้งที่ผมไปร้านหนังสือเห็นงานเขียนของเธอวางขาย นิยายอิโรติคนามปากว่าว่าคุณมิน ทำให้ผมอดคิดไม่ได้ว่า ตอนนี้ ผมยังสามารถ ขับรถไปสระว่ายน้ำ มองดูคุณมินครูสอนว่ายน้ำที่ใจดีที่สุดในโลก ไปยืนกางร่มรอเธอกลับบ้านในวันที่ฟ้าฝนไม่เป็นใจ เหมือนที่มันเคยเป็น

บางครั้งเธอก็ส่งข่าวมาบ้าง แต่ก็ไม่ได้ทำให้ใครรู้ที่อยู่ที่จะติดต่อกลับได้เลย พี่ต่อแนะนำ ให้ผมติดต่อไปยังสำนักพิมพ์เพราะเธอกำลังเขียนนวนิยายเรื่องใหม่อยู่ เขาคงมีที่อยู่เธอ แต่ก็ได้เพียงเหมือนแฟนคลับคนอื่นๆ คือรอจดหมายมีจำนวนมากพอ สำนักพิมพ์ส่งไปเดือนละครั้ง ซึ่งมันนานมากในความรู้สึกของผม

วันหนึ่งพี่แอนโทรหาผม บอกผมว่า อยากจะเชิญผมไปงานเลี้ยงฉลองตำแหน่งใหม่ของพี่ต่อ ผมตกลงรับคำไป เพราะผมคิดว่า มันไม่มีเหตุผลอะไร ที่ผมจะไม่ไป อย่างน้อยเขาก็เป็นคนพาผมมาเจอกับคุณมิน และตั้งใจจะบอกเขาเรื่องที่ผมกับคุณมินจะแต่งงานกันหลังจากที่คุณมินกลับมา

ผมรอเวลาจนงานเลิก ผมกับพี่ต่อต่างใจตรงกัน แต่ผมเป็นคนพูดขึ้นก่อน“ผมมีข่าวดีจะบอกพี่”
“พี่ก็มีข่าวดีเหมือนกันพี่ถูกเลือกให้ไปวิจัยยาตัวใหม่ที่ญี่ปุ่น” พี่ต่อถอดเสื้อสูทออก เขาเอาซองจดหมายสีขาวจากเสื้อสูทมาถือไว้
“ยินดีด้วยครับ พี่ต่อ” ผมยื่นมือไป แต่พี่ต่อกลับกอดผมแน่น
“ผมเองก็มีข่าวดีจะบอกพี่เหมือนกัน วันที่ไปส่งคุณมิน ผมขอเธอแต่งงาน เธอตอบตกลงถ้าคุณมินกลับมาเมื่อไหร่เราสองคนจะแต่งงานกัน”
ผมรู้สึกได้ถึงความรู้สึกบาดหมางที่ลุกลามอยู่ พี่ต่อพยายามฝืน ผมรู้ ดีว่าเขาพยายามฝืน แสดงความยินดี แต่คราวนี้ผมจะไม่รอให้เขาแก้ตัวอีกแล้ว
“ถ้าเจอคุณมิน ฝากบอกเธอด้วยนะครับ ว่าผมคิดถึงเธอมาก ผมจะนับวันนับคืน เฝ้ารอเธอกลับมา” ผมพูดทิ้งท้าย ก่อนที่เดินกลับออกไปเงียบๆ
“แล้วจะบอกให้...”
ผมได้ยินเสียงพี่ต่อบอกผมว่าอย่างนั้น แต่สำหรับผม มันไม่สำคัญแล้วว่าเขาจะพูดมันหรือไม่ หลังจากนี้ไป

ผมไม่ใช่คนอย่างพี่ต่อ ที่รอโอกาส
รอจนพลาด สิ่งล้ำค่ำอย่างคุณมินไป
ผมไม่ใช่คนอย่างพี่ต่อ ที่เชื่อมั่นเสียเหลือเกิน
คิดว่าคนอื่น นั้นโง่เง่า พอที่จะฟังคำโกหกซ้ำสอง

หลังจากนั่น ผมก็เริ่มงานใหม่ งานใหม่ของผมก็ไม่พ้นนิตยสารเล่มเดิมที่จ้างผมตอนฝึกงาน พี่แมวให้เป็นผมเป็นผู้ช่วย ช่างกล้อง คอยจัดแสง หรือ จริงๆ แล้วก็เป็นคนใช้ของพี่แมวนั่นเอง งานที่ทำก็ก้าวหน้าขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ผมมีเวลากลับบ้านน้อยลง ผมเริ่มทำงานอย่างไม่รู้วันรู้คืน แต่ผมก็จะพยายามกลับบ้านมาทุกเดือนมาหาครอบครัว อย่างน้อยก็กลับมาเอา จดหมายจากคุณมินเดือนละฉบับสองฉบับ บางฉบับเธอก็บ่น ว่าเธอท้อแท้ อยากกลับบ้าน บางฉบับเธอก็เล่าเรื่องทั่วๆ ไป ตอนนี้พี่ต่อจ้างเธอให้เป็นพี่เลี้ยงให้หมูหวานที่ตามพ่อไป บางฉบับเธอก็เล่าถึงความเปิ่นในต่างแดนบ้าง แต่โดยรวมแล้ว เธอก็มีความสุขดี

ตอนหลังผมไม่มีเวลาว่างเลย แม้ว่าตอนนั้นเธอจะบอกที่อยู่ แต่ผมก็ไม่มีเวลาติดต่อกับเธอเลย จนกระทั้ง ฤดูร้อนได้ผ่านพ้นไป เข้าสู่ฤดูฝนอีกครั้ง ผมได้รับจดหมายสำคัญจากเธอ มันเป็นปลายเดือนพฤษภาคม ถึงเนื้อความจดหมายฉบับนั้น เธอเล่าให้ฟังว่า ตอนนี้กำลังเป็นฤดูใบไม้ผลิ และ มีคนบอกเธอว่า หลังจากนี้ไปไม่ช้า ญี่ปุ่นก็จะเริ่มมีฝนตก เธอบ่นว่าเธออยากเห็นฝนของญี่ปุ่นมานานแล้ว เพราะที่นี้ฝนตกน้อยเหลือเกิน แล้วจะเป็นไปได้ไหม ที่ผมจะมายืนกางร่มให้เธอในฤดูฝนนี้ สักสองสามวัน เธอไม่ได้ชวน แต่เธอบังคับโดยการจองตั๋วเครื่องบินให้

ผมโทรไปหาพี่ต่อ ให้ช่วยฝากบอกเธอว่าผมนั้นไม่ว่างไป ขอให้เธอยกเลิกตั๋วนั้นเสีย เพราะผมกำลังยุ่งๆ กับงาน พี่ต่อไม่ได้พูดอะไรผม เขาบอกว่า แล้วเขาจะบอกคุณมินให้

พอคุณมินโทรมา เสียงของเธอดูร่าเริง เธอโทรมาฝากผมชื้อของจากเมืองไทยให้ช่วยส่งมาที ไม่ว่าจะเป็นขนมของกิน หนังสือ ซีดีเพลง ไม่ลืมที่จะออดอ้อนผมทุกวัน แต่กว่าผมจะใจอ่อน มันก็หมดฤดูฝนแล้ว และตอนนี้กำลังเข้าสู่ฤดูร้อนอีกครั้งในเดือนสิงหาคม ผมตัดสินใจเอาไงเอากัน ยอมทิ้งงานครั้งเดียวมันคงไม่ตาย คุณมินดีใจมากๆ ที่ผมจะมาหาเธอถึงญี่ปุ่น

ในวันนั้นที่ผมกำลังจะออกเดินทางเป็นเวลาดึก เกิดมีฝนตกหนัก ผมนึกขำอยู่เลย เป็นอย่างที่คุณมินบอกผมจริงๆ ว่าผมนั้น มักจะมาพร้อมฝน และคราวนี้ไม่ธรรมดาแน่ๆ มันต้องร้อนแรงสุดยอด เพราะผมมาพร้อมพายุโซนร้อน
สนามบินเลื่อนการเดินทางอย่างเคย พี่ต่อก็โทรหาผม ผมตั้งใจว่าผมจะบอกพี่ต่อว่าผมอยู่สนามบินแล้ว อีก 7 ชั่วโมงเจอกัน
“โปร อยู่ไหนแล้วตอนนี้”
“ก็อยู่สนามบินเหมือนเดิมแหละครับ เขายังเลื่อนออกไปอีก”
“ไม่ต้องมาแล้วนะ” ผมยังไม่ทันถามว่า ทำไม เพราะอะไร พี่ต่อชิงตัดบทบอกก่อน

คุณมินเสียแล้วเมื่อเช้า
.
.
.
.
ผมไม่รู้ว่าพี่ต่อวางหูไปตั้งแต่เมื่อไหร่หรือแม้กระทั่งพี่ต่อพูดอะไรอีกบ้าง รู้แต่ว่า ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก ผมพยายามกลั้นน้ำตา ไม่ร้องไห้ให้ใครเห็นไม่อยากให้ต้องตกใจ เก็บกระเป๋ากลับบ้าน ทันทีที่ผมถึงบ้าน เมื่อความเข้าเงียบเข้ามา น้ำตามันไหลออกมาและไม่ยอมหยุด

หนังสือ ที่เธออยากอ่าน ซีดีเพลง ที่เธออยากฟัง ขนมอร่อยๆ ที่เธออยากกิน
ผมคงจะให้เธอได้ทั้งหมด ถ้าผมไปเร็วกว่านี้
ผมไม่มัวยุ่งกับงาน แล้วรีบไปหาเธอ
ถ้าผมไปเร็วกว่านี้แม้เพียงวันเดียว
ผมคงปกป้องเธอได้เหมือนครั้งนั้น
แล้วคุณมินของผมคงไม่ตาย



“โปร..” พี่แอนเดินเข้ามาจับตัวผม ผมยิ้มน้อยๆ “พี่นึกว่าโปรจะมาไม่ไหวซ่ะแล้ว”
“คุณมินเป็นเหมือนพี่สาวผม เธอเสียไปทั้งคน ต่อให้ไม่ไหว ก็ต้องมาให้ได้”
หมูหวานมองหน้าผมด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนไป เกือบปีแล้วสินะที่จากหมูหวานไป เธอคงจำผมไม่ได้แล้ว
“ว่าไงจ๊ะ สาวน้อย” ผมขอตัวหมูหวานมาอุ้มด้วยความเอ็นดู ยิ่งโตก็ยิ่งเหมือนพี่ต่อ

พอคิดถึงพี่ต่อ พี่ต่อก็เดินมาหาผม เขาบอกให้ พี่แอนอุ้มหมูหวานไปเล่นที่อื่นก่อน เขามีเรื่องสำคัญมากจะคุยกับผม
พี่ต่อเริ่มต้น ด้วยการเล่าเรื่องสาเหตุการตายของคุณมิน เธอถูกวางยาตายตอนนั้นเป็นตอนเช้า พี่ต่อเล่าลักษณะของคนร้ายให้ฟัง ที่ผมฟังอย่างไง ก็เหมือนสามีคุณมิน แต่ผมก็ไม่กล้าแสดงความคิดเห็นอะไรมาก
“พี่ขอโทษนะ ”เมื่อพี่ต่อพูดจบแล้วเขาก็หันไปทางอื่น ยื่นซองจดหมายให้ผม
ผมรับซองจดหมายที่จ่าหน้าซองถึงผมด้วยลายมือของคุณมิน
“ของผม” ผมถามพี่ต่อ แต่พี่ต่อให้ความเงียบตอบ

“15 ธันวาคม
ถึงโปร ที่น่ารักที่สุด
โปร ถ้าเธอได้อ่านจดหมายฉบับนี้
สัญญานะ ว่าจะไม่บอกต่อว่าเราคุยอะไรกัน สัญญากับฉันก่อนสิ
จะเริ่มไงดีล่ะ........
คือไม่รู้ว่าจะหาคำอะไรก่อน เอาเป็นว่าขอโทษก่อนล่ะกัน
เธอจะว่าอะไรเรา ก็ได้ นะ ถ้าจบแล้ว
อย่างแรกเลยก็คือ วันที่เรากับต่อคนโกหกเรื่องการ์ดกับดอกไม้
จริงๆ แล้ว ต่อเขาก็เป็นคนส่งให้เราอย่างที่เธอคิดไว้จริงๆ นั่นแหละ
เราขอโทษนะ ที่โกหกโปรนะ เรารู้สึกไม่สบายใจ ก็เลยมาสารภาพ
อย่างที่สองก็คือ เราสารภาพรักกับต่อแล้วนะ
เราขอให้ต่อ ช่วยสลักคำว่า my dare ลงไปในแหวน
เราบอกว่าประทับใจนะอยากสลักเก็บไว้
แต่เหตุผลจริงๆ ก็คือ เพื่อให้เขาเห็นคำว่า It had to be you ซึ่งก็คือตัวเขา
แล้ว เขาจะได้รู้ว่า จริงๆ แล้วเราชอบเขา มาตลอด ในที่สุดเราก็กล้าบอกเขา ว่าเราชอบเขา
แหม่.... ต่อนี้น่าโมโหจริงๆ เราหวังจะให้เขาพูดอะไรบ้างเมื่อเห็นแล้ว ตอนเอาแหวนมาคืนให้เรา
แต่เขาก็ไม่พูดอะไรเลย สงสัยไม่รู้ว่าเพราะเขาไม่รู้ความหมายในสิ่งที่เราทำ หรือว่า
เขารู้แต่ เขาปฏิเสธเรา เราก็ไม่กล้าถามเหมือนเคยเหมือนที่ผ่านๆมา
ที่นี้มาพูดเรื่องของเรากัน
ก็คือตอนแรกที่โปรขอเราแต่งงาน เราก็ดีใจนะ แล้วก็คิดว่า ถ้าหากว่าได้กลับมาเมืองไทยอีกครั้ง
แล้วทุกๆ อย่างมันไม่ได้เปลี่ยนไป เราก็คงจะรับคำขอแต่งงานกับเธอ
แต่มันก็มีความรู้สึกหนึ่งที่แน่ชัดก็คือ เราไม่อยากทำพลาดอีกเป็นครั้งที่สอง
ไม่ใช่ว่าเราไม่อยากแต่งงานกับโปรนะ เรารักโปรที่สุด รักมากกว่าใคร ทั้งมั่นใจและแน่ใจ
แต่ความจริงก็คือ ก็คือ ไงดีล่ะ
ไม่ใช่ว่าเลือกไม่ได้ ว่าจะเลือกใคร แต่เลือกไปแล้ว
ต้องเป็นต่อเท่านั้น ที่ใจเราจะรักตลอดไป ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรก็ตาม
เราก็เลยอยากจะขอคืนแหวนแต่งงาน เราเห็นว่ามันมีค่ามาก ก็เลยพัสดุแบบพิเศษให้ฝากต่อไปคืน
สั่งไว้ว่าให้คืนทันที หลังจาก ที่โปรอ่านจดหมายฉบับนี้แล้ว
อย่าลืมนะ ถ้าต่อขออ่านก็ไม่ต้องให้อ่านนะ เพราะมันก็คงสายเกิน ไปที่ต่อจะรู้ว่า เรารักมัน
ฉบับนี้เครียดไปหน่อยนะ ต้องขอโทษด้วย
ฉบับหน้าจะเล่า อะไรเบาๆ ให้ฟังบ้าง
กามล นารา 15 ธันวาคม 200X
ป.ล. ถึงแม้ว่าจะรักโปรมาก ก็จริง แต่เราก็ยังยืนยันคำเดิม ว่าโปรอย่ารอเราเลย ใจเราคงเปลี่ยนไม่ได้แล้ว
อยากให้โปรรู้ไว้นะ ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างเราสองคน แม้ว่าโปรอาจจะคิดว่ามันคือความทรงจำที่เลวร้าย แต่สำหรับเรา มันจะเป็นความทรงจำที่ดีเสมอ และตลอดไป ป.ล. 2 ช่วยเคารพการตัดสินใจเราด้วยนะ นี่จริงจังนะ ”

แม้ว่าข้อความในจดหมาย เธอจะพยายามใช้ถ้อยคำฝืนให้ดูรื่นเริง แต่รอยหยดน้ำตาบนกระดาษ มันก็ฟ้อง ว่าเธอนั้น คงจะร้องไห้ไป เขียนไป ผมพับจดหมายใส่ซอง พี่ต่อถามผมว่า คุณมินว่าไง ผมก็ได้ยิ้มให้พี่ต่อ พี่ต่อจึงยื่นแหวนคืนให้
“พี่ขอโทษนะ ที่วันนั้น ไม่กล้าคืนแหวนให้ตั้งแต่วันนั้น วันที่..”

“เพราะพี่แอบอ่านจดหมายแล้วใช่ไหมครับ พี่ถึงได้ไม่กล้าเอาแหวนมาคืนให้ผม”


พี่ต่ออึดอัดที่จะตอบ แต่ผมขอร้องให้ให้เขาตอบ “อ่านแล้ว โปร พี่ขอโทษจริงๆ นะ พี่ไม่อยากทำแบบนี้หรอก แต่พี่ไม่กล้าคืนแหวนให้ตั้งแต่วันนั้น วันที่พี่เอ่อ..ได้งานญี่ปุ่น”
“ พอรู้ว่าคุณมินเขาไม่เลือกผม แทนที่จะรีบเอาจดหมายมาให้ผม เพื่อเปลี่ยนใจคุณมินอีกครั้ง แต่พี่ก็ไม่ทำ พี่ปล่อยผมให้เข้าใจผิดไปเรื่อยๆ พี่ทำแบบนี้คงสะใจพี่แล้ว”
“พี่ขอโทษ ก็.. พี่กลัวต่อจะเสียใจ ”
“เรื่องนั้นนะช่างมันเถอะครับ ผมสนเรื่องคุณมินต่างหาก พอพี่ได้รู้แล้ว พี่ได้บอกอะไรกับเธอหรือเปล่า” พี่ต่อไม่ตอบผมจึงถามย้ำอีกครั้ง “พี่บอกอะไรเธอหรือเปล่า”


“ถึงพี่จะรู้ใจตัวเองมานานแล้วแต่พี่ไม่กล้า...จะให้ทำไง โปร พี่มีเมียมีลูกแล้วนะ ถึงพี่จะรักเขามาตลอดก็เถอะ แต่มันเป็นไปไม่ได้แล้ว มันเป็นไปไม่ได้”
“พี่ไม่เคยมีความกล้าจะพูดอะไรทั้งนั้นแหละครับ ไม่เคยเลย ที่จะบอกความรู้สึกที่พี่มีต่อเธอ ถ้าเพียงพี่บอกความรู้สึกที่มีออกไปสักครั้ง ทุกอย่างก็คงไม่เป็นแบบนี้ พี่พูดออกมาได้ว่าพี่รู้สึกอย่างไง ถ้าเพียงแต่พี่พูดออกมาได้เท่านั้น แต่พี่ไม่ทำ ปล่อยให้ทุกอย่างมันสายเกินไป” .... ไม่รู้ว่า คำพูดมันพรั่งพรูออกมาจากไหน สงสัยมันก็คงจะมาจากคุณมินล่ะมั้งครับ พี่ต่อยื่นแหวนให้ผมอีกครั้ง ผมรับมาอย่างไม่เต็มใจเท่าไหร่นัก แม้ว่างานศพของคุณมินจะมีคนคุยกันเสียงดัง แต่ผมกับพี่ต่อกลับนั่งเงียบกันอยู่สองคน

“พี่เสียใจ โปร พี่เสียใจ”
“เก็บว่าเสียใจไว้พูดกับตัวเองเถอะครับ ขอตัวล่ะครับพี่ ” ผมลุกขึ้นไปนั่งที่อื่นและไม่พูดอะไรอีกเลย จนกระทั่งงานศพคุณมินเลิก

นี้เช้าแล้วหรือ... ผมเหลือบไปดูนาฬิกาที่ข้างผนังที่บอกว่าหกโมงห้าสิบแล้ว แต่ฟ้าข้างนอกยังมืดอยู่อาจเพราะ ฝนยังตกพรำๆ มันเริ่มตกตั้งแต่ที่ผมกลับมาจากงานศพ

ผมควรเขียนเรื่องนี้ จบอย่างไรดี
ผมลังเลอยู่
โดยความรู้สึกส่วนตัว ผมเองก็ไม่อยากให้เรื่องนี้จบแบบนี้เลยแต่.......ถ้าเป็นไปได้ผมอยากเขียนใหม่ตั้งแต่ต้นเรื่อง

เขียนให้ให้คุณมินกับพี่ต่อให้เขาสองคนได้ใช้เวลาร่วมกันอีกครั้ง
เขียนให้ต่อได้มองดูคุณมิน ด้วยสายตาที่เปลี่ยนไปบ้าง
เขียนให้ให้พี่ต่อได้สงสัยในแววตาของเพื่อนรักคนหนึ่งบ้าง
หรืออย่างน้อยๆ ให้เขาสองคน กลับมาทบทวนความทรงจำวันคืนที่งดงาม
ค้นหาจิตใจให้แน่ชัด เพื่อจะได้ค้นพบ หาคำตอบว่าใครคือหัวใจต้องการ
ผมอยากให้เขาสองคนได้รักกันตั้งแต่ต้นเรื่อง.....
จะได้ไม่มีตัวละคร ที่ชื่อโปร ต้องเสียใจอยู่ในตอนจบของเรื่อง


และถ้าหากมันเป็นไปได้จริง ผมก็คงจะเขียนเปลี่ยนใจให้คุณมินไม่ไปไหน เขียนให้เธอรับคำขอแต่งงานของผม เราสองได้รักกันตลอดกาล เหมือนดังนิทานที่เคยเล่าให้ผมฟัง แล้วแม่มดกับเจ้าหญิงก็อยู่กันอย่างมีความสุข

หรืออย่างน้อยที่สุด ก็เขียนลงไป ให้ผมได้บอกเธอ ก่อนที่เธอจะจากผมไป
“คุณมินครับ ผมเองก็เช่นกัน ไม่ใช่ว่าเลือกไม่ได้ ว่าจะเลือกใคร แต่หัวใจผมได้เลือกไปแล้ว ต้องเป็นคุณมินเท่านั้น ที่ผมจะรักตลอดไป ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรก็ตาม”

ผมยังไม่รู้ว่าเช้านี้ ผมจะทำอะไรดี ผมนอนคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย
แต่ไม่กล้าหลับเพราะกลัวจะฝัน
ฝันถึงเธอเหมือนทุกๆคืน ตอนฝันมันก็ดีหรอก
แต่เจ็บปวดที่สุดที่ต้องตื่นมาพบความจริงที่โหดร้าย
ถ้าผมขอพรสักข้อได้ในตอนนี้ ผมคงจะขอ
ผมอยากหลับแล้วฝันไปตลอดกาล หรือ ไม่ต้องฝันอีกเลย
ให้ผมหลอกตัวหน่อยเถอะครับ ผมไม่เคยเห็นจดหมาย
ผมไม่เคยรู้ถึงการตัดสินใจของคุณมิน ที่เธอเลือกพี่ต่อ แทนที่จะเป็นผม

แต่เสียงฝนตกมันยังทำร้ายผมไม่เลิก อากาศเย็น เสียงซ่ากระเซ็น ช่างเพลิดเพลินเหมือนอย่างเคยที่ได้อยู่กับคุณมิน คุณมินครับ

ผมไม่ไหวแล้วครับคุณมิน ขอผมพักผ่อนหน่อยนะครับคุณมิน ขอผมโอกาสให้ผมได้โกหกตัวเองอีกครั้งในความฝัน ว่าคุณมินยังคงยืนอยู่เคียงข้างผม คุณมินตั้งใจแต่งงานกับผม

ผมคงจะเป็นเหมือนคำพูดหนึ่ง....ของตัวละคร...ที่ผมเคยเห็นบนกระดาษที่คุณเขียนไว้บนโต๊ะ
... “My heart will stay yours until I die .”

(หัวใจของฉันจะอยู่กับคุณ จวบจนวันตาย)



(เพิ่มเติม คำว่าเปลี่ยว นอกจากแปลว่า ว้าเหว่ ห่างไกล ยังมีความหมายอีกนัยหนึ่ง คือการห่างไกลคนซึ่งอันเป็นที่รัก )



Create Date : 23 มีนาคม 2549
Last Update : 28 พฤษภาคม 2549 3:49:59 น.
Counter : 340 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

หวานใจนายโหด
Location :
กรุงเทพ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




add me!!plz~
Add to Google

ไม่สวยก็เซ็งเป็น


MY VIP Friend