... ^^ Welcome to suvilajamsai's world ^^...
Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2554
 
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
3 กรกฏาคม 2554
 
All Blogs
 

รักหมดใจ…ให้เพียงเธอ (ภาคพิเศษของ Oxford Story) บทที่ 2

บ้าชะมัด คนบ้าอะไรไม่รู้!

วรรษิณีบ่นพึมพำกับตนเองหลังจากกลับมาถึงแฟลต รอยยิ้มโปรยเสน่ห์กับแววตาเจ้าชู้ของผู้ชายที่เพิ่งพบมาในคืนนี้ทำให้เธอรู้สึกขนลุกวาบอย่างบอกไม่ถูก หญิงสาวตอบไม่ถูกว่าชอบหรือไม่ชอบความรู้สึกนี้ แต่ถ้าคิดตามหลักความเป็นจริงแล้ว เธอน่าจะขนลุกชันด้วยความสะอิดสะเอียนเขามากกว่าอย่างอื่น

คิดถึงบทสนทนากับชายหนุ่มเมื่อค่ำนี้ ใบหน้างามก็นิ่วหน้าน้อยๆ

…ร้ายกาจอย่างนี้นี่เอง ถึงว่าสาวๆ รอบตัวเราหลายคนถึงได้ติดบ่วงเสน่หาของเขาอย่างถอนตัวไม่ขึ้น

ถ้าเป็นอย่างนี้ เห็นทีที่เธอไปรับคำท้าของเขาอาจเป็นการหาเรื่องใส่ตัวเสียแล้ว หนำซ้ำ หากพลาด… เธออาจจะต้องน้ำตาตกอย่าง ‘เหยื่อชิ้นเก่า’ ที่เพิ่งจะพบเห็นมาก็ได้

เพราะฉะนั้น วรรษิณีเอ๋ย ถ้าไม่อยากเป็นผู้หญิงโง่ๆ ที่เสียน้ำตาให้ผู้ชายที่ไม่เห็นค่าอีกคนแล้วล่ะก็ เธอจะต้องทำใจแข็งให้ถึงที่สุด!


แม้จะคิดอยากจะแก้แค้นแทนเพื่อนๆ รวมทั้งสั่งสอนให้ชายหนุ่มคนนั้นรู้สำนึกเสียบ้าง แต่เอาเข้าจริงวรรษิณีกลับยุ่งเกินกว่าจะทำเช่นนั้น บ่ายวันต่อมาหญิงสาวจึงนั่งหมกตัวอยู่ในห้อง

คอมพิวเตอร์ แล็บเพื่อเขียนโปรแกรมที่มีกำหนดส่งในอีกสามวันข้างหน้า

โอเคน่า อยู่เฉยๆ แบบนี้ เราไม่เสียใจ เขาไม่เสียใจ ก็ถือว่าเจ๊ากันไป ส่วนถ้าระหว่างนี้เขาจะไปเสียใจที่ไหนก็ถือว่าเราโชคดีที่ได้ผลสมใจโดยไม่ต้องออกแรง

วรรษิณีบอกกับตัวเองเช่นนั้น โดยไม่นึกเลยว่าเธอประมาทผู้ชายอย่างคมสันเกินไป จนกระทั่ง…
“ไหนว่าจะคอยดูผมเสียใจไงครับ อยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์แบบนี้จะได้เห็นหรือ”

เสียงทุ้มที่ดังมาจากเก้าอี้ข้างตัวทำให้หญิงสาวสะดุ้ง

“นาย…”

นึกแล้วก็แปลก ทำไมผู้ชายคนนี้ถึงชอบโผล่มาถึงตัวแบบไม่ให้รู้เนื้อรู้ตัวเรื่อยเลยนะ ไม่รู้ว่าเป็นผีหรือยังไง!

คมสันมองคนตรงหน้าอย่างเต็มตา… วันนี้วรรษิณีดูแปลกไปด้วยแว่นตากรอบดำสไตล์ ‘แว่นคุณครูระเบียบ’ ผมยาวสลวยถูกรวบเป็นหางม้าไว้ด้านหลัง

อ้อ ถึงว่าทำไมเราจึงไม่คุ้นหน้าเธอ ทั้งๆ ที่สาวสวยทั้งเมืองนี้ไม่น่าจะหลุดรอดสายตาไปได้ …คงจะเป็นเพราะปกติเธอแต่งตัวแบบนี้มาเรียนล่ะมั้ง

แย่ล่ะสิ วรรษิณีนึกเจ็บใจตัวเอง เพราะวันนี้ไม่ได้คิดว่าจะเจอเขา เธอจึงไม่คิดที่จะแต่งตัวสวยแบบที่คิดว่าเขาน่าจะชอบ เลยกลายเป็นว่าเธอปล่อยให้เขามาเห็นในสภาพ ‘ป้าแก่’ จนได้

...โธ่เอ๊ยยยย เสียเรื่องหมด

แต่เอาเถอะ เปล่าประโยชน์ที่จะมานั่งเสียใจ ในเมื่อแกล้งทำสวยไม่ได้ ก็เป็นตัวเองนี่ล่ะ ...ก็ดีเหมือนกัน ไม่เหนื่อยดี

เมื่อคิดได้อย่างนั้น หญิงสาวจึงออกปากไล่อย่างไม่เกรงใจ

“วันนี้ฉันจะทำรายงาน อย่ามารบกวนจะดีกว่า”

“ก็ทำไปสิครับ” คมสันตอบยิ้มๆ เหมือนไม่รู้สึกรู้สมที่ถูกไล่ “ผมก็มานั่งทำงานของผมเหมือนกัน หรือคุณจะบอกว่าผมไม่มีสิทธิ์เข้ามาใช้ห้องนี้”

“เอ๊ะ”

“เอาน่า ไม่ต้องทำท่ารังเกียจขนาดนั้น แล้วก็ไม่ต้องทำท่าจะลุกหนีด้วย ...คิดซะว่าผมเป็นรูปปั้นหรืออะไรที่มีคนยกมาตั้งไว้ก็แล้วกัน”

“แต่ฉันว่าคุณกำลังเกะกะรบกวนคนอื่นเขานะ มีคนที่ต้องการจะใช้คอมฯ อีกเยอะ ถ้าไม่จำเป็นก็อย่ามานั่งขวางทางคนอื่นเขาเลยดีกว่า”

ใบหน้าคมหันมองไปรอบๆ ก่อนหันมาตอบ

“แต่ผมว่ายังมีเครื่องว่างอยู่อีกเยอะนะ แค่นี้ไม่เกะกะหรอก …เอาเถอะน่า แค่อยากนั่งใกล้ๆ เฉยๆ คุณจะไม่รู้สึกว่ามีผมอยู่แถวๆ นี้ด้วยซ้ำ จริงๆ นะ ผมสัญญา”

พูดแล้วเขาก็ตะเบ๊ะท่าล้อเลียน ทำให้วรรษิณีแอบลอบกระหยิ่มยิ้มย่องเมื่อหันกลับไปยังหน้าจอ
เอ้า ตามใจ อยากอยู่ก็อยู่ไป อยากรู้เหมือนกันว่าจะทนได้นานแค่ไหน หน้าอย่างนี้ ไม่ถึงชั่วโมงก็เผ่นหนีไปแล้วล่ะมั้ง


หากวรรษิณีก็ต้องแปลกใจที่คมสันทำตามที่พูดจริงๆ ทั้งๆ ที่เวลาผ่านไปชั่วโมงแล้วชั่วโมงเล่า ชายหนุ่มก็ได้แต่นั่งเงียบๆ เปิดเว็บไซท์ต่างๆ ฆ่าเวลาไปพลางๆ (โดยไม่เห็นทำงานอย่างที่อ้างสักนิด) จนกระทั่งท้องฟ้ามืดมิด ทั้งห้องคอมพิวเตอร์เหลือเพียงพวกเขาสองคน ชายหนุ่มจึงได้ทัก

“ไม่หิวหรือครับ วาวา นี่มันก็ค่ำแล้วนะ”

…หกชั่วโมง หญิงสาวนึก เธอรู้ได้ในทันทีเพราะแอบลอบมองนาฬิกาที่อยู่มุมล่างขวาของจอคอมพิวเตอร์อยู่ตลอดเวลา

อดทนใช้ได้เหมือนกันนี่

“ฉันยังไม่ค่อยหิวหรอก ถ้านายหิวก็กลับไปก่อนเถอะ”

ริมฝีปากบางแข็งใจพูด ทั้งๆ ที่ในความเป็นจริง หญิงสาวอยากจะตะโกนร้องออกไปว่า ‘หิวสิ หิวมากๆ เลยด้วย ตั้งแต่บ่ายโมงยังไม่มีอะไรตกถึงท้อง’ แต่เรื่องอะไรที่เธอจะไปบอกให้เขารู้ว่าเธอจงใจทนหิวเพื่อจะแกล้งเขากันล่ะ

“หิวก็ยอมรับมาเถอะน่า… เอ้า นี่ กินซะ แล้วค่อยไปหาข้าวเย็นกินกัน”

ชายหนุ่มส่งขนมปังหน้าแฮมกับชีสหน้าตาน่าอร่อยมาให้ วรรษิณีรับมาอย่างทึ่งๆ

ไม่น่าเชื่อ เขารู้ได้อย่างไรว่าเธอชอบขนมปังแบบนี้ ขนมปังหนานุ่มน่าอร่อยที่แตกต่างไปจากขนมปังส่วนใหญ่ของประเทศนี้ที่มักจะมีแต่แบบแห้งๆ แข็งๆ และรสชาติไม่ดีไปกว่าขอนไม้สักเท่าไร

หากด้วยความไว้ตัว หญิงสาวจึงได้แต่ถือมันเอาไว้ ไม่แกะออกรับประทานจนคมสันต้องกระตุ้น
“นี่ ผมไม่ได้ใส่ยาพิษไว้หรอกน่า ยังไม่คิดอยากจะฆ่าคุณหรอก ก็บอกแล้วไงแค่อยากจะทำให้ร้องไห้เฉยๆ”

ชายหนุ่มบอกอย่างร่าเริง วรรษิณีจึงส่งค้อนให้เขาอย่างหมั่นไส้

เชอะ มั่นอกมั่นใจเหลือเกินนะว่าจะทำให้ฉันร้องไห้ได้ ดูทำหน้าเข้าสิ สงสัยคิดว่าตัวเองหล่อตายล่ะ!

“งั้นเหรอ… ถ้าอย่างนั้นขนมปังนี่ก็อาจจะผสมยาเสน่ห์ซะล่ะมั้ง …อย่างนี้นายคิดว่าฉันควรจะกินหรือ”

คมสันหัวเราะเสียงดัง …จากคำพูด เขาพอจะเดาได้ว่าเธอคนนี้ก็กำลังระวังตัวอยู่เช่นกัน …แต่ก็น่าอยู่หรอกนะ เขาเล่น ‘หยอด’ ไปเสียขนาดนั้นนี่

“ไม่มีหรอก แต่อย่างผม คงไม่จำเป็นต้องพึ่งของอย่างนั้นหรอก จริงไหม”

โอ๊ย หลงตัวเองซะไม่มี ไม่เข้าใจจริงๆ ว่าแม่พวกนั้นหลงคารมเข้าไปได้ยังไง

แต่สุดท้าย คนหลงตัวเองก็สามารถทำให้วรรษิณีผู้แสนเย็นชาตกปากรับคำไปรับประทานอาหารเย็นกับเขาจนได้ ทีแรก เธอหลงคิดว่าเขาจะต้องพาไปร้านอาหารฝรั่งหรูหราบรรยากาศดีไม่ผิดโรงแรมห้าดาว ที่ไหนได้ เขากลับพาเธอไปร้านอาหารไทย


บางกอก เฮ้าส์ เป็นร้านอาหารไทยที่จัดว่าสวยงามและค่อนข้างหรูหราของออกซ์ฟอร์ดซึ่งอยู่ห่างจากออกซ์ฟอร์ด ซิตี้ เซ็นเตอร์ออกไปเล็กน้อย ตัวร้านอาหารตั้งอยู่บริเวณสะพานที่มีผับชื่อดังของออกซ์ฟอร์ดอย่างเดอะ บริดจ์อยู่ตรงข้าม วรรษิณีเคยมารับประทานอาหารที่นี่ในบางครั้งเมื่อเพื่อนต่างชาติของเธอชักชวนให้มาเป็นเพื่อน แต่ก็ไม่บ่อยนักเนื่องจากหญิงสาวยุ่งวุ่นวายกับการเรียนมากเสียจนมักจะประทังชีวิตด้วยอาหารแบบง่ายๆ และแทบจะไม่มีโอกาสได้แตะอาหารไทย

ถึงแม้จะมีอคติ แต่วรรษิณีก็ต้องยอมรับว่าคมสันทำตัวเป็นสุภาพบุรุษมาก เขาเปิดประตูให้เธอเดินเข้าไปในร้านก่อน เลื่อนเก้าอี้ให้นั่ง ถามความเห็นก่อนที่จะสั่งอาหารให้

อ้อ เอาใจเก่งอย่างนี้นี่เอง แม่พวกนั้นถึงได้หลงเสียขนาดนี้ …ช่างไม่รู้กันเสียเลยนะว่าทั้งหมดนั่นเป็นแค่ภาพลวงตา

แต่วรรษิณีเข้าใจผิด คมสันเป็นชายหนุ่มที่มีนิสัยเช่นนี้อยู่เองตามธรรมชาติ เขาจึงดูแลคู่ควงสาวๆ ได้อย่างน่าประทับใจโดยไม่จำเป็นต้องฝืน ไม่ว่าใครที่ได้ไปเดทกับเขาแม้เพียงวันเดียวจะมีอาการรอคอยโทรศัพท์จากชายหนุ่มสำหรับเดทที่สองเสมอ ถึงแม้ว่าสาวคนนั้นจะเป็นชาวไทยหรือชาวต่างชาติก็ตาม

“ไม่จำเป็นต้องเกร็งขนาดนั้นก็ได้ วาวา ผมไม่ทำอะไรคุณหรอกน่า เครียดขนาดนั้นเดี๋ยวกินข้าวไม่อร่อยนะ”

คมสันบอกเมื่อเห็นว่าผู้หญิงที่นั่งฝั่งตรงข้ามนั่งหลังตรง มือประสานกันอยู่บนตักซึ่งน่าจะเป็นท่า ‘พร้อมรบ’ ประจำตัว วรรษิณีถึงได้รู้สึกตัวว่าเธอกำลังแสดงออกถึงความระแวดระวังมากไป
“ทำไมนายถึงได้รู้จักชื่อฉัน”

หญิงสาวถาม อันที่จริงก็แว่วๆ ว่าเขาเรียกชื่อเธอมาตั้งแต่ตอนอยู่ที่แล็บแล้ว เพียงแต่ตอนนั้นยังไม่นึกสงสัยเท่านั้นเอง

“ชื่อของคนสวยรู้ได้ไม่ยากหรอกครับ”

คมสันส่งยิ้มตาหวานเชื่อมให้ตามนิสัย วรรษิณีจึงส่งสายตาค้อนให้เขาอีกครั้ง

สวยงั้นหรือ เห็นฉันในสภาพ ‘คุณป้าเพิ้ง’ อย่างนี้แล้วยังชมว่าสวยได้อีก ปากหวานได้โล่จริงๆ
แน่จริงๆ แฮะ ผู้หญิงคนนี้ คมสันทึ่งเมื่อเห็นคนตรงหน้าไม่มีท่าทีเอียงอายขวยเขินเมื่อถูกเขาชมตรงๆ เลยแม้แต่น้อย แม้แต่แคลร์ สาวลูกครึ่งคนสวยที่ถูกคนชื่นชมความงามมาแต่ไหนแต่ไรยังมีปฏิกิริยาให้เห็นบ้าง แต่นี่ไม่มีเลยสักนิด

ท่าทางจะใจแข็งจีบยากจริงอย่างที่เจ้ากรณ์ว่าจริงๆ แฮะ…ท่าทางจะต้องเพิ่มดีกรีสักหน่อยแล้ว
“อย่าพยายามเลย เสียเวลาเปล่า ฉันไม่หลงกลนายหรอก”

ราวกับอ่านความคิดเขาออก วรรษิณีพูดดักคอออกไปในที่สุด หากคมสันยังคงยิ้ม และยิ้มกว้างขึ้นเมื่อโต้ตอบว่า

“ทำไม ถ้ามากกว่านี้กลัวตัวเองจะอดใจไม่ไหวหรือยังไงครับ”

“จะบ้าเหรอ”

เสียงแหวของหญิงสาวทำให้คมสันหัวเราะในลำคอ… นั่นไง ในที่สุดก็มีปฏิริยาจนได้ คิดอยู่แล้ว หยอดไปเรื่อยๆ ยังไงก็ต้องมีผล

ผู้หญิง ไม่ว่าคนไหนๆ ก็เหมือนกัน ยิ่งถ้าเอ่ยคำว่า ‘บ้า’ ด้วยแล้ว แสดงว่าคำตอบคือ 'ใช่' แค่จนใจจะหาคำอื่นมาโต้แย้งนั่นเอง

“ตอบอย่างนี้แสดงว่าผมพูดแทงใจดำใช่ม้า อ๊ะ ไม่ต้องปฏิเสธนะ เพราะหน้าคุณน่ะแดงเป็นตูดลิงแล้ว
“บ้า ทุเรศพูดอะไรออกมาน่ะ เปรียบเทียบอะไรไม่รู้ น่าเกลียด”

คมสันหัวเราะอีกครั้งเมื่อเห็นสีหน้าของเธอ ไม่รู้จะเคยมีคนบอกเธอไหมนะ ว่าเธอเป็นผู้หญิงที่ทำหน้ายุ่งๆ ได้น่ารักที่สุดในโลกเลย

เร็วเท่าใจคิด เขาพูดชมหญิงสาวในสิ่งที่เพิ่งจะคิดออกไป คราวนี้คนถูกชมเองก็ไม่รู้จะทำหน้าอย่างไร โชคดีที่มีระฆังช่วยชีวิต อาหารมาเสิร์ฟเสียก่อน หญิงสาวจึงได้รอดตัว

“รีบกินแบบนั้นเดี๋ยวก็ติดคอหรอก คนสวยๆ แต่กินมูมมามมันไม่สวยหรอกนะครับ”

ชายหนุ่มกระเซ้าเมื่อเห็นหญิงสาวตรงหน้าตักอาหารใส่ปากอย่างรวดเร็วเพื่อกลบเกลื่อนอาการเขินอาย แต่วรรษิณีไม่สนใจ วินาทีนี้จะให้ทำอะไรก็ได้ที่จะไม่ต้องสนทนาวิสาสะกับผู้ชายคนนี้
ผู้ชายอะไร พูดด้วยแล้วยอกย้อนกลับมาเข้าเนื้อเราได้ทุกครั้งเชียว!


หลังมื้ออาหารที่คมสันแสดงตัวเป็นสุภาพบุรุษอีกครั้งด้วยการรับผิดชอบค่าอาหาร เขายังอาสาที่จะเดินไปส่งหญิงสาวที่แฟลตที่อยู่ไม่ไกลจากซิตี้ เซ็นเตอร์นั่นเอง ทีแรกวรรษิณีก็อิดออดไม่สะดวกใจให้เขาไปส่ง ...หรือพูดให้ถูก ไม่อยากให้เขาไปรู้จักบ้านของเธอต่างหาก แม้คมสันจะเพียรอ้างว่ามันไม่ปลอดภัยนักที่ผู้หญิงสาวๆ จะเดินอยู่ข้างนอกคนเดียวในเวลาเกือบจะสี่ทุ่ม ถึงออกซ์ฟอร์ดจะเป็นเมืองที่ปลอดภัยมากก็ตาม แต่คนเมาตามท้องถนนก็มีอยู่ไม่น้อย หากหญิงสาวก็ไม่ฟัง

ทว่า...แค่แยกจากคมสันไปได้ไม่กี่ก้าว คนเมาท่าทางน่ากลัวเข้ามาทักวรรษิณีเข้าจนได้ แม้หญิงสาวจะพยายามปฏิเสธหลบเลี่ยงเพียงไร เจ้าคนนั้นก็ยังคงเดินตามตื๊อไม่ยอมเลิกรา พอหญิงสาวออกวิ่ง คนเมาคนนั้นก็วิ่งตาม จนความรู้สึกหงุดหงิดในตอนแรกเริ่มพัฒนาเป็นความกลัว
บ้าชะมัด ร้อยวันพันปีไม่เคยเจอคนเมาที่ไหนบ้าตามตื๊อขนาดนี้เลย นี่กะจะตามไปถึงไหนกัน แถมบริเวณนี้ตอนดึกๆ ก็เปลี่ยวด้วย ถ้าเกิดอะไรขึ้นถึงร้องไปก็คงไม่มีใครได้ยิน

แต่บางที ถ้าลองเสี่ยงดู คนที่เราเพิ่งจะแยกจากมาอาจจะได้ยินก็ได้

“Hey! Leave my girl alone!”

ยังไม่ทันที่หญิงสาวจะได้กรีดร้อง เสียงทุ้มที่คุ้นเคยเพราะเพิ่งจะได้ยินมาตลอดทั้งบ่ายจนค่ำดังขึ้นจากข้างหลัง เธอจึงหันไปมองและได้พบว่าเป็นคมสันอย่างที่คิดจริงๆ

เขาคงรับรู้ถึงความผิดปกติถึงได้เดินกลับมาช่วยสินะ...

เจ้าขี้เมามองหน้าวรรษิณีกับคมสันสลับกันไปมาอย่างงงๆ ชายหนุ่มจึงเอื้อมมือไปโอบเอวบางให้ออกเดินไปด้วยกัน

แม้จะรู้สึกดีใจที่ชายหนุ่มมาช่วยเอาไว้ หากวรรษิณีก็รู้สึก…แปลกๆ ที่อยู่ใกล้ชิดกับเขาถึงขนาดนี้ และไม่อยากให้เขาฉวยโอกาสแตะต้องเธอเพราะสถานการณ์พาไป หญิงสาวจึงเอ็ดเบาๆ ให้ชายหนุ่มได้ยินเพียงคนเดียว

“นี่! นาย จะบ้าเหรอ มาย กง มาย เกิล อะไร ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ”

ร่างบางว่าพลางพยายามดึงตัวออกห่าง แต่แขนที่แข็งแรงของคมสันกลับรั้งเธอแน่นขึ้นกว่าเก่า
“เงียบก่อน คนเมานั่นยังมองเราอยู่เลยนะ อยากให้มันกอดแทนที่จะเป็นผมหรือไง หา”

คมสันกระซิบดุๆ ที่ข้างหู วรรษิณีจึงแอบเหลือบมองไปด้านหลัง

จริงเสียด้วย เมืองนี้นี่มันยังไงกันนะ หรือว่าจะเป็นทุกที่ก็ไม่รู้ หากผู้หญิงอยู่คนเดียว หรือแม้แต่อยู่เป็นกลุ่ม จะต้องมีผู้ชายทั้งเมามากและเมาน้อยมาลามปามตามตื๊อ แต่ถ้ามีผู้ชายอยู่ด้วยแม้แต่คนเดียว จะไม่มีใครกล้าเข้ามายุ่มย่ามด้วยเลย

ด้วยความจำใจ วรรษิณีจึงต้องยอมให้คมสันโอบอยู่อย่างนั้นไปจนเลี้ยวที่หัวมุมถนน ซึ่งก็ใกล้จะถึงแฟลตของเธอเต็มทีแล้ว หญิงสาวจึงขอให้เขาปล่อยอีกครั้ง ซึ่งผิดคาด เพราะเขายอมปล่อยแขนออกจากเอวของเธออย่างว่าง่าย

“อย่ามองผมอย่างนั้นสิ ผมไม่ใช่พวกฉวยโอกาสนะ แค่ตั้งใจจะช่วยคุณให้ตลอดรอดฝั่งเท่านั้นเอง”

“ขอบคุณมากที่ช่วยฉันไว้เมื่อกี้นี้ ถ้านายไม่กลับมา ฉันก็คงแย่เหมือนกัน” หญิงสาวยอมรับอย่างว่าง่าย แต่ไม่ยอมปล่อยให้เขาเข้าใจผิด “…แต่ถ้าจะให้ดี ทีหลังกรุณาใช้วิธีอื่นนะ”

“เช่นอะไรล่ะ อ๋อ หรือว่าแทนที่จะให้โอบ จะให้จูบโชว์เลยดีมั้ย เขาจะได้เชื่อสนิทใจ”

รอยยิ้มกวนบนใบหน้าของชายหนุ่มจอมเจ้าชู้กลับมาอีกแล้ว และคราวนี้แววตาของเขาก็วิบวับยิ่งขึ้นกว่าเดิมเมื่อคิดถึงเหตุการณ์หนึ่งที่เกิดขึ้นภายใต้ช่อมิสเซิลโท ในคืนวันคริสต์มาสอีฟเมื่อปีที่แล้ว

แต่คนมองกลับคิดไปอีกทาง ...ให้ตายสิ ทำไมผู้ชายคนนี้ถึงพูดจาเลี้ยวลดแบบนี้นะ แคลร์หนอแคลร์ ทำไมไปหลงคารมคนแบบนี้ได้

แทนคำตอบ…หญิงสาวส่งสายตาเย็นชายิ่งกว่าที่เคยให้ ฤทธิ์ของสายตาคมคู่นี้คงจะรุนแรงมากกว่านี้หากไม่มีแว่นสายตากรอบดำมาขวางกั้น

“ถึงบ้านฉันแล้ว ราตรีสวัสดิ์”

วรรษิณีรีบเอ่ยปากลาอย่างรวดเร็วเมื่อทั้งสองเดินมาถึงหน้าแฟลตที่เธออาศัยอยู่ …หรืออีกนัยหนึ่งคือออกปากไล่ให้ชายหนุ่มกลับไปได้แล้ว

“งั้นก็ กู๊ดไนท์ นอนหลับฝันดีนะครับ”

ชายหนุ่มยอมรับอย่างว่าง่าย ซึ่งผิดคาดจริงๆ สำหรับหญิงสาว …วรรษิณีคิดว่าคนอย่างเขาคงจะไม่ยอมกลับไปง่ายๆ แบบนี้ คงจะต้องหาข้ออ้างที่จะอยู่กับเธอต่อให้ได้ด้วยวิธีใดวิธีหนึ่ง เธอจึงถึงกับอ้าปากค้างอย่างลืมตัว จนคมสันสังเกตเห็นและทักขึ้น

“อ้าว หรือว่าอยากจะให้อยู่เป็นเพื่อนก็ไม่บอก ผมไม่กลับก็ได้นะครับ ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว”

“บ้าสิ! รีบกลับไปเดี๋ยวนี้เลยนะ”

หมดกัน เสียฟอร์มจริงๆ วรรษิณีเอ๊ยยยยย!

คมสันมองท่าทางของหญิงสาวอย่างนึกขัน คิดหรือว่าเขาจะทำท่าอิดออดอยากจะอยู่กับเธอต่อให้เธอไล่ตะเพิดเอา เรื่องอะไร เสียคะแนนที่ทำมาทั้งหมดไปเปล่าๆ น่ะสิ… เขาไม่โง่พอที่จะทำแบบนั้นหรอก

ถ้าคิดจะเอาชนะใจสาวน้ำแข็ง ก็ต้องละลายกำแพงน้ำแข็งลงให้หมดเสียก่อน!


((โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ))




 

Create Date : 03 กรกฎาคม 2554
6 comments
Last Update : 3 กรกฎาคม 2554 21:44:09 น.
Counter : 779 Pageviews.

 

เปิดตัวมาตอนแรกก็น่าหมั่นไส้ซะแล้วนะคะสำหรับพระเอกคนนี้ แต่โดยส่วนตัวแล้วโน้ตชอบตานี่นะคะ จะเจ้าชู้ก็ทำให้รู้กันแบบเปิดเผยไปเล้ยยยย อันตรายน้อยกว่าพวกหน้าเนื้อใจเสียเยอะ

ตอบคอมเมนต์ตอนที่แล้วนะคะ

น้องเน -- อิอิ หมั่นไส้จริงจังนะเนี่ยยยย
วาวาเป็นนักศึกษาสาวคนหนึ่งที่จะสยบอีตาคมสันค่า หุๆ

หมวย -- มาแย้ววววววว

คุณปุ๊ก -- อันนี้ต้องรอติดตามตอนต่อไปค่า

 

โดย: ...ศุวิลา... 3 กรกฎาคม 2554 21:50:20 น.  

 

แอร๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
ขอยาวๆ ได้ไหม .. คมสัน ร้่ายนัก ชิชิ..
อย่าให้เจอตัวจริงนะ คิคิ

 

โดย: หมวย IP: 125.25.132.53 3 กรกฎาคม 2554 22:34:47 น.  

 

ฮ่าๆๆ ตามอ่านสามตอนรวด

จริงๆ ไม่ชอบคนเจ้าชู้แบบคมสันเลยให้ตายเหอะ แต่อ่านเรื่องนายคมสันจีบวาวาแล้วมันมากๆ อ่ะค่ะ สนุกสุดๆ เลยค่ะ อ่านไปก็อมยิ้มไป อิอิ ช่างเจ้าเล่ห์จริงๆ เลยนายคนนี้

รออ่านตอนต่อไปนะคะ รอกริ่งเรียกจากพี่โน้ต อิอิ

 

โดย: lily (lovekalo ) 3 กรกฎาคม 2554 22:37:03 น.  

 

กดไลค์พี่หมวย 100 ครั้ง ฮา

จะผิดไหมคะถ้าบอกว่าเริ่มชอบอีตานี่มากกว่านายเกตแล้ว
(เฮ้ พ่อหนุ่มอย่าเพิ่งดีใจ แค่เริ่มชอบเท่านั้นย่ะ!)

อย่าไปตกหลุมพรางพ่อคาสโนว่ารายนี้ง่ายๆนะวาวา ผู้หญิงอย่างเราต้องเป็นต่อเท่านั้น หุหุ

 

โดย: nay narilin IP: 223.207.53.177 4 กรกฎาคม 2554 0:39:18 น.  

 

สงสัยคนเมานั่นตานี่จ้างมาเเหงๆเลย เพื่อที่จะทำคะเเนนกับสาววาวาไวๆไง เเต่ถ้าตานี่ทำอย่างที่ว่าจริงๆถือได้ว่า low and scumมากๆ

 

โดย: VEE IP: 66.172.227.200 4 กรกฎาคม 2554 1:51:07 น.  

 

ดักทางได้เก่งจริงๆ เชื่อแล้วว่าจีบสาวจนเชี่ยว
น่าที่จะสาวจะชอบหรอก ดักได้ทุกเม็ดอย่างนี้
ว่าแต่ ลุ้นว่าพรานจะตกหลุมตัวเอง
แบบตกด้วยกันทั้งคู่รึเปล่า

 

โดย: ปุ๊ก IP: 203.144.220.246 4 กรกฎาคม 2554 21:20:11 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


...ศุวิลา...
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




'ศุวิลา' นักเขียนแนว LOVE (ความรู้สึกดี...ที่เรียกว่ารัก) สนพ. แจ่มใส ♥








Friends' blogs
[Add ...ศุวิลา...'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.