Group Blog
 
<<
มกราคม 2549
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
29 มกราคม 2549
 
All Blogs
 
ไม่เคยคิดจะ"อยู่กับก๋ง" เลย

ใกล้ตรุษจีนทุกปี จะทำให้คิดถึงตอนเล็กๆ ที่ต้องนั่งสามล้อถีบ โดยป่ะป๊าเป็นสารถีถีบ มีกล่องกระดาษที่บรรจุหม้อไหจานชามใส่กับข้าวและของหวานที่ม่าม้ากับป่ะป๊าเตรียมไว้ตั้งแต่วันหรือสองวันก่อนวันไหว้ เพื่อเอาไปร่วมไหว้เจ้าและบรรพบุรุษที่บ้านอากง (ปู่ของเรา)

ยังจำได้ว่า บางช่วงที่ต้องขี่รถขึ้นสะพานเรากับพี่ชาย ชอบโดดลงจากซาเล้งไปช่วยป๊าเข็นรถขึ้นสะพาน เพราะความชัน บวกกับน้ำหนักของเราสามคน ส่วนพวกพี่ๆอีกสามคนไม่ค่อยมาร่วมจอยด้วย เพราะว่าโตๆกันแล้ว หรือบางทีต้องช่วยแม่เฝ้าร้าน หรือว่ามีภาระกิจของแต่ละคน ก็สุดวิสัยที่เราจะจำได้

จนหลังๆก็เหลือแค่เรากะน้องสาวคนเล็กที่ยังติดรถซาเล้งคันเก่งกับป๊าไปบ้านอากงในวันตรุษจีนของปีหลังๆทุกปี จริงๆก็ไม่ค่อยอยากไปเท่าไหร่ แต่ว่าโดนบังคับจากม่าม้าคนเดียว กะรวมทั้งอยากได้อั่งเปาจากอากง (ทั้งๆที่รู้ว่าได้ไม่เคยเกิน 20 บาท รวมทั้งบรรดาพี่ๆทั้งหลายที่ฝากให้ไปเอาซองแต๊ะเอียให้พวกมันด้วย)

บ้านก๋งเป็นท่าปั๊มน้ำมันอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ที่อยู่เลยไปทางท้ายตลาด ตัวบ้านไม้ทรงสูง ที่มีเสาค้ำตัวบ้านอยู่ในแม่น้ำ มีสะพานไม่ที่เชื่อรหว่างตัวบ้าน กับตัวหัวจ่ายน้ำมันจะอยู่บนทุ่นลอยน้ำ เวลาที่เรือมาเติมน้ำมัน จะจอดเทียบทุ่น ก๋งก็จะลงไปเติมให้ ส่วนตัวบ้าน ตรงที่รับแขกจะเปิดกว้าง เพื่อให้เห็นเวลาเรือมาเทียบ เวลาไปถึงบ้านก๋ง เราเด็กๆก็ชอบไปเล่นกันบนทุ่นนั่นแหละ เพราะมันใกล้น้ำ ตอนเด็กๆ มีรูปที่ถ่ายอยู่บ้านก๋งหลายรูป ส่วนใหญ่จะยืนถ่ายตรงสะพาน กะทุ่นน้ำมันนั่น

เรากับก๋งนั้น ไม่สนิทกันเลย เรียกได้ว่าครอบครัวเรากับก๋งนั้น ไม่รู้จักกันเลย รู้แค่ว่าเรามีสายเลือดของเค้าอยู่ก็แค่นั้น เพราะเจอกันก็ปีละ 2-3 ครั้ง คือเชงเม้งทีนึง เวลาไปไหว้ปู่ย่าทวด กับไหว้ตรุษจีน ไม่มีการสังสรรค์เฮฮาพาที นอกเหนือจากเทศกาลไหว้บรรพบุรุษเลย

ก๋งเป็นลูกชายคนโตของครอบครัว ปู่ย่าทวดอพยพครอบครัวกันมาจากเมืองจีน มีลูกชายล้วนๆทั้งหกคน ที่เรารู้ เพราะคนจีนจะเรียกตามศักดิ์ เรามีเหล่าหยี่เจ็ก (ปู่น้อยคนที่สอง) เหล่าซาเจ็ก เหล่าซี้เจ็ก เหล่าโง่วเจ็ก และเหล่าโซ้ยเจ็ก (ปู่น้อยคนสุดท้อง) นับเรีบงลำดับกันที่สอง สาม สี่ ห้า และหก

แต่ก๋งเราดันมาแต่งงานกับย่าทับทิมของเรา ซึ่งเป็นสาวไทย ทำให้ไม่เป็นที่ถูกใจของย่าทวดเราเท่าไหร่นัก จากคำบอกเล่าของป้าเรา ว่าย่าเราโดนแกล้ง และโขกสับจากย่าทวดไม่พอ บรรดาสะใภ้คนอื่นๆก็ช่วยกันซ้ำเติมด้วย แต่ก็อดทนจนมีลูกด้วยกันสามคนที่เมืองไทย เป็นชายล้วน พ่อเราเป็นคนกลาง จนกระทั่งสงครามโลกครั้งที่สอง อาก๋งก็อพยพครอบครัวทั้งหมด รวมทั้งพ่อเราด้วยกลับไปเมืองจีนบ้านเกิดของก๋ง เนื่องด้วยสภาวะในเมืองไทยตอนนั้นรุนแรงยิ่งกว่า

ครั้นพอสงครามสงบลง มีก๋งเพียงคนเดียวที่เดินทางกลับมาเมืองไทย ทิ้งย่าและลูกไว้ที่ตึ่งซัว (เมืองจีน)

ทิ้งไว้สิบกว่าปี

จนพ่อเราเป็นหนุ่ม จึงค่อยๆอพยพจากเมืองจีน มาทำงานที่ฮ่องกงก่อน แล้วถึงโล้สำเภามาเมืองไทย จริงๆป๊าเกิดที่เมืองไทย ก็ต้องไม่น่าจะมีปัญหาอะไรในการย้ายกลับมายังมาตุภูมิ แต่หลักฐานแจ้งเกิดและอะไรต่างๆหายไปหมด

พ่อกับเจ็กเซียมปุ๊ย (เพื่อนสนิทที่สุดของพ่อ โตมาด้วยกัน และย้ายมาเมืองไทยด้วยกัน) มีทางเลือกสองทาง คือถือใบต่างด้าว หรือ ติดคุกหนึ่งปี แต่ได้สัญชาติไทย (เคยฟังแม่เล่าให้ฟัง แต่ไม่ค่อยเข้าใจในกฎระเบียบอันนี้จริงๆ จึงไม่สามารถให้รายละเอียดข้อนี้ได้) เพื่อนพ่อเลือกติดคุก ทำให้ทุกวันนี้เจ็กมีสัญชาติไทยบริบูรณ์ ส่วนป่ะป๊าเกิดปวดท้อง เนื่องจากเป็นนิ่ว ต้องเข้าผ่าตัดในตอนนั้น ทุกครั้งที่คุยกันถึงเรื่องนี้ ป๊าจะรำพึงเสมอว่าป๊าน่าจะเลือกติดคุก ยังไงก็แค่ปีเดียว

เจ็กเคยเล่าให้ฟังว่า ป๊าเป็นคนเรียนหนังสือเก่ง เรียนจนจบชั้นมอปลายที่เมืองจีน แล้วเป็นครูสอนหนังสืออยู่เมืองจีน ส่วนเจ็กนั้นเรียนไม่เก่ง แต่ป๊าว่าไม่จริงหรอก (เราเลยไม่รู้แน่ว่าอย่างไร) ป๊าเคยเป็นเสมียนที่ท่าเรือที่ฮ่องกง ลูกสาวเจ้าของยังชอบป๊าเลย ก็คงคบหากันสักพัก แต่เพราะพรหมลิขิตมาให้เจอตัวจริงทีหลัง (คือ ม่าม้าเรานั่นเอง) เลยมีบล้อกเรานะวันนี้ 555 จริงๆคงเพราะป๊าตั้งใจอยากมาเมืองไทย

ก๋งแต่งงานใหม่กับย่าน้อย (เราเรียกเอง) สองคนไม่มีลูกด้วยกัน แต่รับหลานของย่าน้อยมาเป็นลูกบุญธรรมสามคน

ป๊าไม่ได้อยู่บ้านอากงตอนมาถึง แต่ไปอยู่ช่วยงานที่ร้านของอาเหล่าหยี่เจ็ก เพราะเค้ามีกิจการค้าขายใหญ่โตในตลาด แถมตอนหลังยังมีกิจการร้านทองอีก ป๊าอาศัยในฐานะลูกจ้างไม่ใช่หลาน ต้องมาช่วยงานที่ร้านเหมือนลูกจ้างคนนึง เทียบกับอาเจ็ก ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องของป๊า ที่มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน มีชีวิตแบบเจ้าสัวน้อยๆ บางคนเรียนหนังสือที่อเมริกา

มีอาเหล่าเจ็กคนนึง ซึ่งถือเป็นญาติห่างไปอีกขั้นนึงทนดูไม่ได้ แต่ไม่สามารถทำอะไรได้มาก มีแต่แอบให้ความช่วยเหลือและเมตตาแบบลับๆตลอดมา ทำให้ครอบครัวเรายังนับถือเคารพเค้ามากกว่าญาติแท้ๆ มากกว่าอากงของเราเสียอีก ทำให้เรานับถืออาแจ๋ว ยุทธนา ลอพันธ์ไพบูลย์ มากๆ เพราะเหล่าเจ็กคนนั้น คือพ่อแท้ๆของอาแจ๋ว

ตอนอากงเสียชีวิต เราไม่รู้สึกเสียใจเลย มีแต่ความโกรธแค้นในใจ และจงเกลียดจงชัง เพราะครอบครัวของเราค่อนข้างอัตคัต แต่ไม่ขัดสนนะ เลี้ยงลูกหกคน โดยไม่ได้ติดหนี้ หรือหยิบขอยืมใคร เราเคยมีบ้านไม้ ใต้ถุนโล่ง เราเห็นแต่ในรูป แต่จำไม่ได้ เพราะว่าเราย้ายออกมาจากบ้านนั้น ตอนเราเด็กเล็กๆ หรือยังไม่เกิด จำไม่ได้ แต่แม่บอกอยู่ไม่ได้ เพราะโจรขึ้นบ้านบ่อยมาก ป๊าทำงานโรงงานทำสี ม่าม้าขายของที่ตลาด

หลังจากนั้นลุงและป้า พี่ๆของแม่ช่วยเซ้งตึกแถว เปิดร้านขายของโชห่วย (ตั้งแต่เล็กจนโตไม่เคยได้รู้จักมักคุ้นกับญาติ ฝั่งพ่อเลย) แม่ก็เลยขายของอยู่บ้าน จนกิจการดีขึ้น บวกกับทำงานที่โรงงานสี ทำให้ป๊าสุขภาพไม่ดีบ่อยขึ้น ในที่สุดก็ลาออกจากโรงงาน มาช่วยแม่ค้าขายแทน เรามีซาเล้งคอยส่งของไปยังบ้านลูกค้าขาประจำ เด็กๆ ชอบติดรถไปกับพ่อ บางทีต้องไปช่วยเฝ้าของ เพราะบางบ้านอยู่ในซอย ต้องขนหลายเที่ยว เราต้องคอยเฝ้าของที่ซาเล้ง

ตอนก๋งเสีย เธอปรารถนาจะให้เผาและ ทำพิธีแบบไทย ไม่ต้องฝังและเก็บศพแบบธรรมเนียมจีน หลายๆคนค่อนข้างจะคัดค้านค้าน แต่ในที่สุดก็ยินดีตามความต้องการครั้งสุดท้ายของเธอ เราจำไม่ได้ว่าเก๋งป่วยเป็นอะไร แต่เธอเข้าออกโรงพยาบาลอยู่เป็นนานๆพัก เคยไปเยี่ยมที่โรงพยาบาลครั้งหรือสองครั้งเท่าที่จำได้ แต่จำรายละเอียดไม่ได้เลย เพราะแม่บังคับให้ไป แกมขู่ว่าไม่อยากให้ป๊าเสียใจมากไปกว่านี้

ป่ะป๊าเราไม่ชอบให้พูดถึงอากงในแง่ไม่ดี เราตอนนั้นไม่เข้าใจ เพราะเค้าไม่เคยดูดำหรือดูดีอะไรในตัวป๊าเราเลย จำได้ว่าก๋งเคยมาเยี่ยมที่บ้านเราครั้งหรือสองครั้ง แต่ป๊าเราดูดีใจมาก รวมทั้งเวลาไปไหว้ตรุษจีน ทั้งแม่และพ่อ ชอบบังคับให้แต่งตัวดีๆ ทั้งๆที่เสื้อผ้าดีๆไม่ค่อยมี มีแต่ของสืบทอดมาจากพี่ๆ เบื่อที่สุด ชุดนักเรียนก็ต้องสืบทอดมรดกกันมาเป็นทอดๆ ชุดลูกเสือกากีของเรา เสื้อกับกางเกงคนละเฉดสี โคตรอายที่สุด แม่ไม่เคยให้ซื้อใหม่ จำได้ว่าเด็กๆ เกลียดวันพฤหัสฯที่สุด เกลียดที่ต้องใส่ชุดลูกเสือคนละสี โดนเพื่อนล้อประจำ

หลังจากเอาอัฐิก๋งไปลอยอังคาร ป๊าได้ป้ายชื่อก๋งมาไว้ที่แท่นบูชาที่บ้าน คราวนี้ตรุษจีนเราไม่ต้องไปบ้านริมน้ำของก๋งอีกต่อไปแล้ว เพราะก๋งมาอยู่ที่บ้านกับเรา จำได้ครั้งแรกที่แม่ให้เราไหว้ก๋ง เราจุดธูปบอกก๋งว่าเราเกลียดก๋งเหลือเกิน ทำไมไม่ยุติธรรม ลูกเลี้ยงก๋งไปงานศพดูมีหน้ามีตา ขับรถโก้หรู แต่พวกเรานั่งรถสองแถว อธิษฐานบอกเกิดมาไม่ว่าชาติไหนๆ ไม่ขอให้ได้พบหน้าหรือรู้จักกัน

หรือเวลามีสอบ หรือเดินทางไปไกลๆ แม่ชอบบอกให้ไหว้ขอพรจากก๋ง เราไหว้พร้อมกับอธิษฐาน บอกไม่เป็นไร ที่ยกมือไหว้ เพราะแม่บอกให้ไหว้ ไม่นับถือ ไม่ต้องมาช่วยอะไร เราโตมาเพราะพ่อแม่เราเอง ก๋งก็คงไปตามทางของก๋งเหอะ ไม่เกี่ยวกัน



เป็นอย่างนี้จนโตๆมา ความทรงจำของก๋งค่อยๆ เลือนไป พร้อมกับแรงเกลียดชัง วันนี้ วันตรุษจีนของปีนี้ เราคิดถึงก๋งขึ้นมาเฉยๆ มันเหมือนมีอะไรมาสะกิดปม แต่ไม่เจ็บ ไม่รู้สึกโกรธ หรือเครียดแค้นเหมือนตอนเด็กๆ แถมซ้ำยังคิดไปว่าอยากรู้จักเค้ามากขึ้น อยากรู้ความเป็นอยู่ แล้วไม่แน่เราอาจไม่เคยเกลียดเค้ามาก่อนก็ได้

รู้สึกว่าไม่ดี แต่ไม่ผิด เพราะตอนที่เราอธิษฐานแบบเครียดแค้น เราไม่เคยบอกใคร ไม่เคยเล่าให้แม่หรือป๋าฟัง ไม่อยากบอกพี่น้องหรือใครๆ คนเรามันห้ามความรู้สึกกันไม่ได้ ป๊าเคยว่า เราเลือกคนที่จะมาเป็นพ่อหรือเป็นแม่ของเราไม่ได้ แต่เราเลือกที่จะรักคนๆนั้นได้ ไม่ว่าเค้าจะเป็นยังไงก็ตาม



Create Date : 29 มกราคม 2549
Last Update : 29 มกราคม 2549 11:13:21 น. 19 comments
Counter : 445 Pageviews.

 
Happy new year krub my dear brother. I'm now also celebreting the new year at home in Suphanburi---lots of relatives come to visit us at home here.

Your story is nice krub. I think many Thai-Chinese people have such alike stories. They perents had come from the great main land looked for better futures and raised families here in Thailand. And your story is much like mine krub.


โดย: Lui IP: 203.188.40.44 วันที่: 29 มกราคม 2549 เวลา:13:01:09 น.  

 
เรื่องของคุณ tobetwo99 คล้ายกับเรื่องของที่บ้านเราตรงที่ พ่อของเราก็ไม่ใช่ลูกรักของ อากง แล้วเราก็ไม่ได้เป็นหลานรักของอากง เช่นกัน แต่คงต่างกันตรงที่ เราไม่เคยเกลียดชัง อากง เราเลย แต่ก็ไม่ได้รักอากงซักเท่าไหร่

แต่มาวันนี้ เราภูมิใจนะ เราภูมิใจที่ ทุกวันนี้ หลานคนนี้ หลานคนที่ไม่เคยไปขอความช่วยเหลือใดๆ จากญาติฝ่ายพ่อ หลานคนที่ไม่เป็นที่คาดหวังหรือ ได้ของขวัญเป็นกำลังใจใดๆ เหมือนหลานรักคนอื่นๆ

แต่ หลานคนนี้ได้ดีขึ้นมาด้วยตัวของเค้าเอง ได้ดีกว่า หลานรักบางคนของอากงด้วยซ้ำ แม้กระทั่งอาโก บางคนยังต้องมาขอร้องเรา ให้ไปช่วย ลูกพี่ลูกน้องคนอื่นที่เป็นหลานรักของอากง ด้วยเหตุผลที่ว่า "คิดซะว่า ช่วยคนเอาบุญ" มันน่าภูมิใจไม๊หล่ะ



โดย: undercurrent วันที่: 29 มกราคม 2549 เวลา:13:02:20 น.  

 
อุ้ยเขียนยาวนะยะ ใช้เวลาพิมพ์นานแค่ไหนย่ะ
คิดถึงตาเหมือนกัน เกี่ยวไหมเนี่ย


โดย: mya IP: 70.23.121.166 วันที่: 29 มกราคม 2549 เวลา:13:22:43 น.  

 
เดี๋ยวเรากลับมาอ่านใหม่ อ่านคร่าวๆ ผัวเรียกไปเดินข้างนอกอีกแล้ว เบื่ออิ๊บชีวิตนอกเมืองนี่


โดย: แหม่ม (DesperateMommy ) วันที่: 29 มกราคม 2549 เวลา:17:34:36 น.  

 
ใช่แล้วค่ะ
"เราเลือกคนที่จะมาเป็นพ่อหรือเป็นแม่ของเราไม่ได้ แต่เราเลือกที่จะรักคนๆนั้นได้ ไม่ว่าเค้าจะเป็นยังไงก็ตาม"
แล้วเราก็เลือกที่จะเป็นคนดีได้ด้วยค่ะ
คิดถึงก๋งให้มาก ๆ ท่านคือบรรพุรุษของเราค่ะ



โดย: ซออู้ วันที่: 29 มกราคม 2549 เวลา:18:07:13 น.  

 
อย่าไปจงเกลียดจงชังบรรพบุรุษเลยจ้ะ ตี่ ความโกรธ ความเกลียด ความพยาบาท เนี่ย มันเหมือนไฟ เผาจิตใจของเราเอง อโหสิให้ท่านไปเถอะ แล้วใจเราจะสบายขึ้น
ว่าแต่ ตอนนี้ ตี่สบายดีนะจ๊ะ
ปล.เรื่องนิคมน่ะ กว่าจะวันนั้น พวกเจ๊คงเห็นหนุ่มๆแล้วปลงแล้วละจ้ะ ดังนั้น คงจะเหลือ แค่สปา อย่างเดียวมั้ง อย่างตี่เนี่ย มะต้องผูกอู่หรอก เจ๊จะยกกระต๊อบให้อยู่หลังนึง


โดย: นางกอแบกเป้ วันที่: 30 มกราคม 2549 เวลา:6:16:50 น.  

 
อ่านเรื่องนี้ของนาย ทำให้อึ้ง สามารถเป็นเรื่องของหนังในฮอลลีวู๊ดได้เลย ถ้าขายลิขสิทธิ์

ไม่รู้คุณอาแจ๋วยุทธนาจะรู้บ้างมั๊ย ว่าเรื่องจริงเข้มกว่าเรื่องเขียน

เก็บเรื่องนี้เอาไว้เฮอะ อย่าเพิ่งทิ้ง ลูกหลานจะได้รู้ข้อมูลและความคิดเห็นของตี่

เพราะมีบางอย่างในเรื่องนี้ ที่สอนลูกๆได้ดีที่เดียว



โดย: yyswim วันที่: 30 มกราคม 2549 เวลา:14:47:23 น.  

 
มี Blog เป็นของตัวเองแล้วเด้อ
มาเยี่ยมบ้างนะจ้ะ


โดย: flowersindecember (flowersindecember ) วันที่: 30 มกราคม 2549 เวลา:20:27:24 น.  

 
เรื่องที่ผ่านไปแล้ว ก็ถ้วนแต่เป็นแค่สิ่งที่ผ่านไป อย่าให้เหลือความขุ่นมัวในใจดีที่สุดครับ

เวลาจะค่อยๆล้างทั้งรักเกลียด ถ้าเลือกจำได้ จำแต่ภาพที่ดี ดีที่สุดครับ


โดย: นายเบียร์ วันที่: 30 มกราคม 2549 เวลา:22:28:43 น.  

 
เจ๊ผ่านมา เลยเอาห่อหมกมาฝากจ้ะ
วันนี้ไม่ได้อัพบล๊อก ผู้ชายไม่ตกถึงท้องมา สองวันแหละ สมองตันเลย


โดย: นางกอแบกเป้ วันที่: 1 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:16:54:30 น.  

 
สบายดีนะจ้ะ


โดย: พี่เจี้ยวค่ะ (sutida_jeaw ) วันที่: 2 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:0:32:46 น.  

 
เฮีย หนูได้ที่พักแย้ววว ที่ Rotterdam ไม่กล้าไปหาเฮียหรอก .. เดี๋ยวคนที่ไปกะหนูเค้าติดใจเฮียจะทำยังไงหง่า

อิอิ ล้อเล่นก๊าบบ ไว้จะเอารูปมาฝากนะเฮีย


โดย: chirala IP: 212.247.172.218 วันที่: 2 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:5:34:08 น.  

 
อืมๆ คิดถึงอากงของตัวเองบ้างจัง



โดย: เฉลียงสีชมพู วันที่: 3 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:9:05:29 น.  

 
คิดถึงจ้ะ เลยแวะมาหา


โดย: นางกอแบกเป้ วันที่: 4 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:16:38:47 น.  

 
เพื่อน

เข้ามาอ่านรอบนึงเมื่อวันก่อน แต่เปิดบนเครื่องที่พิมพ์ไทยไม่ได้ เลยปิดลงจ๋อยๆ

ย้ายบ้านไปถึงไหนแล้ว

คิดถึง


โดย: Mutation วันที่: 6 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:11:31:54 น.  

 
วันนี้ เจีกินส้มตำเผื่อนะ
เล่าเรื่องบ้านใหม่ แฟนใหม่ มั่งจิ คิดถึง


โดย: นางกอแบกเป้ วันที่: 6 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:16:33:08 น.  

 
มาเยี่ยมจะ รู้สึกเกือบดีวันนี้เดี่ยวจะไปเตร็ดเตร่แถวงาน Fashion week เผื่อจะมีหมาแมวมามอง ไปอ่านบล้อกเรารึยัง


โดย: flowersindecember วันที่: 9 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:1:44:37 น.  

 
บ้านใหม่มีอะไรดีเห๋อ ...ถึงย้าย


โดย: yyswim วันที่: 9 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:13:47:56 น.  

 
คิดถึงก๋งมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ


โดย: คิดถึงก๋ง IP: 125.27.199.31 วันที่: 28 ตุลาคม 2550 เวลา:10:15:02 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

tobetwo99
Location :
California United States

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Chilling Out
Friends' blogs
[Add tobetwo99's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.