คนที่ซื้อหุ้นแล้วสามารถเห็นราคาหุ้นตกต่ำกว่าที่ตัวเองซื้อมากๆ ไม่ขายคือวีไอ จากเม้นของบทความที่แล้วที่ผมเขียน ผมรู้สึกว่ามีคนเข้าใจวีไอผิดอยู่มาก คิดว่าวีไอคือคนที่ซื้อหุ้นแล้วสามารถเห็นราคาหุ้นตกต่ำกว่าที่ตัวเองซื้อมากๆ จริงๆแล้วก็อาจจะใช่หรือไม่ใช่ก็ได้ ผมก็บอกแล้วว่าการเล่นหุ้นไม่ได้สำคัญที่เทคนิคหรือวิธีการมันอยู่ที่จิตใจและมุมมอง หากคุณเป็นคนที่เล่นหุ้นโดยมองราคาหุ้นเป็นหลัก เมื่อคุณซื้อแล้ว คุณมานั่งทนเห็นราคาหุ้นคุณต่ำกว่าราคาที่ซื้อมามากๆ ผมก็คงต้องตอบว่านี่ไม่ใช่วีไอ เป็นเพียงวีไอจำเป็น กลับกัน คนบางคนอาศัยกราฟ ดูทางเทคนิค ซื้อและขายโดยดูจากกราฟเป็นหลัก ตั้งกฏตั้งหลักที่แน่นอน ว่าจะซื้อเมื่อกราฟเป็นอย่างนี้ ขายเมื่อกราฟเป็นอย่างนี้ ผมถือว่าพวกนี้ก็เป็นวีไอ เพราะอะไร เพราะเค้าสร้างคุณค่าของหุ้นในใจตัวเองก่อนซื้อ เมื่อคุณค่าของหุ้นถึงจุดที่เค้าต้องซื้อ เค้าก็ซื้อ (คือกราฟตรงตามที่เค้าต้องการ) และขายเมื่อกราฟบอกให้เค้าขาย ปกติวีไอไม่จำเป็นต้องดูมูลค่าของหุ้นจากธุรกิจเสมอไป จริงๆจะดูจากอะไรก็ได้ ขอเพียงแค่คนๆนั้น สามารถยึดมั่นในหลักการประเมินมูลค่าหุ้นของตัวเอง ไม่หวั่นไหวไปตามอารมณ์ เพราะสิ่งที่สำคัญสำหรับการเล่นหุ้น ไม่ใช่เทคนิค แต่อยู่ที่จิตใจ ตามที่ผมเคยย้ำบ่อยๆ ต้องมีหลักการเล่นที่แน่นอน ไม่ใช่เล่นตามอารมณ์ ใครว่ายังไง เฮไหนก็เฮนั่น แบบนี้ไม่มีวันประสบความสำเร็จ ต้องสร้างหลักการของตัวเอง แน่นอนครับ หลักการเมื่อสร้างแล้ว ก็ปรับแต่งได้ ไม่ใช่หลักการที่ทำให้เจ็งแล้วก็ยังเอามาใช้ให้เจ็งอีกไปเรื่อยๆ เพียงแต่หลักการต้องอยู่บนพื้นฐานและความสมเหตุสมผล ไม่ใช่ตั้งหลักตามใจฉัน ตามใจอารมณ์ฉัน แบบนั้นก็ไม่ต่างอะไรกับการเล่นไปตามอารมณ์ จริงๆผมก็ไม่แน่ใจว่าคนที่ดูกราฟจะนับว่าเป็นวีไอรึเปล่า เพราะผมไม่ใช่คนที่เล่นแบบนั้น แต่ผมเคยอ่านบทความของเสี่ยยักษ์ เสี่ยยักษ์บอกว่าผมซื้อปตท เพราะผมรู้ว่ามันดี ผมก็ไม่รู้ว่าเสี่ยยักษ์ประเมินยังไง จริงอยู่เสี่ยยักษ์อาจจะไม่ได้ประเมินปตทด้วยตัวเลขทางธุรกิจเหมือนชาววีไอทั่วไป แต่เสี่ยยักษ์ได้สร้งมูลค่าในใจของตัวเองต่อหุ้นปตทไว้ ตอนที่ซื้อ แล้วหุ้นร่วงเสี่ยยักษ์ก็กำไว้แน่น แถมมีเงินก็ซื้อเพิ่มอีก เพราะกราฟยังไม่บอกว่าเป็นจุดขาย จนสามารถไปทำกำไรได้ที่สองร้อยกว่าๆ จากที่ซื้อมาต่ำกว่าร้อยบาท แม้เสี่ยยักษ์จะบอกว่าตัวเองไม่ใช่วีไอ แต่ผมมองว่าคนที่เล่นโดยกำหนดมูลค่าหุ้นในใจ ถือว่าเป็นวีไอทั้งสิ้น ไม่ใช่ว่าวีไอตั้องมานั่งคำนวนมูลค่าหุ้นจากรายงานประจำปีเสมอไป เพียงแต่วีไอทั่วไปมักจะอ่านรายงานประจำปี ประเมินมูลค่าหุ้นจากตัวเลขทางธุรกิจ สร้างตัวเลขนั้นเป็นมูลค่าหุ้นในใจ เมื่อราคาหุ้นต่ำกว่ามูลค่านั้นมากๆก็จะซื้อ เมื่อราคาหุ้นสูงกว่ามูลค่านั้นมากๆก็จะขาย ที่วีไอที่แท้จริงสามารถเห็นราคาหุ้นที่ตัวเองถือตกต่ำกว่าที่ตัวเองซื้อมากๆ ไม่ใช่ทนดูนะครับ เพียงแต่มูลค่าที่แท้จริงที่เค้าประเมินไว้ยังดีอยู่ ยังไม่ถึงจุดที่ต้องขายต่างหาก มูลค่าหุ้นจึงเปรียบเหมือนหลักการที่ทำให้ชาววีไอไม่หวั่นไหวไปตามอารมณ์ในการเล่นหุ้นได้ง่ายๆ สรุปอีกครั้งครับ จิตใจคือความหนักแน่นที่จะเล่นหุ้นตามหลักการ ไม่หวั่นไหวไปตามอารมณ์ง่ายๆ โดยหลัการนั้นๆ สมเหตุสมผล ไม่ใช่ตั้งตามอารมณ์ คือจุดสำคัญสำหรับการเล่นหุ้นครับ ไม่ต้องเก่ง แต่ต้องเป็นคนมีเหตุผล และไม่หลอกตัวเองครับ   Create Date : 29 มีนาคม 2553 6 comments Last Update : 29 มีนาคม 2553 13:15:17 น. Counter : 888 Pageviews. Share Tweet

cimbt   โดย: nik IP: 58.8.89.191 29 มีนาคม 2553 21:50:03 น.

ครับ ใบ้หุ้นเหรอครับ คุณนิค   โดย: ษุภณัฏฐ์ 29 มีนาคม 2553 22:01:17 น.

ผมเห็นด้วยอย่างมากครับว่าการลงทุนต้องใช้เหตุผล ไม่ใช่อารมณ์ ซึ่งการลงทุนแบบ VI เป็นแนวทางการลงทุนที่มีเหตุผล แต่ผมไม่คิดว่าการเล่นหุ้นโดยใช้กราฟเป็นสิ่งที่มีเหตุผล ผมคิดว่่าหากมูลค่าแท้จริงของหุ้น คือ 10 บาท สมมติวิเคราะห์ทางเทคนิคแนวรับอยู่ที่ 6 บาท แนวนอนหากหลุดแนวรับเราจะ cut loss นั่นคืออาจขายที่ราคา 5.90 บาท ซึ่งผมมองว่าเป็นการกะทำที่ไม่มีเหตุผลนัก เนื่องจากมูลค่าหุ้นคือ 10 บาท แต่ที่ 5.9บาท เรากลับตัดสินใจขาย   โดย: yagle 29 มีนาคม 2553 23:11:52 น.

ผมไม่อาจฟันธงได้ครับ เพราะผมไม่ได้เล่นแนวนี้ ตามที่คุณ yagle พูดผมก็คิดว่ามันไม่มีเหตุผล เพราะผมไม่ใช่แนวกราฟ หิหิ รอชาวกราฟมาอธิบายเหตุผลดูครับ   โดย: ษุภณัฏฐ์ 30 มีนาคม 2553 6:53:33 น.

whenever you felt that your heart is going to breakdown feel it with the love of God ask for his and then you will find out what is the truth love in Your life as he does for me! GOD always forgive your mistake the one that you cant even forget, he always does it and always being with us to help and blesss us for us whose heart is full of him   โดย: da IP: 124.120.18.221 2 เมษายน 2553 0:36:59 น.

โดย: ษุภณัฏฐ์ 2 เมษายน 2553 1:06:30 น.