Group Blog
 
 
ธันวาคม 2550
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
22 ธันวาคม 2550
 
All Blogs
 

แจงแวง อินอเมริกา : ตอนที่ 3 : มันนี่ แอนด์ วีซ่า

แจงแวงไกลบ้าน : ตอนที่ 3 : มันนี่ แอนด์ วีซ่า

ในที่สุด ฉันก็หลุดจากอาการเลื่อนลอยไร้จุดมุ่งหมายซักที
ตอนนี้ก็มานั่งกลุ้มเรื่องสำคัญเรื่องใหม่ อีกเรื่องหนึ่ง
ไม่สิ 2-3 เรื่องต่างหาก - -*

เรื่องแรก โอ้วว สำคัญมากที่สุด ในการโกอินเตอร์ไปเป็นแรงงานต่างด้าวครั้งนี้ นั่นก็คือ วีซ่า



เสียงลือเสียงเล่าอ้างมันหนาหูหนักหนา ว่า วีซ่าไปไหนในโลก ก็ไม่เขี้ยวเท่าไปอเมริกา - -*
- มีเงินสิบๆล้านยังไม่ได้ไปเลยนะเว่ย
- หลายคนไปมาหลายที่ ติดที่อเมริกาเนี่ยล่ะ
- ช่อง 12 อ่ะโหด ห้ามเข้าโดยเด็ดขาดไม่เฮงจริง ไม่รอดหรอก
- เอกสารต้องแปลเป็นทางการมากๆ มีเป็นสิบๆ จะมามั่วๆไม่ได้นะ
- รูปถ่ายเล็กไปมิลเดียวก็ไม่ได้ เงิน 4000 ไม่ได้คืน
- ฯลฯ

เวรกรรม - -*
แล้วคนที่เคยไปเยือนแค่เวียดนามกับลาวอย่างฉันจะมีสิทธิ์ไหม - -*



กำหนดการขอวีซ่า ถูกชี้ชะตามาแล้ว ว่าฉันได้สัมภาษณ์ วันที่ 4 มีนาคม เวลาสัมภาษณ์ คือ 10.30 น.

น่านน อีกไม่ถึง 2 อาทิตย์ดี



ระหว่างที่กลุ้มเรื่องนี้ เรื่องนั้นมันก็เข้ามาแทรก
เรื่องที่ว่านั่นก็คือ



“เงิน”



ฉันกู้คุณน้าผู้มีพระคุณมา 50000 เป็นค่าดำเนินโครงการเอกสาร ค่าวีซ่า และอีกนิดหน่อยเป็นเงินยังชีพ ในช่วงแรกตอนไปที่โน่น



แต่ - -* มันยังเหลือสิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่ง นั่นคือ ค่าตั๋วเครื่องบิน
ราคาอยู่ที่ 42000 บาท เป็นค่าตั๋วไปลงลอสแองเจอลิส และต่อเครื่องภายในประเทศ ไปลงที่ ดีทรอยท์ มิชิแกน



แต่ก็ด้วยดวงหรืออะไรก็ไม่อาจทราบได้ ค่าตั๋วเครื่องบิน ถูกจัดการได้ง่ายดายด้วยน้าของฉันอีกหนึ่งคน



น้าบอกว่าให้เป็นของขวัญ ที่ตลอดตั้งแต่เล็กมา ฉันเป็นเด็ก อึด สู้ ฟัด อยากทำอะไรก็ไขว่คว้ามาด้วยตัวเองโดยตลอด และครั้งนี้ก็เซอร์ไพรส์อยู่พอสมควร ที่จะไปหาฝันไกลได้ใจขนาดนี้ ด้วยน้ำพักน้ำแรง และหาทางด้วยตัวเอง



ฉันตื้นตัน จนพูดอะไรไม่ออก เงินครึ่งแสนไม่ใช่หาได้ง่ายๆภายใน 2-3 วัน ครอบครัวฉันก็ใช่ว่าจะร่ำรวยเป็นเศรษฐี ฉันขอบคุณน้าไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ทั้งแปลกใจ ดีใจ และซึ้งใจ



อีกเรื่องหนึ่งที่เป็นเรื่องที่รบกวนจิตใจฉันเล็กน้อย
นั่นคือ เรื่องที่เพื่อนฉันยังไม่ได้รับการติดต่องานมาเลย ฉันไม่เคยกังวล ว่าฉันจะต้องไปคนเดียว หรือไปเจอใครใหม่ๆแต่ฉันเป็นห่วงความรู้สึกของเพื่อนมากกว่า นี่จะต้นเดือนมีนาคมแล้ว และเพื่อนฉันก็มีสัมภาษณ์วีซ่าวันเดียวกับฉัน อีกแค่ไม่กี่วัน ถ้ายังไม่ได้งาน มันจะเป็นอย่างไรหนอ


เป็นเรื่องที่ฉันยังไม่ชินอยู่ดี ที่เวลามันมักจะผ่านไปเร็วเสมอ ในช่วงเวลาที่เราวิตก กังวล -*-
เช้าตรู่วันที่ 4 แทบจะตื่นตั้งแต่ ตี 5 ทั้งๆที่คืนนั้นก็แทบจะไม่ได้หลับ



เรื่องเอกสารสารพัดสารเพ ในระหว่างสัปดาห์นั้น ฉันว้าวุ่นจัดการไปเรียบร้อย เยอะเสียยิ่งกว่าเยอะ ฉันอ่าน ทบทวน ทำซ้ำแล้วซ้ำอีก จนฉันคิดว่าถ้าไปแข่งแฟนพันธุ์แท้เอกสารประกอบการขอวีซ่า ฉันอาจจะเข้ารอบลึกๆก็ได้

สถานทูตอเมริกา ตั้งอยู่ที่ถนนวิทยุ ฉันนั่งรถไฟใต้ดินไปที่สถานีลุมพินี แล้วนั่งรถเมล์ต่อไปอีกในถนนวิทยุนั่นแหละ ฉันรู้ทันทีว่าฉันต้องลงป้ายไหน โดยที่ไม่ต้องรบกวนให้พี่กระปี๋รถเมล์ (ผู้หญิงน่ะ) บอกเลย เพราะฉันเห็นคนมากกว่า 100 คนแน่ๆ เข้าแถวยาวเหยียด อยู่ริมกำแพงขาวสูงใหญ่หางแถวยาวไปสุดขอบกำแพงและโค้งเป็นตัวเอส อีก 2 ตลบ ...... คนอยากไปอเมริกาเยอะขนาดนี้เชียวเหรอเนี่ย
ไหนว่าจนไง 41 บาท/ เหรียญ เชียวนะ โอ้ววว



เพื่อนฉันอยู่ในแถวแล้ว โบกมือแย้วๆว่าไปเจอกันข้างใน



ฉันเตรียมเอกสาร เข้าแถว ยื่นเอกสาร เตรียมฝากของ แสกนร่างกาย กระเป๋า และเดินตัวเปล่าเข้าไปด้านใน มีแค่เอกสาร และเศษเงินในกระเป๋าเท่านั้น

มาถึงด้านในคนก็ยังเยอะอยู่ดี ทุกคนดูจอแจ เพื่อนฉันยืนรออยู่ เพื่อที่จะคุยและไปเข้าแถวด้วยกัน และฉันก็อดจะใจชื้นขึ้นมาไม่ได้ เมื่อได้รู้ว่า เพื่อนฉันได้รับการตอบรับงานแล้ว
ที่แมคโดนัลด์ในเวอร์มอนท์


แต่ฉันแทบจะลืมความตื่นเต้นที่จะสอบสัมภาษณ์ในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้านี้ไปเลย เมื่อเพื่อนฉันบอกว่า มันเดินทาง 12 มีนานี้แล้ว

ก็อาทิตย์หน้าแล้วสิเนี่ย.....



โอ้วว บทจะเร็ว มันเร็วรวดแบบนี้เลยสินะ

ตื่นเต้นได้แปบนึงก็กลับมาเครียดต่อ เราเลิกคุยกัน เพราะต้องเตรียมไปตรวจเอกสาร สำหรับยื่นคำร้อง ซื้อซอง เขียนที่อยุ่เพื่อรับพาสปอร์ตคืนทางไปรษณีย์ (กรณีที่ได้นะ -*-)




พนักงานช่องตรวจเอกสาร ก็ไม่เห็นจะดุร้ายอะไร อย่างที่ใครๆโจษจัน ฉันอาจจะโชคดีตอนเขาอารมณ์ดีเองด้วยมั้ง

หลังจากนั้นเราได้เข้าไปในห้องรอสัมภาษณ์ กดบัตรคิว และรอ.....



ฉันมองดูทั่วห้อง คนเยอะมากจริงๆ แต่ละโซนแบ่งไว้ชัดว่าเป็นวีซ่าประเภทไหน ช่องที่เท่าไร-เท่าไร ฉันยืน เพราะไม่มีที่นั่ง พิเศษตรงที่เด็กในโครงการจะแยกช่องสัมภาษณ์ไว้เป็นกลุ่มๆ เพราะมีคนไปเยอะมาก ทางสถานทูตอาจจะจัดช่วงเวลาไว้ในช่วงนี้ทั้งหมดเลยก็ได้



หลายๆคนสัมภาษณ์ผ่านไปด้วยดี ฉันเริ่มเบาใจขึ้นมาหน่อยนึง (หน่อยเดียวจริงๆ) คิดว่ามันอาจจะไม่ได้เลวร้ายมาก็ได้

แต่....ยังไม่ทันขาดคำ ผู้หญิงคนหนึ่ง คนที่ยืนสัมภาษณ์อยู่ เป็นลมร่วงลงมา โอ้ววววววววววว



ทุกคนตรงนั้นฮือฮา ฉันตกใจ มองที่เด็กกลุ่มนั้นไม่วางตา มาทราบภายหลังว่า เด็กคนนั้นไม่ผ่านสัมภาษณ์ ด้วยเรื่องเอกสารไม่ชัดเจน และเกรดต่ำเกินไป ดูไม่น่าไว้ใจ และที่สำคัญ เด็กคนนั้นยื่นขอวีซ่าด้วยโครงการแบบเดียวกับฉัน แต่คนละที่กัน



ก่อนที่ฉันจะรู้เรื่อง แน่นอน ตอนนั้นฉันกลับมาใจไม่ดีอีกครั้ง อีก 2 คนเท่านั้นก็จะถึงคิวฉันแล้ว และเพื่อนฉันนั่นเองที่กำลังยืนสอบอยู่



ใช้เวลาไม่นาน ฉันรู้เลยว่าเพื่อนฉันผ่านแล้ว มันหันกลับมายิ้มลิงโลด ....แววตาประกายวาบ ฉันสบตามันแว้บหนึ่ง แล้วก็เตรียมใจก้าวขึ้นไปอีกก้าว คราวนี้ในใจมันพัลวันไปหมด ภาษาอังกฤษเวียนมาประโยคแล้วประโยคเล่า
จนเมื่อเขาเรียกฉันเข้าไปน่ะล่ะ ไอที่นึกไว้เมื่อกี๊มันหมดสิ้น

คำถามไม่ยากอย่างที่คิด ทักษะการดูหนังช่วยฉันได้มาก ในการตอบคำถาม เจ้าหน้าที่คุยเป็นกันเองพอสมควร ทำให้ฉันไม่เกร็งเท่าไรนัก อาศัยยิ้มพิมพ์ใจไปเป็นระยะ



และขณะที่สัมภาษณ์ ฉันก็เกิดความมั่นใจทันที ว่าครั้งนี้มีชัยแน่นอน ^^~

ฉันออกมาตีมือ ร้องเย้เบาๆ (ดังไม่ได้ - -*) กับเพื่อน หัวเราะร่า นึกถึงว่า อีกไม่กี่สัปดาห์หลังจากนี้จะเป็นอย่างไร





ฉันกลับบ้านมา เล่าแล้วเล่าอีกให้แม่กับน้าฟัง ว่าบรรยากาศมันเป็นอย่างไร

พรุ่งนี้ฉันจะต้องไปปฐมนิเทศก่อนเดินทาง..

คืนนั้นฉันหลับสนิทแต่หัวค่ำเลยทีเดียว




 

Create Date : 22 ธันวาคม 2550
2 comments
Last Update : 20 เมษายน 2551 18:11:21 น.
Counter : 451 Pageviews.

 

สุดท้ายไม่ได้ไปใช่มะ

 

โดย: kirofsky 24 ธันวาคม 2550 1:32:02 น.  

 

ความรู้สึกเดียวกันเลยค่ะ
สัมภาษณ์วีซ่าเครียดกว่าเอนท์ทรานซ์อีก
ห้าๆๆๆ

 

โดย: amp IP: 222.123.26.214 19 มิถุนายน 2551 22:30:36 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


สะบะละเฮ่ยแจงแวง
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




^ - ^

..Welcome to Super Rainnie's World..

มีคนมาดูบลอกเกินสองหมื่นละ

ดีใจยังไงไม่รู้ T^T



แจงแวงอ่ะนะ

ก็เป็นคน ฉลาด ใจดี ขี้งก ตลกเฮฮา
สะระเยอะ เคอะเขิน ขี้อาย
ร้องไห้ง่าย ใจแข็ง - -*


เป็นผู้หญิงไม่เท่ - -*

ไม่เรื่องมาก

ไม่ง๊องแง๊ง ไม่งี่เง่า - -*

มีสิ่งเฝ้าฝันอยู่อย่างเดียวคือเที่ยวรอบโลก ^^~


เป็นผู้หญิงที่หาความสุข
เล็กๆน้อยๆในชีวิต ได้ง่ายมาก
เช่น กินโกโก้ร้อนแก้วนึง
กะ ฟังเพลง Owner of my heart ทุกเช้า
ก็สุขแล้ว


เย่ๆๆ




^^~

Friends' blogs
[Add สะบะละเฮ่ยแจงแวง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.