Group Blog
กะลาดิจิตอล
<<
สิงหาคม 2548
>>
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
16 สิงหาคม 2548
เรียนเพื่อเกลียดชัง "พม่า" ในระบบการศึกษาไทย
All Blogs
ย้ายมาเขียน Blog ที่ MSN แล้วจ้า
อาสาสมัคร ค่ายเรียนรู้ โดย ICT : ผมขอขอบคุณครับ
นักศึกษา (บ้า) ฝึกงาน
ฉัน และ เขา (ชายผู้พ่ายแพ้ จำนน)
เกาะคอเขา : เมืองสามร้าง
หลังจากที่มนุษย์ทำสงครามกับธรรมชาติ (สึนามิ)
เรียนเพื่อเกลียดชัง "พม่า" ในระบบการศึกษาไทย
สัญชาตญาณ ควาย
ฝากใครบอกเธอด้วย ผมคิดถึงเธอมาก
ชีวิต เรือประมง คนใจดี
ศูนย์อาสาสมัครสึนามิ
เออว่ะ ไปเป็นนักจัดรายการวิทยุได้ไงล่ะเนี่ย ?
ภาระกิจ (ด่วน) ตามหาคนหาย และ คนตาย
เมื่อสูญเสีย เราได้สิ่งใหม่เสมอ
การตัดสินใจของชายคนหนึ่ง เกี่ยวกับ "พุง"
เรียนเพื่อเกลียดชัง "พม่า" ในระบบการศึกษาไทย
การสร้างชาติ โดยการหลอมรวมความหลากหลาย จำเป็นที่จะต้องสร้างสำนึกของชาติร่วมกัน
ในยุคที่ซ้ายเติบโต พวกขวากลัวการเปลี่ยนแปลง จึงปลุกระดมความเป็นชาติ โดยอาศัยเพลงปลุกใจ
"หนักแผ่นดิน" "อยุธยาเมืองเก่าของเราแต่ก่อน"
บ้า ๆ บอ ๆ มันเป็นการสร้างชาติ แบบเกลียดคนอื่น ใช้ความเกลียด ผ่านระบบการศึกษาและการใช้สื่อมวลชนในการหลอมรวม
เราไม่รู้จักพม่า ทั้งที่มีพรมแดนติดกันนับพันกิโลเมตร เราปล่อยให้หนังสือแบบเรียนทางประวัติศาสตร์สอนให้เราเชื่อว่าเราไม่เคยรุกรานใคร มีแต่คนอื่นมารังแกชาติไทยของเรา
เคยคุยกับผู้นำนักศึกษาที่หนีตายมาจากพม่าเมื่อสิบกว่าปีก่อน เขาก็บอกว่า เขาเกลียดคนไทย เพราะคนไทยเคยไปรุกรานประเทศเขา อ้าว...เวรมั๊ยล่ะเนี่ย ใครมันมันอันตพาลกันแน่
เคยสังเกตมั๊ยว่า ประเทศรอบข้างเราไม่มีใครชอบเราเลย...พม่าเกลียดเรา ลาวเกลียดเรา เขมรเผาสถานฑูตเรา เวียดนามเกลียดเรา
โรงเรียนไม่เคยสอนเราเรื่อง สงครามที่เราไปร่วม อย่างในลาว เวียดนาม เกาหลี เราไม่เข้าใจว่า เรื่องแบบนี้เขาไม่สอนกันหรือยังไง เรายังคิดว่า เราไม่เคยไปรบกับคนอื่นนอกประเทศเรา นอกเสียแต่ปกป้องประเทศของเราเอง
ทุกวันนี้ เรายังเกลียดแรงงานพม่า เราเกลียดชาวเขา เพราะคิดว่าพวกนี้เป็นพม่า
ไอ้ความเกลียดชุดเดียวกันนี่แหละ ที่มันทำให้คนในจังหวัดทางใต้เราเกลียดชังคนไทยด้วยกัน มันเป็นชุดความเกลียชนิดเดียวกัน
การสอนประวัติศาสตร์ ไม่ควรเป็นเครื่องมือทาการเมือง เราควรสอนประวัติศาสตร์เพื่อการสร้างความเข้าใจ และ มองความเจ็บปวดในอดีตอย่างผู้มีวุฒิภาวะ
ดูอย่างงานครบรอบ 60 ปีระเบิดที่ฮิโรชิม่าเมื่อเร็ว ๆ นี้ แม้ระเบิดหนึ่งลูกจะพรากชีวิตไปนับแสนคน แต่นั่นคือบทเรียนเพื่อสร้างสันติภาพ ไม่ใช่นำความเจ็บปวดในอดีตมาสร้างการเมืองและความเกลียดชัง
วันนี้ฉันและเพื่อน เอาเก้าอี้ โต๊ะ ไปให้เด็กที่ถูกละทิ้ง และ ขาดความช่วยเหลือที่ศูนย์พัฒนาเด็ก(พม่า) เราเห็นดวงตาที่ยังไม่มีความเกลียดชังของเด็กเหล่านั้น เรารู้ว่าเขาบริสุทธิ และ งดงามกว่าสายตาที่เกลียดชัง เราเชื่ออย่างไม่สงสัยเลย
Create Date : 16 สิงหาคม 2548
Last Update : 18 สิงหาคม 2548 21:13:23 น.
15 comments
Counter : 1606 Pageviews.
Share
Tweet
สงสัยน้องเนี้ยชาติที่แล้วต้องเป็นพม่ากลับชาติมาเกิดแน่เลย
ไม่อยากคุยด้วยแล้ว
โดย: รักชาตินะ IP: 24.238.43.207 วันที่: 16 สิงหาคม 2548 เวลา:2:03:35 น.
จักรวรรดินิยมสยาม
โดย:
นู๋เองง่ะ
วันที่: 16 สิงหาคม 2548 เวลา:2:34:02 น.
เห็นด้วยกับการเรียนประวัติศาสตร์อย่างที่ทำให้เข้าใจอดีต และนำมาปรับปรุงปัจจุบันและอนาคต
เห็นด้วยกับการเปลี่ยนแปลง บทเรียนประวัติศาสตร์บางบท แต่ไม่ใช้บิดเบือนจากที่แล้วมา เพียงแต่เปลี่ยนแปลงความเข้าใจ ให้เด็กๆ ของเรามองโลกให้กว้างขึ้น
ไม่เห็นด้วยอย่างมาก กับอคติของเจ้าของบล๊อกที่มีกับบทเรียนประวัติศาสตร์ของไทย
ไม่เห็นด้วยที่ดูถูกประเทศไทย บทเพลงไทย เราชื่นชม บทเพลงเหล่านี้ และสอนให้คนไทยรักชาติ
ในช่วงชีวิตของเราและเจ้าของบล๊อก ได้รับรู้ และเรียนรู้สิ่งเหล่านี้ แล้วลองมองดูเด็กๆ สมัยนี้สิ ความรักชาติหายไปไหน
ไม่ได้กล่าวถึงแค่ประเทศเพื่อนบ้าน เราเกลียดเค้า เค้าก็เกลียดเราเช่นกัน
มันเป็นเพลงแค่กุศโลบายที่ต้องการปลูกฝังให้คนเรารักชาติเท่านั้น
ลองดูทุกประเทศทั่วโลก มันก็เขียนบทเรียนประวัติศาตร์เข้าข้างตัวเองทั้งนั้นแหละ
อยู่ที่เรา มีสายตา กว้างไกล มองโลกกว้างขนาดไหน และการเรียนรู้ความจริงที่เกิดขึ้นในอดีตด้วยความถูกต้องและใจที่เป็นธรรมเพียงไร
ไม่เคยเกลียดพม่า ไม่เคยเกลียดเด็ก ไม่เคยเกลียดประเทศเพื่อนบ้าน รวมทั้งไม่เคยเกลียดพวกฝรั่งมังค่า ที่เข้ามารุกราน อยากได้ดินแดนของประเทศไทย
มองโลก มองผู้คน มองการกระทำด้วยความเข้าใจ
รวมถึงมองเหตุการณ์ในอดีตช่วงที่เขียนบทเรียนประวัติศาสตร์ด้วย
ตอนนั้น ถ้าไม่สอนคนไทย ให้รักชาติ เราคงไม่ภาคภูมิใจในความเป็นคนไทย ใช้ภาษาไทย ได้มากขนาดนี้
ทำไมฝรั่งถึงเรียกเราว่า ไทยแลนด์ เพราะคำว่าแลนด์จะใช้ต่อท้ายเฉพาะ ประเทศที่ไม่เคยเป็นเมืองขึ้นฝรั่งเท่านั้น
ทำไมเราถึงภาคภูมิใจในภาษาไทย
ทำไมเราถึงภาคภูมิใจในความเป็นคนไทย ไม่ใช้เพราะบทเรียนประวัติศาสตร์ที่เคยเรียนมาหรอกหรือ
ปล. เราชอบเจ้าของบล๊อกนะ เคยติดตามเรื่องราวของคุณสมัย สึนามิที่ภาคใต้ ขอชื่นชม
แต่สำหรับบล๊อกวันนี้ของคุณ ไปอ่านประวัติศาสตร์เพิ่มดีกว่า ไม่ใช้แค่ในบทเรียนนะ อ่านเพิ่มถึงในส่วนของคำนำ และ เจตนาของผู้เขียนประวัติศาสตร์
อย่าลืมสิ การเขียนตำราเรียนขึ้นมาหนึ่งเล่ม ไม่ใช่แค่ว่ายกการเขียนของผู้ใดผู้หนึ่งขึ้นมาเป็นตำราให้นักเรียนเรียนกันทั้งประเทศ
แต่ต้องผ่านการเห็นชอบของคนหลายคน และผ่านมาหลายรุ่นแล้ว
โดย: จตุพร ว (
พฤษภาคม 2510
) วันที่: 16 สิงหาคม 2548 เวลา:2:36:40 น.
พี่บอกอ ลายจุด
ยังคงเหมือนเดิมเลยครับเนี่ย หุ หุ
โดย:
เ ม ฆ ค รึ่ ง ฟ้ า
วันที่: 16 สิงหาคม 2548 เวลา:2:42:09 น.
เกลียดเพราะ
-ฆ่าเจ้าของกิจการชาวไทยข่าวออกบ่อย
-ชอบจับชาวประมงไปเรียกค่าไถ่
-ตอนจัดตั้งศูนย์ศูนย์อพยพนักศึกษา ก่อก่อเรื่องจับเจ้าหน้าที่มาเป็นตัวประกันซะอย่างนั้น
สิ่งเหล่านี้มันไม่ได้เกี่ยวับประวัติศาสตร์เลย มันเรื่องจริงทั้งนั้น
ปล.เกลียดคนไทย - นักการเมืองคอรัปชั่นด้วย
โดย:
สายัณห์ ตะวันเพลิง
วันที่: 16 สิงหาคม 2548 เวลา:2:44:34 น.
เรียนประวัติศาสตร์ไทยมา แต่ก็ไม่ได้คิดเกลียดพม่าค่ะ ^^"
เพราะคิดไว้ตลอดว่า ประวัติศาสตร์ย่อมมีการบิดเบือน
ประวัติศาสตร์ของชาติไหน ชาตินั้น ๆ ก็เลือกที่จะเขียนในแง่บวกกันทั้งนั้น (ถึงจะไม่เสมอไปก็เถอะ)
เพราะรัฐบาล (หรืออะไรก็ตามแต่จะเรียก) ใช้เหตุผลที่ว่า
เพื่อให้คนในชาตินั้น ๆ รู้สึกรักชาติ
และมีความรู้สึกร่วมกันอยู่
โดยที่ในบางครั้ง มันก็มีผลข้างเคียงเช่นกัน
อย่างที่เค้าว่าไว้ ไม่มีอะไรดี 100 หรือ เลว 100 หรอกค่ะ
ประวัติศาสตร์ คือบันทึกของผู้ชนะ...
โดย:
นางมารร้าย update
วันที่: 16 สิงหาคม 2548 เวลา:4:38:16 น.
การเขียนประวัติศาสตร์ คือ การเขียนนิยายแบบนึง
มีตัวละคร มีพล็อท ฯลฯ
แล้วแต่ว่านักประวัติศาสตร์คนไหน มีพล็อทแบบไหนอยู่ในใจ
งานของอาจารย์สุเนตร ไงคะ ที่พยายามมองพม่าจากเอกสารของพม่าเอง
โดย:
grappa
วันที่: 16 สิงหาคม 2548 เวลา:8:50:05 น.
ประวัติศาสตร์ไทยถูกเขียนขึ้นมาเพื่อรับใช้การเมือง (ในสมัยจอมพล ป.) นี่ครับ และจนบัดนี้ เราก็ยังใช้ประวัติศาสตร์ชุดนั้นในตำราเรียนอยู่เลย..
เคยหยิบเอาตำราเรียนเด็กประถมมาอ่าน แล้วปวดกบาล..สมัยเด็กๆ เราเรียนไปได้ยังไงเนี่ย..
โดย:
KMS&หมาป่าสำราญ
วันที่: 16 สิงหาคม 2548 เวลา:9:06:09 น.
โดย:
suparatta
วันที่: 16 สิงหาคม 2548 เวลา:12:46:45 น.
ไม่เกลียดพม่า ไม่เกลียดเพื่อนบ้าน แต่เกลียดคนไทยที่เอาแต่ด่าประเทศตัวเอง สร้างกระแสซ้ายตกขอบ ทั้งๆที่ในเมืองไทยมีเสรีภาพมากกว่าเพื่อนบ้านเราหลายประเทศ มันก็ยังไม่วายหาว่าเป็นเผด็จการทุนนิยม อย่างเช่น ใจหมา อึ้งภากรณ์ และ ธงชัย สิ่งปฏิกูล
โดย: ขวาโว้ย IP: 202.129.52.203 วันที่: 16 ตุลาคม 2548 เวลา:12:05:55 น.
พวกที่ชอบมาพ่นในเวบท่าเอ็นจีโอนี่ก็เหมือนกัน ด่ารัฐบาลยังไม่พอ บางคนยังจาบจ้วงศาสนา จาบจ้วงสถาบันฯอีก คำสองคำก็อ้างสิทธิมนุษยชน ถุย!
สงสัยต้องลองให้มันไปอยู่ในพม่า ที่มีรัฐบาลทหารปกครอง หรืออีรักสมัยซัดดัมปกครอง แล้วมันจะได้รู้ซึ้งว่าเผด็จการแท้ๆนั้นเป็นอย่างไร? หากคิดว่าเมืองไทยยังมีเสรีภาพไม่พอ สำหรับสัตว์นรกปากบอนพวกนี้
ฝ่ายขวากลัวการเปลี่ยนแปลง เพราะกลัวสูญเสียอำนาจ ฝ่ายซ้ายก็อยากเปลี่ยนแปลง เพราะกูอยากได้อำนาจ มันไม่ต่างกันหรอก!
โดย: ขวาโว้ย IP: 202.129.52.203 วันที่: 16 ตุลาคม 2548 เวลา:14:04:47 น.
"รู้เหตุผลไหม๊ทำไมคนไทยเราถึงเกลียดพม่ากันนัก"
ผมอ่านเเล้วผมร้องไห้เลย
หลังจากที่เสียกรุงศรีอยุธยาแล้ว พวกพม่าได้บุกเข้ามายังตัวพระนครในตอนกลางคืน แล้วจุดไฟเผาบ้านเรือนของชาวบ้าน ตลอดจนปราสาทราชมณเทียร ทำให้ไฟไหม้ลุกลามแสงเพลิงสว่างดังกลางวัน เมื่อพม่าเห็นว่าไม่มีผู้ใครมาขัดขวางแล้ว ก็เที่ยวฉกชิงและเก็บรวบรวมทรัพย์จับผู้คนอลหม่านทั่วไปทั้งพระนคร แต่ด้วยเป็นเวลากลางคืน ชาวเมืองจึงหนีรอดไปได้มาก พม่าจับได้ประมาณ 30,000 คน พร้อมทั้งเจ้านายทั้งข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อย และพระภิกษุสามเณรทั้งหลายที่หนีไม่พ้น พม่าก็จับเอารวมไปคุมไว้ที่ค่ายโพธิ์สามต้น ส่วนผู้คนพลเมืองที่จับได้ก็แจกจ่ายกันไปคุมไว้ตามค่ายของแม่ทัพนายกอง[26]
จากนั้นพม่าก็เที่ยวตรวจเก็บบรรดาทรัพย์สมบัติทั้งของหลวง ของราษฎร ตลอดจนเงินทองของเครื่องพุทธบูชาตามวัดต่าง ๆ และยังเอาทรัพย์ซึ่งราษฎรฝังซ่อนไว้ตามวัดวาบ้านเรือนต่อไปอีก โดยเอาราษฎรที่จับไว้ได้ไปชำระซักถาม แล้วล่อลวงให้ส่อกันเอง ใครยอมบอกทรัพย์ของผู้อื่น ก็ให้ปล่อยตัวไป ส่วนผู้ที่เป็นเจ้าของทรัพย์ถ้าไม่บอกให้พม่า ก็จะถูกเฆี่ยนตี และทำทัณฑกรรมต่าง ๆ เพื่อเร่งเอาทรัพย์จนบ้างก็ถึงกับเสียชีวิต[27] บางที ทหารพม่าก็จะใช้วิธีการทารุณโหดร้าย จับส้นเท้ามาลนไฟ ทั้งยังนำลูกสาวมาข่มขืนให้ร้องลั่นต่อหน้าบิดามารดาอีกด้วย ทางด้านพระสงฆ์ก็ถูกกล่าวหาว่าซ่อนสมบัติเอาไว้มาก จึงถูกยิงด้วยศร ถูกพุ่งด้วยหลาวหรือปลายหอกจนตัวปรุ หลายรูปถูกตีด้วยท่อนไม้จนมรณภาพคาที่ บริเวณวัดวาอารามตลอดจนบริเวณที่กว้างล้วนเต็มไปด้วยซากศพ แม่น้ำลำคลองก็เช่นเดียวกัน ศพมีมากและส่งกลิ่นเหม็นจนแทบหายใจไม่ออก เป็นเหตุให้ฝูงแมลงวันต่างพากันมาตอม สร้างความรำคาญแก่กองทัพพม่าเป็นอันมาก[28][29]
หลังจากที่กองทัพพม่ายึดกรุงศรีอยุธยาสำเร็จแล้ว จึงพักอยู่ประมาณ 10 วัน พม่าใช้เวลาจุดไฟเผาบ้านเมืองเป็นเวลา 9 วัน 9 คืน จนรวบรวมเชลยและทรัพย์สมบัติเสร็จแล้วจึงยกทัพกลับไป โดยกวาดต้อนผู้คน ช้าง ม้า แก้ว แหวนเงินทอง และนำสมเด็จพระเจ้าอุทุมพรไปด้วย เนเมียวสีหบดีได้แต่งตั้งให้สุกี้เป็นนายทัพให้มองญาพม่าเป็นปลัดทัพคุมพลพม่าและมอญรวม 3,000 คนตั้งค่ายอยู่ที่ค่ายโพธิ์สามต้น คอยสืบจับผู้คนและเก็บทรัพย์สิ่งของส่งตามไป แล้วตั้งนายทองอินให้เป็นเจ้าเมืองธนบุรี แล้วแบ่งแยกกองทัพออกเป็น 3 กองทัพ กองทัพทางเหนือ มีเนเมียวสีหบดีแม่ทัพคุม เจ้านายและข้าราชการที่เป็นเชลยกับทรัพย์สิ่งของที่ดีมีราคามากมาย ยกกลับไปทางด่านแม่ละเมาะ กองทัพทางใต้ให้เจ้าเมืองพุกามเป็นนายทัพคุมพวกเรือบรรทุก บรรดาทรัพย์สิ่งของอันเป็นของใหญ่หนัก ๆ ไปทางเมืองธนบุรีและท่าจีน แม่กลองกองหนึ่ง อีกกองหนึ่งยกเป็นกองทัพบกไปเมืองสุพรรณบุรีไปสมทบกับกองเรือที่เมือง กาญจนบุรี รวมกันยกกลับไปทางด่านพระเจดีย์สามองค์ ในครั้งนั้นพม่าได้ปืนใหญ่ 1,200 กระบอก ปืนเล็กหลายหมื่นกระบอก รวมทั้งได้ปืนคู่แฝดหล่อด้วยทองสำริด ขนาดยาว 12 ศอก และเรือพระที่นั่งกิ่งอีก 4 ลำด้วย[30]
สำหรับปืนพระพิรุณแสนห่านั้นมีขนาดใหญ่มาก เมื่อตอนใกล้กรุงจะแตกหมดความหวังที่จะชนะพม่าแล้ว ปืนกระบอกนี้ก็ถูกทิ้งลงในสระแก้วในพระราชวังกรุงเก่า ภายหลังพม่าทราบเรื่องเข้า จึงได้นำขึ้นมาจากสระ แล้วตัวปกันหวุ่นแม่ทัพภาคใต้ขนไปทางเรือ จุดหมายปลายทาง คือ เมืองกาญจนบุรี โดยไปบรรจบกับกองทัพบกที่นั่น ครั้นมาถึงตลาดแก้วเมืองนนทบุรี เห็นว่าปืนใหญ่พระพิรุณแสนห่านี้หนักเหลือกำลังที่จะเอาไปเมืองอังวะได้ ปกันหวุ่นจึงให้เข็นชักขึ้นจากเรือที่วัดเขมา ให้เอาดินดำบรรจุเต็มกระบอก จุดเพลิงระเบิดเสีย และขนชิ้นส่วนที่เป็นทองสำริดกลับไปเมืองอังวะ โดยที่ทัพพม่าออกจากกรุงศรีอยุธยาทั้งหมด เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2310 หลังจากตีกรุงได้แล้วร่วม 2 เดือน[31]
พม่าได้เชลยไทยจำนวน 30,000 คนเศษ พม่าแยกเชลยออกเป็น 2 พวก
พวกที่ 1 สมเด็จพระเจ้าอุทุมพรกับพระบรมวงศานุวงศ์และชาวเมือง เนเมียวสีหบดีให้กองทัพคุมตัวไปทางเหนือ
พวกที่ 2 ราษฎรที่เหลือและพวกมิชชันนารี ให้ปกันหวุ่นแม่ทัพทางใต้คุมไปทั้งทางบกและทางเรือ ล่องใต้ไปทางเมืองทวาย แล้วไปบรรจบกับพวกแรกที่ทางเหนือของกรุงอังวะ
ส่วนเรื่องเชลยนั้นพม่าจับเชลยคนไทยได้มากเกินกว่าจะมีเครื่องพันธนาการเพียงพอ จึงเจาะบริเวณเอ็นเหนือส้นเท้าแล้วร้อยด้วยหวายติดกันเป็นพวง เพื่อกวาดต้อนเชลยไทยให้เดินทางไปยังกรุงอังวะ ประเทศพม่า นับแต่นั้นมาคนไทยเรียกบริเวณเอ็นเหนือส้นเท้าว่า เอ็นร้อยหวาย ในปัจจุบัน[32] เชลยศึกชาวไทยที่ถูกพม่ากวาดต้อนไปครั้งนั้น ได้ไปตั้งบ้านเรือนอยู่ที่บริเวณปองเลไต๊ (ตึกปองเล) ใกล้คลองชะเวตาชอง หรือคลองทองคำ แถบระแหงโม่งตีส หรือตลาดระแหง ห่างจากเมืองมัณฑะเลย์ ประมาณ 13 กิโลเมตร มีวัดระไห่ เป็นศูนย์กลางของหมู่บ้าน มีตลาดโยเดีย และมีการรำโยเดียที่มีท่ารำชั้นสูง เช่น พรหมสี่หน้าของไทย ในเมืองพม่าปัจจุบันด้วย[33]
พระเจ้าอุทุมพรถูกพระเจ้ามังระบังคับให้ลาผนวช แล้วให้ตั้งตำหนักอยู่ที่เมืองจักกาย (สแคง) ตรงหน้าเมืองอังวะ พร้อมด้วยเจ้านายและข้าราชการอยุธยาก็รวบรวมอยู่ที่นั่นเป็นส่วนมาก พม่าได้ซักถามเรื่องพงศาวดารและแบบแผนราชประเพณีกรุงศรีอยุธยาจดลงในจดหมายเหตุ คือ เอกสารที่ฝ่ายไทยได้ฉบับมาแปลพิมพ์เรียกว่า "คำให้การขุนหลวงหาวัด" หรือ "คำให้การชาวกรุงเก่า" แต่ส่วนพวกราษฎรที่ถูกกวาดต้อนไปจำนวนมากนั้น พม่าแจกจ่ายไปอยู่ตามที่ต่าง ๆ ภายหลังหนีคืนมาบ้านเมืองได้บ้างก็มี แต่ก็สาบสูญไปในพม่าเสียเป็นส่วนมาก พระเจ้าอุทุมพรไม่เสด็จกลับมาอยุธยาอีก หลักฐานสุดท้ายของเจ้านายพระองค์นี้ที่เหลืออยู่ก็คือ เจดีย์ที่เมืองจักกายเท่านั้น[34][35]
การเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งนี้ เป็นการสูญเสียครั้งใหญ่ในประวัติศาสตร์ไทย ทหารพม่าไล่ฆ่าฟันผู้คนล้มตายเป็นอันมาก ทรัพย์สินสมบัติสูญเสียถูกทำลาย ถูกขุดค้นไปทั่วทุกแห่งหน โดยตั้งใจจะไม่ให้อยุธยามีทรัพย์สมบัติอะไรเหลืออยู่ แม้แต่วัดวาอารามอันวิจิตรงดงาม พม่าก็เอาไฟเผาและเอาไฟสุมพระพุทธรูปพระศรีสรรเพ็ชรดาญาณ[36] เพื่อให้ทองคำหุ้มองค์ละลาย เก็บเอาทองคำที่หุ้มองค์พระพุทธรูปหนัก 286 ชั่ง (238.33 กิโลกรัม) ไปใช้ประโยชน์ที่เมืองพม่า อีกทั้งได้กวาดต้อนผู้คนไปเป็นเชลยและทาสยังเมืองพม่า พม่าเอาไฟเผาบ้านเรือนทำลายข้าวของต่าง ๆ อยู่ 15 วัน
โดย: นิรนาม IP: 171.100.153.188 วันที่: 18 มีนาคม 2557 เวลา:13:16:35 น.
สมเด็จพระเนรศวรน่าจะฆ่าพม่าให้มันหมดเผ่าพันไปเลลย สิ่งที่พวกพม่ามันทำไว้กับไทยเกินกว่าจะให้อภัยได้
โดย: อ้อมผู้เกลียดพม่า IP: 101.51.203.219 วันที่: 5 เมษายน 2558 เวลา:11:48:36 น.
ไม่ที่ทำมาหากินรึไงถึงได้แย่งประเทศไทยไปเป็นของตัวเองพูดง่ายๆนะ คือว่าพม่าอึดอยากม๊าก สมควรแล้วหละที่พม่ามันพ่ายแพ้ศึกยุทธหัตถีแก่สมเด็จพระเนรศวรมหาราช สมน้ำหน้าพม่ามัน
โดย: อ้อมผู้รักแผ่นดินสยาม IP: 101.51.203.219 วันที่: 5 เมษายน 2558 เวลา:11:55:20 น.
คนพม่าที่แท้จริงแล้วเห็นแก่ตัวมากและเกลียดคนไทยแต่ที่เห็นว่าเป็นดีนั้นแท้ที่จริงแล้วเขาเป็นคนเผ่าขะยิ่นในประเทศพม่าซึ่งพวกเขาเองก็เกลียดพม่าเช่นกันขนาดคนในประเทศเขาเองยังเกลียดแล้วเราละ...ตอนนี้ทำงานร่วมกับพม่าขอยืนยันส่วนใหญ่นิสัยแย่จริง
โดย: p IP: 171.96.185.33 วันที่: 16 กรกฎาคม 2558 เวลา:21:47:39 น.
ชื่อ :
Comment :
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
บก.ลายจุด
Location :
พังงา Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [
?
]
Friends' blogs
บอกอกูรู
ซนจัง
* ค น พ เ น จ ร *
KMS&หมาป่าสำราญ
แมวเหมียวพุงกาง
A r t F u l l Y
ปิงปองงง
แก้มเล่า
grassroot
ฮันโซ
Webmaster - BlogGang
[Add บก.ลายจุด's blog to your web]
Links
ศูนย์อาสาสมัครสึนามิ
บ้านนอก.คอม
BlogGang.com
Pantip.com
|
PantipMarket.com
|
Pantown.com
| © 2004
BlogGang.com
allrights reserved.