ที่สุดของความเปลี่ยวเหงา.. คือการค้นพบ
เคยพูดถึงเรื่องตัวตนอันทนได้ยากไปบ้าง ตัวตนเกิดจากการพยายามแสดงความเป็นตัวเองออกมา ไม่ว่าจะเพราะเพื่อแข่งขัน แสดงความเด่น หรืออยากให้เป็นที่ยอมรับในหมู่สังคม ฯลฯ แต่การต้องแลกกับการมีตัวตนเพื่อแสดงความมีอยู่นั้น คือความแปลกแยก โดดเดี่ยว และเปลี่ยวเหงา.. กับเจ้าตัวตนของตัวเองนี่แหละ
หลายคนอาจรู้สึกเหงาบ่อยๆ เหงาน้อย เหงามาก ไปตามอารมณ์ แต่น้อยคนที่จะลองเดินทางเข้าไปให้ถึงทางเส้นนี้ให้สุดทาง เพราะมีทางสายอื่นๆ มากมาย มาลากจูงให้ออกไปจากตัวตนอันโดดเดี่ยวเปลี่ยวเหงานี้ได้เสมอ.. หากแต่ไม่ว่าอะไรจะมาลากจูงเราออกไปก็ตามที ทีวี อินเทอร์เน็ต ช็อปปิ้ง การคิดค้นอะไรใหม่ๆ ฯลฯ ไม่นาน.. เราก็จะกลับมาที่ความเหว่ว้า และรับผลพวงของตัวตนอันเดี่ยวโดดอยู่เสมอ.. และหลายคนอาจรู้สึกตรงข้ามกับบทความนี้ ไม่เชื่อว่าจะมีการค้นพบอะไรในความเปลี่ยวเหงานี้ได้ เขาควรหนีออกไปจากมันให้ได้ เพราะคนประสบความท้อแท้ ผิดหวัง ไร้ค่า ไม่เคยค้นพบอะไรได้หรอก เขาต้องการความช่วยเหลือ หรือลุกขึ้นมา ไม่งั้น พวกเขาก็อาจจะฆ่าตัวตาย..
สมัยพุทธกาล เมื่อเจ้าชายสิทธัตถะ ทรงเลิกการบำเพ็ญทุกขกิริยาเพราะทรงเห็นว่าไม่ใช่ทาง เป็นผลให้ปัญจวัคคีย์เสื่อมศรัทธา เห็นว่าพระองค์ทรงขาดความเพียร ท้อต่อความยาก กิเลสครอบงำเสียแล้ว ต่างพากันทอดทิ้งเจ้าชาย พระองค์ไม่เหลือใครอีกแล้วนอกจากพระองค์เองเท่านั้น และบนเส้นทางแห่งความเปลี่ยวเหงานี้ เจ้าชายกลับได้กลายเป็นพระสัมมาสัมพุทธะด้วยการพิจารณาตัวตนไปจนถึงที่สุด ว่าที่จริง ตัวตนมิได้มีอยู่จริง !!
แต่ปุถุชนมักตีความการค้นหาตัวเอง ด้วยการออกไปแสวงหาสิ่งนอกตัว เพื่อจะได้พบว่าตัวเองต้องการอะไร ชอบอะไร และเป็นอะไร ..เขาค้นพบตัวเองได้จริง?? หรือเป็นเพียงการสรุปว่าตัวเองเป็นเช่นนั้น เช่นนี้ ไปจนวันตาย การค้นพบตัวเองเกิดขึ้นแบบนั้นได้จริงๆ?? ตัวตนไม่เคยดับไปในเส้นทางปุถุชน เพราะมีการค้นพบตัวตนใหม่ๆ แทนที่จะค้นพบตัวตนเดิมที่ไม่มี
แม้แต่ในทางโลก นักเขียนนิยายชื่อดัง อย่าง เจ เค โรลลิ่ง เธอก็ลุกขึ้นมาเขียนแฮรี่ พ็อตเตอร์ นิยายเด็กที่กระฉ่อนไปทั่วโลก ในยามที่เหลือเพียงเธอเท่านั้น เมื่อถูกสามีนักข่าวทอดทิ้งให้เธอกับลูกต้องอยู่กันตามลำพังอย่างอ้างว้าง
ในความยากลำบากของความโดดเดี่ยว บางคนค้นพบว่าความรู้สึกเปล่าเปลี่ยวเช่นนี้ไม่ได้มีอยู่จริง บางคนใช้งานเป็นที่ยึดเกาะและสร้างสรรค์งาน ไม่ได้ปล่อยใจให้เตลิดไปจนไร้การควบคุม จนมีถ้อยคำทางธรรมจากอาจารย์พุทธทาสว่า งานคือธรรมะ ธรรมะคืองาน เพราะงานที่เป็นสัมมาทิฏฐิ อย่างน้อยก็เป็นที่ยึดเกาะได้ดี ทำให้คลายทุกข์จากความทนได้ยากของตัวตน ดีไม่ดี.. งานนั้นอาจทำให้เกิดการค้นพบอะไรบางอย่าง..
ดีกว่าการหนีออกจากตัวตนซึ่งทนได้ยากนี้ ไปก่อกิจใดๆ ให้เป็นที่เดือดร้อนต่อตัวเองและคนอื่นๆ ด้วยการยึดอบายมุข มั่วสุม ติดยาเสพติด หรือมีความเชื่อที่ก่อให้เกิดการกระทำที่เป็นผลร้ายต่อสังคมส่วนรวม
Create Date : 18 สิงหาคม 2548 |
|
9 comments |
Last Update : 18 สิงหาคม 2548 20:07:09 น. |
Counter : 1155 Pageviews. |
|
|
|
อ่านงานเขียนของคุณสุภาแล้ว
รักดีเข้าใจค่ะว่าคุณสุภาต้องการจะบอกอะไรกับคนอ่านบ้าง
รักดีเห็นด้วยในบางอย่างที่คุณสุภาบอกมานะคะ
รักดีเคยเห็นตัวอย่างมามาก
ผู้หญิงที่ทำงานเก่งๆ และมีหน้ามีตาในวงสังคมชั้นสูง
แต่มักจะไม่ประสบความสำเร็จในเรื่องความรัก
เรื่องครอบครัว
บางคนต้องพบการหย่าร้าง
และบั้นปลายชีวิต ก็จะมีแต่ความอ้างว้างเดียวดาย
หรือผู้หญิงที่สวยๆมากๆ
แต่มักจะอาภัพเรื่องความรัก
การเดินทางสายกลางดีที่สุด
รักดีเห็นด้วยมากๆค่ะ
ตัวรักดีเองก็ปฎิบัติทุกวันอยู่แล้ว
รักดีมักจะมีเวลาเป็นตัวของตังเองบ้าง
ทำในสิ่งที่อยากทำ
โดยไม่ทำให้ใครเดือดร้อน
และคนที่รักรักดีก็ไม่ขุ่นเคือง
ถ้าอะไรที่ทำไปแล้ว
คนอื่นไม่สบายใจ รักดีจะเลิกเลยค่ะ
เพื่อความสุขและความสบายใจของทุกฝ่าย
โดยยึดหลักทางสายกลางมาใช้อยู่เสมอ
รักดีของคุณนะคะ
ที่ช่วยแนะนำเรื่องสั้น ขนาดยาว ( ไม่มากนัก )
รักดีลองเขียนเล่นๆอะค่ะ
ไม่ทราบจะอัพบล็อกอะไร
แบบว่ามุขใกล้จะหมดแล้ว
มีความสุขในวันนี้นะคะ