Bloggang.com : weblog for you and your gang
***อุปสรรค คือ สิ่งที่น่าตระหนกก็ต่อเมื่อคุณไม่ได้จับจ้องที่จุดหมายปลายทาง***
Group Blog
friends
เล่าสู่กันฟัง....
"Don't go find LOVE, Let LOVE finds you."
<<
กันยายน 2551
>>
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
21 กันยายน 2551
lสาระ...น่ารู้
All Blogs
The 14 most in one'life
จะรักใคร ก็จงบอกให้รู้ เมื่อยังอยู่ด้วยกัน...
งาน...งาน...งาน...
ข้อคิดดีๆ
lสาระ...น่ารู้
How to Be Happy .. Lively .. Younger
สวัสดีความสุข
เป็นห่วง...แบบไหน
โรงพยาบาลชื่อดัง
เครียดไปหรือเปล่า............??????
คุณกล้าที่จะเสี่ยงไหม
ความล้มเหลว
คติในการดำเนินชีวิตในแต่ละวัน...
เพื่อความสวัสดีแห่งชีวิต
ขำขันกับบักตอง
สำหรับคนเกิด ปี 2510 ถึง 2525(ขำๆค่ะ..)
(((ทำไมต้องมียางลบอยู่บนหัวดินสอ)))
เหตุผลดีๆ...ที่คุณควรยิ้ม...
When you love someone
"ขี้8ชนิดที่ไม่ควรมีติดตัว"
พระอาทิตย์แรกขึ้น.....
ความคิดถึง.....
lสาระ...น่ารู้
ร่างกายของคนเราสามารถสร้างคอเลสเตอรอลได้เองอยู่แล้ว
ดังนั้นถ้าเรารับประทานอาหารที่มีไขมันสูง
ระดับคอเลสเตอรอลในกระแสเลือดก็จะมีสูงขึ้นตามไปด้วย เสี่ยงต่อการ เป็นโรคหลอดเลือดอุดตันและหัวใจวายแน่นอน
อาหารบางอย่างมีคุณสมบัติช่วยควบคุมคอเลสเตอรอลได้ เป็นอย่างดีเยี่ยม 6 อัศวินตัวสำคัญนั้นคือ มะเขือต่างๆ หอมหัวใหญ่ๆ กระเทียมใหญ่ๆ ถั่วเหลืองๆ แอปเปิล และโยเกิร์ต
วันใดมื้อใดที่คุณมีเมนูอาหารซึ่งอุดมไปด้วยไขมันมากๆ ก็ควรรับประทานอัศวิน ตัวหนึ่งตัวใดเพื่อควบคุม ไขมัน เช่น เมื่อรับประทานแกงกะทิที่มันๆ ก็ควรรับประทานมะเขือเปราะ หรือมะเขือพวงมากๆ เมื่อรับประทานไข่มากๆ
ซึ่งเป็นตัวเพิ่มคอเลสเตอรอลที่น่ากลัวนักคุณก็ควรรับประทานหอมหัวใหญ่ร่วม กับไข่่เจียวหรือไข่ดาวด้วย หรือรับประทานแอปเปิลวันละ 1 ผลทุกๆ
วัน หรือโยเกิร์ตวันละ 1 ถ้วยทุกๆ วัน รับประทานกระเทียมสดๆ เล็กน้อยกับอาหารจานยำ จานคาวต่างๆ เพื่อขับคอเลสเตอรอลออกจากร่างกาย
อันเป็นเรื่องที่แสนง่ายดายกว่าการเลิกรับประทานอาหารมันๆ ทุกจานโดยสิ้นเชิง คุณยังสามารถรับประทานเนย แฮม เบคอน ขาหมู ไข่
หรือ อาหารไขมันสูงจานต่างๆ ได้ในบางมื้อบางวัน
หากเพียงคุณรู้จักรับประทานอาหารอัศวินเหล่านี้เข้าไปด้วย
ซึ่งนอกจากจะช่วยลดคอเลสเตอรอลแล้ว อาหาร 6
อย่างนี้ยังมีคุณค่าของสารอาหารและแร่ธาตุสำคัญที่จะนำประโยชน์สู่ร่างกายของคุณอ
่างมากมายในด้านอื่นๆ อีกด้วย เช่น แอปเปิล หอมใหญ่และโยเกิร์ต ช่วยให้คุณขับถ่ายดี ผิวพรรณสวยงาม เป็นต้น
อาหารต้านมะเร็ง 5 ประการ
1. รับประทานผักตระกูลกะหล่ำให้มาก เช่น กะหล่ำปลี กะหล่ำดอก ผักคะน้า หัวผักกาด บรอคโคลี่ ฯลฯ เพื่อป้องกัน โรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ ลำไส้ส่วนปลายกระเพาะอาหาร และอวัยวะระบบ
ทางเดินหายใจ
2. รับประทานอาหารที่มีกากมาก เช่น ผัก ผลไม้ ข้าว ข้าวโพด และเมล็ดธัญพืชอื่น ๆ เพื่อป้อง กันมะเร็งลำไส้ใหญ่
3. รับประทานอาหารที่มีเบต้าแคโรทีน และไวตามินเอสูง เช่น ผักผลไม้สีเขียว-เหลือง เพื่อป้องกันมะเร็งหลอดอาหาร กล่องเสียงและปอด
4. รับประทานอาหารที่มีไวตามินซีสูง เช่น ผัก ผลไม้ต่าง ๆ เพื่อป้องกันมะเร็งหลอดอาหาร และกระเพาะอาหาร
5. ควบคุมน้ำหนักตัว โรคอ้วนมีความสัมพันธ์กับโรคมะเร็งมดลูก ถุงน้ำดี เต้านม และลำไส้ใหญ่ การออกกำลังกาย และการลดรับประทานอาหารที่ให้พลังงานสูง จะช่วยป้องกันมะเร็งเหล่านี้ได้ 7 ประการเพื่อลดการเสี่ยง
1. ไม่รับประทานอาหารที่มีราขึ้น
อาหารที่มีราขึ้นโดยเฉพาะสีเขียว-เหลือง
จะมีสารอัลฟาทอกซินปนเปื้อน ซึ่งอาจเป็น สาเหตุของโรคมะเร็งตับ
2. ลดอาหารไขมัน
อาหารไขมันสูงจะทำให้เสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งเต้านม ลำไส้ใหญ่ และต่อมลูกหมาก
3. ลดอาหารดองเค็ม อาหารปิ้ง-ย่าง
รมควันและอาหารที่ถนอมด้วยเกลือไนเตรท-ไนไตร์ท อาหารเหล่านี้จะทำให้เสี่ยงต่อ มะเร็งหลอดอาหาร มะเร็งกระเพาะอาหาร และมะเร็งลำไส้ใหญ่
4. ไม่รับประทานอาหารสุกๆ ดิบๆ เช่น ก้อยปลา ปลาจ่อม ฯลฯ จะทำให้เป็นโรคพยาธิใบไม้ตับ และเสี่ยงต่อการเป็น มะเร็งของท่อน้ำดีในตับ
5. หยุดหรือลดการสูบบุหรี่ การสูบบุหรี่จะทำให้เสี่ยงต่อการเป็น มะเร็งปอด กล่องเสียง ฯลฯ การเคี้ยวยาสูบจะเสี่ยงต่อ การเป็นมะเร็งช่องปาก และช่องคอ
6. ลดการดื่มแอลกอฮอล์ ดื่มแอลกอฮอล์ จะเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งตับ ถ้าทั้งดื่มและสูบบุหรี่จะเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งช่อง ปาก ช่องคอ กล่องเสียง และหลอดอาหาร
7. อย่าตากแดด ตากแดดจัดมากเกินไป จะเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งผิวหนัง
จากการศึกษาพบว่า
อาหารอาจมีส่วนสัมพันธ์กับการเกิดโรคมะเร็งได้ประมาณ 30-50%
แต่ในขณะเดียวกัน อาหาร ประเภท พืชผัก ผลไม้ ธัญพืช และเครื่องเทศต่าง ๆ ก็มีคุณสมบัติในการป้องกันมะเร็งได้ ดังนั้น
การรับประทานอาหารอย่างถูกต้องตามหลักโภชนาการจึงเป็นหนทางหนึ่งซึ่งสามารถ
ป้องก ันโรคมะเร็งได้ หมายเหตุ ข้อมูลจากสถาบันมะเร็งแห่งชาติ
มีรายงานวิจัยความรู้เกี่ยวกับผลกระทบของการอดนอน ในปี 2542
งานวิจัยเชิงทดลอง โดยอาสาสมัครหนุ่มสาว ทดลองนอนหลับวันละ 4 ชม. เป็นเวลา 6 คืน
เมื่อเจาะตัวอย่างเลือดพบว่ามีปัญหาระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มสูงขึ้นและควบคุมยาก
ซึ่งเกือบจะเป็นเหมือนโรคเบาหวาน
นักวิจัยยังพบว่าการอดนอนเป็นสาเหตุของโรคอ้วน
โดยเกี่ยวข้องกับฮอร์โมนเร่งการเติบโต
ซึ่งเป็นฮอร์โมนกระตุ้นการเจริญเติบโตทางกายภาพ
และควบคุมสัดส่วนของไขมันต่อกล้ามเนื้อในร่างกาย การอดนอนทำให้ฮอร์โมนนี้หลั่งน้อยลง
ร่ายกายรู้สึกอยากอาหารมากขึ้น
นอกจากนี้ยังส่งผลต่อฮอร์โมนเลปติน
ซึ่งเป็นสารที่สื่อต่อระบบประสาทว่า ควรจะอิ่มได้เร็วหรือช้าเท่าใด
ตามความต้อง การอาหารของร่างกายเมื่อระดับเลปตินลดลงจากการนอนน้อย
ผู้คนจะรู้สึกอยากอาหารมากขึ้นแม้จะได้กินอาหารจนได้พลังงานเพียงพอแล้วก็ตาม
การนอนไม่พอยังส่งผลต่อเม็ดเลือดขาว
และกลไกการตอบสนองภูมิคุ้มกันต่างๆของร่างกาย
ทำให้เจ็บป่วยง่ายเมื่อเจอเชื้อโรค
การนอนไม่พออาจส่งผลร้ายแรงถึงขั้นเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคมะเร็ง?????
มีความเกี่ยวข้องกันในเรื่องวงจรการหลั่งฮอร์โมนแปรปรวน เนื่องมาจากการอดนอนและ แสงรบกวนในเวลากลางคืน ทำให้เพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งเต้านม ฉะนั้น นอกจากเราควรจะนอนให้ เพียงพอแล้ว เรายังไม่ควรเปิดไฟนอนอีกด้วย
รู้ไว้ใช่ว่า ....
ข้าวโพดมีคุณ แทะข้าวโพดหวานต้านโรคมะเร็งมีสารตัวล้างพิษมากกว่าผักผลไม้
นักวิจัยของมหาวิทยาลัยคอร์เนลล์แห่งสหรัฐฯรายงานในวารสารสมาคมเคมีแห่งอเมริกาว่
ข้าวโพดหวานที่ปรุงสุกแล้ว่าจะออกฤทธิ์ล้างพิษในร่างกายสูงขึ้นได้อย่างเด่นชัดเจน เผยว่า
ผิดกับที่เคยเชื่อกันมาก่อนว่าผักและผลไม้
หากต้มปรุงสุกแล้วจะเสียคุณค่าทางอาหารลงไปสู้กินดิบๆไม่ได้
แต่ข้าวโพดหวาน
ยังคงสามารถเก็บพลังเป็นตัวล้างพิษคงไว้ได้แม้ว่าจะสูญเสียวิตามินซีไป
เขาได้พบในการต้มข้าวโพดหวาน ด้วยอุณหภูมิสูง 115 องศาเซลเซียสในเวลานานต่างกัน 10, 25 และ 50 นาที พบว่ายิ่งต้มนานจะทำให้มันมีสารอันเป็นตัวล้างพิษเพิ่มขึ้นเป็น 22, 44 และ 53 เปอร์เซ็นต์ตามลำดับนักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าสารที่ออกฤทธิ์เป็นตัวล้างพิษช่วยดับพิษของพวกอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นอันตรายกับเซลล์ของอวัยวะต่างๆทั้งยังมีส่วนเกี่ยวพันกับโรคอันเนื่องมาจากความแก่ชราต่างๆ อย่างเช่น ต้อกระจกและโรคสมองเสื่อมอีกด้วย คณะนักวิจัยแจ้งว่า
ข้าวโพดหวานที่ต้มหรือปิ้งจะปล่อยสารประกอบที่เรียกว่า กรดเฟรุลิกอันเป็นคุณกับร่างกายยิ่งมากขึ้น
เมื่อถูกความร้อนสูงขึ้นหรือเวลานานขึ้นกรดเฟรุลิกเป็นพวกพฤกษเคมี
ซึ่งในผักและผลไม้มีอยู่ไม่มากนักแต่กลับพบมีอยู่อย่างอุดมในข้าวโพด
ผสมปนเปรวมอยู่กับอย่างอื่นการทำให้มันสุก
จึงช่วยทำให้มันปล่อยกรดเฟรุลิกออกมาได้มากขึ้น.
หากท่านอ่านแล้วเห็นว่าเป็นประโยชน์ . ก็สามารถนำไปปรับใช้กับตัวเองได้นะคะ...
ขอให้มีความสุข....สุขภาพดีค่ะ....
Create Date : 21 กันยายน 2551
Last Update : 21 กันยายน 2551 15:47:22 น.
5 comments
Counter : 756 Pageviews.
Share
Tweet
แวะมาเยี่ยมค่ะ
โดย: ป้าตุ้ย (
amornsri
) วันที่: 21 กันยายน 2551 เวลา:17:50:00 น.
ขอบคุณที่แวะไปเม้นต์นะคะ
โดย:
เจ้าหญิงทะเลทราย
วันที่: 23 กันยายน 2551 เวลา:10:43:03 น.
ขอบคุณสำหรับความรู้ดีๆครับ
โดย:
TzOzOzN
วันที่: 25 กันยายน 2551 เวลา:11:41:42 น.
โอ้โหย...สาระควรรู้ มีประโยชน์จริง ๆ เลยค่ะ...คุณจอย...
ไม่ใช่แค่น่ารู้ แต่ต้องควรรู้เลยค่ะ...
โดย: ลิตช์ (
Litchi
) วันที่: 29 กันยายน 2551 เวลา:3:25:07 น.
พี่รัตน์มาเยี่ยมค่ะ
คิดถึงจัง น้องสาวพี่สบายดีมั้ยคะ
โดย: รัตตมณี (
kulratt
) วันที่: 30 กันยายน 2551 เวลา:20:35:39 น.
ชื่อ :
* blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
*ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
sunries
Location :
กรุงเทพฯ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [
?
]
*** ในความทุกข์ทีสุด...มีความสุขกระโดดโลดเต้นอยู่***
*** ในความสุขที่สุด...มีความรักและกำลังใจอันเปี่ยมล้นจากเธอ ***
Friends' blogs
abhirakk
คนส่วนน้อย
TzOzOzN
ดา ดา
veerar
mamminnie
^^Ken-Ju***Pu-Jung^^
Mocha Macchiato
BlogGang.com
DaLaTTa
ป้ามด
หน่อยอิง
kidakarn
nadear_ku
สาวอิตาลี
Litchi
kulratt
ga_tan_u
fluffyboy101
Summer Flower
เริงฤดีนะ
เจ้าหญิงทะเลทราย
Webmaster - BlogGang
[Add sunries's blog to your web]
Links
BlogGang.com
Pantip.com
|
PantipMarket.com
|
Pantown.com
| © 2004
BlogGang.com
allrights reserved.
แวะมาเยี่ยมค่ะ