อาทิตย์สาดส่อง..ความจริงจักปรากฎทั่วปฐพี!!!
Group Blog
 
 
ตุลาคม 2552
 
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
8 ตุลาคม 2552
 
All Blogs
 
หนี้"คนไทย-"หุ้นลม"การเมือง?

Tuesday, 16 June 2009 13:06

เป็นไปตามคาดกับ ผลการลงมติวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร (๑๕ มิ.ย. ๒๕๕๒) เพื่อพิจารณาร่างพ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ ๒๕๕๒ จำนวน ๔ แสนล้านบาท โดยที่ประชุมเห็นชอบในร่างพ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. ๒๕๕๒ ด้วยคะแนน ๒๔๘ ต่อ ๑๒๘ งดออกเสียง ๓ ไม่ลงคะแนนเสียง ๑๗ รวมเวลาพิจารณา ๑๔ ชั่วโมง จากนั้นได้มีการพิจารณาร่างพ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ พ.ศ. .... ที่ครม.เสนอ โดยเมื่อนายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง เสนอหลักการและเหตุผลของร่างพ.ร.บ.นี้จบ พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย รองประธานสภา คนที่ ๒ สั่งพักการประชุม โดยเริ่มประชุมต่อวันรุ่งขึ้น (๑๖ มิ.ย.) เวลา ๑๓.๓๐ น.

ไม่เพียงแต่ "เนื้อหา" ของการพิจารณาในท่วงทำนองการตรวจสอบอย่างสงสัยในรายละเอียด และ "ผลลัทธ์" ในบรรทัดถัดไป แห่ง พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังทำการกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ ๒๕๕๒ จำนวน ๔ แสนล้านบาท หากแต่ยัง มีความน่าสนใจ ในปฎิกริยาทั้งก่อนและหลังการประชุมพิจารณาพ.ร.ก.ดังกล่าว

โดยเฉพาะยิ่งเป็นปฏิกริยาทางการเมือง...ระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล ระหว่างพรรคประชาธิปัตย์ และ พรรคภูมิใจไทย...

ขณะเดียวกัน ก็น่าสนใจใน "ไทม์มิ่งการเมือง" บรรทัดต่อไปที่ดูเหมือนจะสอดรับกันอย่างพอดี...กับจังหวะเวลา...และเงื่อนไขต่างๆ...ไม่ว่าจะเป็นจังหวะแห่งการ...สัปยุทธ์ระหว่าง เพื่อไทย กับ ภูมิใจไทย ในสนามเลือกตั้งซ่อม เขต ๓ สกลนคร และศรีสะเกษ ในห้วงเดือนนี้ (๒๑ มิ.ย.) ที่ปรากฎความเคลื่อนไหวแบบ "เบียดบด" กันอย่างเอาจริงเอาจัง พร้อมๆ กับ จังหวะแห่งแรงกระเพื่อมจากนอกประเทศของ "ทักษิณ ชินวัตร" กับการนี้ และ ปรากฎการของ "คนเสื้อแดง" ที่ซ่องสุมไพร่พลจากหลายพื้นที่ เพื่อเตรียมชุมนุมใหญ่รับวัน "สัญลักษณ์" การเปลี่ยนแปลงการปกครอง (๒๔ มิ.ย. ๒๔๗๕)

จุดบรรจบแห่ง "ไทม์มิ่งการเมือง" ดังกล่าวดูจะมีความพยายามให้สอดรับกับ "ส่วนขยาย" ที่เกิดขึ้นจาก การอภิปราย "พ.ร.ก. ๔ แสนล้าน" โดยเฉพาะ "ส่วนขยาย" จาก "วาทกรรมการเมือง" ที่ซัดเข้าใส่รัฐบาลภายใต้การนำของ "อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" แห่งพรรคประชาธิปัตย์ ว่า ได้ก่อหนี้มูลค่ามหาศาลให้กับ "คนไทย" จากการกู้เงิน ๘ แสนล้านบาท มาใช้โดยยังไม่มีความชัดเจน...

ยิ่งเมื่อพอยท์นี้โดนขยายความผ่านมิติของ "ความไม่ไว้ใจ" ในสภาวะ "การนำ" ของ "พรรคประชาธิปัตย์" และ "นายกอภิสิทธิ์" ผ่านภาพของ "ขาหยั่งอำนาจ" อย่าง "พรรคภูมิใจไทย" และ "ขั้วอำนาจใหม่" จากฝ่ายกองทัพ..จากบทพิสูจน์ในห้วง ๕ เดือนเศษที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นปรากฎการณ์ "ศรีทนไม่ได้" ของ"พรทิวา นาคะศัย" รมว.พาณิชย์ กรณีโครงการ "รับจำนำข้าว" หรือปรากฎการณ์ "โสภณ ซารมย์" กรณี เมล์เอ็นจีวี ๔,๐๐๐๐ คัน ไม่นับรวมปรากฎการณ์สังเวยที่จำต้องเลือก ระหว่างเคส "รมต.ปลากระป๋อง" แห่ง ปชป.กับเคสของ "บุญจง" ก่อนหน้านั้น

ไม่แปลกที่รัฐบาลภายใต้การนำของ"นายกฯ อภสิทธิ์" จะโดนมองว่า "เอาใจพรรคร่วมรัฐบาล" ผ่านการกระจายงบเหล่านี้

ไม่แปลกที่การประชุมพิจารณา พ.ร.ก.และ พ.ร.บ.ที่นำไปสู่การกู้เงินในห้วงสัปดาห์นี้ จึงโดนวิจารณ์ว่า เป็นช่วงเวลาแห่งการ "แบ่งผลประโยชน์" หรือแบ่ง "เค้กก้อนโต"

ไล่มาตั้งแต่ (๑๕ มิ.ย.) ก้อนเงินกู้ ทั้งพ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน ๔ แสนล้านบาท และพ.ร.บ. กู้เงินอีก ๔ แสนล้านบาท ตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจแพ็กเกจ - ใน แผนปฏิบัติการ "ไทยเข้มแข็ง"ที่ได้รับการอนุมัติจากรัฐสภา และรอการอนุมัติต่อกัน ส่วนอีกก้อนใหญ่ก้อนโตไม่แพ้กัน เค้กงบประมาณรายจ่ายประจำปี ๑.๗ ล้านล้านบาท ได้คิวพิจารณาลำดับต่อมา ๑๗๒๑๘ มิ.ย.นี้ ก่อนส่งต่อวุฒิสภาในสัปดาห์ถัดไป

ที่น่าสนใจ จากการนี้ คือ "พรรคภูมิใจไทย" ได้ มากกว่าใครพวกกับตัวเลข 5 แสนล้านบาท หรือ 40 เปอร์เซ็นต์ จากยอดรวม ที่ได้รับการประเคนล็อตใหญ่ให้กระทรวงคมนาคม เพื่อนำไปใช้ในอภิมหาโปรเจกต์ต่างๆ รวมถึงงบฯกระทรวงมหาดไทย ๑,๘๕๘ แสนล้านบาท ที่เป็นงบฯจัดสรรให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเสียเป็นส่วนใหญ่ (ซึ่งโดนมองว่าเป็นงบสำหรับอัดฉีดไปยังท้องถิ่นผ่านบรรดาส่วนราชการเพื่อเตรียมการเลือกตั้ง)ขณะที่พรรคร่วมรัฐบาลอื่น ลดหลั่นกันลงไปไม่แพ้กัน ไม่ว่าจะเป็นกระทรวงเกษตรฯ ๒.๓ แสนล้านบาท กระทรวงพลังงาน ๒ แสนล้านบาท ส่วนมหาดไทย สาธารณสุข ศึกษาธิการ กระทรวงละ ๑ แสนล้านบาท

ขณะที่ในส่วน ของ พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี ๒๕๕๓ วงเงิน ๑.๗ ล้านล้านบาท ส่วนใหญ่จะเป็นกระทรวงภายใต้การดูแลของพรรคประชาธิปัตย์ ที่ได้รับงบฯเป็นอันดับต้นๆ ทั้งกระทรวง ศึกษาธิการ ๓.๔๕ แสนล้านบาท

กระทรวงการคลัง ๒.๑๕ แสนล้านบาท งบกลาง ๒.๑๕ ล้านบาท

น่าสนใจอีกประการในปรากฎการณ์ก่อนหน้าการพิจารณา พ.ร.ก. ๔ แสนล้าน คือ กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงการท่องเที่ยวและการกีฬา ได้รับการจัดสรรงบฯ น้อยมาก เมื่อเทียบกับหน่วยงานหลักอื่นๆ ที่ทำให้ในระยะใกล้ๆ หลังกรณี "เมล์เอ็นจีวี"หลายคนได้เห็นภาพ แกนนำพรรคชาติไทยพัฒนา และพรรคภูมิใจไทย เคลื่อนไหวกดดันพรรคประชาธิปัตย์ อย่างหนักถึงขั้นขู่ว่าอาจจะไม่ผ่านร่างกฎหมายทั้งสองฉบับหากไม่มีการปรับเปลี่ยนตัวเลขการจัดสรรงบฯใหม่

ร่องรอยการกระเพื่อมดังกล่าว ส่งผลทำให้เช้า (๑๕ มิ.ย.) นายกฯ อภิสิทธิ์ มีการเรียกประชุมคณะรัฐมนตรีเป็นกรณีพิเศษ และมีมติเกลี่ยงบฯใหม่ ให้กระทรวงการท่องเที่ยวฯ ภายใต้การกำกับดูแลของพรรคชาติไทยพัฒนา เพิ่มเติมจำนวน ๒,๔๕๙ ล้านบาท ไปใช้บูมการท่องเที่ยว และให้กระทรวงมหาดไทย ภายใต้การกำกับดูแลของพรรคภูมิใจไทย วงเงิน ๑,๙๕๐ ล้านบาท ไปก่อสร้างอาคารเรียนศูนย์เด็กเล็ก

ทั้งๆ ที่ความจริง พรรคภูมิใจไทย และพรรคชาติไทยพัฒนา ได้กำกับดูแลเม็ดเงินผ่านกระทรวงคมนาคม และกระทรวงเกษตรฯ จำนวนมหาศาลอยู่แล้ว แต่ก็ยังไม่วายมีการกดดันขอเพิ่มเติมและก็ก็สามารถซะด้วย

ท่วงทำนองนี้ดูจะสอดรับกับที่ฝ่ายค้านอย่าง "สุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล" ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ตั้งข้อสังเกตไว้ให้น่าคิด เกี่ยวกับ "เป้าประสงค์" ที่มาและที่ไปการใช้งบประมาณที่ว่า

"จากการตรวจสอบข้อมูลพบว่า การตั้งงบฯกู้เงินของรัฐบาลจำนวน ๔ แสนล้านบาทนั้น ๒ แสนล้านบาท เป็นไปเพื่อนำมาปิดหีบเงินคงคลังที่รัฐบาลถังแตก ที่ผ่านมารัฐบาลไม่เคยไปดูงบประมาณ ๒๕๕๒ ว่าใช้ไปจำนวนเท่าใด จากงบฯ ๑.๙ ล้านล้านบาท สำนักงบประมาณมาให้ข้อมูลกับคณะกรรมาธิการการเงิน การคลัง การธนาคารและสถาบันการเงิน สภาผู้แทนราษฎรก็ระบุว่าใช้งบฯไปเพียงร้อยละ ๖๐

ดังนั้น จึงเหลืองบฯอีกร้อยละ ๔๐ แสดงว่ามีโอกาสที่จะหาเงินเข้ามาได้อีก...

ส่วนอีก ๒ แสนล้านบาท ที่รัฐบาลจะนำไปลงทุนนั้น ผมเห็นว่ารัฐบาลไม่ได้บอกความจริงว่าจะนำงบฯลงทุนไปฝากไว้ใน พ.ร.ก.กู้เงิน ทำไมกว่า ๒ แสนล้านบาท เพราะงบฯก้อนนี้ไม่สามารถตรวจสอบได้เหมือนงบประมาณประจำปี โดยเฉพาะโครงการไทยเข้มแข็งนั้นไม่มีรายละเอียด มีแต่ชื่อ...ผมสงสัยว่ารัฐบาลจะให้สภาตีเช็คเปล่าให้เอางบประมาณไปลงในพื้นที่ต่างๆ โดยไม่มีการตรวจสอบหรือไม่ เพราะงบฯก้อนนี้ไม่ได้บอกว่าจะไปลงจังหวัดไหน จะไปลงจังหวัดไหนก็ไม่รู้ จะลงทางใต้ที่เดียว หรือ แถว จ.บุรีรัมย์ที่เดียวก็ไม่รู้ ..."

"เป็นที่สังเกตว่า งบฯ ก้อนนี้จะกลายเป็นงบฯหาเสียงหรือไม่ เพราะจากที่เปิดดูรายละเอียดงบประมาณปี ๒๕๕๓ ตามปกติจะมีงบฯ ๑.๙ ล้านล้านบาท แต่ปีนี้เหลือเพียง ๑.๗ ล้านล้านบาท มีงบฯลงทุน ๒ แสนล้านบาท จนทำให้หลายฝ่ายออกมาโวยวาย แม้แต่ทหารก็โวยวาย แต่เมื่องบฯ กระตุ้นเศรษฐกิจก้อนนี้ออกมากลับไม่มีเสียงโวยวาย โครงการต่างๆ ไม่ได้บอกว่าจะจ้างงานได้กี่คน ที่ผ่านมา โครงการเช็คช่วยชาติ โครงการต้นกล้าอาชีพ รัฐบาลก็ทำล้มเหลว และที่น่าเป็นห่วงที่สุด คือ โครงการถนนไร้ฝุ่นและโครงการแหล่งน้ำชลประทานเพื่อการเกษตรที่ปกติอยู่ในงบประมาณแต่ละปีอยู่แล้ว แต่วันนี้มาอยู่ในโครงการไทยเข้มแข็ง"

นี่เอง จึงเป็นภาพที่ทำให้หลายฝ่ายเริ่มสะกิดใจกับการใช้เงินงบประมาณที่ไปกู้มาเป็นภาระของคนไทยต่อไปภายใต้การนำของรัฐบาลที่เต็มไปด้วย "การต่อรอง" ผลประโยชน์-การเมือง เพราะคนที่อ่านการเมืองก็ย่อมมองออกว่าการนี้ พรรคประชาธิปัตย์ ต้องการให้ร่างกฎหมายทั้งสองฉบับ รวมไปถึงร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี ๒๕๕๓ ผ่านสภาไปอย่างไร้อุปสรรคขัดขวาง

ทั้งนี้ ส่วนหนึ่งเพราะอาจเชื่อมั่นว่า หากกฎหมายทั้ง ๓ ฉบับผ่านสภาไปได้สำเร็จ โอกาสบริหารประเทศผ่าน ๑ ปีแรกก็เป็นไปได้ไม่ลำบากนัก...

ดังนั้นการจะเอาใจพรรคร่วมบ้างก็ไม่เห็นเป็นไร..

เพราะยังไงทุกฝ่ายก็ต้องสมานฉันท์กันต่อไปในลักษณะลงทุนแค่"หุ้นลม" ส่วนต้นทุนก็หาหมุนจากที่อื่น(ส่วนใหญ่ก็มักจะมาจากงบประมาณที่มาจากภาษีประชาชน)มาบริหารจัดการ ไปจนกว่าจะหมดซึ่งความสำคัญจำเป็นในการอยู่ร่วม(รัฐบาล)กันของ "นักการเมือง" ก็เท่านั้น..

โดย อาทิตย์





Create Date : 08 ตุลาคม 2552
Last Update : 8 ตุลาคม 2552 22:17:39 น. 0 comments
Counter : 628 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สุริยาอัสดง
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




เปิดโลกด้วยแสงแห่งปัญญา
Thaiflood
Friends' blogs
[Add สุริยาอัสดง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.