อาทิตย์สาดส่อง..ความจริงจักปรากฎทั่วปฐพี!!!
Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2551
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
28 สิงหาคม 2551
 
All Blogs
 
จาก"จำลอง"..ถึง.."พัลลภ"สัญลักษณ์..แตกหัก!พันธมิตร-รัฐบาล

นัยยะความหมายของการออกมาส่ง"สัญญาณ"จาก"พล.ต.จำลอง ศรเมือง"ถึง"พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี"(๒๘ส.ค.๕๑)ที่ระบุถึงการเป็นตัวตายตัวแทนระหว่างกันของ"เพื่อน จปร.๗"บนเวทีพันธมิตร ภายหลัง มีหมายจับ ๙ แกนนำ และมีข่าวการเข้าสลายจับแกนนำพันธมิตร มีความ"ไม่ธรรมดา"...

เป็นความ"ไม่ธรรมดา"ที่เสมือนหนึ่ง"เจตนา"บางอย่างของ"พล.ต.จำลอง"ในการให้ใครต่อใครตั้งแต่"สมัคร สุนทรเวช"หรือคนในกองทัพ..สามารถเชื่อมโยงความคิดไปถึง..เหตุการณ์ในอดีต..เพื่อตอบกับ"เจตนา"แห่ง"สัญญาณ"ของเขา..ว่าหมายถึงอะไร..

แน่นอน..นี่เป็นความหมายที่ชัดเจนถึงการพร้อม"รบ"ในรูปแบบที่ทำให้รัฐบาล"เสียวสันหลัง"..โดยเฉพาะกับ"ตัวละคร"อย่าง"พล.อ.พัลลภ"ที่"พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล"หรือ"เสธแดง"เล่าอย่างมันในอารมณ์ ว่า"อันตราย"

"พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี ชื่อนี้การันตี ไม่ต้องอธิบาย ถ้าบ้านเมืองปกติ จะเฟอะฟะ แต่บ้านเมืองเกิดศึกสงครามเก่งมาก เพราะไม่เก่งการเมือง เก่งการทหาร บุกแบบนี้ชอบมาก ดีที่ พล.ท.พิรัฐ หรือ เสธ.หมึก ไม่มาด้วย อยู่กับบิ๊กจิ๋ว คนละขั่ว ไม่งั้นฉิบหายกว่านี้ พวกนี้เคยวางระเบิด พล.อ.อาทิตย์ ไม่เคยกลัวอะไรใต้พระอาทิตย์"

ตัวเชื่อมแห่ง"สัญญาณ"ที่ถูกส่งผ่าน"พล.ต.จำลอง"ไปสู่"พล.อ.พัลลภ"จะอธิบายอะไรลอง..อ่านจากอดีต...ข้างล่างนี้...

--------------
คิดแบบ พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี จาก"ลาว"ถึง"พฤษภาทมิฬ" และล่าสังหาร"พล.อ.อาทิตย์"

คิดแบบ พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี จาก"ลาว"ถึง"พฤษภาทมิฬ" และล่าสังหาร"พล.อ.อาทิตย์"

แม้จะยังคงเป็นปริศนาทางการเมืองว่าการลอบวางระเบิด "คาร์บอมบ์" พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีครั้งนี้เป็น "ของจริง" หรือ "การสร้างสถานการณ์"

แต่ชื่อของ พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี อดีตรองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) ก็กลายเป็น "ตัวละคร" ระดับ "ผู้แสดงนำ" ไปแล้ว

ส่วนหนึ่ง มาจากความสัมพันธ์ที่แนบแน่นระหว่าง ร.ท.ธวัชชัย กลิ่นชะนะ กับ พล.อ.พัลลภ

ร.ท.ธวัชชัย เป็นอดีตคนขับรถของ พล.อ.พัลลภ สมัยที่เป็นเลขานุการ พล.อ.วัฒนชัย วุฒิศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมและ พล.อ.พัลลภเป็นคนผลักดัน ร.ท.ธวัชชัยจนได้ยศนายร้อยจากนั้นก็มาทำงานให้ พล.อ.พัลลภ ที่ กอ.รมน.

แม้จะมีความพยายามเบี่ยงเบนความสามารถของ ร.ท.ธวัชชัยว่าเป็นเพียงนายทหารธุรการจากบางฝ่ายแต่ พล.อ.พัลลภเป็นคนให้สัมภาษณ์ในวันที่เกิดเหตุ "คาร์บอมบ์" ยืนยันถึงความสามารถของ ร.ท.ธวัชชัยที่คนส่วนใหญ่ไม่รู้เพราะเขาได้ส่ง ร.ท.ธวัชชัยไปทำงานข่าวลับในพื้นที่ภาคใต้ตั้งแต่ 3-4 เดือนมาแล้ว

"ส่วนใหญ่ 15 วันจะพัก 1 ครั้ง"

และยอมรับด้วยว่า "เพิ่งเจอกับ ร.ท.ธวัชชัยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา"

แต่ลำพังเพียงแค่ความสัมพันธ์ระหว่าง "นาย" กับ "ลูกน้อง" คงไม่ทำให้ "ตัวละคร" ที่ชื่อ "พล.อ.พัลลภ" โดดเด่นมากนักหากประวัติชีวิตของเขาเป็นเพียงนายทหารธรรมดาไม่ใช่นายทหารที่มีประสบการณ์เกี่ยวพันกับการเมืองและการลอบสังหารมาอย่างยาวนาน

พล.อ.พัลลภ เป็นนายทหาร จปร.7 รุ่นเดียวกับ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง พล.อ.มนูญกฤต รูปขจร ฯลฯ ซึ่งเป็นรุ่นที่เกี่ยวพันกับการเมืองมายาวนาน

เคยไปรบที่ลาวเมื่อปี 2508 เป็นผู้บัญชาการชุดสตาร์ทีม ซึ่งเป็นหน่วยลับของไทยที่ส่งไปช่วยรบในลาว โดยคุมลูกน้อง 5 คนจากหน่วยรบพิเศษ เป็นหน่วย "ล่าสังหาร"

ครั้งนั้นเขาต้องลาออกจากการเป็นทหารเพราะเป็น "ภารกิจลับ"

ประวัติชีวิตของ พล.อ.พัลลภ ก็พัวพันอยู่กับการรบ เคยไปรับจ้างรบที่เวียดนามและเคยเป็นหัวหน้าชุดสังหารของกองทัพร่วมกับการปฏิวัติรัฐประหารและการเปลี่ยนแปลงการเมืองมาหลายครั้ง ตั้งแต่การการปฏิวัติรัฐบาล นายธานินทร์ กรัยวิเชียร กดดัน พล.อ.เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ ลาออก และหนุน พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ เป็นนายกฯ

ร่วมปฏิวัติ 1-3 เมษายน 2524 กับเพื่อน จปร.7 แต่ไม่สำเร็จ ต้องลี้ภัยไปต่างประเทศ

ก่อนที่จะเข้ารับราชการอีกครั้งเมื่อปี 2530 จนเกษียณด้วยยศ พล.อ. เมื่อปี 2539

เคยลงสมัคร ส.ส. ในสังกัดพรรคประชาธิปัตย์ แต่ "สอบตก"

เป็นเลขานุการของ พล.อ.วัฒนชัย วุฒิศิริ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม

แต่ลาออกเพราะขัดแย้งกับ "ชวน หลีกภัย"นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เรื่อง "สิทธิทหาร"ก่อนจะเข้าสังกัดพรรคไทยรักไทย

และได้รับการแต่งตั้งเป็น รอง ผอ.กอ.รมน. ก่อนถูกปลดเมื่อเกิดเหตุ "คาร์บอมบ์"

วีรกรรมหนึ่งที่ พล.อ.พัลลภเคยเล่าอย่างภาคภูมิใจ

นั่นคือ กรณี "พฤษภาทมิฬ"

เขาคือ "ผู้นำ" ในการเผาสถานีตำรวจนางเลิ้ง

พล.อ.พัลลภเล่าว่าตอนนั้นนักศึกษาโดนตำรวจไล่ตี เขาจึงคิดเอาคืนด้วยการนำนักศึกษาบุกสถานีดับเพลิง ที่ภูเขาทองพอเปิดห้องไปก็เจอขวดเบียร์ขวดเหล้า

"ผมนึกถึงระเบิดเพลิง ก็เลยบอกนักศึกษาพวกนั้นว่าน้องๆ เอาอย่างนี้ดีกว่า เดี๋ยวเราตีตำรวจพวกนี้กัน ก็เอาน้ำมันจากรถดับเพลิง เอาเสื้อตำรวจที่ยึดมา นั่งทำระเบิดเพลิงได้ 50 ลูก"

ตอนตี 1 เขาก็บอก พล.ท.พิรัช สวามิวัศดุ์ ที่มีชื่อเล่นว่า "หมึก"

"ไอ้หมึกตอนตี 2 ค่อยตีตำรวจเพราะนักศึกษาเขาไม่ยอม ผมก็เดินข้ามไปฝั่งโน้นไปบอกทหารว่าตี 2 เราจะตีตำรวจกัน พวกลื้อไม่เกี่ยว อย่าใช้อาวุธ ถอยไปให้หมดเลย ทหารก็เชื่อ"

พอตี 2 พล.ท.พิรัช ก็นำทีมเข้าตีกลุ่มตำรวจ ขว้างระเบิดเพลิงเข้าใส่

จากนั้นก็บุกเผา สน.นางเลิ้ง

ส่วนเรื่องการลอบสังหารนั้น พล.อ.พัลลภเคยคิดลอบสังหาร พล.อ.อาทิตย์ กำลังเอก มาแล้วครั้งหนึ่ง

ตอนนั้น พล.อ.อาทิตย์ หรือ "บิ๊กซัน" กำลังเรืองอำนาจในตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบก

ส่วน พล.อ.พัลลภอยู่ในช่วงพักฟื้นหลังได้รับการนิรโทษกรรม แต่เขายังไม่เป็นที่ไว้วางใจของผู้มีอำนาจ

เขาเคยให้สัมภาษณ์ว่าถูกกลุ่ม จปร.5 กลั่นแกล้ง โดยได้ "ไฟเขียว" จาก พล.อ.อาทิตย์ กำลังเอก ผู้บัญชาการทหารบกในยุคนั้น

พล.อ.พัลลภจึงตัดสินใจตั้งทีมล่าสังหาร พล.อ.อาทิตย์ หรือ "บิ๊กซัน" ขึ้นมา

"ผมต้องการฆ่าพี่ซันคนเดียว เพราะท่านอนุมัติให้จัดการกับผม ทั้งที่ผมสนิทกับท่านมาก ผมเป็นผู้หมวด ท่านเป็นผู้บังคับกองร้อย แต่อยู่คนละกองพัน เวียดนามก็ไปด้วยกัน ท่านเป็น พ.ท. ชอบกินเค้ก"

"ผมไปตามล่าอยู่ 7 ครั้ง ท่านก็รู้ ตอนหลังเจอกัน ท่านยังเรียกชื่อเก่าผมว่าไอ้นาจ ตอนเรียนผมชื่ออำนาจ มึงลอบยิงกู 15 ครั้งเชียวหรือ"

"ผมก็ตอบติดตลกว่าแค่ 7 ครั้งเอง"

"แต่ท่านดวงดีตลอด ทั้งที่สมัยเป็นหัวหน้าทีมล่าสังหาร ผมล่าใครไม่เกิน 2 ครั้ง ไม่เคยพลาด แต่ท่านรอดแบบไม่น่ารอด ตอนหลังท่านยังด่าและเตะผมครั้งหนึ่ง จากนั้นก็เลิกราต่อกัน"

(โพสต์ทูเดย์ 25 สิงหาคม 2549)

ด้วยความมั่นใจในฝีมือ หลังเกิดเหตุ "คาร์บอมบ์" พล.อ.พัลลภจึงให้สัมภาษณ์ปฏิเสธถึงความเกี่ยวพันกับเรื่องที่เกิดขึ้นแบบโชว์ความเหนือชั้น

"หากผมจะทำ ผมจะไม่ทำแบบนี้ จะทำแนบเนียนกว่านี้เยอะ ในชีวิตผมเป็นหัวหน้าชุดล่าสังหาร หัวหน้ากองโจร ถ้าผมจะทำท่านนายกรัฐมนตรี ผมรับรองว่าหนีไม่พ้นผมหรอก จริงๆ"

ตอนให้สัมภาษณ์ พล.อ.พัลลภลืมไปว่าเขาไม่ได้ประสบความสำเร็จในการล่าสังหารทุกครั้งไป

เพราะ พล.อ.อาทิตย์ก็เคยรอดพ้นจากการล่าสังหารของเขา

ถึง 7 ครั้ง

.....มติชน
-----------------
พัลลภหวั่นบานปลายเกิดเหตุเหมือนพฤษภาทมิฬ

(14มิย.51) พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี อดีตที่ปรึกษากองอำนวยการรักาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) ให้สัมภาษณ์รายการ ลับ ลวง พราง เดอะเรดิโอ ทางสถานีวิทยุคลื่น 105 อสมท.

สถานการณ์ทางการเมืองว่า จากการติดตามสถานการณ์ต่าง ๆ รู้สึกไม่สบายใจ ยังมองไม่ออกว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร ซึ่งการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย

เงื่อนไขของเขากำหนดเอาไว้อย่างชัดเจนว่าว่า รัฐบาลต้องลาออก และระบอบทักษิณต้องไม่มี ต้องปล่อยให้เป็นขบวนการยุติธรรม ในคดีต่าง ๆ ของอดีตนายกฯ ทักษิณ เป็นข้อเสนอที่เขาประกาศเอาไว้อย่างแน่นอน

ต่อข้อถามว่า ร.ต.อ. เฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย ได้ติดต่อมาบ้างหรือยัง พล.อ.พัลลภ กล่าวว่า จนกระทั่งวันนี้ตนยังไม่ได้รับการติดต่อจาก มท. 1 และถ้าหากติดต่อมากลุ่มพันธมิตรฯ

เขามีเงื่อนไขแน่นอน ในการยื่นให้กับรัฐบาล ถ้าจะให้ตนไปเจรจากับ พล.ต. จำลอง ศรีเมือง ในฐานะเพื่อนรัก แต่การชุมนุมไม่ใช่ พล.ต. จำลอง คนเดียว เพราะพันธมิตรทั้ง 5 คนจะต้องมีมติร่วมกัน จะให้ตนไปพูดกับ พล.ต.จำลอง คนเดียวคงไมได้ ทั้งนี้ต้องถามไป มท. 1 ว่าสามารถรับเงื่อนไขได้หรือไม่มากน้อยแค่ไหน จะรับได้กี่เปอร์เซ็น หรือรับไม่ได้เลย จึงจะเจรจาได้ ไม่ใช่อยู่ ๆ จะไปบอกว่า พล.ต.จำลอง เป็นเพื่อนรักเลิกเถอะ คงเป็นไปไม่ได้

เมื่อถามว่า ดูเหมือน มท. 1 พูดแบบขอไปทีหรือไม่ พล.อ.พัลลภ กล่าวว่า ตนก็ไม่ทราบเจตนาของท่าน แต่เท่าที่รู้จักันมา 30 ปี ตั้งแต่ท่านติดตาม พล.ต.สาคร กลิ่นวิริยะ ผู้พันสารวัตรทหาร จปร. 7 รุ่นเดียวกับตนก็รู้จักกัน และมาสนิทกันมากในช่วง 1 เม.ย 2524 เมษาฮาวาย ที่อยู่ในชะตากรรมเดียวกัน

ถามว่า จะใช้ความสัมพันธ์ตรงนี้ เจรจาให้รัฐบาลยอมถอยได้หรือไม่ พล.อ.พัลลภ กล่าวว่า เรื่องของเรื่องคือ ท่านยังไม่ติดต่อมา และยังไม่ได้พูดคุยอะไรกันเลย เห็นเพียงแต่ให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อมวลชนมา ซึ่งตนก็รออยู่ว่า เมื่อไร ร.ต.อ.เฉลิม จะติดต่อมา

ถามว่า หาก มท. 1 ไม่ติดต่อมา สิ่งที่นึกในใจอยากจะพูดมีหรือไม่ พล.อ. พัลลภ กล่าวว่า อยากมันก็อยาก ในหัวใจของตนอยากเห็นประเทศชาติมีความมั่นคง ประชาชนอยู่อย่างสงบสุข ไม่อยากให้เกิดความแตกแยกระหว่างคนไทยด้วยกัน หรือต้องมาประหัตประหารกันเอง

เมื่อถามว่า ในส่วนตัวเห็นด้วยกับเงื่อนไขของกลุ่มพันธมิตรหรือไม่ พล.อ.พัลลภ กล่าวว่า เงื่อนไขของกลุ่มพันธมิตรฯ มีเหตุผล ซึ่งต้องมาว่ากันอีกที เมื่อถามว่า เงื่อนไขเกี่ยวกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่จะให้เข้ามารับผิดทางคดีดูจะเป็นเรื่องยาก มีกระแสจะให้ออกนอกประเทศอีกหรือไม่ พล.อ.พัลลภ กล่าวว่า เป็นไปได้ทั้งนั้น แต่ตนไม่รู้ลึกขนาดนั้น

ซึ่งขบวนการต่าง ๆ ที่ติดตามอยู่ไม่ว่าจะเป็นคดีต่าง ๆ ที่ คตส.ทำส่งศาลอยู่ ซึ่งทางกลุ่มพันธมิตรเองเขาก็อยากให้ดำเนินการไปเช่นนั้น ฉะนั้นก็อยากให้เข้าสู่ขบวนการยุติธรรม ในส่วนตัวแล้ว ตนก็อยากให้เป็นเช่นนั้น ตนก็เคยเป็นสมาชิกพรรคไทยรักไทยดูแลเรื่องความมั่นคงมาตลอด 6 ปี ถ้าเป็นไปได้ทุกอย่างก็น่าจะให้จบลงที่ศาล จะได้พิสูจน์ว่าใครบริสุทธิ์ ใครถูกต้อง

ต่อข้อถามว่า ในฐานะที่เคยทำงานร่วมกันอยากจะพูดอะไรกับ พ.ต.ท. ทักษิณ พล.อ.พัลลภ กล่าวว่า จะเรียนท่านว่า ถ้าท่านถูกต้องบริสุทธิ์ทุกอย่างก็ขอให้ท่านเข้าสู่ขบวนการยุติธรรม

เมื่อถามว่า ยังมีการพยายามดำเนินการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และล้วงล้ำศาล เป็นห่วงหรือไม่ พล.อ.พัลลภ กล่าวว่า ไม่ใช่เป็นห่วง แต่ไม่สบายใจเรื่อง ศาล การแทรกแซงการทำงานของ คตส.

เงิน 200 ล้านการใช้อำนาจรัฐที่ไม่ถูกต้องอย่าง นาย สุนัย มโนมัยอุดม อดีตอธิบดีดีเอสไอ ที่ส่งตำรวจไปจับที่สนามบิน ตนมองว่าเป็นการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมเพราะข้อหาหมิ่นประมาทเป็นโทษเบามาก และนายสุนัยเองก็เป็นข้าราชการ ซี 10 เป็นอดีตผู้พิพากษาและยังดำรงตำแหน่งอยู่การที่จะไปทำแบบนั้นต้องเป็นคนที่ไม่มีหลักแหล่ง ไม่มีที่อยู่แน่นอนซึ่งเข้าข่ายชัดเจน

เมื่อถามว่า ดูเหมือนการเมืองจะไม่มีทางออก จนประชาชนต้องมาพึ่งทหาร คนที่เป็น ผบทบ. ควรจะวางตัวอย่างไรในสถานการณ์เช่นนี้ พล.อ.พัลลภ กล่าวว่า ตนเป็นทหารเก่า และเป็นผู้ที่ร่วมก่อการปฎิวัติมาหลายครั้ง ทหารวันนี้ไม่อยากเข้ามา เพราะมีบทเรียนครั้งที่แล้ว ทำให้คนในประเทศไม่สบายใจเมื่อทหารเข้ามายึดอำนาจ แต่ถ้าฝ่ายรัฐบาลและพันธมิตรไม่ยอมกัน

ใช้กำลังทำร้ายกันจนเกิดความจลาจล ตำรวจควบคุมไม่อยู่ ทหารก็ต้องออกมาดูแลความเรียบร้อย เพราะทหารมีหน้าที่ปกป้องประเทศ รักษาความมั่นคงอยู่แล้ว ถ้าเป็นในลักษณะนี้ทหารจะออกมาแน่นอน

ถามว่าจะออกมาเป็นเครื่องมือของรัฐบาลหรือไม่ พล.อ.พัลลภ กล่าวว่า ทหารออกมารักษาความสงบเรียบร้อยเพื่อให้ทั้งสองฝ่ายยุติไม่ให้เกิดจลาจล ไม่ใช่อยู่ฝ่ายไหน เมื่อถามว่า กังวลว่าเหตุการณ์จะเป็นเหมือนพฤษภาทมิฬหรือไม่ พล.อ.พัลลภ กล่าวว่า มีความเป็นไปได้ เพราะว่าขณะนี้ตนก็มองไม่รู้ว่าเหตุการณ์จะออกมาทางไหน ซึ่งเหตุการณ์แบบพฤษภาทมิฬ จะเกิดขึ้นมาอีกหรือไม่นั้นก็ขึ้นอยู่กับความอดทนระหว่างรัฐบาลกับกลุ่มพันธมิตร ว่าใครจะอดทนมากว่ากัน

เมื่อถามว่า มีโอกาสจะเกิดความรุนแรงหรือไม่ พล.อ.พัลลภ กล่าวว่า ความรุนแรงถ้าอยู่ในลักษณะเช่นนี้คงเป็นไปไม่ได้ ซึ่งเหมือนกับเหตุการณ์วันที่ 19 กันยายน 2549 ก็เป็นแบบเดียวกันพันธมิตรก็ตั้งป้อมแบบนี้ รัฐบาลก็ปลุกม็อบเข้ามาปะทะจนทหารต้องออกมาในกรณีนี้ก็เช่นกันถ้าต่างฝ่ายต่างอยู่ก็คงจะอยู่แบบนี้ไปอีกนานเป็นการกดดันกันฉยๆ

เมื่อถามว่า มีฝ่ายที่ต้องการจะใช้ความรุนแรงหรือไม่ พล.อ.พัลลภ กล่าวว่า ตนไม่มีข้อมูลในเรื่องนี้แล้วแต่กลยุทธวิธีของแต่ละฝ่าย ซึ่งกับ พล.ต. จำลอง ตนก็ติดต่อไปแค่ครั้งเดียวในวันที่นายกรัฐมนตรีประกาศสลายม็อบด้วยความเป็นห่วงเพื่อนก็โทรศัพทฺ์ไปหาว่า อย่าขัดขืน เขาอยากจับก็ปล่อยให้เขาจับ ตนคิดว่าถ้าจับไปวันนั้นคือวันชนะของเพื่อนเป็นการให้กำลังใจ

เราไม่อยากให้เขาขัดขืนกลัวจะได้รับอันตราย จากนั้นมาก็ไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย เมื่อถามว่า อยากเข้าร่วมชุมนุมหรือไม่ พล.อ.พัลลภ กล่าวว่า คงไม่พันธมิตรเขาใช้วิธีสันติอหิงสา พล.ต.จำลอง เขาไม่ชวนผมหรอก เขารู้นิสัยว่าผมมีความอดทนน้อย พล.ต. จำลอง อดทนสูงกว่า และไม่คิดจะเข้าร่วม

เมื่อถามว่า ทหารจะอดทนไปได้มากน้อยแค่ไหน พล.อ.พัลลภ กล่าวว่า ทหารไม่อยากเข้าไปยุ่งกับการเมืองทหาร เมื่อถามว่าเป็นเพราะความสัมพันธ์ของผู้นำทางทหารกับรัฐบาลดีหรือไม่พล.อ.พัลลภ กล่าวว่า ทหารในวันนี้เป็นผู้เฝ้าดู ไม่ใช่หน้าที่ของเรา ส่วนเรื่องความสนิทชิดเชื้อนั้นตนคิดว่าทหารต้องคำนึง 3 อย่างคื อ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เป็นที่ตั้ง เราไม่ยึด

ที่ตัวบุคคล ซึ่งถ้าหากมีการไม่เคารพใน 3 สิ่งนี้ทหารก็ต้องออกมาปกป้องเพราะเป็นหน้าที่ถามว่า ดูนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี พอจะเดาทางได้หรือไม่ว่าจะดำเนินการอย่างไร พล.อ.พัลลภ กล่าวว่า ตนกับนายกรัฐมนตรีรู้จักกันมาตั้งแต่ปี 2522 ตอนนั้นตนเป็นสมาชิกวุฒิสภา ส่วนตนส่วนท่านเป็น ส.ส. เคยคุยกันคิดว่าท่านเป็นคนที่มีความอดทนน้อย เมื่อเทียบกับ พล.ต.จำลอง ซึ่งเป็นทหารชั้นเยี่ยมของกองทัพ เคยไปร่วมรบในประเทศที่ 3 เขาเคยคุมทหารหน่วยหนึ่งของอเมริการ ที่มีความสำคัญมาก ทหารหน่วยเหนือของเวียดนามพยายามเข้าไปโจมตีอยู่ตลอดเวลา มีรุ่นพี่ที่ไปก่อน พล.ต.จำลอง แต่อยู่ได้แค่ 2 เดือนต้องกลับมาเพราะป่วย แต่พล.ต.จอง อยู่ได้ถึง 8 เดือน และวันที่ฐานแตก พล.ต.จำลองก็ทำลายการสื่อสารต่างๆ และพาทหารไทย และอเมริกัน กลับมาอย่างปลอดภัย ถ้าเป็นสงครามเปิดเผยคิดว่า

พล.ต. จำลองต้องได้รับเหรียญกล้าหาญไทย จะเห็นได้ว่าความอดทนของ พล.ต. จำลองมีสูงมาก

เมื่อถามว่า การชุมนุมที่สะพานมัฆวานรังสรรค์ เป็นการพิสูจน์ความอดทน พล.อ.พัลลภ กล่าวว่า เป็นการพิสูจน์ความอดทนระหว่างรัฐบาลกับกลุ่มพันธมิตร ถ้ารัฐบาลมีความอดทน

น้อยก็จะต้องใช้กำลัง และเกิดการจลาจลเหมือนกับพฤษภาทมิฬ ในฐานะที่ตนเคยอยู่ในเหตุการณ์พฤษภาทมิฬและนั่งมองดูเหตุการณ์ในปัจจุบัน การจับข้าง สิ่งต่าง ๆ คราวนี้พร้อม

กว่าพฤษภาทมิฬมาก ประชาชนที่เข้าไปร่วมมีทั้งชนชั้นกลาง คนแก่ มีความแข็งแกร่งและพร้อมกว่ามาก
--------------
‘พัลลภ’ มั่นใจไม่เกิดพฤษภาทมิฬ 2

วันที่ (11 พ.ค.50) พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี ที่ปรึกษาผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน กล่าวภายหลังเข้ารายงานตัว และร่วมหารือถึงแนวทางการทำงานกับ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผู้บัญชาการทหารบก ในฐานะผู้อำนวยการ รอ.มน.กว่า 1 ชั่วโมง ว่า พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ได้มอบหมายให้ทำงานด้านมวลชนทั่วประเทศ เนื่องจากเห็นว่า ตนทำงานด้านมวลชนมานานถึง 5 ปี โดยเฉพาะการดูแลเรื่องกลุ่มผุ้ชุมนุมต่าง ๆ ซึ่งมั่นใจว่าจะจัดการกับกลุ่มผู้ชุมนุมได้โดยไม่เสียเลือดเสียเนื้อ ด้วยการใช้มวลชนที่ตนจัดตั้งขึ้น จำนวน 700,000 คน เข้าไปเจรจาทำความเข้าใจกับกลุ่มต่างๆ ซึ่งในรายละเอียดนั้นยังไม่สามารถเปิดเผยได้ แต่มั่นใจว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ 2 อย่างแน่นอน

อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่ารู้สึกหนักใจต่อกระแสตอบรับที่ค่อนข้างสูง เพราะกลัวจะทำให้ผิดหวัง พล.อ.พัลลภ ยังมั่นใจว่า พล.อ.สนธิ จะไม่ปลดนายกรัฐมนตรีอย่างแน่นอน เพราะจะเป็นการเปลี่ยนม้ากลางศึก ซึ่ง พล.อ.พัลลภ ยังได้ชื่นชมนายกรัฐมนตรี ว่าเป็นคนเก่ง และสุภาพบุรุษ

พล.อ.พัลลภ กล่าวต่อว่า ส่วนการแก้ไขปัญหาความไม่สงบในภาคใต้จะให้คำแนะนำในฐานะที่เป็นที่ปรึกษา โดยจะใช้ประสบการณ์จากการทำงานที่ผ่านมา ทั้งนี้งานด้านมวลชนในภาคใต้ ได้หารือกับ ผอ.รมน. แล้วว่า จำเป็นต้องเพิ่มจำนวนมวลชนให้มากขึ้น เพราะในภาคใต้เรามีกว่า 18,000 หมู่บ้าน แบ่งพื้นที่ออกเป็น 3 พื้นที่ คือ พื้นที่ที่เป็นของเรา 100 เปอร์เซ็นต์ พื้นที่สีชมพูและพื้นที่สีแดงที่มีอยู่กว่า 300 หมู่บ้าน งานมวลชนที่ผ่านมาเราเดินมาถูกทางแล้ว แต่ปัญหาในภาคใต้เป็นปัญหาที่เรื้อรังมาเป็นร้อยปีแล้ว ตนพูดเสมอว่า วันใดที่ประเทศมีปัญหาหรืออำนาจรัฐอ่อนแอ จะมีการก่อการในภาคใต้ตลอด จึงเป็นเรื่องต้องใจเย็นและใช้เวลาในการทำงานด้านมวลชน

“ผมเคยพูดกับท่านนายกฯ (พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร) ว่า ตัวแกนหลักของขบวนการ จบการทหารมาจากตะวันออกกลาง แต่ไม่มีใครเชื่อ แล้ววันนี้ก็เป็นความจริง และยุทธวิธีที่เขาใช้ในวันนี้ เป็นยุทธวิธีที่เขาลอกแบบมาจากอัฟกานิสถาน ที่ตอลิบานสู้กับรัสเซีย ขณะนี้ภาคใต้ตกอยู่ในสภาพสงครามกองโจรแบบเต็มรูปแบบ และเป็นสงครามแย่งชิงประชาชน เพราะฉะนั้น เราจะรักษาความสงบของภาคใต้ไว้ได้ การทหาร การเมือง และการพัฒนาต้องไปพร้อมกัน อย่างไรก็ตาม ประชาชนในพื้นที่ที่มีความคิดอยากจะแบ่งแยกดินแดนนั้นมีไม่ถึง 5 เปอร์เซ็นต์ อีก 95 เปอร์เซ็นต์ยังอยู่กับเรา แต่ที่เขาไม่สามารถให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่รัฐได้ เพราะเขาไม่มั่นใจในความปลอดภัยของเขา เราให้ความคุ้มครองเขาไม่ได้ เมื่อเราให้ความคุ้มครองเขาไม่ได้ เขาก็ไม่กล้าบอกเรา ก็เลยเฉยดีกว่า เพราะจากสถิติของการสูญเสีย มุสลิมจะมากกว่าไทยพุทธ ถึงวันนี้ก็เกือบ 6,000 คนแล้ว” พล.อ.พัลลภ กล่าว

พล.อ.พัลลภ กล่าวอีกว่า ส่วนปัญหาม็อบปิดถนนได้หารือกับ ผอ.รมน.ว่าเป็นม็อบจัดตั้งเพื่อต่อรองเรื่องต่าง ๆ ซึ่งต่อไปไม่ควรจะมี เรามีมาตรการที่จะสลายม็อบพวกนี้ โดยจะไม่ให้คนเหล่านี้ต้องได้รับบาดเจ็บหรือเกิดการปะทะกัน แต่ที่เจ้าหน้าที่รัฐยังไม่ดำเนินการ เพราะเกรงว่าจะเกิดการปะทะและบาดเจ็บ.
-----------
บันทึกพฤษภาทมิฬ ฉบับ พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี 2 เส้นทางสู่ชัยชนะ "จับจำลอง-นองเลือด"

ที่มา:มติชนสุดสัปดาห์ หน้า 14 ฉบับวันที่30 พ.ค.-5 มิ.ย.51 คอลัมน์ ในประเทศ

พฤษภาทมิฬปี 2535 พล.ต. จำลอง ศรีเมือง นำประชาชนลุกฮือล้ม "เผด็จการทหาร รสช." หลายคนเชื่อว่าเป็น "อุบัติเหตุ" แต่ พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี เพื่อน จปร.7 ของพล.ต.จำลอง เคย เฉลยเบื้องหลัง "อุบัติเหตุ" ในหนังสือ " บันทึกคำให้การ สุจินดา คราประยูร กำเนิด และ อวสาน รสช." ของ "วาสนา นาน่วม"

ตัวละครในความรุนแรงครั้งนั้นมี 5 คน

1.พล.ต. จำลอง
2.พล.อ.พัลลภ
3.พล.ท.พิรัช สวามิวัศดุ์ เพื่อ จปร.7 และนายทหารคนสนิทของ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ
4. พล.อ.ชวลิต
5.น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ

พล.อ.พัลลภ เล่าว่า วันที่ พล.ต.จำลอง อดข้าวประท้วงในเหตุการณ์พฤษภาคม2535นั้น พล.ต.จำลอง ได้โทรศัพท์มาหาชวนมาเป็นเพื่อน พล.อ.พัลลภ จึงชวน พล.ท.พิรัช หรือ "เสธ.หมึก"มาร่วมด้วย ผมกับ พล.ต.จำลอง ปรึกษากันว่า เหตุการณ์ครั้งนี้เราจะชนะได้มี 2 ประการเท่านั้น! คือ

1.ทหารใช้อาวุธปราบประชาชนเราชนะ
2.วันไหน จับ "จำลอง" เราชนะ

นี่คือยุทธศาสตร์ที่ 2 เพื่อนตายแห่ง จปร.7 คุยกันก่อนที่จะเคลื่อนขบวน

มติชนรายงานว่า หลังจากที่ "จำลอง"ประกาศเลิกอดอาหารจนตาย ก้าวย่างสู่เป้าหมาย"จับจำลอง"หรือ "ทหารใช้อาวุธปราบประชาชน" เริ่มต้นขึ้นแล้ว การเคลื่อนขบวนมาที่สะพาน

ผ่านฟ้า ทหารวางกำลัง 3 กองพัน จากผ่านฟ้าก็เป็นตำรวจนครบาล เห็นตำรวจใช้กระบองตีนักศึกษากลุ่มที่เขย่ารั้วลวดหนาม 2-3 คนลงไปชัก พวกนักศึกษาก็ฮือ พอฮือ ตำรวจมันก็ยิง

พอยิงปั๊บ ไอ้หมึกเขาโกรธ เลยคว้าระเบิดมือจะขว้าง ผมจับมันไว้ว่าไม่ได้......

เราไม่รู้จะทำยังไงแว๊ปขึ้นมาตรงนั้นมีดับเพลิงภูเขาทองก็เข้ายึดเลยตำรวจหนีหมด พอเข้าไปเปิดห้อง เจอขวดเบียร์ ขวดเหล้าบานก็นึกถึงระเบิดเพลิงเลยบอกให้นักศึกษาทำ

เสร็จประมาณตี 1 ก็บอกไอ้หมึกว่า ตี 2 ค่อยตีตำรวจ พอตี 2 ไอ้หมึกเขาก็ตีตำรวจเอาระเบิดขว้างเลย ทหารขึ้นรถหนีหายไปหมดเลย ถ้าตำรวจไม่ตีนักศึกษาก็ไม่เกิดเรื่องหรอก นักศึกษา

เขาโกรธก็เลยเผา สน.นางเลิ้งเลย วันรุ่งขึ้น "จำลอง"ก็ถูกจับตาม"เป้าหมาย"ที่วางไว้

พล.อ.พัลลภ เล่าถึง "ม็อบมอเตอร์ไซต์" ที่ทุบทำลายสิ่งของทางราชการทั่วเมืองกรุงว่า

"ใช่ ๆ เป็นม็อบของพี่จิ๋วเขา น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริเป็นเลขาฯพรรคความหวังใหม่เพิ่งจัดตั้งขึ้นมา เป็นม็อบของพรรคที่น.ต.ประสงค์ เขามองว่าจะใช้กลุ่มมอเตอร์ไซต์เป็นหัวคะแนน จัด

ตั้งมา 4 พันคน พอดีเกิดเหตุการณ์ก็เลยเอามาใช้"

นี่คือบันทึกประวัติศาสตร์ฉบับพล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี เพื่อนสนิทที่อยู่เคียงข้างพล.ต.จำลอง มาตลอด ไม่ว่าจะเป็น "พฤษภาทมิฬ"หรือใน"ม็อบพันธมิตรฯ"ก่อนรัฐประหาร 19 ก.ย.49

รวมทั้งม็อบหนล่าที่พล.อ.พัลลภประกาศเคียงข้างพลตรีจำลองว่าทำหน้าที่เสียสละเพื่อชาติ
------------
(๖.)
ที่มา : โดย สุวพงศ์ จั่นฝังเพ็ชร คอลัมน์ร่มรื่นในเงาคิด นิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ ฉบับที่ ๑๑๔๗ ปีที่ ๒๒ ประจำวันที่ ๑๒-๑๘ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๕

ในบทสุดท้ายของหนังสือ "บันทึกคำให้การ สุจินดา คราประยูร กำเนิดและอวสาน รสช." วิทยานิพนธ์ของ "วาสนา นาน่วม" ที่กำลังฮอต

พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี แกนนำนายทหาร จปร.7 ขอสิทธิชี้แจง ที่ถูก พล.อ.สุจินดา พาดพิงในวิทยานิพนธ์หลายเรื่อง

ซึ่ง วาสนา นาน่วม ได้นำคำสัมภาษณ์ดังกล่าวมาตีพิมพ์ไว้ด้วย

อ่านคำสัมภาษณ์นั้นแล้วรู้สึกตื่นเต้น ตื่นเต้น กับข้อมูล

อันเป็นเบื้องหลังของเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ ในมุมของ พล.อ.พัลลภ

ซึ่งเท่าที่ติดตามข้อมูลกรณีพฤษภาทมิฬมาหลายเวอร์ชั่น ยังไม่ได้รับทราบข้อมูลในส่วนนี้เลย

ไม่รู้ว่าเป็นคนเดียวหรือเปล่าที่ "ตกข่าว" นี้ ..แต่ คิดคงไม่ใช่

น่าจะมีอีกหลายคนที่ยังไม่ได้รับทราบข้อมูลในส่วนดังกล่าว

เลยขอช่วย "วาสนา นาน่วม" เผยแพร่ข้อมูลอีกด้านหนึ่งของประวัติศาสตร์เหตุการณ์เดือนพฤษภาอันน่าตื่นเต้นนี้บางส่วนอยากอ่านเต็มๆ ต้องไปหาหนังสือมาอ่าน

พล.อ.พัลลภ เล่าว่า.....

ที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ เนื่องจาก พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ที่เป็นเสมือน "เพื่อนตาย" ได้โทรศัพท์มาบอกให้ไปอยู่เป็นเพื่อน ระหว่างที่กำลังอดข้าวประท้วง พล.อ.สุจินดา คราประยูร และ รสช.

"ตอนบ่ายผมไปหาเขาที่สภา ผมก็นั่งเป็นเพื่อนเขา แล้วโทรเรียกไอ้หมึก พลโทพิรัช สวามิวัศดุ์ มา เขามาถึง 5 โมงเย็น ก็นั่งเป็นเพื่อนจำลองมาตลอด"

และการมาอยู่เป็นเพื่อนนั้น พล.อ.พัลลภ ได้ยอมรับว่า มีการปรึกษาหารือกันว่า เหตุการณ์ครั้งนี้ จะชนะได้ มี 2 ประการเท่านั้น ........

1) ทหารใช้อาวุธปราบประชาชน
2) วันไหนจับ พล.ต.จำลอง วันนั้น "เรา" ชนะ

ข้อมูลส่วนนี้ทำให้เรารู้ว่าการจับ พล.ต.จำลอง เป็นเกม ที่ถูกวางไว้ล่วงหน้าแล้ว ??

ด้วยมันเป็นปัจจัยสำคัญที่จะชี้ขาด เรื่องแพ้-ชนะ เลยทีเดียว

พล.ต.จำลอง ต้องถูกจับ ? ซึ่งก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ .....

พล.อ.พัลลภ ให้สัมภาษณ์ว่า

"การจับจำลองผมรู้ก่อน พอเที่ยงๆ ลูกน้องผมเยอะ โทรมาบอกว่าเขาจะไปจับจำลองนะ จำลองนอนอยู่โรงแรมมาเจสติค มันร้อน มันหนีขึ้นไปนอน..... พอผมรู้ปั๊บผมก็ขึ้นไปหาไอ้ลอง

บอกไอ้ลองว่า.... เฮ้ย เข้าล็อกเราแล้ว เดี๋ยวเขาจะมาจับมรึง มรึงลงไปรอให้จับเลย"

"แล้วผมกับไอ้หมึกก็ไปนั่งดูบนป้อมที่เฉลิมไทย รอดูเขาจับจำลอง เขาคิดว่าจับจำลองแล้วจะจบ"

แต่จริงๆ แล้วไม่จบ เหตุการณ์กลับรุนแรงมากขึ้น.....

ซึ่งตามความเข้าใจของเรา มองว่า เหตุการณ์ที่ขยายใหญ่ขึ้น เป็นเหตุการณ์ที่ไร้การควบคุม... และไม่มีการจัดตั้ง เป็นแรงผลักดันของคนที่โกรธแค้น มากกว่า .....

แต่ พล.อ.พัลลภ กลับบอกเป็น "นัย" ว่า "พอจับ จำลองไป เขาเปิดแชมเปญเลี้ยงเลยนะ ...เขาคิดว่าจับจำลองแล้วจะจบ พอไม่จบเขาก็มองที่ผมกับหมึก เขาสั่งจับตายผมนะ ...เด็กลูกน้อง

ผมมาบอกว่าเขาสั่งจับตายผม แต่ผมไม่หนี นั่งอยู่โรงแรมรอยัล จนกระทั่งหน่วยรบเข้าทลาย ผมก็หนีออกไปอยู่วงเวียนใหญ่ แต่ไอ้หมึกโดนจับเพราะมันง่วง มันหนีไปนอน แต่ทหารรบพิเศษ ไม่ทำอะไร เพราะทหารมันมาจากลพบุรีเป็นลูกน้องผม

ไอ้หมึกเขาบอกว่า เฮ้ยกรูเพื่อนพันเอกพัลลภ มันก็เลยปล่อย..."

ส่วนจุดเริ่มต้นแห่งการ นองเลือดในเหตุการณ์เดือนพฤษภาคม
ที่ฝ่ายตรงข้าม พล.ต.จำลอง ระบุว่า พล.ต.จำลองพาคนไปตาย นั้น

พล.อ.พัลลภ ให้ข้อมูลในส่วนนี้ว่า

"วันที่เราจะ move มาที่สะพานผ่านฟ้า 3 โมงเย็น หมอที่ดูแลจำลองอยู่ เขาบอกว่าจะต้องให้พี่จำลองกินข้าวนะ ถ้าไม่กินข้าว ไม่รับรองความปลอดภัย อาจจะช่วยชีวิตได้ แต่จำลองจะปัญญาอ่อน

ผมก็หันมาปรึกษาไอ้หมึกว่า เราต้องหลอกให้ไอ้ลองกินข้าว มีทางเดียวเราต้อง move กำลัง แกล้งไปประจันหน้ากับทหาร..... แล้วหลอกให้ไอ้ลองกินข้าว ว่ามรึงจะตายไม่ได้ มรึงเป็นแม่ทัพแล้ว .....

ผมบอกไอ้หมึก ไปบอกพี่จิ๋ว พี่จิ๋วเขาร่วมอยู่ด้วย ไอ้หมึกหายไปสักพัก กลับมาเกือบ 5 โมงเย็นบอกว่าพี่จิ๋วไม่ยอมให้มีการ move คนจากสนามหลวงมาผ่านฟ้า เมื่อพี่จิ๋วไม่ยอม ถ้าเราไป

พูดกับพรรคประชาธิปัตย์ก็คงไม่ยอม หมอเหวง หมอสันต์ องค์กรประชาธิปไตย นักศึกษาก็ไม่ยอม เราก็มาคิดว่าจะทำยังไงให้จำลองมากินข้าวให้ได้.....

เชื่อไหม ความเฮงของผม เกือบทุ่มหนึ่ง พี่ตุ๋ยเขาไปเอาครอบครัวทหารจาก พล.ร.9 มาสนามหลวง 500-600 คน เราจำได้ลูกน้องเราทั้งนั้น

ผมถามว่ามรึงมากันทำไม มันเล่าให้ฟังว่าให้มากวนๆ ในสนามหลวง ผมก็เลยบอกลูกน้องว่า.....เฮ้ย..ไปบอกพวกมรึงนะว่าเดี๋ยว 2 ทุ่มกรูจะเดินเอาจำลองไป แล้วมรึงเดินตามนั้น

พอสองทุ่มพี่ก็เอาทหาร พล.ร.9 แบกจำลองเดินมาผ่านฟ้า มันก็เลยตามกันมากันหมด พวกนั้นเขาก็โกรธมาก พี่จิ๋ว ประชาธิปัตย์ องค์กรประชาธิปไตย หาว่าทำโดยพลการ"

สําหรับ นาทีปะทะ พล.อ.พัลลภ ให้ข้อมูลว่า "(พอประจันหน้ากัน) ผมก็กลัวจะปะทะก็เดินตรวจ บอกพวกเราว่าอย่าเข้าไปใกล้ลวดหนามนะเพราะทหารอยู่ เราเดินไปถึงแยกภูเขาทอง

เห็นนักศึกษากลุ่มใหญ่ไปเขย่ารั้วลวดหนาม ตำรวจอยู่ข้างหลัง เขาพูดอะไรไม่รู้ ปรากฏว่าตำรวจใช้กระบองตีนักศึกษา 2-3 คนลงไปชัก พวกนักศึกษาก็ฮือ พอฮือตำรวจมันก็ยิง ......

พอยิงปั๊บไอ้หมึกเขาโกรธเลยคว้าระเบิดมือจะขว้าง ผมจับมันไว้ว่าไม่ได้ อาวุธเรามีเยอะนะ แต่เราตกลงกันไว้ว่าจะไม่ใช้อาวุธ เพราะถ้าเราใช้อาวุธปั๊บเขาจะมีความชอบธรรมในการปราบทันทีเลย เชื่อไหมด้วยความโกรธนักศึกษานอนกับพื้นชกพื้นถนนจนมือแตก ร้องไห้กัน....

เราไม่รู้จะทำยังไง แว้บขึ้นมาตรงนั้นมีดับเพลิงภูเขาทอง ก็เข้ายึดเลย ตำรวจหนีหมด พอเข้าไปเปิดห้อง เจอขวดเบียร์ ขวดเหล้าบาน ก็นึกถึงระเบิดเพลิง.... เลยบอกนักศึกษาทำระเบิดเพลิงเอาน้ำมันจากรถดับเพลิง ชนวนก็เอาเสื้อยืดตำรวจนั่นแหละ นั่งทำกันได้ 50 ลูก

เชื่อไหมกำลังนั่งทำอยู่ วัดสระเกศมีร้านขายไม้เยอะ ชาวบ้านขนไม้หน้า 3 มาให้เป็นคันรถ เพื่อเอาไปตีกับตำรวจ ขนมาให้เป็นคันรถ พอทำเสร็จประมาณตี 1 ก็บอกไอ้หมึกว่าตีสองค่อยตีตำรวจเพราะนักศึกษาเขาไม่ยอม ผมก็เดินข้ามไปฝั่งโน้นไปบอกทหารว่าตี 2 เราจะตีตำรวจนะ พวกลื้อไม่เกี่ยวนะ อย่าใช้อาวุธนะ ทหารก็เชื่อ

พอตี 2 ไอ้หมึกเขาก็ตีตำรวจ เอาระเบิดขว้างเลย ทหารขึ้นรถหนีหายไปหมดเลย เราตีตำรวจแค่นั้นเอง ถ้าตำรวจไม่ตีนักศึกษาก็ไม่เกิดเรื่องหรอก นักศึกษาเขาโกรธ ก็เลยเผา สน.นางเลิ้ง เลย"

ส่วนม็อบมอเตอร์ไซค์นั้น พล.อ.พัลลภ อ้างว่า "ใช่ๆ เป็นม็อบของพี่จิ๋วเขา น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ เป็นเลขาฯ พรรคความหวังใหม่ ที่เพิ่งตั้งขึ้นมา เป็นม็อบของพรรคที่ น.ต.ประสงค์ เขา

มองว่ามอเตอร์ไซด์จะใช้เป็นหัวคะแนน ตั้งมา 4 พันคน พอดีเกิดเหตุการณ์ก็เลยเอามาใช้"
---------

(๗.)"พัลลภ" ลั่นใช้แผนเชิงรุก 3 วัน รัฐบาลหมักลาออกยกชุด

พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี เพื่อนตาย พล.อ.จำลอง ศรีเมือง แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ ประกาศ(๒๘ส.ค.๕๑)จะขึ้นเวทีเพื่อขับไล่รัฐบาลและนายกฯ ออกจากตำแหน่ง ภายหลังจากที่พล.ต.จำลองถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมขัง

"ผมจะพูดขึ้นเวทีก็ต่อเมื่อ พล.ต.จำลองถูกเจ้าหน้าที่จับกุม การขึ้นเวทีครั้งนี้ถือเป็นสัญญาใจที่ผมกับจำลองที่เป็นเพื่อนรักเพื่อนตายกันมา ได้มีสัญญาอยู่ 2 ข้อ ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์พฤษ

ภาทมิฬ เมื่อพล.ต.จำลองถูกจับกุม ผมก็จะเข้าไปแทน ซึ่งเหตุการณ์ครั้งนั้น การปฏิบัติการ 3 วันก็จบ ซึ่ง 2 ข้อที่ผมได้สัญญาไว้กับพล.ต.จำลองคือ ถ้าวันใดที่จำลองโดนตำรวจจับผมจะ

เข้าไปแทนทันที และที่ พล.ต.จำลอง ใช้ยุทธวิธีสันติวิธีแบบอหิงสา ซึ่งมันไม่ตรงกับผม แต่ผมจะใช้ยุทธวิธีปฏิบัติการรุก ซึ่งผมได้ตกลงกับจำลองมาตั้งนานแล้ว" พล.อ.พัลลภ กล่าว

พล.อ.พัลลภ ยังกล่าวอีกว่า เมื่อศาลอนุมัติออกหมายจับพล.ต.จำลองก็ถือว่าเข้าข่ายข้อหนึ่งที่ตนได้ตกลงไว้ การไปเข้าร่วมครั้งนี้ถือเป็นเรื่องจิ๊บจ๊อย และเป็นเรื่องปกติธรรมดาในระบอบ

ประชาธิปไตย ทั้งนี้ตนไม่ได้มาเพิ่งตัดสินใจที่จะขึ้นเวทีพันธมิตรฯ แต่ได้ตัดสินใจมานานแล้วตามที่ได้ตกลงกันไว้ อย่างไรก็ตามการที่ขึ้นเวทีครั้งนี้ก็ไม่ได้กลัวต่อภาพลักษณ์ที่ผ่านมา

หากพล.ต.จำลองถูกจับสถานการณ์คงวุ่นวายแน่ เพราะคำพูดของตนชัดเจนอยู่แล้ว สำหรับยุทธวิธี ตนจะใช้วิธีรุก คงจะไม่ใช้วิธีตั้งรับเหมือนกับพล.ต.จำลอง

ถามว่า รัฐบาลและนายกฯควรจะแสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออกหรือไม่ พล.อ.พัลลภ กล่าวว่า ใช่ และตนมีวิธีที่จะให้รัฐบาลและนายกฯลาออก แต่ตนคงบอกไม่ได้ ซึ่งคาดว่าจะ

ปฏิบัติการเพียง 3 วัน รัฐบาลก็ต้องลาออกยกชุดแล้ว เพราะยุทธวิธีรุกไม่เหมือนยุทธวิธีรับของพล.ต.จำลอง

ถามว่าการขึ้นเวทีครั้งนี้มีผู้ใหญ่หนุนหลังหรือไม่ พล.อ.พัลลภ กล่าวว่า ไม่มี แต่ถึงเวลานั้นคงจะมีคำตอบว่าทหารจะอยู่ข้างพี่หรือข้างไหน แต่ตนคิดว่า 3 วันคงเพียงพอที่รัฐบาลจะลา

ออก โดยตนจะใช้วิธีที่สั้นที่สุด จะไม่ใช้วิธีที่ยืดเยื้อแบบนี้ การขึ้นเวทีครั้งนี้ไม่มีผู้ใหญ่หนุนหลัง เป็นข้อตกลงที่ตนยึดถือมาตลอด ที่ผ่านมา 100 วันจะเห็นว่าตนไม่เคยเข้าไปยุ่งเกี่ยวเลย

ตนเพียงแต่ติดตามสถานการณ์และเปิดทีวีดูเท่านั้น แต่วันใดที่พล.ต.จำลองถูกจับเข้าคุก ตนจะขึ้นเวทีเพื่อประกาศชัยชนะให้กับพันธมิตรฯทันที ทั้งนี้เห็นว่ารัฐบาลหมดความชอบธรรม

ในการบริหารมาตั้งนานแล้ว ตั้งแต่ไปเซ็นสัญญายกดินแดนให้กับเขมร ซึ่งถือว่าผิดรัฐธรรมนูญ ม.190 ดังนั้น นายกฯและครม.ต้องแสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออก


-----------
ทั้งหมดทั้งมวล...อาจเป็นคำตอบ..ในสถานการณ์ที่เป็นอยู่..และสถานการณ์ที่กำลังเป็นไปถัดไป...ไม่นานจากนี้..

สถานการณ์..อาจไม่รุนแรงเหมือนอดีต..ในระดับนองเลือด..ด้วยสัญลักษณ์..ตัวละครข้างต้น..หากเพียงฝ่ายเกี่ยวข้อง..จะหาทางผ่อนปรนท่าที..และหาวิธีการแก้ไขปัญหาร่วมกันโดย

ไม่"ติดยึด"และคิดแบบเอา"พวกพ้อง"ของตนเป็นหลักในการพิจารณาเนื้อหาสาระความเป็นไปของประเทศชาติประชาชน..เพราะถึงที่สุดพวกท่านๆทุกคนก็จะได้รับผลกระทบต่อ

ความเป็นไปในอนาคต..แม้ไม่ถึงขั้นตกตาย เลือดตกยางออกเฉกเช่น"ประชาชน"คนไทยที่เป็น"กำแพงมนุษย์"หรือ"หญ้าแพรก"ให้กับท่านๆทุกคนเวลานี้ก็ตาม...










Create Date : 28 สิงหาคม 2551
Last Update : 28 สิงหาคม 2551 17:33:52 น. 1 comments
Counter : 2014 Pageviews.

 
รักกันไว้เถิด เราเกิดร่วมแดนไทย
จะเกิดภาคไหน ๆ ก็ไทยด้วยกัน
เชื้อสายประเพณี ไม่มีขีดขั้น
เกิดใต้ธงไทยนั้น พวกเราทุกคนคือ ไทย


โดย: Liege วันที่: 28 สิงหาคม 2551 เวลา:18:51:56 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สุริยาอัสดง
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




เปิดโลกด้วยแสงแห่งปัญญา
Thaiflood
Friends' blogs
[Add สุริยาอัสดง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.