อาทิตย์สาดส่อง..ความจริงจักปรากฎทั่วปฐพี!!!
Group Blog
 
<<
เมษายน 2551
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
23 เมษายน 2551
 
All Blogs
 
โชติศักดิ์..กับการก่อข่าวที่ไม่ได้ตีพิมพ์..กรณีขวางโลกไม่ยืนตรงในโรงหนัง

คอลัมน์ คนเป็นข่าว : บล็อค สุริยาอัสดง

ห้วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมามีข่าวชิ้นหนึ่งที่"ไม่ถูกนำเสนอ"ในหน้าสื่อกระแสหลัก..แต่มีการนำเสนอในหน้าสื่อที่มีกลุ่มจำเพาะอ่านอย่าง"นสพ.ประชาทรรศน์"เวปไซต์"ประชาไทย"และเวปบล็อคต่างๆ..ที่ถือว่ามีความน่าสนใจ..

ที่ว่าน่าสนใจเพราะส่วนหนึ่งของการต่อเชื่อมใน"ข่าวนี้"ถูกนำมาวิเคราะห์จาก"คำนูน สิทธิสมาน"สว.แห่งค่าย นสพ.ผู้จัดการ..ที่วิเคราะห์ปรากฎการณ์"บทความก้อนกรวดในรองพระบาท"ผนวกเข้ากับ สารคดีเกี่ยวกับ"ราชวงศ์ในประเทศเนปาล"ที่มีการนำเสนอในโทรทัศน์NBT(ช่อง11เดิม)..โดยมีการระบุว่ามี"นัยยะ"สัมพันธ์กับการเชื่อมต่อไปถึงสถาบันชั้นสูง.โดยเฉพาะมีผู้เชื่อมภาพนี้ซ้อนทับกับ..การออกมาของ"นายชวน หลีกภัย"ประธานที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ที่ระบุว่ามีขบวนการ ให้ร้ายโจมตี"พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์"ประธานองคมนตรี เพื่อเชื่อมต่อไปถึงสถาบันฯ


ข่าวที่กำลังมาเล่าผ่านตัว"คนเป็นข่าว"เอง..ที่ว่านี้คือ..ข่าวที่"โชติศักดิ์ อ่อนสูง" และเพื่อน ซึ่งถูก นายนวมินทร์ วิทยกุล อายุ 40 ปี ฟ้องในความผิดฐานหมิ่นพระบรมเดชานุภาพตามมาตรา 112 ของประมวลกฎหมายอาญา เนื่องจากไม่ยืนเคารพเพลงสรรเสริญพระบารมีในโรงภาพยนตร์แห่งหนึ่ง และได้มีการเข้ารับทราบข้อกล่าวหา ที่ สน.ปทุมวันเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา(22 เม.ย.51)โดยเหตุนี้เกิดขึ้นตั้งแต่ วันที่ 20 กันยายนปีที่แล้ว(๒๕๕๐)ที่"โชติศักดิ์"เข้าไปดูภาพยนต์ที่โรงภาพยนตร์แห่งหนึ่ง ...โดยเขาไม่ยอมยืนระหว่างเพลงสรรเสริญพระบารมี...ทำให้มีคนด่าทอและขว้างปาสิ่งของใส่เขาและเพื่อนจนขาแจ้งความกับ191ให้มาดำเนินคดีกับผู้ที่ด่าทอทำร้ายเขา แต่เขาก็ถูกแจ้งความกลับฐานหมิ่นพระบรมเดชานุภาพตามมาตรา 112 ของประมวลกฎหมายอาญา เนื่องจากไม่ยืนเคารพเพลงสรรเสริญพระบารมีในโรงภาพยนตร์เช่นกัน...

ที่น่าสนใจคือ ความตั้งใจของ"โชติศักดิ์"กับกรณีนี้ ในการที่เขาจะ ทำการพิสูจน์ทราบระหว่างจารีตกับ กฎหมาย โดยเฉพาะ ในมาตรา 112 ของประมวลกฎหมายอาญา ว่า ไม่ได้มีการระบุถึงการไม่ยืนเคารพต้องมีความผิด.. ซึ่งการพิสูจน์ทราบของเขา ตีขลุมครอบคลุมไปถึงปมประเด็นปัญหาทางการเมืองที่เกิดขึ้นนับแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน..ในการที่ฝ่ายการเมืองมักนำเรื่องของสถาบันฯมาอ้าง และมักใจ ม.112 เป็นประเด็น..ในการจัดการกับ"ฝ่ายตรงข้าม"ทุกคราไป..ดังกรณีสมัยของ"ทักษิณ ชินวัตร"ที่"พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย"นำโดย"สนธิ ลิ้มทองกุล"ในพอยท์นี้เป็นหนึ่งในชนวน..ที่นำมาสู่ประเด็นความขัดแย้ง ที่ผนวกเข้ากับ กรณีขายหุ้นกิจการของตระกูลชินวัตร มูลค่า 76,000 ล้านให้เทมาเส็ก กระทั่งมาสู่เหตุการณ์การ"ยึดอำนาจ"(19 ก.ย.2549)
---------
แจ้งข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ พวกขวางโลกไม่ยืนตรงในโรงหนัง

23 เม.ย. 2008 - 00:52:05 น. : ประชาทรรศน์

สำรวจ สน.ปทุมวัน เรียกตัว “โชติศักดิ์ อ่อนสูง” พร้อมเพื่อน แจ้งข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ หลังถูกแจ้งความกรณีไม่ยืนเคารพเพลงสรรเสริญพระบารมีในโรงหนัง ขณะที่เจ้าตัวยังระรื่นตั้งทนายความสู้คดี แถมเตรียมหาแนวร่วมไม่ยืนก่อนดูหนัง อ้างล่ารายชื่อได้เป็นร้อย

จากกรณีที่ นายโชติศักดิ์ อ่อนสูง และเพื่อน ได้ถูกนาย นวมินทร์ วิทยกุล ฟ้องในความผิดฐานหมิ่นพระบรมเดชานุภาพตามมาตรา 112 ของประมวลกฎหมายอาญา เนื่องจากไม่ยืนเคารพเพลงสรรเสริญพระบารมีในโรงภาพยนตร์แห่งหนึ่ง นั้น

ในวันที่ 22 เมษายน 2551 ที่ผ่านมา นายโชติศักดิ์ ได้เดินทางไปรับทราบข้อกล่าวหา ที่ สน.ปทุมวัน โดยฝ่ายเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เลื่อนเวลานัดหมายจากเวลา 13.30 น. เป็นเวลา 16.30 น. โดยได้รับการเปิดเผยจากนายตำรวจคนหนึ่งว่า เรื่องดังกล่าวมีความหมิ่นเหม่ จึงได้มีการเลื่อนเวลาออกไป เนื่องจากทราบว่าจะมีการนัดหมายสื่อมวลชนเพื่อมาทำข่าว

ขณะที่ พ.ต.ท.อุดม เปี่ยมศักดิ์ รอง ผกก.สน.ปทุมวัน ขอตัวที่จะไม่เปิดเผยรายละเอียดเรื่องดังกล่าว บอกแต่เพียงว่าเมื่อมีการแจ้งข้อกล่าวหา และสอบเพิ่มเติมบางส่วนแล้ว จะมีการส่งสำนวนไปยัง บช.น. ส่วนที่จะต้องมีการแจ้งสำนักพระราชวัง หรือดำเนินการต่อไปอย่างไรนั้น เป็นเรื่องที่จะต้องมีการหารือกันต่อไป โดยในวันนี้จะยังไม่มีการควบคุมตัวนายโชติศักดิ์ และเชื่อว่าจะไม่มีการหลบหนี

อย่างไรก็ดีผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายโชติศักดิ์ ได้เดินทางถึง สน.ปทุมวัน ในเวลาเดิม เนื่องจากมีการนัดสื่อมวลชนไว้ก่อนแล้ว โดยที่ไม่ได้มีอาการสะทกสะท้านแต่อย่างใด พร้อมทั้งระบุว่าจะมีการดำเนินโครงการ “ไม่ยืนไม่ใช่อาชญากร คิดต่างไม่ใช่อาชญากรรม”

โดยระบุว่าโครงการนี้มีเป้าหมายเพื่อเรียกร้องสิทธิให้กับคนที่ต้องการแสดงออกโดยไม่ยืนเมื่อได้ยินเพลงสรรเสริญพระบารมีเป็นเรื่องที่ไม่ผิดกฎหมาย และเมื่อมาตรา 112 เป็นเครื่องมือในการเอาผิดก็ควรจะมีการยกเลิกมาตราดังกล่าว พร้อมทั้งอ้างว่าขณะนี้ได้เริ่มล่ารายชื่อคนที่คิดแบบเดียวกันได้กว่า 100 คนแล้ว หลังจากได้จำนวนรายชื่อครบตามกำหนดจะทำหนังสื่อยื่น องค์กรสิทธิมนุษย์ชนทันที

ส่วนเรื่องนี้จะมีเบื้องหลังอย่างไรหรือไม่ ไม่รู้ได้เพราะตนเองก็มีบทบาทในการเคลื่อนไหวทางการเมือง เรื่องนี้คงต้องปล่อยให้คดีเป็นไปตามขบวนการการดำเนินงานของตำรวจ ยังให้รายละเอียดไม่ได้มากคงต้องรอปรึกษากับทนายดูก่อน

อย่างไรก็ตาม ก่อนวันที่นายโชติศักดิ์ จะเดินทางไปรับทราบข้อกล่าวหา ได้ให้สัมภาษณ์พิเศษกับเวบไซต์ประชาไท เล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นดังกล่าว

“เหตุเกิดเมื่อวันที่ 20 กันยายนปีที่แล้ว เราตั้งใจไปซื้อของ แล้วก็เลยแวะดูหนังด้วย โดยเข้าไปก่อนที่หนังจะเริ่ม พอถึงช่วงเพลงสรรเสริญเราก็ไม่ยืน นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ไม่ยืน ผมไม่ยืนเป็นปกติอยู่แล้ว ถัดจากที่เรานั่งไปสองที่ มีผู้ชายนั่งอยู่คนเดียว พอเพลงขึ้นแล้วเห็นเราไม่ยืน เขาก็หันมาบอกว่า stand up คงเข้าใจว่าผมเป็นคนต่างประเทศ ผมก็นั่งต่อ เขานิ่งจนเพลงจบแล้วจึงไปตามพนักงานในโรงหนังให้มาจัดการกับเราสองคนให้ได้ ตอนนั้นหนังเริ่มเล่นแล้ว แต่ท้ายที่สุดพนักงานก็ไม่ทำอะไร และพยายามปลอบให้ผู้ชายคนนั้นเงียบ ซึ่งมารู้ทีหลังว่าเขาชื่อคุณนวมินทร์

พอเขาเห็นพนักงานไม่ทำอะไร ก็เลยลุกขึ้นมาแล้วเริ่มด่า ประมาณว่าให้ออกไป เราเป็นคนไทยทำไมไม่ยืน ฝรั่งยังยืนเลย ผมก็ตอบโต้ไปนิดหน่อยว่า ผมมาดูหนังและรู้สึกสบายดี ถ้าคุณรู้สึกไม่สบายก็ออกไป เขาเริ่มโมโหและเริ่มขว้างของใส่พวกเรา พวกโบชัวร์หนังอะไรต่อมิอะไรที่มีในมือจนหมด แล้วมาแย่งป๊อบคอร์น ขวดน้ำในมือของเพื่อนผม เอามาขว้างปาอีก พอเขาด่าไปพักหนึ่งก็หยุดพักหายใจ คนในโรงหนังก็ปรบมือให้เขา แล้วเขาก็ด่าต่ออีก ผมเห็นว่าไม่ไหวจริงๆ ก็เลยเดินออกจากโรงหนังโทรพร้อมกับโทรแจ้ง 191 และรอตำรวจอยู่หน้าโรงจนตำรวจมา

พอหนังจบเขาก็ออกมา ท่าทางตกใจเหมือนกัน คงไม่คิดว่าผมจะเอาเรื่อง ตำรวจก็พาผมไป ตำรวจอีกคนพานวมินทร์ไปที่โรงพัก ไม่ได้คุยอะไรกัน แล้วตำรวจก็มาบอกว่าถ้าผมแจ้งความกับนวมินทร์ เขาจะแจ้งความกลับข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ

เรื่องนี้ผมก็คุยกันกับเพื่อนด้วย เราคิดว่าต่อให้เราทำผิดกฎหมายก็ตาม สมมติว่าเราผิดนะ เขาก็ไม่ควรใช้ศาลเตี้ยกับเรา เขาควรไปแจ้งความตั้งแต่แรก แล้วการที่เราถูกละเมิดสิทธิ กฎหมายก็ควรคุ้มครองเราด้วยเหมือนกัน เราจึงแจ้งความ 4-5 ข้อหา คือ ทำร้ายร่างกาย ทำให้เสียทรัพย์ ดูหมิ่นซึ่งหน้า บังคับข่มขืนจิตใจ”

พร้อมกันนี้ยังกล่าวถึงแนวทางในการสู้คดีว่า “มีสองส่วน ส่วนของคดีก็ว่าไปตามตัวบทกฎหมาย ผมได้ขอความช่วยเหลือไปทางสภาทนายความแล้ว เขาก็ส่งทนายความมาช่วย และปรึกษาเพื่อนๆ ที่เป็นทนายความด้วย ส่วนของเพื่อนก็มีพี่ที่เป็นทนายความมุสลิมมาช่วย ในตัวเหตุผลมันก็จะต่างกันระหว่างของผมกับของเพื่อน

อีกส่วนหนึ่ง เราก็ยืนยันว่าการไม่ยืนเป็นสิทธิ และที่สำคัญคือมันไม่ได้เป็นการดูหมิ่นหรือหมิ่นประมาท และกำลังจะมีการรณรงค์กับสังคมในเรื่องนี้” นายโชติศักดิ์ กล่าว
----------
ข่าวที่ไม่ได้รับการตีพิมพ์: ว่าด้วยเรื่อง ‘โชติศักดิ์ อ่อนสูง’

บทความนี้เขียนโดยประวิตร โรจนพฤกษ์ ผู้สื่อข่าวอาวุโส นสพ.เดอะเนชั่น อย่างไรก็ตาม ทางเดอะเนชั่นตัดสินใจไม่ตีพิมพ์บทความนี้ ขณะที่บางกอกโพสต์ตีพิมพ์ข่าวประเด็นนี้ในหน้า 1 ของฉบับวันนี้ (23 เม.ย.)

นายประวิตร ได้สอบถามทางผู้มีอำนาจในกอง บก.ก็ได้คำตอบว่า ผู้มีอำนาจในการตัดสินที่สูงกว่าอีกคนหนึ่ง มองว่าข่าวนี้ "มีปัญหาสุ่มเสี่ยงนิดนึง"

โชติศักดิ์ อ่อนสูง อดีตนักกิจกรรมต้านรัฐประหาร รายงานตัวที่สถานีตำรวจปทุมวัน วานนี้ (อังคาร) เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ หลังจากเขาไม่ยืนขึ้นเมื่อมีการบรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมีในโรงภาพยนตร์แห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ เมื่อกันยายนปี 2550 โดย นวมินทร์ วิทยกุล อายุ 40 ปี ผู้ชมในโรงภาพยนตร์ได้ทำร้ายร่างกายโชติศักดิ์ และชุติมา เพ็ญภาค เพื่อนของเขา

“คดีนี้ไม่ใช่คดีธรรมดา” โชติศักดิ์ บอกกับผู้สื่อข่าวเดอะเนชั่น หน้าสถานีตำรวจเมื่อบ่ายวานนี้ “[กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ] เป็นหนึ่งในข้อหาที่ถูกนำมาใช้ทางการเมืองมากที่สุด และเกือบทุกกลุ่ม [ในสังคม] ใช้มัน [กับฝ่ายตรงข้าม]”

โชติศักดิ์ยืนยันว่า ก่อนเกิดเหตุ เขาไม่รู้จักกับนายนวมินทร์มาก่อน อย่างไรก็ตาม นักกิจกรรมทางการเมืองวัย 27 ปี ยืนยันว่า การที่เขาไม่ยืนนั้นไม่ได้ขัดกับรัฐธรรรมนูญ เนื่องจากเขามีสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกและไม่ได้มีเจตนาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ

“เขาอาจจะไม่พอใจกับสิ่งที่ผมทำ แต่สิ่งที่ผมทำ ผมไม่คิดว่าหมิ่นพระเดชานุภาพ” โชติศักดิ์ ซึ่งตัดสินใจทำการรณรงค์แคมเปญเรื่องสิทธิในการไม่ยืน เมื่อมีการบรรเลงเพลงสรรเสริญฯ กล่าว

การรณรงค์นี้ ได้รับการสนับสนุนโดยผู้ร่วมลงชื่อกว่า 100 คน ภายใต้คำขวัญ “ไม่ยืนไม่ใช่อาชญากร เห็นต่างไม่ใช่อาชญากรรม”

“คนที่ปฎิเสธการยืนควรมีสิทธิที่จะไม่ยืน ขณะที่ผู้ที่ต้องการยืนสามารถยืนได้” โชติศักดิ์กล่าว “กฎหมายใดที่ละเมิดสิทธิมนุษยชนควรจะถูกยกเลิก”

โชติศักดิ์ กล่าวว่า เร็วๆ นี้เขาจะร้องเรียนไปยังคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ แต่ “ไม่แน่ใจ [ว่าพวกเขาจะมีท่าทีอย่างไร]”

อนึ่ง โทษสูงสุดของกฎหมายหมิ่ยพระบรมเดชานุภาพ คือ จำคุก 15 ปี

อ่านต้นฉบับภาษาอังกฤษ //www.prachatai.com/english/news.php?id=610
------------------------

‘สองไม่ยืนเพลงสรรเสริญ’ ส่งหนังสือถึงสภาทนายความ

เมื่อวันที่ 11 เม.ย. 51 โชติศักดิ์ อ่อนสูง และ ชุติมา เพ็ญภาค ยื่นหนังสือถึงสภาทนายความเพื่อขอความช่วยเหลือทางด้านคดี หลังจากที่นายนวมินทร์ วิทยากุล อายุ 40 ปี ฟ้องทั้งสอง กรณีไม่ยืนเคารพเพลงสรรเสริญพระบารมีในโรงภาพยนตร์แห่งหนึ่ง ว่ามีความผิด ฐานหมิ่นพระบรมเดชานุภาพตามมาตรา 112 ของประมวลกฎหมายอาญา ซึ่งล่าสุด พนักงานสอบสวน สน.ปทุมวัน เจ้าของสำนวนได้โทรศัพท์แจ้งข้อกล่าวหาแก่นายโชติศักดิ์และเพื่อนแล้วเมื่อ วันที่ 5 เม.ย. ที่ผ่านมา ในจดหมายที่ส่งถึงสภาทนายความระบุว่า

"สืบเนื่องจากในวันที่ 20 กันยายน 2550 ข้าพเจ้าทั้งสองได้เลือกที่จะนั่งอย่างสงบแทนการยืนตรงในช่วงที่มีการบรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมีในโรงภาพยนต์ จนมีผู้ไม่พอใจได้ลุกขึ้นด่าว่าด้วยถ้อยคำหยาบคาย อีกทั้งได้ทำร้ายร่างกายและทำลายทรัพย์สินของข้าพเจ้าทั้งสอง รวมถึงได้พยายามบังคับข้าพเจ้าทั้งสองให้ออกจาก โรงภาพยนตร์ จนข้าพเจ้าทั้งสองต้องโทรศัพท์ขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ

ต่อมาเมื่อข้าพเจ้าทั้งสองได้เข้าแจ้งความเพื่อดำเนินคดีกับคู่กรณี ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งต่อข้าพเจ้าทั้งสองว่า “คู่กรณีเขาบอกว่า ถ้าเราเอาเรื่องเขา เขาจะแจ้งความกลับข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ”
เนื่องด้วยข้าพเจ้าทั้งสองเห็นว่า ข้าพเจ้าทั้งสองได้รับความเสียหายทั้งทางร่างกาย ทรัพย์สิน และชื่อเสียงจากการกระทำของคู่กรณี สมควรที่จะได้รับการปกป้องจากกฎหมาย อีกทั้งข้าพเจ้าทั้งสองเห็นว่าสิ่งที่ข้าพเจ้าได้กระทำไปนั้นเป็นสิทธิที่ประชาชนพึงจะปฏิบัติได้ ซึ่งการใช้สิทธิดังกล่าวก็ไม่ได้เป็นการละเมิดบุคคลหรือสถาบันใดแต่อย่างใด ไม่สมควรที่คู่กรณีจะนำมาใช้เพื่อเป็นข้อต่อรอง ข้าพเจ้าทั้งสองจึงตัดสินใจแจ้งความเพื่อดำเนินคดีกับคู่กรณีตามความตั้งใจเดิม

ต่อมาในวันที่ 5 เมษายน 2551 ข้าพเจ้าได้รับการติดต่อจากเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกครั้ง เพื่อให้ข้าพเจ้าทั้งสองไปรับทราบข้อกล่าวหา ในความผิดฐานหมิ่นพระบรมเดชานุภาพตามที่คู่กรณีได้แจ้งความไว้ โดยไม่ได้แจ้งรายละเอียดเพิ่มเติมแต่อย่างใด แต่เนื่องจากข้าพเจ้าทั้งสองไม่พร้อมที่จะเดินทางไปรับทราบข้อกล่าวหาในช่วงดังกล่าว ข้าพเจ้าทั้งสองจึงได้ทำหนังสือขอเลื่อนวันรับทราบข้อกล่าวหาไปเป็นวันที่ 22 เมษายน ที่จะถึงนี้ เวลา 13.30 น.

ด้วยเหตุนี้ข้าพเจ้าทั้งสองจึงได้เรียนมายังท่านเพื่อโปรดพิจารณาให้ความช่วยเหลือทางกฎหมายและทนายความในการต่อสู้คดีดังที่ถูกกล่าวหา ซึ่งข้าพเจ้าทั้งสองเห็นว่าเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนโดยใช้กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพเป็นเครื่องมือ"

ทั้งนี้ กรณีดังกล่าวเคยเป็นที่ถกเถียงอย่างมาก โดยเฉพาะในเว็บบอร์ดของเว็บไซต์ฟ้าเดียวกัน และล่าสุดนี้เอง มีผู้เล่นเว็บบอร์ดในฟ้าเดียวกันคนหนึ่ง ที่ใช้ชื่อว่า ธีรนัย จารุวัสตร์ พยายามรวบรวมสถานการณ์ที่เกี่ยวเนื่อง โดยเขียนข้อความเป็นภาษาอังกฤษ แล้วส่งไปยังนักข่าวและนักวิชาการชาวต่างชาติ

โดยนอกจากธีรนัย จารุวัสตร์ จะเล่าถึงคดีการไม่ยืนเมื่อเพลงสรรเสริญบรรเลงแล้วนั้น ยังได้กล่าวถึงนโยบาย ‘แฮกแอนด์แคร็ก’ (hack and crack) ของกระทรวงไอซีที ที่จะออกมาเพื่อรับมือเว็บไซต์ต่างประเทศซึ่งมีเนื้อหาหมิ่นเหม่ และเล่าถึงกรณีล่าสุด ที่มีการแจ้งจับนายโจนาธาน เฮด ผู้สื่อข่าวบีบีซี ในข้อหาหมิ่นเบื้องสูงฯ ด้วย

----------------
เพลงสรรเสริญขึ้นไม่ยืนในโรงหนัง ตำรวจเตรียมฟ้องหมิ่นฯ

สืบเนื่องจากกรณีที่นายนวมินทร์ วิทยากุล อายุ 40 ปี ฟ้องนายโชติศักดิ์ อ่อนสูง และเพื่อน กรณีไม่ยืนเคารพเพลงสรรเสริญพระบารมีในโรงภาพยนตร์แห่งหนึ่งว่ามีความผิดฐานหมิ่นพระบรมเดชานุภาพตามมาตรา 112 ของประมวลกฎหมายอาญา ล่าสุด พนักงานสอบสวน สน.ปทุมวัน เจ้าของสำนวนได้โทรศัพท์แจ้งข้อกล่าวหาแก่นายโชติศักดิ์และเพื่อนแล้วเมื่อวันที่ 5 เม.ย. ที่ผ่านมา

นายสงกรานต์ ป้องบุญจันทร์ ทนายความของนายโชติศักดิ์ กล่าวว่า เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (5 เม.ย.) ได้ไปพบพนักงานสอบสวน เพื่อขอเลื่อนวันรับทราบข้อกล่าวหาไปเป็นวันที่ 22 เม.ย.นี้ เวลา 13.30 น. ณ สน.ปทุมวัน เนื่องจากพนักงานสอบสวนโทรศัพท์มาแจ้งเวลา 8.30 น. ของวันที่ 5 เม.ย.และให้ไปรับทราบข้อกล่าวหาในวันเดียวกัน ซึ่งกะทันหันเกินไป

นายสงกรานต์ กล่าวว่า สำหรับคดีที่มีโทษสูง กฎหมายจะเปิดช่องไว้ว่าจะออกหมายเรียกหรือไม่ก็ได้ และเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถติดต่อนายโชติศักดิ์ได้ จึงไม่ได้ออกหมายเรียก ทั้งนี้ หากไม่ไปตามหมายเรียกก็จะถูกออกหมายจับ

นายสงกรานต์ กล่าวต่อว่า วันที่ไปพบพนักงานสอบสวน ร้อยเวรที่ดูแลคดีระบุว่า ได้สอบพยานฝ่ายตำรวจไว้ครบแล้ว ทั้งความเห็นจากบุคคลทั่วไปและความเห็นทางวิชาการ ซึ่งคณะกรรมการชุดนี้มีความเห็นว่า ควรสั่งฟ้อง อย่างไรก็ตาม ขึ้นอยู่กับคณะกรรมการชุดใหญ่ของคณะกรรมการตำรวจแห่งชาติ (ก.ตร.) ว่าจะฟ้องหรือไม่

ในส่วนของคดีนั้น นายสงกรานต์ คาดว่าจะร้องขอความช่วยเหลือจากสภาทนายความ ฝ่ายสิทธิมนุษยชน ให้ช่วยเหลือคดี เนื่องจากเป็นเรื่องสิทธิมนุษยชน

อนึ่ง สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 20 ก.ย. 50 นายโชติศักดิ์ และเพื่อน ได้แจ้งความดำเนินคดีกับนายนวมินทร์ ที่ สน.ปทุมวัน คนละ 4 ข้อหา ได้แก่ 1.ดูหมิ่นซึ่งหน้า 2.ร่วมกันทำร้ายร่างกาย 3.ทำให้เสียทรัพย์ 4.ร่วมกันบังคับข่มขืนใจให้กระทำหรือไม่กระทำการ โดยระบุว่า ขณะเข้าชมภาพยนตร์ในโรงภาพยนตร์ที่เซ็นทรัล เวิร์ล นายนวมินทร์ได้บอกให้พวกเขายืนเคารพเพลงสรรเสริญพระบารมี มีการถกเถียงกัน รวมถึงทำร้ายร่างกายเขาทั้งสอง ด้านนายนวมินทร์ ได้ฟ้องกลับด้วยข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ
----------------------------------------------------
โดย : ประชาไท วันที่ : 8/4/2551
-----------------------

สัมภาษณ์ "โชติศักดิ์" ผู้ถูกกล่าวหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ เพราะไม่ยืนเคารพเพลงสรรเสริญฯ ในโรงหนัง

จิรนันท์ หาญธำรงวิทย์ รายงาน

ไม่ว่าจะด้วยสิ่งที่เรียกว่า “การเมือง” “ความรัก” หรือ “ความจงรักภักดี” ก็ตาม การฟ้องร้องกันด้วยข้อหา “หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ” ก็ได้กลายเป็นสิ่งที่อยู่คู่กับสังคมไทยไปแล้ว เห็นได้จากการตั้งคำถามเกี่ยวกับสถาบันฯ ในข้อสอบ

การเขียนถึงสถาบันกษัตริย์ในหนังสือวิชาการ การพูดถึงสถาบันกษัตริย์ในงานวิชาการ รวมถึงการไม่ยืนเคารพเพลงสรรเสริญพระบารมี ก็ล้วนแต่ถูกนำไปใช้เป็นสาเหตุในการฟ้องร้องกันด้วยข้อกล่าวหานี้ทั้งสิ้น

ล่าสุด โชติศักดิ์ อ่อนสูง และเพื่อน ซึ่งถูก นายนวมินทร์ วิทยกุล อายุ 40 ปี ฟ้องในความผิดฐานหมิ่นพระบรมเดชานุภาพตามมาตรา 112 ของประมวลกฎหมายอาญา เนื่องจากไม่ยืนเคารพเพลงสรรเสริญพระบารมีในโรงภาพยนตร์แห่งหนึ่ง จะเข้ารับทราบข้อกล่าวหาในวันพรุ่งนี้ (22 เม.ย.) ที่ สน.ปทุมวัน เวลา 13.30น.

ก่อนไปรับทราบข้อกล่าวหากับเจ้าหน้าที่ตำรวจในวันพรุ่งนี้ ‘ประชาไท’ ได้นัดพูดคุยกับโชติศักดิ์ เพื่อถามถึงที่มาที่ไปและการเตรียมตัวในการดำเนินคดี

ที่มาที่ไปของคดีนี้เป็นอย่างไร

เหตุเกิดเมื่อวันที่ 20 กันยายนปีที่แล้ว เราตั้งใจไปซื้อของ แล้วก็เลยแวะดูหนังด้วย โดยเข้าไปก่อนที่หนังจะเริ่ม พอถึงช่วงเพลงสรรเสริญเราก็ไม่ยืน นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ไม่ยืน ผมไม่ยืนเป็นปกติอยู่แล้ว ถัดจากที่เรานั่งไปสองที่ มีผู้ชายนั่งอยู่คนเดียว พอเพลงขึ้นแล้วเห็นเราไม่ยืน เขาก็หันมาบอกว่า stand up คงเข้าใจว่าผมเป็นคนต่างประเทศ ผมก็นั่งต่อ เขานิ่งจนเพลงจบแล้วจึงไปตามพนักงานในโรงหนังให้มาจัดการกับเราสองคนให้ได้ ตอนนั้นหนังเริ่มเล่นแล้ว

แต่ท้ายที่สุดพนักงานก็ไม่ทำอะไร และพยายามปลอบให้ผู้ชายคนนั้นเงียบ ซึ่งมารู้ทีหลังว่าเขาชื่อคุณนวมินทร์ พอเขาเห็นพนักงานไม่ทำอะไร ก็เลยลุกขึ้นมาแล้วเริ่มด่า ประมาณว่าให้ออกไป เราเป็นคนไทยทำไมไม่ยืน ฝรั่งยังยืนเลย ผมก็ตอบโต้ไปนิดหน่อยว่า ผมมาดูหนังและรู้สึกสบายดี ถ้าคุณรู้สึกไม่สบายก็ออกไป เขาเริ่มโมโหและเริ่มขว้างของใส่พวกเรา พวกโบชัวร์หนังอะไรต่อมิอะไรที่มีในมือจนหมด แล้วมาแย่งป๊อบคอร์น ขวดน้ำในมือของเพื่อนผม เอามาขว้างปาอีก พอเขาด่าไปพักหนึ่งก็หยุดพักหายใจ คนในโรงหนังก็ปรบมือให้เขา แล้วเขาก็ด่าต่ออีก ผมเห็นว่าไม่ไหวจริงๆ ก็เลยเดินออกจากโรงหนังโทรพร้อมกับโทรแจ้ง 191 และรอตำรวจอยู่หน้าโรงจนตำรวจมา

พอหนังจบเขาก็ออกมา ท่าทางตกใจเหมือนกัน คงไม่คิดว่าผมจะเอาเรื่อง ตำรวจก็พาผมไป ตำรวจอีกคนพานวมินทร์ไปที่โรงพัก ไม่ได้คุยอะไรกัน แล้วตำรวจก็มาบอกว่าถ้าผมแจ้งความกับนวมินทร์ เขาจะแจ้งความกลับข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ

เรื่องนี้ผมก็คุยกันกับเพื่อนด้วย เราคิดว่าต่อให้เราทำผิดกฎหมายก็ตาม สมมติว่าเราผิดนะ เขาก็ไม่ควรใช้ศาลเตี้ยกับเรา เขาควรไปแจ้งความตั้งแต่แรก แล้วการที่เราถูกละเมิดสิทธิ กฎหมายก็ควรคุ้มครองเราด้วยเหมือนกัน เราจึงแจ้งความ 4-5 ข้อหา คือ ทำร้ายร่างกาย ทำให้เสียทรัพย์ ดูหมิ่นซึ่งหน้า บังคับข่มขืนจิตใจ

ที่จริงคืนนั้นก็ยังไม่ได้แจ้งความ เพราะตำรวจบอกว่าถ้าจะแจ้งทำร้ายร่างกายต้องไปตรวจร่างกายก่อน เลยลงบันทึกประจำวันไว้เฉยๆ แล้วไปตรวจร่างกาย รุ่งขึ้นก็ไปแจ้งความ

คดีที่ผมแจ้งความเขา ตำรวจสอบปากคำไปรอบเดียว หลังจากนั้นก็เงียบไปเลย ส่วนคดีที่เขาแจ้งความผม ผมไม่รู้เรื่องอีกเลยหลังจากวันเกิดเรื่อง แต่ที่จริงก็มีคนอ้างว่าเป็นตำรวจไปที่บ้านอาผมอยู่เหมือนกัน ไปดูบ้านและคุยกับอาของผมด้วย ประมาณช่วงเดือนธันวาคมปีที่แล้ว ตอนนั้นไม่รู้ว่าเกี่ยวข้องกับคดีนี้โดยตรง จนเมื่อมีตำรวจโทรมาบอกเมื่อเร็วๆ นี้ให้ไปรับทราบข้อกล่าวหา

มีเหตุผลอะไร ทำไมถึงไม่ยืน

ถ้ากฎหมายบอกว่าการกระทำแบบนี้ผิด ผมก็จะทำตามกฎหมายนะ เพราะกฎหมายมีอำนาจกับเราจริง แต่ผมเข้าใจว่าไม่ผิดกฎหมายจึงเลือกที่จะไม่ยืน

บางคนบอกว่า การยืนเคารพเพลงสรรเสริญอาจไม่ได้อยู่ในกฎหมาย แต่เรียกได้ว่าเป็นจารีตไปแล้ว ดังนั้น สิทธิทางความคิด ความเชื่อ การแสดงออก กับ จารีตที่สังคมปฏิบัติ คิดว่ามันมีเส้นแบ่งอยู่ตรงไหน

อย่างแรกถามว่ามันเป็นจารีตหรือเปล่า ผมเคยอ่านเอกสารชิ้นหนึ่ง ถ้าจำไม่ผิดรู้สึกว่าอ่านเจอในเว็บไซต์ มันมีหลักฐานชี้ว่าสมัยก่อนเพลงสรรเสริญพระบารมีจะเปิดหลังหนังจบ แล้วไม่มีใครยืน เหมือนทุกคนรีบกุลีกุจอรีบกลับบ้าน

นี่สมัย ร.5 ที่เริ่มมีการเปิดเพลงสรรเสริญใหม่ๆ ส่วนการเอาเพลงสรรเสริญมาเปิดก่อนหนังเริ่มก็ยิ่งเป็นเรื่องใหม่เข้าไปอีก ดังนั้น นับตรงไหนมันถึงจะเรียกว่าเป็นจารีต

อย่างที่สอง เมื่อเราถามเรื่องจารีตกับสิทธิ เราจะพบว่ามีจารีตอื่นๆ อีกเยอะแยะที่คนไม่ปฏิบัติตาม แต่ก็ไม่เห็นมีใครจะเป็นจะตายกับมัน ถ้าบอกว่าใครละเมิดจารีตแล้วต้องลงโทษ คงต้องสร้างคุกเพิ่มอีกเยอะแล้ว

จารีตเป็นสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้น ไม่ต่างจากกฎหมาย ถ้ามันเป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสม ไม่ถูกต้อง ไม่เข้ากับยุคสมัย เป็นอุปสรรคกับความอยู่ดีของชาวบ้านก็สามารถจะยกเลิกได้

คดีความที่เกิดขึ้นนี้กับความเข้าใจของที่บ้าน มีผลกระทบอะไรไหม

ผมก็ทำกิจกรรม อยู่ในแวดวงการเคลื่อนไหวภาคประชาชน มีการประท้วงกันตลอด ที่บ้านก็ชาชินแล้วนะ ในระดับหนึ่ง แต่พอรู้เรื่องนี้ก็ตกอกตกใจกันพอสมควร เพราะเป็นเรื่องใหญ่กว่ามาก ผมก็ไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่าการปลอบใจให้ใจเย็นๆ มันมีกระบวนการของมัน

ในเว็บบอร์ดกระแสเรื่องนี้แรงมาก รู้สึกยังไงบ้าง

บางทีผมก็ฉุนกับบางความเห็น เช่น ทำแบบนี้ก็ไปอยู่ประเทศอื่นสิ ผมพยายามไม่ตอบโต้ แต่ก็อดสงสัยไม่ได้ว่า เราไม่ใช่เจ้าของประเทศเหรอ คนที่ลงแรงทำการผลิต คนที่สร้างประเทศ สร้างชาติ สร้างความเจริญคือประชาชนไม่ใช่เหรอ ในเมื่อเจ้าของประเทศคือประชาชน แล้วทำไมเราที่เป็นประชาชนคนหนึ่งจะอยู่ในประเทศนี้ไม่ได้

กลับมาที่เรื่องคดี แนวทางการต่อสู้จะเป็นอย่างไร

มีสองส่วน ส่วนของคดีก็ว่าไปตามตัวบทกฎหมาย ผมได้ขอความช่วยเหลือไปทางสภาทนายความแล้ว เขาก็ส่งทนายความมาช่วย และปรึกษาเพื่อนๆ ที่เป็นทนายความด้วย ส่วนของเพื่อนก็มีพี่ที่เป็นทนายความมุสลิมมาช่วย ในตัว

เหตุผลมันก็จะต่างกันระหว่างของผมกับของเพื่อน

อีกส่วนหนึ่ง เราก็ยืนยันว่าการไม่ยืนเป็นสิทธิ การไม่ยืนไม่ใช่อาชญากรรม และที่สำคัญคือมันไม่ได้เป็นการดูหมิ่นหรือหมิ่นประมาท และกำลังจะมีการรณรงค์กับสังคมในเรื่องนี้

มีองค์กรด้านสิทธิมนุษยชนอื่นๆ เข้ามาดูแลบ้างไหม

ตอนนี้ยังไม่มีองค์กรไหนเข้ามาดู ในส่วนเพื่อนที่ทำงานในองค์กรสิทธิมนุษยชนต่างๆ ก็มีการคุยกันบ้าง แต่ก็เป็นลักษณะส่วนตัวมากกว่า กำลังคิดว่าจะไปยื่นกับคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ แต่ไม่ได้มุ่งหวังความช่วยเหลือ

หรืออะไร เพราะดูจากบทบาทที่ผ่านมาแล้วคงคาดหวังไม่ได้ แต่อาจจะยื่นเพราะอยากพิสูจน์ว่าคณะกรรมการสิทธิฯ จะมีแนวทางพิจารณาเรื่องสิทธิแบบนี้อย่างไร

ได้กลับไปศึกษาคดีหมิ่นฯ ที่ตัดสินไปแล้ว เพื่อเป็นแนวทางเปรียบเทียบกับคดีของตัวเองบ้างไหม

ก็มีคดีที่ใกล้เคียงอยู่ เช่น คดีปี 2522 มีการฎีกาแต่ถูกจำคุก เป็นคดีที่ใกล้เคียง คนนั้นเขาไม่ยืนแล้วพูดด้วยว่าเพลงอะไรฟังไม่รู้เรื่อง ซึ่งก็ไม่เหมือนกับกรณีของเรา เพราะแม้ว่าผมจะไม่ยืนแต่ผมก็เคารพสิทธิ์ของคนที่อยากจะยืนเหมือนกัน ผมให้เกียรติพิธีกรรมของเขาด้วยการเลือกที่จะนั่งอย่างสงบ

ในจดหมายที่ส่งให้สภาทนายความมีข้อความระบุว่า กฎหมายหมิ่นฯ ก่อให้เกิดการเล่นงานทางการเมือง แล้วมีข้อเสนออะไรต่อกฎหมายนี้

จริงๆ กฎหมายนี้ควรยกเลิกไปเลย เพราะมีคนได้รับผลกระทบจากคดีนี้เยอะแยะเลย เป็นข้อกล่าวหาที่ใช้ทางการเมืองมากที่สุด คุณสนธิ ลิ้มทองกุล ก็ถูกฝ่ายคนรักทักษิณกล่าวหาด้วยข้อหานี้ คุณทักษิณเอง หรือพรรคพวกก็ถูกกล่าว

หาด้วยข้อหานี้เหมือนกัน ทั้งๆ ที่มันเป็นคดีอาญาและมีโทษหนักมาก จำคุก 15 ปี แต่กลับถูกนำไปใช้และถูกตีความให้กว้างไปได้เรื่อยๆ เวลาไม่ชอบใครก็จ้องจับผิดเขาแล้วก็เอาข้อหานี้ไปยัดให้ได้ง่ายๆ โดยที่คนกล่าวหาไม่ต้องรับผิดชอบอะไรเลย

แต่ถ้าจะมีกฎหมายนี้ต่อไปผมคิดว่า ราชวงศ์หรือสำนักพระราชวังควรเป็นผู้ฟ้องเอง ไม่ใช่ปล่อยให้ใครก็ได้มาฟ้องจนเละเทะแบบนี้ ความหวังของการสู้คดีนี้คืออะไร

ความหวังขั้นต่ำสุดของผมคือ ต้องการให้การไม่ยืนเป็นเรื่องที่ไม่ผิดกฎหมาย เป็นเรื่องที่ทำได้ ไม่ใช่แค่รอดคดีนี้อย่างเดียว

เตรียมเรื่องการประกันตัวไว้ไหม

ประเมินกันอยู่เหมือนกันว่าจะต้องเตรียมประกันตัวหรือเปล่า แต่ตำรวจก็บอกว่าถ้าเราไปรับทราบข้อกล่าวหาก็จะไม่ออกหมายจับ แต่ทนายก็บอกว่าตำรวจมีสิทธิจะออกหมายจับได้ ตอนนี้ยังประเมินอยู่ว่าต้องเตรียมหรือเปล่า ถ้าเป็นเงินก็เยอะ คนละสองแสน ถ้าเป็นคน ก็ต้องหาข้าราชการที่เงินเดือน 20,000 บาทขึ้นไป

วันที่ 22 เม.ย.ที่จะไปพบตำรวจ มีการประสานกับเครือข่ายต่างๆ ไว้ไหม

คงจะชวนเพื่อนๆ ไปกัน มีทนาย และนักข่าวที่ตามเรื่องนี้ ซึ่งในเวลา 13.00 น. ผมได้เตรียมแถลงการณ์ไปอ่านที่หน้า สน.ปทุมวัน ด้วย

------------------------------------------
โดย : ประชาไท วันที่ : 21/4/2551
--------------------
‘สองไม่ยืนเพลงสรรเสริญฯ’ รับทราบข้อกล่าวหา เปิดแคมเปญ “ไม่ยืนไม่ใช่อาชญากร เห็นต่างไม่ใช่อาชญากรรม”

สืบเนื่องจากกรณีที่นายนวมินทร์ วิทยกุล อายุ 40 ปี ฟ้องนายโชติศักดิ์ อ่อนสูง และนางสาวชุติมา เพ็ญภาค เนื่องจากทั้งคู่ไม่ได้ยืนขึ้น เมื่อมีการบรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมีในโรงภาพยนตร์แห่งหนึ่งว่า หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 (“ผู้ใดหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สามปีถึงสิบห้าปี”) ซึ่ง นายโชติศักดิ์ อ่อนสูง และเพื่อน มีกำหนดจะเดินทางไปรับทราบข้อกล่าวหา ที่ สน.ปทุมวันในเวลา 13.30น. วันนี้ (22 เม.ย.)

ล่าสุด (22 เม.ย.) เมื่อเวลาประมาณ 13.15น. ที่หน้า สน.ปทุมวัน นายโชติศักดิ์ อ่อนสูง ให้สัมภาษณ์ว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้โทรศัพท์ติดต่อมายังทนายของเขา เพื่อขอเลื่อนการรับทราบข้อกล่าวหาจากเวลา 13.30น. เป็นเวลา 16.30น. วันเดียวกัน

จากนั้น นายโชติศักดิ์ ได้อ่านแถลงการณ์ (อ่านฉบับเต็มที่ด้านล่าง) โดยยืนยันว่า การที่ไม่ยืนนั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์แต่อย่างใด

“การกระทำที่แตกต่างกัน เช่น การยืนและไม่ยืนเมื่อมีการบรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมีไม่ได้เป็นปัญหา แต่การไม่เคารพสิทธิเสรีภาพของบุคคลอื่น การไม่เคารพความแตกต่างด้วยการทำร้ายร่างกายหรือฟ้องร้องด้วยกฎหมายครอบจักรวาลต่างหากที่เป็นปัญหา” นายโชติศักดิ์ กล่าว

เขากล่าวว่า คดีนี้ไม่ใช่คดีธรรมดา ข้อกล่าวหาลักษณะนี้ถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองจำนวนมาก กลุ่มการเมืองทุกกลุ่มก็ล้วนแต่หยิบกฎหมายนี้มาใช้เพื่อโจมตีกัน บางครั้งคนธรรมดาอย่างเขาก็โดนไปด้วย และยังมีการตีความตัวกฎหมายกว้างออกไปเรื่อยๆ ด้วย จึงได้ตัดสินทำการรณรงค์แคมเปญ “ไม่ยืนไม่ใช่อาชญากร เห็นต่างไม่ใช่อาชญากรรม” ขึ้น โดยหวังว่า จะทำให้การไม่ยืนเป็นสิ่งที่ทำได้โดยไม่ถูกดำเนินคดีตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112

ส่วนกรณีที่นายโชติศักดิ์ และเพื่อนได้แจ้งความกับนายนวมินทร์ วิทยกุล คนละ 4 ข้อหา ได้แก่ 1.ดูหมิ่นซึ่งหน้า 2.ร่วมกันทำร้ายร่างกาย 3.ทำให้เสียทรัพย์ 4.ร่วมกันบังคับข่มขืนใจให้กระทำ หรือไม่กระทำการ นั้น นายโชติศักดิ์กล่าวว่า ไม่ทราบความคืบหน้าของคดี เนื่องจากหลังจากตรวจร่างกายหลังจากวันเกิดเหตุหนึ่งวัน (21 ก.ย.50) และเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เรียกไปสอบปากคำ 1 ครั้ง หลังจากนั้นก็ไม่ได้รับการติดต่อใดๆ อีก

ต่อมาเวลาประมาณ 16.20น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้พานายโชติศักดิ์และเพื่อนไปที่ชั้นสองของ สน.ปทุมวัน และไม่อนุญาตให้ผู้สื่อข่าวเข้าร่วม โดยให้เหตุผลว่า เป็นการสอบปากคำ อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจระบุว่า ทางตำรวจจะไม่แถลงข่าวเกี่ยวกับคดีนี้

อนึ่ง ที่เว็บไซต์ ttp://www.petitiononline.com/Chotisak/petition.html มีการเขียนข้อความให้กำลังใจนายโชติศักดิ์และเพื่อน โดยระบุว่า ขอให้กำลังใจนายโชติศักดิ์ และเพื่อนในการต่อสู้คดีให้ถึงที่สุด และไม่เห็นด้วยกับการใช้กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ปิดกั้นการแสดงออกของบุคคล ประหนึ่งว่าคนเหล่านั้นเป็นอาชญากร ดังที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน รวมถึงไม่เห็นด้วยกับการใช้ความรุนแรงกับผู้ที่มีความคิดเห็น หรืออุดมการณ์ทางการเมืองที่แตกต่างกัน ไม่ว่าความคิดหรืออุดมการณ์ทางการเมืองดังกล่าว จะเป็นอย่างไรก็ตาม เพราะเชื่อว่า ความคิดเห็นหรืออุดมการณ์ทางการเมืองที่แตกต่างกันไม่ใช่อาชญากรรม แต่เป็นความงดงามของระบอบประชาธิปไตยที่ต้องรักษาไว้ โดยขณะนี้มีผู้ลงชื่อร่วมให้กำลังใจจำนวน 100 กว่ารายชื่อ

“ยาม” รายงาน แก๊งหมิ่นสถาบันพล่านเต็มเว็บเครือข่าย “แม้ว”

ด้านเว็บไซต์ผู้จัดการออนไลน์ รายงานในพาดหัว “ยามฯ” แฉ “นายใหญ่” จ้องปลด “หมัก” - แก๊งหมิ่นสถาบันพล่านเต็มเว็บเครือข่าย “แม้ว” ว่า รายการยามเฝ้าแผ่นดิน ซึ่งออกอากาศทางเอเอสทีวี ได้รายงานข่าวกรณีของนายโชติศักดิ์ โดยกล่าวถึงการเดินทางมารับทราบข้อกล่าวหาในความผิด ฐานหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ต่อพนักงานสอบสวน สน.ปทุมวัน ของนายโชติศักดิ์ อ่อนสูง 1 ในแกนนำเครือข่าย 19 กันยา ต้านรัฐประหาร ว่า เป็นหนึ่งในเหตุการณ์ที่สอดคล้องกับการตั้งข้อสังเกตถึงการเสนอข่าวเนปาลของ เอ็นบีทีเมื่อวันก่อน

โดยนายคำนูญ สิทธิสมาน สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ระบบสรรหา ผู้ดำเนินรายการ แสดงความเห็นกรณีนายโชติศักดิ์แจกแถลงการณ์ 2 ฉบับ ซึ่งอ้างถึงสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง ว่า สิทธิเสรีภาพในการคิดต่างนั้นมีได้ แต่การอยู่ร่วมกันในสังคมนั้นต้องมีกติกากันตามสมควร

“กรณีของนายโชติศักดิ์ ไม่ปรากฏเป็นข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ทั่วไป คงจะระมัดระวังกันพอสมควร อย่างไรก็ตาม ข่าวดังกล่าวนี้ถูกเผยแพร่เว็บไซต์ของกลุ่มเครือข่ายแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ (นปก.) เป็นที่ฮือฮาตั้งแต่ปี 2550 มีการโพสต์ข้อความลงในกระทู้ในเว็บไซต์หลายแห่งหนึ่งโดยเฉพาะในกลุ่มเครือข่ายของผู้สนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร”

“นายโชติศักดิ์นั้นมีชีวิตและอุดมการณ์ที่ตรงกับ นปก. ขณะเดียวกันยังให้สัมภาษณ์เปิดใจกับเว็บไซต์หนังสือพิมพ์ออนไลน์ประชาไท เมื่อวันที่ 21 เมษายน ที่ผ่านมา มีการโพสต์ข้อความท้ายบทสัมภาษณ์ที่ดูจะหมิ่นเหม่ต่อการกระทำผิดกฎหมายค่อนข้างสูง”

นอกจากนี้ ผู้ดำเนินรายการ กล่าวว่า หากย้อนไปวันเกิดเหตุเมื่อวันที่ 20 กันยายนปีที่แล้ว นายโชติศักดิ์ สวมใส่เสื้อสีแดง เป็นสีที่กลุ่ม นปก.และเครือข่ายแนวร่วมใช้ในการรณรงค์ต่อต้านรัฐประหาร พร้อมทั้งตั้งข้อสังเกตว่า ลักษณะพิเศษเฉพาะของไทยคือ เมื่อพูดถึงประชาธิปไตย ต้องเน้นย้ำถึงระบอบประชาธิปไตยอันทรงมีพระมหากษัตริย์เป็นพระประมุข แต่ในระยะ 1-2 ปี มีกระแสการเคลื่อนไหวของนักวิชาการ และกลุ่มคนใกล้ชิดพรรคไทยรักไทย แนวร่วม นปก.เสนอระบอบประชาธิปไตยเฉยๆ หรือประชาธิปไตยของปวงมหาประชาชน พร้อมด้วยการสอดแทรกบทความตัวอย่างรูปแบบของระบอบดังกล่าวสู่สาธารณชน โดยเห็นว่าสถาบันองคมนตรีไม่มีความจำเป็น มีคณะรัฐมนตรี (ครม.) ก็เพียงพอแล้ว

“นอกจากนี้ รูปธรรมกระแสอุดมการณ์ใหม่ยังปรากฏอยู่ในข้อเขียน และการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในเว็บบอร์ดและเว็บไซต์ที่มีความคิดเห็นในแนวทางเดียวกัน มีความหมิ่นเหม่หลายต่อหลายครั้ง ขณะเดียวกันยังเปิดพื้นที่ใน

เว็บบอร์ดเพื่อแสดงความคิดเห็น มีรหัสเรียกขานชวนให้คิดให้เข้าใจว่า จงใจหมายถึงสถานบันที่เคารพสูงสุด สิ่งเหล่านี้มันซึมเข้าไปในหมู่เยาวชนคนรุ่นใหม่จำนวนหนึ่ง อายุรุ่นราวคราวเดียวกันกับนายโชติศักดิ์ มาเคลื่อนไหวอยู่

ในโลกไซเบอร์ พร้อมแสดงพลังสนับสนุนนายโชติศักดิ์ หลังโดนคดี”

“นอกจากนี้ยังมีการเคลื่อนไหวผ่านเว็บบล็อกที่ตั้งชื่อแสดงอุดมการณ์ไว้ชัดเจน ขึ้นต้นว่า กีโยติน (เครื่องมือสังหารในอดีตของประเทศฝรั่งเศส) เผยแพร่ข่าวในเชิงเสกสรรปั้นแต่ง คนไทยอ่านแล้วเกิดความรู้สึกสะเทือนใจ อีกทั้งยัง

เผยแพร่เรื่องราวที่เรียกว่าเป็น พงศาวดารฉบับบกระซิบ เพราะไม่ปรากฏความเป็นจริง นอกจากนี้ยังเปิดให้ดาวโหลดหนังสือต้องห้ามอย่างจงใจ การเผยแพร่าเหล่านี้ดำเนินการโดยกลุ่มคนที่ทึกทักว่าเป็นลูกหลานพระเจ้าตาก บาง

คนใช้นามแฝงพระยาพิชัยแสดงความคิดเห็นโลดแล่นอยู่ในเว็บไซต์สนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ เรื่องเหล่านี้เป็นสิ่งที่น่าเป็นห่วงมาก รัฐบาลจะมองและดำเนินการอย่างไร ต้องตรวจสอบข้อมูล สิ่งต่างๆ เหล่านี้นายกรัฐมนตรีต้องตอบสังคมให้ได้”
-----------------
แถลงการณ์

ตามที่มีผู้ไปแจ้งความกล่าวหาว่าผมหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 (“ผู้ใดหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สามปีถึงสิบห้าปี”) เนื่องจากผมไม่ยืนเมื่อมีการบรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมีนั้น

1.ผมขอยืนยันว่าสิ่งที่ผมทำไปไม่ได้มีเจตนาที่จะหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์แต่อย่างใด
2.ผมขอยืนยันว่าเพียงการนั่งอย่างสงบเมื่อมีการบรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมีไม่เป็นการหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์แต่อย่างใด
3.ผมขอยืนยันว่าการยืน/ หรือไม่ยืนเมื่อมีการบรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมีเป็นสิทธิที่ประชาชนพึงจะเลือกได้ ตามแต่ความคิด/ ความเชื่อ/ ความศรัทธาของแต่ละบุคคล ตามที่รัฐธรรมนูญมาตรา 4 และมาตรา 28 ได้บัญญัติรับรองไว้
4.ผมเห็นว่าควรยกเลิกกฎหมายอาญามาตรา 112 เพราะ
1)ได้มีการนำกฎหมายมาตรานี้มาใช้เพื่อจำกัดสิทธิเสรีภาพของประชาชน ดังตัวอย่างที่เกิดขึ้นกับผม ซึ่งแม้ว่ารัฐธรรมนูญมาตรา 29 จะอนุญาตให้มีกฎหมายที่จำกัดสิทธิและเสรีภาพของประชาชนได้ แต่รัฐธรรมนูญก็ได้บัญญัติไว้อย่างชัดเจนว่า “เฉพาะเพื่อการที่รัฐธรรมนูญนี้กำหนดไว้และเท่าที่จำเป็น และจะกระทบกระเทือนสาระสำคัญแห่งสิทธิและเสรีภาพนั้นมิได้” ดังนั้น หากมีกฎหมายอื่นใดที่มีลักษณะจำกัดสิทธิและเสรีภาพของประชาชน แต่เป็นการนอกเหนือที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้หรือโดยไม่จำเป็น หรือกระทบกระเทือนสาระสำคัญแห่งสิทธิและเสรีภาพ กฎหมายนั้นย่อมใช้บังคับไม่ได้ เนื่องจาก “รัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ บทบัญญัติใดของกฎหมาย กฎหรือข้อบังคับ ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญนี้ บทบัญญัตินั้นเป็นอันใช้บังคับมิได้”

2)ได้มีบุคคลหลายกลุ่มหลายพวกนำกฎหมายมาตรานี้ไปเป็นเครื่องมือเพื่อกำจัดฝ่ายตรงข้าม/ คู่แข่งทางการเมือง และโดยไม่ต้องรับผิดชอบใดๆ ซ้ำการตีความกฎหมายก็กว้างไกลออกไปเรื่อยๆ (ทั้งที่เป็นที่ยอมรับกันในแวดวงกฎหมายว่ากฎหมายอาญาจะต้องตีความกันตามตัวอักษร) จนดูเหมือนกับว่าอะไรๆ ก็หมิ่นพระบรมเดชานุภาพไปหมด

5.ผมเห็นว่าการกระทำที่แตกต่างกัน เช่น การยืนและไม่ยืนเมื่อมีการบรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมีไม่ได้เป็นปัญหา แต่การไม่เคารพสิทธิเสรีภาพของบุคคลอื่น การไม่เคารพความแตกต่างด้วยการทำร้ายร่างกาย หรือฟ้องร้องด้วยกฎหมายครอบจักรวาลต่างหากที่เป็นปัญหาไม่ยืน

ไม่ใช่อาชญากร เห็นต่างไม่ใช่อาชญากรรม

โชติศักดิ์ อ่อนสูง
22 เมษายน 2551
---------------
“ยามฯ” แฉ “นายใหญ่” จ้องปลด “หมัก” - แก๊งหมิ่นสถาบันพล่านเต็มเว็บเครือข่าย “แม้ว”

โดย ผู้จัดการออนไลน์ 22 เมษายน 2551 23:13 น.

“ยามเฝ้าแผ่นดิน” แฉขบวนการหมิ่นเหม่เบื้องสูง เพ่นพ่านทั่วเว็บไซต์เครือข่ายหนุน “ทักษิณ” ล่าสุดแกนนำ“19ก.ย.ต้านรัฐประหาร”เข้ารับข้อหาหมิ่นฯ ฐานไม่ยืนเคารพเพลงสรรเสริญฯ จี้ “หมัก” สวมวิญญาณ “เลือดสีน้ำเงิน” ใช้อำนาจนายกฯ-รมว.กลาโหม ตัดสินใจยุติปัญหาก่อนสายเกินแก้ พร้อมชี้เบาะแส “นายใหญ่-นายหญิง” จ้องปลดนายกฯ นอมินี


รายการ “ยามเฝ้าแผ่นดิน” ออกอากาศทางเอเอสทีวี คืนวันที่ 22 เมษายน นายคำนูณ สิทธิสมาน สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ระบบสรรหา และนางจินดารัตน์ เจริญชัยชนะ ร่วมดำเนินรายการ โดยในช่วงแรกได้กล่าวถึงการเดินทางมารับทราบข้อกล่าวหาในความผิด ฐานหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ต่อพนักงานสอบสวน สน.ปทุมวัน ของนายโชติศักดิ์ อ่อนสูง 1 ในแกนนำเครือข่าย 19 กันยา ต้านรัฐประหาร ว่า เป็นหนึ่งในเหตุการณ์ที่สอดคล้องกับการตั้งข้อสังเกตถึงการเสนอข่าวเนปาลของ เอ็นบีทีเมื่อวันก่อน

กรณีดังกล่าวนายโชติศักดิ์ไม่ยอมยืนตรงทำความเคารพ ขณะมีการเปิดเพลงสรรเสริญพระบารมีในโรงภาพยนตร์ ทำให้ถูกแจ้งความดำเนินคดีฐานหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ซึ่งระหว่างไปรับทราบข้อกล่าวหา นายโชติศักดิ์ได้แจกแถลงการณ์ 2 ฉบับ เป็นประเด็นที่ล่อแหลมมาก โดยนายโชตศักดิ์ได้อ้างถึงสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง ซึ่งนายคำนูณกล่าวว่า สิทธิเสรีภาพในการคิดต่างนั้นมีได้ แต่การอยู่ร่วมกันในสังคมนั้นต้องมีกติกากันตามสมควร

กรณีของนายโชติศักดิ์ ไม่ปรากฏเป็นข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ทั่วไป คงจะระมัดระวังกันพอสมควร อย่างไรก็ตาม ข่าวดังกล่าวนี้ถูกเผยแพร่เว็บไซต์ของกลุ่มเครือข่ายแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ (นปก.) เป็นที่ฮือฮาตั้งแต่ปี 2550 มีการโพสต์ข้อความลงในกระทู้ในเว็บไซต์หลายแห่งหนึ่งโดยเฉพาะในกลุ่มเครือข่ายของผู้สนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร

นายโชติศักดิ์นั้นมีชีวิตและอุดมการณ์ที่ตรงกับ นปก. ขณะเดียวกันยังให้สัมภาษณ์เปิดใจกับเว็บไซต์หนังสือพิมพ์ออนไลน์ประชาไท เมื่อวันที่ 21 เมษายน ที่ผ่านมา มีการโพสต์ข้อความท้ายบทสัมภาษณ์ที่ดูจะหมิ่นแหม่ต่อการกระทำผิดกฎหมายค่อนข้างสูง

**แนวคิดอันตรายแพร่ทั่วโลกไซเบอร์

ผู้ดำเนินรายการ กล่าวว่า หากย้อนไปวันเกิดเหตุเมื่อวันที่ 20 กันยายนปีที่แล้ว นายโชติศักดิ์ สวมใส่เสื้อสีแดง เป็นสีที่กลุ่ม นปก.และเครือข่ายแนวร่วมใช้ในการรณรงค์ต่อต้านรัฐประหาร เป็นรูปธรรมที่จับต้องได้ของกระแสอุดมการณ์ใหม่ในระบอบประชาธิปไตย คือ เมื่อเราพูดถึงประชาธิปไตย ต้องเน้นย้ำถึงระบอบประชาธิปไตยอันทรงมีพระมหากษัตริย์เป็นพระประมุข เป็นลักษณะพิเศษเฉพาะของไทย แต่ในระยะ 1-2 ปี มีกระแสการเคลื่อนไหวของนักวิชาการ และกลุ่มคนใกล้ชิดพรรคไทยรักไทย แนวร่วม นปก.เสนอระบอบประชาธิปไตยเฉยๆ หรือประชาธิปไตยของปวงมหาประชาชน พร้อมด้วยการสอดแทรกบทความตัวอย่างรูปแบบของระบอบดังกล่าวสู่สาธารณชน โดยเห็นว่าสถาบันองคมนตรีไม่มีความจำเป็น มีคณะรัฐมนตรี (ครม.) ก็เพียงพอแล้ว

นอกจากนี้ รูปธรรมกระแสอุดมการณ์ใหม่ยังปรากฏอยู่ในข้อเขียน และการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในเว็บบอร์ดและเว็บไซต์ที่มีความคิดเห็นในแนวทางเดียวกัน มีความหมิ่นแหม่หลายต่อหลายครั้ง ขณะเดียวกันยังเปิดพื้นที่ใน

เว็บบอร์ดเพื่อแสดงความคิดเห็น มีรหัสเรียกขานชวนให้คิดให้เข้าใจว่า จงใจหมายถึงสถานบันที่เคารพสูงสุด สิ่งเหล่านี้มันซึมเข้าไปในหมู่เยาวชนคนรุ่นใหม่จำนวนหนึ่ง อายุรุ่นราวคราวเดียวกันกับนายโชติศักดิ์ มาเคลื่อนไหวอยู่
ในโลกไซเบอร์ พร้อมแสดงพลังสนับสนุนนายโชติศักดิ์ หลังโดนคดี

ผู้ดำเนินรายการ กล่าวต่อว่า การเมืองไทย นับตั้งแต่ 2544 มีการก่อรูปแนวร่วมอุดมการณ์ใหม่ที่ยึดถือประชาธิปไตยเฉยๆ มีความเหิมเกริมลอย่างมากในปี 2549 ต่อเนื่องถึงปี 2550 พุ่งเป้าไปที่ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ นอกจกลุ่มคนพิราบขาว 2006 สวมใส่เสื้อแดง สกรีนข้อความไว้ด้านหลัง อ้างตนเป็นลูกหลานพระเจ้าตาก จะมากู้ชาติ โดยคนกลุ่มนี้อยู่ในกลุ่มคนที่มาประท้วงขับไล่ คมช.พยายามยกยอปอปั้น พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เปรียบเทียบชื่อภาษาอังกฤษให้อ่านคล้ายตากสินอย่างจงใจ

นอกจากนี้ยังมีการเคลื่อนไหวผ่านเว็บบล็อกที่ตั้งชื่อแสดงอุการณ์ไว้ชัดเจน ขึ้นต้นว่า กีโยติน (เครื่องมือสังหารในอดีตของประเทศฝรั่งเศส) เผยแพร่ข่าวในเชิงเสกสรรปั้นแต่ง คนไทยอ่านแล้วเกิดความรู้สึกสะเทือนใจ อีกทั้งยังเผยแพร่เรื่องราวที่เรียกว่าเป็น พงศาวดารฉบับบกระซิบ เพราะไม่ปรากฏความเป็นจริง นอกจากนี้ยังเปิดให้ดาวโหลดหนังสือต้องห้ามอย่างจงใจ การเผยแพร่าเหล่านี้ดำเนินการโดยกลุ่มคนที่ทึกทักว่าเป็นลูกหลานพระเจ้าตาก บางคนใช้นามแฝงพระยาพิชัยแสดงความคิดเห็นโลดแล่นอยู่ในเว็บไซต์สนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ เรื่องเหล่านี้เป็นสิ่งที่น่าเป็นห่วงมาก รัฐบาลจะมองและดำเนินการอย่างไร ต้องตรวจสอบข้อมูล สิ่งต่างๆ เหล่านี้นายกรัฐมนตรีต้องตอบสังคมให้ได้

**เบาะแส “นายใหญ่” จ้องปลด “หมัก”

ผู้ดำเนินรายการกล่าวว่า เป็นที่รู้กันดีว่านายสมัคร สุนทรเวชนั้นถูกเลือกมาเป็นนายกรัฐมนตรีเพราะเป็นคนที่จงรักภักดี แต่ขณะเดียวกันก็ปฏิปักษ์ต่อ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ อย่างไรก็ตาม หากจะเป็นปฏิปักษ์ในนามส่วนตัวกับพล.อ.เปรมก็เป็นไป แต่จะเป็นปฏิปักษ์ต่อความเป็นประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษไม่ได้ เพราะตำแหน่งเหล่านี้ไม่ใช่แต่งตั้งหรือยกย่องกันเอาเองแต่เป็นตำแหน่งที่ได้มาจากการโปรดเกล้าฯ

นายคำนูณ กล่าวว่า คนที่ต้องการจะเอานายกสมัครลงจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นคนที่ให้นายสมัครขึ้นมาเป็นนายกฯ นั่นเอง ทั้งนี้ มีข้อสังเกตจากกรณีที่เมื่อหลายวันก่อนหน้านี้นายสมัครเคยเกรี้ยวกราดใส่หนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งที่เขียนว่าคนใกล้ชิดนายสมัครมีพฤติกรรมทุจริต ซึ่งนายสมัครได้บอกให้เอาหลักฐานไปให้ภายใน 3 วัน แต่ขณะนี้ก็เลย 3 วันมาแล้ว ก็ไม่ทราบว่าหนังสือพิมพ์ฉบับนั้นเป็นใคร

อย่างไรก็ตาม ถ้าดูการเขียนคอลัมน์ในหนังสือพิมพ์ “บางกอกทูเดย์” ช่วงหลังก็จะเห็นบทความที่เขียนในเชิงลบกับนายสมัครมากขึ้น เช่น บทความที่ช่อ “เขย่าเก้าอี้สมัครจากเงาที่มองไม่เห็น” มีการใช้คำว่า “รักยมคู่หูดูโอ้ จอมไถสะท้านเมืองไทย” ในการกล่าวโจมตี ส่งผลลบต่อนายสมัคร ทั้งนี้ เป็นที่ทราบกันดีกว่านายสมัครขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีโดยเอาคนใกล้ชิดเข้าไปทำงานด้วยเพียง 2 คน โดยคนหนึ่งเป็นรองนายกฯ อีกคนหนึ่งเป็นเลขาธิการนายกรัฐมนตรี

ขณะที่ “บางกอกทูเดย์” เขียนโจมตีหนักว่ามีการรีดไถ และเมื่อ 2 วันก่อหน้านี้ มีข้อเขียนเรื่อง “ราหูอมหมัก” โดยบอกว่าให้ระวังบริวารเป็นพิษเพราะ “รักยม” ถึงจะไปบูชาราหูที่ไหนก็ไม่ประสบความสำเร็จ และคาดว่าจะมีบทความออกมาลักษณะนี้ออกมาเรื่อยๆ

นายคำนูณ กล่าวต่อว่า ที่จริงแล้ว เป็นที่ทราบกันดีว่า “บางกอกทูเดย์” นั้น มีผู้ใหญ่ที่ดูแลอยู่คือนายเผด็จ ภูริปฏิภาณ หรือ “พญาไม้” ซึ่งเวลานี้ทราบกันดีว่าเป็นคนที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ให้ความเชื่อถือมากที่สุดคนหนึ่ง จึงไม่ทราบว่าข้อเขียนต่างๆ นั้น เขียนไปโดยรู้เอง หรือว่ามีสัญญาณอะไร ที่ใครส่งมาให้บ้างหรือไม่

“จริงๆ แล้ว เวลาคุณสมัครแถลงข่าว ไม่ต้องเกรี้ยวหกราดกับสื่อฉบับอื่นหรอก แต่น่าจะเรียกผู้ใหญ่ในฉบับนั้นมาถามดูว่า ที่เขียนอย่างนั้นหมายความว่าอย่างไร”นายคำนูณกล่าว

นอกจากนี้ การที่หนังสือพิมพ์ฉบับดังกล่าวโจมตีนายสมัคร ยังสอดคล้องกับข่าวที่ว่า “นายใหญ่” และ “นายหญิง” ไม่ค่อยพอใจเท่าใดนัก โดยเฉพาะ “นายหญิง”ไม่พอใจกับสิ่งที่นายสมัครทำขณะอยู่ในตำแหน่งนี้ แม้ว่านายสมัครจะเอาคนของตัวเองเข้าไปทำงานด้วยเพียง 2 คน แต่ไม่แน่ใจว่าไปขบเหลี่ยมกับคนของ “นายหญิง” อยู่หรือไม่ คอการเมืองคงพอจะรู้ว่ารัฐมนตรีคมนาคมนั้นใครส่งมา ส่วนรองนายกฯ มือขวาของนายสมัครนั้นได้คุมกระทรวงไหน

**จี้ “หมัก” รีบกลับใจ สังคมให้อภัยเสมอ

นายคำนูณกล่าวต่อว่า การส่งสัญญาณเตีอนออกมารแรงๆ แบบนี้มีนัยอะไรหรีอไม่อย่างไร แต่เมื่อประกอบเหตุการณ์ต่างๆ ที่เป็นมา ณ นาทีนี้ เวลาของนายสมัครมีไม่มากนักแล้ว และเชื่อว่าคนที่ตั้งนายสมัครขึ้น ก็ใช่ว่าจะดูดำดูดีกับนายสมัครอีกต่อไป ถ้าพ้นจากตำแหน่งไปแล้วเขาก็คงไม่สนใจ ถึงเวลาที่นายสมัครจะต้องตัดสินใจทำอะไรสักอย่าง แต่ไม่ใช่ไปโอนอ่อนผ่อนตาม ซึ่งจะมีแต่เสีย เสียทั้งศักดิ์ศรีและเสียเกียรติ

นอกจากนี้ สถานการณ์ต่างๆ ที่ปรากฏก็ส่อเค้าว่าจะเผชิญหน้ากันมากขึ้น แม้แต่ภายในกลุ่มของเขาเอง นายจาตุรนต์ ฉายแสง เสนอแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญออกมาโดยให้ผ่านกระบวนการสภาร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นข้อเสนอที่ชาญฉลาด ฟังแล้วดูดี ไม่เสียประโยชน์ แต่พวกเขาก็ไม่เอา ยังดึงดันจะแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยรัฐสภาที่มีส่วนได้เสียต่อไป เหมือนกับว่าทุกฝ่ายเปิดพร้อมจะเปิดหน้าชก ไม่ยอมกัน สถานการณ์อย่างนี้ ยังมองไม่เห็นว่าจะมีทางแก้ไขได้

นายคำนูณ กล่าวต่อว่า หากนายสมัครจะกลับคืนสู่จิตวิญญาณของคนที่มีความรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์แล้ว อำนาจของการเป็นนายกฯ และ รมว.กลาโหม ยังพอมีทางที่จะทำอะไรได้ แต่ถ้าไม่ทำ บ้านเมืองคงเดินไปสู่จุดที่คาดคำนวณไม่ได้จริงๆ แต่คาดคำนวณได้ว่าชีวิตทางการเมืองของนายสมัครคงจบไม่สวย เมื่อลงจากตำแหน่ง หันไปทางไหนก็ไม่มีใครเหลียวแล แต่ถ้าทำอะไรสักอย่าง มหาชนที่รักแผ่นดินจะยืนเคียงข้างเสมอ

ทั้งนี้ สังคมไทยเป็นสังคมที่ให้อภัยเสมอ เมื่อก่อนนายสมัคร ในทางการเมืองไม่เหลืออะไรเลย แต่วันหนึ่งถูกหักหลังอย่างน่าสงสารกรณี “กลุ่มงูเห่า” ทำให้พรรคล่มสลาย พอมาสมัครลงเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.จึงได้รับเลือกอย่างถล่มทลาย แม้ว่าพอมาเป็นแล้วทำงานบ้างไม่ทำบ้าง ก็ไม่มีใครสนใจเพราะถือว่าเป็นการให้รางวัลนายสมัคร มาคราวนี้ ถึงแม้นายสมัครจะโดนด่าว่าบ้าง แต่ถ้าใช้อำนาจในฐานะนายกฯ และ รมว.กลาโหม และใช้ด้วยความจงรักภักดี ด้วยจิตวิญญาณเจ้าของคอลัมน์ “มุมน้ำเงิน” คนเดิม ก็อาจช่วยรักษาบ้านรักษาเมืองในช่วงนี้ไว้ได้ หรือถ้าจำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลงก็จะหลีกเลี่ยงการสูญเสียได้บ้าง

ผู้ดำเนินรายการ กล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงในทางการเมืองตอนนี้ ไม่ใช่เรื่องของการแย่งชิงกันระหว่างคนรักทักษิณ กับคนไม่ชอบทักษิณเท่านั้น แต่ไปไกลกว่านั้น มันเป็นอนาคตเป็นวิกฤติของระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ถ้าระบอบนี้ก้าวไม่พ้นวิกฤติในช่วงนี้ เชื่อว่าจะน่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง
-----------------------
อ่านเรื่องประกอบ : เพลงสรรเสริญพระบารมีมาจากไหน : ชาญวิทย์ เกษตรศิริ


Create Date : 23 เมษายน 2551
Last Update : 23 เมษายน 2551 22:25:16 น. 34 comments
Counter : 2310 Pageviews.

 
คุณอยู่บนผืนดินไทย ประเทศที่ไม่เคยตกเป็นเมืองขึ้นของใครด้วยพระปรีชาสามารถของพระมหากษัตริย์ทุกๆพระองค์ คุณมีแผ่นดินอาศัย มีแม่ที่เบ่งคุณออกมา มียายที่คลอดแม่คุณออกมา มีทวดที่คลอดแม่ของแม่คุณออกมา คุณเคยสำนึกรู้คุณพ่อแม่ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ที่ทำให้คุณเกิดมามีที่ซุกหัวนอน มีแผ่นดินอยู่บ้างหรือไม่ ถ้าไม่ คุณก็ไม่ไช่มนุษย์ แล้วจะเรียกร้องหาสิทธิมนุษยชนทำไม ในเมื่อคุณไม่ไช่มนุษย์


โดย: สำนึกรู้คุณ IP: 125.25.91.154 วันที่: 23 เมษายน 2551 เวลา:22:26:44 น.  

 
สรรเสริญพระบารมี


โดย: สำนึกรู้คุณ IP: 125.25.91.154 วันที่: 23 เมษายน 2551 เวลา:22:44:23 น.  

 
เรียนรัฐศาสตร์ ธรรมศาสตร์ ปี4 เรียนมา8 ปีแล้ว
นี่เบอร์โทร กลุ่มเขา เขาแจกให้ด้วย เขาไม่กลัว
นายสมบัติ บุญงามอนงค์ 081-420-1830
นายสุวิทย์ เลิศไกรเมธี 089-1650822
ชนกาญจน์ พันธุ์เดิมวงศ์ 086-339-1045
อดิศร เกิดมงคล 089-7887138
โชติศักดิ์ อ่อนสูง 086-618-1200


โดย: vb IP: 58.147.38.137 วันที่: 24 เมษายน 2551 เวลา:23:29:58 น.  

 
ไปอยู่ที่อื่นเถอะน้องประเทศไทยไม่ต้อนรับมันไม่ใช่เพราะน้องไม่ยืนแค่นั้นหรอกแต่เป็นเพราะความชั่วในหัวของน้องต่างหากกลับไปคิดให้ดีนะว่าตั้งแต่เกิดมาทำประโยชน์อะไห้ประเทศชาติเท่าในหลวงของคนไทยหรือปล่าว


โดย: อยากเตือน IP: 58.137.129.220 วันที่: 25 เมษายน 2551 เวลา:17:07:36 น.  

 
ต้องขอยกย่องคุณ "นวมินทร์" ที่กล้าต่อว่าผู้อื่นในกรณีนี้ เพราะเคยเจออยู่บ้าง 1-2 คน แต่ไม่กล้าว่า ไม่แต่มองด้วยสายตาตำหนิ กับบ่นเสียงดังเท่านั้น ส่วนคุณโชติศักดิ์และเพื่อนควรต้องศึกษาคำว่า "สิทธิและหน้าที่ของประชาชนขาวไทย"ให้ชัดเจน จะรู้ว่าต้องปฏิบัติตนอย่างไร ไม่ใช่เอากลุ่มองค์กรต่างๆ มาอ้างเป็นพวก เป็นนักต่อต้านต้องดุด้วยว่าสิ่งที่ต่อต้านถูกหรือผิด เหมาะสมหรือไม่เหมาะสม ไม่ใช่ต้านตะบันซะทุกอย่างทุกเรื่อง ขอเพียงให้ถูกใจ สะใจตัวเองเท่านั้น ถ้าเป็นเช่นนี้มากคนน่าเศร้าแทนประเทศไทย (ขณะนี้หลายฝ่ายในสังคมไทยก็กำลังเป็นเช่นคุณโชติศักดิ์และเพื่อน)... "พฤติกรรมและการใช้ภาษาบ่งบอกถึงสันดานของคนผู้นั้น"


โดย: คนบ้านนอก IP: 125.26.165.72 วันที่: 27 เมษายน 2551 เวลา:0:47:34 น.  

 
ประเทศไทยอยู่เป็นเอกราชได้จนทุกวันนี้ก็เพราะ พระราชวงศ์ ที่ทรงรักษาบ้านเมืองเอาไว้ และไม่เคยรังแกหรือเอาเปรียบประชาชน ประชาชนจึงเทิดทูนเหนือหัวมาทุกยุคทุกสมัย เพราะทุกพระองค์ทรงมีคุณต่อแผ่นดินและประชาชนชาวไทย อย่างหาที่สุดมิได้ เกิดมาเป็นคนโดยเฉพาะคนไทย จึงควรรู้จักกตัญญู และให้ความเคารพยกย่องผู้มีพระคุณ อีกอย่างในเมื่อรัฐธรรมนูญบัญญัติไว้ห้ามมิให้ผู้ใดละเมิดหรือกระทำการใดเป็นการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพต่อเจ้าเหนือหัว ถือว่าสังคมไทยยอมรับด้วยความเต็มใจและเต็มภาคภูมิ แล้วเอ็งเป็นใครที่จะมาอาศัยอยู่ในสังคมไทยโดยไม่เคารพกฏเกณฑ์และกฏหมายได้ คนอย่างเอ็งสมควรโดยประหารอย่างเดียวเลยเพราะเป็นบุคคลอันตรายต่อสถาบันอย่างมาก


โดย: นน IP: 124.121.50.87 วันที่: 28 เมษายน 2551 เวลา:15:57:40 น.  

 
พระเจ้าอยู่หัวทรงพระราชกรณียกิจเหนื่อยยากเพื่อคนไทย
กะอีแค่ยืนตรงถวายพระเกียรติแค่นี้มันยากมากหรือไง
ถ้าคุณได้เดินทางไปช่วยเหลือราษฎรมาทั้งประเทศแล้วมาทำอย่างงี้ค่อยมาฑุโฌณ์ฮ.ศฺ?ฒฯญ๙ฯฏํฯ


โดย: ผึ้ง IP: 58.8.74.194 วันที่: 29 เมษายน 2551 เวลา:20:29:58 น.  

 
ไม่เข้าใจว่าทำไมโรงหนังต้องเปิดเพลงสรรเสริญพระบารมีด้วยอ่ะ คนมาดูหนังนะไม่ได้มาเข้าเฝ้าอ่ะ อยากบรรเทิงอ่ะ ไม่อยากเครียด เพลงสรรเสริญไว้เปิดในงานพิธี ดีกว่าไหม มาพักพ่อนนะ ไม่ได้มาเข้าเฝ้า เอางี้ไหมละครทีวีทุกเรื่อง ก่อนเล่นต้องเปิดเพลงสรรเสริญพระบารมีให้สมาชิกในบ้านยึนตรงก่อนดูไหม 555555555
ตลกอ่ะ ถามกันตรงๆ คิดว่าจะยืนกันไหมอ่ะ 100 เอา บาทเดียว ฮา.............นายแน่มาก "นายไม่ยืนไม่ใช่อาชญากร" นายเปรี้ยวมาก ฮา................
ยืนไม่ยืนมันอยู่ที่ใจ
ลืมบอกไปอีกเรื่อง ประเทศไทยเคยตกเป็นเมืองขึ้นของพม่ามาแล้วนะครับ และเคยถึงกับยอมยกแผ่นดินไทยบางส่วนให้กับฝรั่งเศสมาแล้วด้วย เพราะความที่เรากลัวเขาจนหัวหด น่าภูมิใจซะเหลือเกิน เอาความจริงมาพูดกันดีกว่าอย่าหลอกตัวเองอีกเลย


โดย: ยืนไม่ยืนมันอยู่ที่ใจ IP: 202.91.18.206 วันที่: 30 เมษายน 2551 เวลา:3:45:17 น.  

 
กระทู้ข้างบนอ่ะ ที่เสียแผ่นดินบางส่วนให้พม่ากับฝรั่งเศส แลล้วยังมีมาเลเซียอีกอ่ะเค้าไม่ได้เรียกเสียเอกราชนะ เรายังรักษาเอกราชอยู่ ถ้าแบบฮ่องกง(แค่ยกตัวอย่าง) เสียการปกครองให้อักฤษ นั่นถึงจะเรียกว่าเสียเอกราช กลับไปอ่านหนังสือสังคมประวัติศาสตร์นะ หรือยังเรียนไม่ถึงก็ไม่รู้
...
การยืนตรงเคารพในหลวงแค่ 2-3นาทีมันเมื่อยมากเครียดมากทำไมน้องไม่กลับไปดูที่บ้านล่ะ เค้าเปิดเพลงสรรเสริญมาก่อนคุณจะเกิดอีก ถ้าเกิดมาผิดยุคขนาดนี้ก็ไปนั่งดูนั่งจากวีซีดีละกันจะได้ไม่ต้องยืนตรง...ทำประโยชน์ให้ครอบครัว สังคม ประเทศชาติมาแค่ไหน เคยย้อนกลับไปดูพระราชกรณียกิจของในหลวงบ้างมั๊ย ไอ้ที่เคยน้ำท่วม ฝนแล้วอ่ะ ใครช่วยแก้ปัญหา รัฐบาลในตอนนั้นยังแก้ไม่ได้เลย ต่างชาติเค้าเคารพ นับถือในหลวงของเรามาแค่ไหน แต่นี้คนไทยแท้ๆไม่ได้เคารพเลย ลองปร฿กษาพ่อ แม่ พี่ น้องที่บ้านนะว่าทำถูกแล้วเหรอ
...
คิดนอกกรอบอ่ะไม่ผิด แต่ที่ผิดคือกาละเทศะ


โดย: เรารักในหลวง IP: 58.8.3.242 วันที่: 30 เมษายน 2551 เวลา:10:54:30 น.  

 
ไม่ได้บอกอ่ะว่าเราเสียเอกราชให้ฝรั่งเศสอ่ะ แต่เราเห็นว่ามีบางคนบอกว่าเราไม่เคยเป็นเมืองขึ้นของใคร เราก็แค่บอกว่าอย่าลืมว่าเราเคยเป็นเมืองขึ้นของพม่ามาแล้วอ่ะ
เราไม่ได้เห็นด้วยกับพี่คนที่ไม่ยืน เราก็ยังเห็นว่าจะยังไงก็ควรจะยืนอ่ะ เป็นการให้เกียรติกับองค์พระประมุขของเราอ่ะ ก็ในเมื่อเราเกิดมาเป็นคนไทย เราแค่ไม่เข้าใจว่าทำไมในโรงหนังต้องเปิดเพลง ข่าว วอ. ทุกครั้งก่อนหนังฉายด้วย เพื่อทดสอบความจงรักภักดีกับองค์พระประมุขเหรอ
เราว่ามันคนละบรรยากาศกันอ่ะ การยืนตรงแสดงความจงรักภักดีกับ การดูหนังอ่ะ ลองคิดตามเราอ่ะ ได้ยินเขาเล่าว่าเมื่อก่อนทำกันข่าว วอ. จอเปิดตอนหนังจบ คนหนีกลับบ้านกันหมดไม่ยอมยืนแสดงความเคารพจนเพลงจบ หมายความว่า คนในอตีตรุ่นพ่อรุ่นแม่เรามันเลวใช่ใหมอ่ะ
หมิ่นประมาทใช่ไหมอ่ะ


โดย: ยืนไม่ยืนมันอยู่ที่ใจ IP: 202.91.18.192 วันที่: 1 พฤษภาคม 2551 เวลา:22:47:30 น.  

 
ตอบ replay ข้างบนที่ว่า
> เราแค่ไม่เข้าใจว่าทำไมในโรงหนังต้องเปิดเพลง ข่าว วอ. ทุกครั้งก่อนหนังฉายด้วย

ลองเข้าไปอ่านในกระทู้
[เรื่องน่ารู้]การเปิดเพลงสรรเสริญพระบารมีในโรงภาพยนตร์
//www.soccersuck.com/soccer/viewtopic.php?t=86745&sid=b8ce85ff331531aa80937b71256430af

หลักๆ คือ "ประเทศสงบสุข จึงสามารถจัดการมหรสพได้ จึงสมควรถวายความเคารพต่อกษัตริย์ที่ปกครองประเทศให้ร่มเย็นเป็นสุข"


โดย: Memepuppy IP: 124.120.154.240 วันที่: 2 พฤษภาคม 2551 เวลา:0:22:09 น.  

 
ไม่รู้จะอธิบายให้คุณเข้าใจได้ยังไง ว่าทำมั้ยต้องยืนตรง เพื่อเคารพในหลวง แต่ถ้าคุณเป็นคนไทยจริง ๆ คุณน่าจะเข้าใจ ถ้าระหว่างที่ฟังเพลงสรรเสริญพระบารมี คุณรู้สึกศรัทธา รัก และเทิดทูลสถาบันพระมหากษัตริย์
แต่สำหรับเราทุกครั้งที่ได้ฟังและได้ดูภาพประกอบจะรู้สึกซาบซึ้ง
จากคนต่างด้าว (ไม่ได้ถือสัญชาติไทย แต่เกิดในเมืองไทย


โดย: tata IP: 202.5.82.201 วันที่: 6 พฤษภาคม 2551 เวลา:21:20:37 น.  

 
พวกมรึงอย่ามามุกดาหารนะ สเนียดจะติดตัวมาด้วย ระวังขี้กลากกินหัว


โดย: คนมุกดาหาร IP: 117.47.135.234 วันที่: 11 พฤษภาคม 2551 เวลา:15:19:34 น.  

 
น่าเบื่อ หลับหูหลับตาไปเถอะ ล้างสมองกันเข้าไป ทุกอย่างต้องมีเสื่อมลง ไม่มีอะไรจีรังยั่งยืน พระพุทธเจ้าตรัสไว้


โดย: meng IP: 222.123.162.50 วันที่: 23 พฤษภาคม 2551 เวลา:15:28:22 น.  

 
ยืนตรงในโรงหนังช่วงเพลงสรรเสริญ มันเป็นธรรมเนียมปฏิบัติ เป็นการให้ความเคารพ ซึ่งคนไทยทั่วไปเห็นเป็นเรื่องปกติ ที่สมควรกระทำ

ขนาดคนไทยไปต่างประเทศ เขามีธรรมเนียม เรายังต้องปฏิบัติตาม แม้จะเคารพหรือไม่ก็ตาม เพราะเป็นการให้เกียรติเจ้าของประเทศ เหมือนชาวต่างชาติที่ยืนตรงเคารพเพลงสรรเสริญ โดยที่เขาอาจไม่รู้จักท่านเลยก็ตาม

การคิดต่างไม่ใช่เรื่องผิด แต่การรู้กาละเทศะและมารยาทเป็นสมบัติของผู้เจริญ


โดย: ผ่านมา IP: 124.120.175.32 วันที่: 27 พฤษภาคม 2551 เวลา:9:34:20 น.  

 
กลับไปอยู่เขมรกับพ่อมรึงนะ ไอเหลี่ยม กะอี ด อ ก เพ็ญ

เออ กะอี ติ๊งเหล่ อีกคน

นี่ประเทศไทย เรารักในหลวง

มรึงไปอยู่ที่อื่นเถอะ

หน้าตาเหมือนตัวเงินตัวทอง สันดานยังสุนัขอีก

ไม่รู้บิดามารดา สุยกันท่าไหน

ลูกออกมาถึงเป็นแบบนี้

ออกไป หนักแผ่นดิน

ลูกอีช้างลากกกก


โดย: เจี๊ยว IP: 202.91.19.206 วันที่: 13 กรกฎาคม 2551 เวลา:3:04:44 น.  

 

นายชั่วสาด ปัญญาอ่อนสูง

อย่าให้เจอข้างนอกนะมรึง

กรูจะต่อยมรึง



โดย: เจี๊ยว IP: 202.91.19.206 วันที่: 13 กรกฎาคม 2551 เวลา:3:07:33 น.  

 
แค่ไม่ยืน นี่มันก็แสดงถึงความน่ารังเกียจในสังคมแล้วละ

ครับพี่น้อง ที่สำคัญคือ ความคิดของมันต่อจากนั้นต่าง

หาก สร้างกระแสต่อต้านการยืนทำความเคารพพระมหา

กษัตริย์ คิดว่ามันเป็นเจ้าของประเทศเท่าเทียมกัน ถาม..

หน่อยว่า มันเคยดูพระราชกรณียกิจของในหลวงบางรึ

เปล่า มันบอกว่ามีความเป็นเจ้าของเท่าเทียมกัน มันทำ

อะไรให้ชาติ ให้ประเทศบ้าง กะอีแค่ยืนทำความเคารพมัน

จะทำให้เป็นอัมพฤกอัมพาตเลยเหรอ ไงถึงบอกว่ามันนั่ง

สบายดีอยุ่แล้วน่ะ แสดงถึงความถ่อยในด้านความคิด

สมควรแล้วที่จะโดนประณามจากสังคม เรื่องนี้เค้าสอนกัน

มาตั้งแต่เด็ก ยืนกันมาตั้งแต่ประถมมีแต่พวกที่ไม่ได้รับ

การสั่งสอนเท่านั้นแหละที่เห็นงามด้วย

"ไม่ยืนไม่ใช่อาชยากร แค่โดนกัดกร่อนทางสามัญสำนึก"


โดย: แค่คนอาศัยในแผ่นดินของในหลวง IP: 118.174.56.139 วันที่: 16 กรกฎาคม 2551 เวลา:15:30:54 น.  

 
หน้าตาและความคิดของนายคนนี้ ท่าทางจะเป็นบัวใต้ของใต้น้ำ คนทั้งประเทศเค้าเคารพเทิดทูนในหลวง ด้วยจิตวิญญาณ ไม่ต้องมีคำอธิบาย


โดย: เจี๊ยบ IP: 58.64.106.92 วันที่: 27 ตุลาคม 2551 เวลา:22:27:19 น.  

 
การที่เราเสียดินแดนให้ชาติที่ล่าอาณานิคมนั้นก็เพราะเราต้องการที่จะรักษาเอกราชของเราเอาไว้โดยเรายอมเสียดินแดนส่วนน้อยเพื่อรักษาส่วนใหญ่ไว้ ถ้าตอนนั้นเรารบกับเค้าตอนนี้เราอาจจะไม่มีที่ซุกหัวนอนแล้วก็ได้ ตอนนี้เราอาจเป็นแบบพม่า หรือกัมพูชา ไปแล้ว และที่สำคัญเราก็ไม่ได้กลัวจนหัวหด เราก็สู้ ไม่รู้จักหรือครับ เหตุการณ์ รศ 112 ยุทธนาวีที่เกาะช้าง
และเหตุผลที่ต้องเปิดเพลงสรรเสริญพระบารมี ในโรงหนังก็เพราะระลึกถึงล้นเกล้ารัชกาลที่ 6 ที่ทรงให้มีการตั้งโรงหนังขึ้นในเมืองไทย
ไม่คิดเลยว่าคนไทยจะคิดได้ถึงเพียงนี้ อาจจะโทษคนที่คิดอย่างนี้ไม่ได้อาจจะต้องโทษสภาพความเป็นอยู่ทางบ้านของเค้าบางที อาจเป็นคนที่มีปัญหาไม่ได้รับการสั่งสอน จนนิสัยเสีย หรืออาจจะประเภทว่าเอามันอย่างเดียวและรับรองได้เลยว่า ถ้าประเทศเราจะพังก็เป็นเพราะคนพวกนี้แหละครับ


โดย: ภาคย์ IP: 118.174.99.31 วันที่: 3 มีนาคม 2552 เวลา:19:44:59 น.  

 
รู้ครับว่าทุกคนรู้สึกยังไง ผมเองตอนแรกที่เจอข่าวนี้

ผมบอกตรงๆว่าช็อกมากเลยนะ จิตตกทันที เกิดความแค้น ความโมโหมากมาย แต่อย่าเลยครับ

คนแบบนี้ซักวันเค้าต้องได้รับผลของสิ่งที่ทำอยู่แล้ว
ในเมื่อคนๆนี้เค้าไปไม่ได้แล้วซึ่งปัญญา สำนึก ความคิด เราก้จงปล่อยเขาไปเถอะครับ

ยกจิตของตัวเองให้กลับมาสูงเหมือนเดิมแล้วก้าวออกไปใช้ชีวิตให้มีประโยชน์แก่สังคม ประเทศชาติและสถาบันอันเป็นที่รักของพวกเรากันดีกว่า

ดีกว่าไปคิดแค้น คิดทำร้ายมัน คนแบบนี้ดูก็รู้แล้วว่าอยู่เมืองไทยลำบากแล้วแหละเราไม่จำเป็นต้องทำอะไรทั้งนั้น เพราะไม่มีอะไรคุ้มกันเลย


โดย: qwerty IP: 180.180.48.180 วันที่: 15 ธันวาคม 2552 เวลา:0:54:14 น.  

 
เรามุสลิม เราก็ยืนเคารพนะ ไม่บาป แต่เป็นการแสดงความสำนึก ต่างหาก เรามันก็ลูกหลานประเทศนี้ เราคิดว่าเราเป็นแค่ผู้อาศัยที่อยู่ในแผ่นดินที่มีเจ้าของประเทศ เราไม่เคยคิดว่าเราเป็นเจ้าของประเทศเลย ควรเคารพสถาบันกษัตริย์นะ อย่าดึงดันอีกเลย ในหลวงทำคุณประโยชน์ให้ประเทศมากมาย พวกเราเองทำไม่ได้แม้แต่เท่าขี้เล็บ จิตใต้สำนึกนะมีมั้ย


โดย: บาอิมาอิ IP: 110.169.46.233 วันที่: 11 พฤศจิกายน 2553 เวลา:19:53:01 น.  

 
ก็แค่ไม่ยืนแค่นี้มันจะอะไรกันนักกันหนาฟะ


โดย: เกรียนสาด IP: 171.7.172.30 วันที่: 18 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:14:00:58 น.  

 
คนที่มีจิตสำนึกเค้าจะยืนกันนะครับ


โดย: อย่าเกียน IP: 125.27.146.94 วันที่: 10 พฤษภาคม 2555 เวลา:16:31:05 น.  

 
ต่อไปก็ยืนซะให้รู้แล้วรู้รอด เบื่อก็เก็บเนื้อเก็บตัว
เพื่อความอยู่รอดทำไงได้เรามันไม่มีเพาเวอร์นี่
ยอมยอมเถอะ สันติสันติ


โดย: คน IP: 182.53.24.94 วันที่: 22 ธันวาคม 2555 เวลา:2:40:02 น.  

 
คห.qwerty IP ทำเป็นผู้มีจิตสูงส่งสร้างภาพลงท้ายก็กัดเขา


โดย: ไม่ต้องดีมากหรอก IP: 182.53.24.94 วันที่: 22 ธันวาคม 2555 เวลา:2:44:29 น.  

 
คห. คุณเจี๊ยว ไปเรียนสมบัติผู้ดีตามหลักพระพุทธศาสนาก่อนดีไหมค่อยสั่งสอน(ด่า)คนอื่น อยากเห็นรูปจังสงสัยสวยหล่อเหมือนเทวดา


โดย: ไม่ดีมาก IP: 182.53.24.94 วันที่: 22 ธันวาคม 2555 เวลา:2:50:06 น.  

 
ตอบคุณ บาอิมาอิ เราไหว้พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์
พระเยซู(สอนให้คนทำดีบางข้อ)และศาสดาศาสนาอื่น
ข้อที่ทำให้คนทำตามศีลทั้ง5 ข้อ คุณใจกว้างจริงที่จะเคารพหรือเปล่า


โดย: ชาวพุทธ IP: 182.53.24.94 วันที่: 22 ธันวาคม 2555 เวลา:2:54:41 น.  

 
ในขณะที่อยู่ในโรงหนัง
1.เขาไม่ได้ไปฆ่าใคร 2. ไม่ได้ขโมย โกง ขู่กรรโชกทรัพย์ใคร 3.ไม่ได้ทำอนาจารเสพสังวาสใคร 4.ไม่ได้ด่าใคร 5.ไม่เสพสุรา ยาบ้า บุหรี่
ส่วนจิตสำนึกเป็นเรื่องส่วนตัว(มีอยู่ในเบญจธรรมหรือ)


โดย: วิจารณญาณ IP: 182.53.24.94 วันที่: 22 ธันวาคม 2555 เวลา:3:02:24 น.  

 
ผู้มีพระคุณที่เห็นได้ชัดเจน พิสูจน์ได้ด้วยรูปธรรมง่ายๆ
คือพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ บิดามารดา ครู
(อันนี้แล้วแต่ศรัทธา) สมควรเคารพกราบไหว้บูชาเป็น1ในมงคล38 แต่ไม่ทำก็ไม่มีใครจับใครทำร้าย ฆ่า


โดย: อนาถใจ IP: 182.53.24.94 วันที่: 22 ธันวาคม 2555 เวลา:3:08:52 น.  

 
คุณ "ยืนไม่ยืนมันอยู่ที่ใจ" ต้องเข้าใจมันเป็นบุญบารมีเก่าน่ะ
ทำใจเสียเถิด ต้องสร้างบุญบารมีใหม่เพิ่มเติมมากๆ ไม่งั้น
พูดไปก็ไลฟ์บอยไม่มีใครฟังเราหรอก


โดย: เข้าใจคุณ IP: 182.53.24.94 วันที่: 22 ธันวาคม 2555 เวลา:3:23:11 น.  

 
“ยาม” รายงาน แก๊งหมิ่นสถาบันพล่านเต็มเว็บเครือข่าย “แม้ว
แต่เว็บด่าแม้วเต็มเครือข่ายผู้จัดการ พันทิป เนชั่น คิดว่าสายตา
คงดีและเห็นเหมือนกัน


โดย: เคารพสถาบันไม่ดึงมาพิง IP: 182.53.24.94 วันที่: 22 ธันวาคม 2555 เวลา:3:28:24 น.  

 
พระถือศีล 277 ข้อ ไม่กราบไหว้ วันพระไม่มีคนไปวัด ยังมีคนกินเหล้าฆ่าสัตว์ พ่อแม่แก่เฒ่า เจ็บป่วยไม่มีลูกหลานคอยดูแล
อันนี้เป็นจารีต ประเพณีอันแท้จริงที่สมควรปฏิบัติมิใช่หรือแต่ก็มีคนไม่ปฏิบัติหลายล้านคนกระมังในประเทศไทย ไม่มีใครเดือดร้อนเป็นปากเป็นเสียงแทนให้เลยนะอยากให้คุณ
นวมินทร์เดินสายไปตักเตือนมั่งก็ดีนะ ไม่ทราบว่าคุณนวมินทร์
สำนึกข้อนี้ดีหรือไม่


โดย: ไม่ลำเอียง IP: 182.53.8.193 วันที่: 22 ธันวาคม 2555 เวลา:19:42:28 น.  

 
พวกคุณเชื่อจริงๆหรอ ว่าประเทศไทยไม่เคยตกเป็นเมืองขึ้นของใคร

โดนสื่อกลบจนมิดก็ไม่น่าใช่นะ น่าจะเคยเรียนมาแล้วทั้งนั้นด้วยซ้ำไป

แนะนำหาหนังสือต่างชาติมาอ่านกันบ้างนะ ไอคนไทย


โดย: อยากรู้ IP: 115.87.70.23 วันที่: 7 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:5:24:37 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สุริยาอัสดง
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




เปิดโลกด้วยแสงแห่งปัญญา
Thaiflood
Friends' blogs
[Add สุริยาอัสดง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.