อาทิตย์สาดส่อง..ความจริงจักปรากฎทั่วปฐพี!!!
Group Blog
 
 
มกราคม 2554
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
31 มกราคม 2554
 
All Blogs
 

โพลพระเหลือง-แดง

โพลเผยสังคมมอง"ว.วชิรเมธี"เป็นเสื้อเหลือง "พระพยอม"เป็นเสื้อแดง ระบุพระอีสานเลือก นปช. พระใต้เลือก พธม.

วันที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2554 เวลา 07:30:33 น.

ผลวิจัยชี้สื่อและสังคมมอง "ว.วชิรเมธี-พระกิตติศักดิ์ กิตฺติโสภโณ" เป็นพระเสื้อเหลือง ส่วน "พระพยอม-พระมหา ดร.สมชาย ฐานวุฑฺโฒ" พระเสื้อแดง นอกจากนี้โพลยังระบุว่า พระอีสานเลือกฝ่ายเสื้อแดงมากที่สุด 57.3% ส่วนพระใต้เลือกเสื้อเหลืองมากสุด 27.3%

เมื่อวันที่ 30 มกราคม นายสุรพศ ทวีศักดิ์ อาจารย์ประจำมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต (มสด.) ศูนย์การศึกษาหัวหิน เปิดเผยว่า ได้ทำโครงการวิจัยเรื่อง "ทำไมพระสงฆ์ส่วนใหญ่เลือกฝ่ายเสื้อแดง" เก็บข้อมูลตั้งแต่เดือนมีนาคม-ธันวาคม 2553 โดยลงพื้นที่สำรวจความคิดเห็นพระสงฆ์ทุกภูมิภาค 512 รูป อาทิ พระสงฆ์ที่ออกมาชุมนุมกับคนเสื้อแดง 75 รูป พระสงฆ์ภาคกลาง 85 รูป ภาคเหนือ 128 รูป ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (อีสาน) 122 รูป และภาคใต้ 102 รูป ทั้งนี้ ได้เจาะจงเก็บข้อมูลจากพระนิสิต-นักศึกษา คณาจารย์ และผู้บริหารของวิทยาเขตมหาวิทยาลัยสงฆ์ 2 แห่ง ได้แก่ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร.) และมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย (มมร.) ซึ่งกระจายอยู่ตามภูมิภาคต่างๆ

นายสุรพศกล่าวว่า จากผลการสำรวจสรุปได้ว่า ท่าทีและบทบาทของพระสงฆ์แบ่งได้ 3 กลุ่ม ดังนี้ กลุ่ม 1 พระสงฆ์ส่วน

ใหญ่ยืนยันว่าไม่ได้เลือกฝ่ายเสื้อเหลืองหรือเสื้อแดง โดยพระสงฆ์ในภาคใต้ไม่เลือกฝ่ายการเมืองมากที่สุด 68% รองลงมาภาคกลาง 60.3% ภาคเหนือ 60.3% และน้อยที่สุด ภาคอีสาน 40%, กลุ่ม 2 กลุ่มพระสงฆ์ที่ยืนยันชัดเจนว่าเลือกฝ่ายเสื้อเหลืองและเสื้อแดง ซึ่งมีทั้งที่ออกมาชุมนุม ไม่ออกมาชุมนุม และเป็นพระที่มีชื่อเสียงที่แสดงความคิดเห็นทางการเมืองเป็นที่ประจักษ์แก่สาธารณะ ในกลุ่มพระสงฆ์ที่เลือกฝ่ายทางการเมืองนี้ พระสงฆ์ที่เลือกฝ่ายเสื้อแดงมีจำนวนมากกว่า โดยพระสงฆ์ภาคอีสานเลือกฝ่ายเสื้อแดงมากที่สุด 57.3% รองลงมา ภาคเหนือ 47% ภาคกลาง 33% และภาคใต้ 4.7%, ส่วนพระสงฆ์ที่เลือกฝ่ายเสื้อเหลือง พระสงฆ์ภาคใต้เลือกฝ่ายเสื้อเหลืองมากที่สุด 27.3% รองลงมา ภาคกลาง 6.7% ภาคเหนือ 3.7% และภาคอีสาน 2.7%

"กลุ่ม 3 พระสงฆ์ที่มีชื่อเสียงถูกมองว่าเลือกสีนั้นสีนี้ แต่เมื่อผู้วิจัยไปสัมภาษณ์แล้ว ยืนยันด้วยตัวท่านเองว่าเป็นกลาง ได้แก่ พระสงฆ์ที่ถูกสื่อ และสังคมมองว่า เลือกฝ่ายเสื้อเหลือง หรือเป็น "พระเสื้อเหลือง" คือ พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี (ว.วชิรเมธี) ผู้อำนวยการสถาบันวิมุตยาลัย และพระกิตติศักดิ์ กิตฺติโสภโณ ประธานมูลนิธิเมตตาธรรมรักษ์ อ.ฝาง จ.เชียงใหม่, 2.พระสงฆ์ที่มีชื่อเสียงที่ถูกสื่อและสังคมมองว่า "เลือกฝ่ายเสื้อแดง" หรือเป็น "พระเสื้อแดง" คือ พระราชธรรมนิเทศ (พยอม กลฺยาโณ) เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว นนทบุรี และพระมหา ดร.สมชาย ฐานวุฑฺโฒ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย และ 3.พระไพศาล วิสาโล ซึ่งเป็นหนึ่งในคณะกรรมการปฏิรูปประเทศไทย และมีบทบาทเป็นที่รู้จักในฐานะพระสงฆ์นักสันติวิธี นักกิจกรรมสังคม และมีบทบาทในด้านความเป็นกลางอย่างเป็นที่ประจักษ์แก่สาธารณะมากที่สุดสำหรับเหตุผลในการเลือกฝ่ายทางการเมือง" นายสุรพศกล่าว

นายสุรพศกล่าวว่า จากการทำวิจัยพบว่า เหตุผลที่พระสงฆ์เลือกฝ่ายทางการเมืองมี 2 ปัจจัย ได้แก่ 1.เหตุผลทางการเมือง พระสงฆ์ที่ออกมาชุมนุมกับคนเสื้อแดงส่วนใหญ่ต้องการประชาธิปไตย 49.3% และเพื่อต่อต้านรัฐประหารเป็นหลัก 34.7% มีเพียงส่วนน้อย 5.7% ที่เรียกร้องให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กลับมาเป็นนายกฯ อีก ส่วนพระสงฆ์ภาคอีสาน 77.7% ภาคกลาง 68.3% และภาคเหนือ 65.7% ส่วนใหญ่มีเหตุผลทางการเมือง เพื่อต้องการประชาธิปไตย และต่อต้านรัฐประหาร ยกเว้นภาคใต้ที่พระสงฆ์ส่วนใหญ่ 4.7% อ้างเหตุผลเรื่องต้องการประชาธิปไตย ต่อต้านคอร์รัปชัน และไม่ต้องการให้ พ.ต.ท.ทักษิณกลับมาเป็นนายกฯ ในสัดส่วนที่สูงกว่าการต่อต้านรัฐประหาร คือมีพระสงฆ์ที่อ้างเหตุผลต่อต้าน พ.ต.ท.ทักษิณ 18% ขณะที่อ้างเหตุผลต่อต้านรัฐประหาร 15%

นายสุรพศกล่าวว่า 2.เหตุผลทางจริยธรรมพบว่า พระสงฆ์ส่วนใหญ่ต้องการให้สังคมมีความยุติธรรม ไม่ต้องการสองมาตรฐาน ต้องการเห็นการเมืองมีจริยธรรม/ ธรรมาธิปไตย และต้องการให้ยุติความขัดแย้งด้วยสันติวิธี ตามลำดับ คือพระสงฆ์ที่ร่วมชุมนุมกับคนเสื้อแดง 70% และพระสงฆ์ส่วนใหญ่ในภาคกลาง 64% ภาคเหนือ 73% และภาคอีสาน 77.7% ต่างยืนยันเหตุผลเรื่องต้องการความยุติธรรม และไม่ต้องการสองมาตรฐาน แต่พระสงฆ์ภาคใต้ส่วนใหญ่ 60% ต้องการเห็นการเมืองมีจริยธรรม/ ธรรมาธิปไตย และต้องการให้ยุติความขัดแย้งด้วยสันติวิธี

"นอกจากนี้ ได้สัมภาษณ์แนวคิดเชิงลึกของพระสงฆ์ด้วย ได้แก่ พระครูปลัดสุวัฒนจริยคุณ รองอธิการบดี มจร.มองว่า ปัจจุบันสังคมไทยยังไม่เป็นประชาธิปไตยที่แท้จริง เพราะพวกอำมาตย์ทำรัฐประหารเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 ล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง และเป็นรัฐบาลพรรคเดียวครั้งแรกในประวัติศาสตร์การเมืองไทย พวกอำมาตย์ใช้กลไกทุกอย่างเพื่อทำลายนักการเมือง และพรรคการเมืองที่มาจากประชาชน ทั้งกลไกองคมนตรี ให้องคมนตรีมาเป็นนายกฯ ใช้กลไกลกองทัพให้ไม่ยอมทำงานในสมัยรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช และนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ แต่เอาจริงเอาจังผิดปกติในสมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ใช้กลไกศาลที่เรียกว่าตุลาการภิวัตน์ และใช้กลไกคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) และสุดท้ายใช้พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) โดยการไปฟอร์มรัฐบาลในค่ายทหาร แล้วก็ยอมทำทุกอย่าง แม้จะรู้ว่าทำเช่นนั้นแล้วว่าประชาชนต้องตาย ทั้งหมดก็เพื่อคำตอบสุดท้ายคือ รักษาอำนาจของตัวเอง และพรรคพวก โดยไม่เคารพเสียงส่วนใหญ่ของประชาชน"นายสุรพศกล่าว

นายสุรพศกล่าวว่า ส่วนพระไพศาล วิสาโล มองต่างออกไปว่า "เสื้อแดงไม่ได้พูดชัดเจน เขาบอกว่าจุดยืนคือให้ยุบสภา ไม่ได้บอกว่าไม่เอารัฐประหาร ซึ่งมันไม่เวิร์ค เพราะว่าไม่มีรัฐประหารอยู่แล้ว รัฐบาลอภิสิทธิ์ก็มาจากการเลือกตั้งใช่หรือไม่ อาจจะมีเส้นสนกลในก็แล้วแต่ แต่ว่าเสื้อแดงเขาเรียกร้องยุบสภาใช่หรือไม่ เขาไม่ได้เป็นกลุ่มต่อต้านรัฐประหาร เพราะว่าเขาไม่รู้จะไปต่อต้านกับใคร เพราะรัฐบาลไม่ใช่รัฐประหาร"

นายสุรพศกล่าวว่า เมื่อถามพระมหาโชว์ ทัสสนีโย ว่าเสื้อเหลืองเขาชูประเด็น "เราจะสู้เพื่อในหลวง" หรือเพื่อปกป้องสถาบันชาติ ศาสน์ กษัตริย์ พระสงฆ์ที่โดยปกติก็ยอมรับ หรือเป็นกลไกในการปลูกฝังแนวคิดเช่นนี้แก่ประชาชนอยู่แล้ว ทำไมไม่เลือกฝ่ายเสื้อเหลือง พระมหาโชว์ตอบว่า "ถ้าเขาจงรักภักดีจริง ทำไมจึงอ้างสถาบันเพื่อทำลายศัตรูทางการเมือง ดึงสถาบันลงมาเป็นเงื่อนไขในการแบ่งประชาชนออกเป็น 2 ฝ่าย คือ ฝ่ายเอาสถาบัน กับไม่เอาสถาบัน อาตมาว่ามันไม่ถูก สถาบันต้องอยู่เหนือการเมือง ไม่ควรถูกดึงลงมายุ่งการเมือง"

นายสุรพศกล่าวว่า ขณะที่พระครูปริยัติธรรมวงศ์ (สุพล ธมฺมวํโส) อาจารย์ประจำแขนงวิชาศาสนาและปรัชญา มจร.วิทยาเขตขอนแก่น มองว่า "ทุกวันนี้คนมันก็หูตาสว่าง พระเข้าไปดูข้อมูลในอินเตอร์เน็ตได้หมด ก็พอจะแยกแยะได้ในระดับหนึ่งว่าอะไรจริง อะไรเท็จ เรื่องสถาบันเกี่ยวข้องกับการเมืองหรือไม่ ถ้าฟังจากปากคนเสื้อแดง อาตมาก็ไม่ค่อยเชื่อเท่าไร แต่ก็มีคำพูดของฝ่ายเสื้อเหลือง ราก็นำมาคิดตามหลักพุทธ พระพุทธเจ้าท่านเคารพธรรม หมายความว่าพระองค์เคารพหลักการที่ถูกต้อง เพราะการรักษาหลักการที่ถูกต้องจะทำให้ส่วนรวมอยู่ได้ อาตมาก็เลยคิดว่าเสื้อแดงที่พูดจริงจังกับเรื่องนี้ เขาต้องการรักษาหลักการประชาธิปไตย ไม่ใช่ต้องการทำลายสถาบัน"

นายสุรพศกล่าวต่อว่า พระครูปริยัติธรรมวงศ์ยังมองอีกว่า "หลายๆ เรื่องในเกมการเมือง อาตมาไม่สามารถรู้ได้ว่าอะไรจริง อะไรเท็จ ต่างฝ่ายต่างกล่าวหากันมาไป ใครอยู่เบื้องหน้าเบื้องหลังบ้างก็ไม่รู้ได้ด้วยตนเอง แต่ที่เห็นได้ชัดเลย ที่เป็นข้อเท็จจริงที่เห็นได้เต็มตาเลยคือ ชาวบ้านเขาเสียใจ เขาเป็นเดือดเป็นแค้น หลายๆ คนร้องไห้เสียใจที่รัฐบาลที่เขาเลือกถูกล้มไป พ.ต.ท.ทักษิณจะหลอกให้ชาวบ้านรักคลั่งไคล้ได้ขนาดนี้หรือ ถ้าเขาไม่ได้ทำอะไรให้ชาวบ้านเลย ป้าที่ขายลูกชิ้นปิ้งข้างวัดบอกว่า ไอ้จนนี่มันก็จนมาตั้งแต่พ่อแม่ปู่ย่าตายาย ก็ไม่ได้อ้างความจนออกมาชุมนุมขอความเมตตาจากใครหรอก แต่ที่ดูถูกประชาชน ปล้นอำนาจประชาชนนี่มันทนไม่ได้ มันไม่ยุติธรรม"

นายสุรพศกล่าวว่า ส่วนพระราชธรรมนิเทศ (พยอม กลฺยาโณ) ที่ยืนยันว่าท่านไม่เลือกฝ่าย ก็มองประเด็นเดียวกันนี้ว่า "ตอนนี้มันปิดกันไม่อยู่แล้ว ถ้าสมัยก่อนไม่มีเว็บ ไม่มีหลักฐานอะไรบางอย่างแพร่ออกไปได้ เชื่อว่าสำเร็จ ทำได้ ถ้าเอาสมัย 6 ตุลาฯ ชูสถาบันขึ้นมาแล้วก็ปราบนักศึกษา ปราบประชาชนอะไรเนี่ย มันเป็นเครื่องมือของพวกนั้น แต่ตอนนี้คุณดูแค่เล่มนี้เล่มเดียวก็แย่แล้วไปไม่รอด"




 

Create Date : 31 มกราคม 2554
0 comments
Last Update : 31 มกราคม 2554 16:14:19 น.
Counter : 1072 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


สุริยาอัสดง
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




เปิดโลกด้วยแสงแห่งปัญญา
Thaiflood
Friends' blogs
[Add สุริยาอัสดง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.