Bloggang.com : weblog for you and your gang
Group Blog
พิภพอำพราง
ซาตานรักบัลลังก์ทราย
เมษายน 2553
>>
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
3 เมษายน 2553
พิภพอำพราง ตอนที่ 1
All Blogs
พิภพอำพราง ตอนที่ 7
พิภพอำพราง ตอนที่ 6
พิภพอำพราง ตอนที่ 5
พิภพอำพราง ตอนที่ 4
พิภพอำพราง ตอนที่ 3
พิภพอำพราง ตอนที่ 2
พิภพอำพราง ตอนที่ 1
พิภพอำพราง ตอนที่ 1
พิภพอำพราง
โดย อำพันเรขา
๑.
พิพิธภัณฑ์สัตว์ประหลาด ...
ที่นี่เต็มไปด้วยโครงกระดูก และสัตว์ประหลาดสตาฟมากมายจากทั่วทุกมุมโลก
อาทิ ไอ้ตีนโตสูง 7 ฟุต เนสซีจากทะเลสาบร็อคเนสส์
มนุษย์หมาป่าเขี้ยวยาวโง้งที่ยืนกระชากเสื้อขาดรุ่งริ่ง
กัปปะจากแดนอาทิตย์อุทัย
โครงกระดูกมังกรยักษ์ยาวกว่า 20 เมตรของประเทศจีน ฯลฯ
สถาปัตยกรรมอันขรึมขลังแห่งนี้คือสถานที่แสดงถึงฤทธานุภาพของมนุษย์ซึ่งสามารถสยบสิ่งลี้ลับเหนือธรรมชาติได้อย่างหมอบราบคาบแก้ว
ห้องผู้อำนวยการ...
ชายร่างผอมศีรษะเถิกสวมแว่นนั่งกุมขมับ คิดไม่ตกกับตัวเลขงบดุลตรงหน้า
เลขาสาวสวยเดินยกถ้วยกาแฟหอมกรุ่นเข้ามาให้
"กาแฟค่ะ" เธอวางถ้วยกาแฟไว้บนโต๊ะทำงานดีไซน์แปลก...
มันเป็นรูปหัวสมองมนุษย์ที่มีลายก้นหอยขดไปมา
"ขอบใจ..." ชายคนนั้นยังไม่ละสายตาจากแฟ้มรายงานประจำปีที่อยู่ตรงหน้า
"คุณวิราสินี ไหนคุณลองบอกผมซิว่าทำไมตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมารายได้ของพิพิธภัณฑ์ถึงได้ตกฮวบฮาบขนาดนี้"
"แขกที่มาเข้าชมบอกว่าหุ่นที่จัดแสดงมีแต่แบบเดิมๆ ไม่มีของแปลกใหม่ค่ะ"
เลขาสาวตอบฉะฉาน
"โว้ย... " เจ้าของพิพิธภัณฑ์กระแทกแฟ้มตรงหน้า
"ของแบบนี้ หาได้ง่ายๆที่ไหนกันกว่าจะได้มาเท่าที่เห็นนี่ก็แทบจะผลิกแผ่นดินหาอยู่แล้ว
นี่...คุณพอรู้จักใครที่พอจะแนะนำทางออกไอ้เรื่องพรรค์นี้ให้ผมได้บ้างไม๊"
เลขาสาวครุ่นคิดชั่วครู่
"เจ้านายลองติดต่อ หมอปวริศวร์ ดูดีไหมคะ"
"หมอปวริศวร์..."
เขานิ่งพินิจ ทบทวนว่าเคยได้ยินชื่อหมอนี่ที่ไหนมาก่อน สักเดี๋ยวก็ถึงบางอ้อ
"หมอปวริศวร์ ที่เป็นหมอผีเนี่ยนะ นี่คุณจะให้ผมเปิดบ้านผีสิงแทนพิพิธภัณฑ์รึไง" ผู้อำนวยการพิพิธภัณฑ์ตบโต๊ะปึงอย่างหัวเสีย
"แหม เจ้านายคะ พิพิธภัณฑ์ของเรารวมของแปลกอยู่แล้วไม่ใช่หรือคะ
หมอปวริศวร์ชื่อเสียงโด่งดังเรื่องการมีสัมผัสที่หกอยู่แล้วเราลองขอคำแนะนำจากเขาดูก็ไม่เห็นจะเสียหายตรงไหน ดิฉันมีนามบัตรของหมอปวริศวร์อยู่ใบนึง ถ้าเจ้านายเปลี่ยนใจก็ลองติดต่อไปดูนะคะ"
ถึงแม้ สุเนตร ผู้อำนวยการพิพิธภัณฑ์สัตว์ประหลาดจะรู้สึกไม่เห็นด้วยกับเลขาส่วนตัวในทันที
แต่เขาก็รับนามบัตรนั้นมาอ่านดูอย่างตั้งใจ
'ปวริศวร์ อนันตนาฆินทร์' เขาครางชื่อนี้เบาๆ
Create Date : 03 เมษายน 2553
Last Update : 3 เมษายน 2553 0:15:58 น.
3 comments
Counter : 341 Pageviews.
Share
Tweet
อาคารสองชั้นก่ออิฐถือปูนอย่างดีตั้งอยู่กลางบริเวณที่จัดสวนสวยงามราวกับโรงแรมชั้นหนึ่ง
มีป้ายโลหะตัวโตติดไว้ที่กำแพง
สำนักงานหมอปวริศวร์...
คนรับใช้รูปร่างบึกบึนมาเปิดประตูให้ สุเนตรแทบไม่เชื่อตาภาพลักษณ์ของหมอผีที่จะอยู่เรือนไม้เก่าๆลบทิ้งไปได้เลย
"รอสักครู่ครับ"
คนรับใช้พูดห้วนๆ สุเนตรทรุดตัวนั่งบนเก้าอี้รับแขกหรูหรา สักพักเจ้าของบ้านในชุดคล้ายนักธุรกิจก็ปรากฏตัวขึ้น
"มีธุระอะไรหรือครับ"
"คือ... ผมอยากจะมาปรึกษาเรื่อง ..."
สุเนตรพูดยังไม่ทันขาดคำ หมอผีพันล้านที่นั่งอยู่ตรงข้ามก็ชิงสวนขึ้นทันควัน
"พิพิธภัณฑ์สัตว์ประหลาดของคุณน่ะรึ"
"คุณรู้ ? " เขาเลิกคิ้ว
หมอผีหัวเราะชอบใจ
"ผมเป็นหมอไสยศาสตร์นะครับ"
"ตอนนี้เรามีปัญหานิดหน่อย"
"ปัญหาของคุณก็คือธุรกิจของคุณกำลังตกต่ำ และคุณก็ไม่รู้จะไปหาสัตว์ประหลาดจากที่ไหนมาจัดแสดงเพื่อเรียกเรตติ้งอย่างนั้นใช่มั้ย"
"เอ่อ...ครับ"
พลังอำนาจบางอย่างในตัวหมอปวริศวร์ผู้นี้ ทำให้สุเนตรรู้สึกตะครั่นตะครออย่างประหลาด
"คุณพอจะแนะนำที่ที่มีสัตว์แปลกๆได้ไหมครับ"
"แปลกขนาดไหนล่ะ"
น้ำเสียงย้อนถามนั้นกลั้วหัวเราะ คล้ายเป็นเรื่องขบขันเสียเต็มประดา
"แปลกที่สุดเท่าที่เคยมี... ผมยินดีจ่ายค่าป่วยการไม่อั้น"
หมอผีนักธุรกิจหัวเราะชอบใจเมื่อได้ยินคำตอบ
"สัตว์ประหลาดจากนรก แปลกพอไม๊"
"สัตว์ประหลาดจากนรก"
สุเนตรทวนคำซ้ำ ไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่ตนได้ยิน
"คุณจะเอามันมาได้อย่างไร"
"เรื่องนี้ต้องอธิบายกันยาว ผมศึกษาวิชาปรจิตวิทยา (Parapsychology) จากสหรัฐเกือบสิบปี"
"ปรจิตวิทยาคืออะไร"
"มันเป็นการค้นคว้าทางด้านวิญญาณศาสตร์หรือกระบวนการด้านวิทยาศาสตร์ทางจิต โดยปกติแล้วร่างกายของคนเราประกอบด้วยสิ่งสำคัญ 2 ส่วนคือกายหรือรูป (materiallity) กับใจหรือนาม (mentality)
สสารและพลังงานทุกอย่างในโลกนี้จัดอยู่ในส่วนที่เป็นรูป ส่วนนามคือสิ่งที่สามารถรับหรือเร้าอารมณ์ที่มากระทบกับผัสสะทั้งห้า คือตา หู จมูก ลิ้น และกาย ทำให้รู้สึกและนึกคิดสิ่งต่างๆได้ ความหมายอีกอย่างของนามก็คือจิตหรือวิญญาณนั่นเอง"
"ผมไม่เห็นว่าจะเกี่ยวกับการนำสัตว์ประหลาดขึ้นมาจากนรกตรงไหน"
"คุณเคยได้ยินไหมว่าพระเกจิบางรูปสามารถถอดจิตเดินทางท่องเที่ยวในโลกแห่งวิญญาณได้"
สุเนตรพยักหน้าเนิบๆ
"นั่นเพราะว่าท่านละภาวะของกายเนื้อ(Physical Body) ที่เป็นรูปจากโลกนี้เข้าสู่ภาวะของกายละเอียด(Astral Body) ที่เป็นนามของโลกวิญญาณ
นักปรจิตวิทยาได้อธิบายถึงภาวะกายละเอียดนี้ว่าเป็นปรากฏการณ์ของ Teleportation คือความรู้สึกนึกคิดนอกเหนือไปจากกายเนื้อ (ExtrasensoryPerception) เป็นการเคลื่อนย้ายกายละเอียดออกจากกายเนื้อ ไปรับรู้เหตุการณ์ต่างๆได้เหมือนเช่นกายเนื้อทุกอย่าง
ในทางกลับกัน ถ้าเราจะเอาสัตว์ประหลาดจากโลกวิญญาณมาก็ต้องเคลื่อนย้ายกายละเอียดของภพโน้นเอามาเป็นกายหยาบในโลกเรา"
"แต่ยังไม่มีข้อสรุปทางวิทยาศาสตร์พิสูจน์ว่าจะเป็นไปได้นี่"
"ทฤษฎีสัมพันธภาพ (General Relativity) ของอัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ กล่าวยืนยันว่าอะไรๆในชีวิตหลังความตายล้วนมีความเชื่อมโยงเกาะเกี่ยวถึงกันทั้งหมดทั้งสิ้น ฉะนั้นการติดต่อเชื่อมโยงมิติระหว่างโลกมนุษย์และโลกวิญญาณด้วยอำนาจจิตก็ย่อมมีทางเป็นไปได้
สำหรับคนทั่วไปอาจไม่ใช่เรื่องง่ายนัก นอกเสียจากผู้นั้นจะมีจิตมุ่งมั่นอย่างแท้จริง หรือที่ทางพระพุทธศาสนาเรียกว่ามีมโนมยิทธิ (Will Power)หมายถึงคนที่มีความมุ่งมั่นปรารถนาและมีสมาธิแน่วแน่มั่นคง นั่นก็แสดงว่าศาสนาพุทธเองก็เชื่อว่าสามารถเป็นไปได้เช่นกัน"
"แล้วคุณจะทำได้เหรอ" ท้ายคำถามขึ้นเสียงสูง ถึงแม้ว่าเขาจะรู้สึกคล้อยตามในทฤษฎีของหมอผีผู้นี้ แต่ในทางปฏิบัติเขายังมองไม่เห็นทาง
"คุณเห็นนั่นมั้ย"
หมอผีไฮเทคทอดตามองไปยังสิ่งหนึ่งที่ติดอยู่ที่ฝาผนังเบื้องหลังสุเนตร
เขาเอี้ยวคอมองตาม ตาเบิกกว้าง มันเป็นซากหัวสัตว์ชนิดหนึ่งคล้ายแพะ
แต่เป็นแพะพันธุ์ประหลาดที่สุดในโลก เขี้ยวของมันยาวออกมานอกกราม ดูยังไงก็เหมือนสัตว์กินเนื้อมากกว่า
"นั่นแหละ แพะเมืองผีของแท้ ผมเพิ่งจะทดลองเปิดประตูมิติล่ามันมาเมื่อเดือนที่แล้ว"
สุเนตรอ้าปากค้าง ยังคงตกตะลึงกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า
"ทีนี้มันก็ขึ้นอยู่กับว่าคุณจะให้ค่าป่วยการผมเท่าไหร่"
"คุณเรียกเท่าไหร่ล่ะ" สุเนตรย้อนถาม ตาเป็นประกาย
"สิบเท่าของผลกำไรประจำปีสูงสุดที่พิพิธภัณฑ์ของคุณเคยได้รับ"
สุเนตรนิ่งอึ้งชั่วครู่ เขารู้ดีว่ามันเป็นจำนวนเงินสูงถึง 8 หลัก แต่เมื่อหักลบกลบหนี้แล้วก็นับว่าคุ้มค่า
"ตกลง คุณจะเริ่มงานเมื่อไหร่"
"พรุ่งนี้ ..."
โดย:
ดับตะวัน
วันที่: 3 เมษายน 2553 เวลา:0:20:11 น.
สุเนตรบึ่งรถบีเอ็มดับเบิ้ลยูรุ่นใหม่ขับนำรถบรรทุก 6 หกล้อห้อตะบึงหอบฝุ่นจากถนนลูกรังที่ทอดยาวสู่แนวป่าผืนใหญ่ฟุ้งตลบอบอวล ด้านหลังรถหกล้อบรรทุกชายกำยำแต่งตัวรัดกุมเหมือนพรานล่าสัตว์ 7- 8 คน อาวุธครบมือ ทั้งปืนยาสลบ ปืนฉมวก ตาข่าย และกรงขนาดใหญ่มากมาย รถทั้งสองคันจอดที่ลานกว้าง
หมอปวริศวร์เปิดประตูลงจากที่นั่งข้างคนขับ สั่งให้ลูกน้องช่วยกันขุดหลุมขนาดใหญ่ลึกเกือบ 5 เมตร
บางส่วนก็กางเต็นท์จัดเตรียมที่ทาง เพื่อประกอบพิธีกรรม
แสงแดดลำสุดท้ายส่องอำลาโลก แสดงว่ารัตติกาลกำลังจะมาเยือนในอีกไม่ช้า
"เรียบร้อยแล้วครับอาจารย์"
คนรับใช้คนสนิทวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาบอก หมอปวริศวร์ในชุดขาวล้วน หยิบผ้าผืนใหญ่พาดบ่าเฉียงๆ
เต็นท์ผ้าใบและข้าวของเครื่องเซ่นต่างๆถูกจัดเตรียมไว้พร้อมสรรพ หมอไสยศาสตร์นั่งขัดสมาธิบนแท่นไม้ยกพื้นสูง
"แล้วพวกสัตว์ประหลาด มันจะไม่เผ่นผ่านออกนอกป่าให้ต้องตามไล่จับกันเหรอครับ"
สุเนตรถามขณะที่หมอปวริศวร์กำลังทรุดกายขัดสมาธิบนแท่นไม้ยกระดับ
"ไม่หรอก สภาวะจิตของสัตว์นอกพิภพบนโลกนี้ถูกจำกัดบริเวณเหมือนกับลำแสงจากกระบอกไฟฉายที่ส่องได้ไม่ไกลมากนัก พวกมันไม่มีทางหนีออกไปจากป่าแห่งนี้ได้ เอาล่ะ ผมจะเริ่มพิธีแล้วอย่าได้รบกวน"
หมอปวริศวร์จุดเทียนใหญ่ปักลงกับพื้น สำรวมจิตมั่น
ค้างคาวแม่ไก่บินโฉบไปมารอบหัวเขา จนเทียนที่ปักอยู่ตรงหน้าถูกลมแรงปีกวูบวาบแทบจะดับ
นกกลางคืนบินกรีดเสียงร้องหายไปในดงมืด ผู้ทำพิธียังคงนั่งนิ่งครู่ใหญ่ เหงื่อเม็ดโป้งผุดเต็มหน้า รังสีเรืองๆเปล่งออกมาจากร่าง
ฟ้าคำรามครืน แล้วมีพายุพัดอย่างแรงมาใส่ เสียงหัวเราะที่อยู่ลึกในอากาศ มีหลายเสียงทั้งแหบทั้งแห้งและเย็นเยือกเข้าจับหัวใจ สักพักก็มีเสียงดังครืนเหมือนคนเลื่อนของหนักดังก้อง บรรดาผู้ติดตามเหลียวมองเลิ่กลั่ก แสงสว่างเจิดจ้าพุ่งขึ้นจากหลุมที่ถูกขุดขึ้น แล้วหมุนวนดุจสายน้ำ
"ประตูมิติถูกเปิดแล้ว ทุกคนเตรียมตัว"
หมอผียุคโลกาภิวัตน์ตะโกนสั่งแข่งกับเสียงลมพายุที่พัดอึงอล ชายในชุดพรานกระชับอาวุธในมือมั่น จับจ้องไปยังสิ่งที่จะผุดขึ้นมาจากหลุม
สิ่งมีชีวิตลักษณะคล้ายหนูแต่เป็นหนูตัวใหญ่เกือบเท่าหมูกำลังไต่ปากหลุมขึ้นมา
"ยิง !"
หัวหน้าชุดไล่ล่าตะโกนสั่ง ห่ากระสุนนับไม่ถ้วนรัวใส่เจ้าหนูจากปรโลกทันที
"จี๊ด...ด..ด"
มันกรีดร้องเจ็บปวดก่อนแน่นิ่งไป เลือดสีแดงคล้ำไหลนองพื้นหญ้า
สุเนตรจ้องมองซากหนูยักษ์แล้วหัวเราะอย่างพอใจ
"ขอตัวที่แปลกกว่านี้อีก... ผมยินดีจ่ายไม่อั้น"
นักปราบผีไฮเทคเพ่งกระแสจิตเพื่อเปิดประตูมิติให้กว้างและลึกลงไปอีก
ลำแสงประหลาดส่องจ้าและขยายอาณาเขตมากขึ้น หมุนเกลียวรุนแรง
บางสิ่งกำลังเลื้อยชำแรกพื้นดินออกมา ดูท่อนหางก็รู้ว่าเป็นงู
แต่ส่วนหัวกลับเป็นสิงโตและแพะชัดๆ
สุเนตรตาเหลือกค้างกับภาพที่เห็นมันคือไคมีร่า (Chimera) กำลังย่างก้าวขึ้นมาจากหลุม
ทันใดนั้น... สุนัขสามหัวก็กระโจนขึ้นมาเห่ากรรโชกวิ่งไล่กัดผู้ติดตาม สุเนตรตัวสั่นงันงก เข้ามาแอบอยู่หลังหมอผีไฮเทค ติดตามด้วยนกยักษ์ดึกดำบรรพ์ และบรรดาสัตว์ประหลาดจากใต้พิภพมากมาย หัวหน้าชุดไล่ล่าตะโกนสั่งอีกครั้ง
"ยิง!"
คณะผู้ไล่ล่ารัวห่ากระสุนไปยังร่างอสูรสัตว์เหล่านั้นทันที
เสียงปืนดังก้องทั้งแนวป่า
"ปัง...ปัง...ปัง..."
โดย:
ดับตะวัน
วันที่: 3 เมษายน 2553 เวลา:0:22:03 น.
โดย:
thanitsita
วันที่: 3 เมษายน 2553 เวลา:11:27:21 น.
ชื่อ :
Comment :
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
ดับตะวัน
Location :
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [
?
]
Friends' blogs
Webmaster - BlogGang
[Add ดับตะวัน's blog to your web]
Links
BlogGang.com
Pantip.com
|
PantipMarket.com
|
Pantown.com
| © 2004
BlogGang.com
allrights reserved.
มีป้ายโลหะตัวโตติดไว้ที่กำแพง
สำนักงานหมอปวริศวร์...
คนรับใช้รูปร่างบึกบึนมาเปิดประตูให้ สุเนตรแทบไม่เชื่อตาภาพลักษณ์ของหมอผีที่จะอยู่เรือนไม้เก่าๆลบทิ้งไปได้เลย
"รอสักครู่ครับ"
คนรับใช้พูดห้วนๆ สุเนตรทรุดตัวนั่งบนเก้าอี้รับแขกหรูหรา สักพักเจ้าของบ้านในชุดคล้ายนักธุรกิจก็ปรากฏตัวขึ้น
"มีธุระอะไรหรือครับ"
"คือ... ผมอยากจะมาปรึกษาเรื่อง ..."
สุเนตรพูดยังไม่ทันขาดคำ หมอผีพันล้านที่นั่งอยู่ตรงข้ามก็ชิงสวนขึ้นทันควัน
"พิพิธภัณฑ์สัตว์ประหลาดของคุณน่ะรึ"
"คุณรู้ ? " เขาเลิกคิ้ว
หมอผีหัวเราะชอบใจ
"ผมเป็นหมอไสยศาสตร์นะครับ"
"ตอนนี้เรามีปัญหานิดหน่อย"
"ปัญหาของคุณก็คือธุรกิจของคุณกำลังตกต่ำ และคุณก็ไม่รู้จะไปหาสัตว์ประหลาดจากที่ไหนมาจัดแสดงเพื่อเรียกเรตติ้งอย่างนั้นใช่มั้ย"
"เอ่อ...ครับ"
พลังอำนาจบางอย่างในตัวหมอปวริศวร์ผู้นี้ ทำให้สุเนตรรู้สึกตะครั่นตะครออย่างประหลาด
"คุณพอจะแนะนำที่ที่มีสัตว์แปลกๆได้ไหมครับ"
"แปลกขนาดไหนล่ะ"
น้ำเสียงย้อนถามนั้นกลั้วหัวเราะ คล้ายเป็นเรื่องขบขันเสียเต็มประดา
"แปลกที่สุดเท่าที่เคยมี... ผมยินดีจ่ายค่าป่วยการไม่อั้น"
หมอผีนักธุรกิจหัวเราะชอบใจเมื่อได้ยินคำตอบ
"สัตว์ประหลาดจากนรก แปลกพอไม๊"
"สัตว์ประหลาดจากนรก"
สุเนตรทวนคำซ้ำ ไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่ตนได้ยิน
"คุณจะเอามันมาได้อย่างไร"
"เรื่องนี้ต้องอธิบายกันยาว ผมศึกษาวิชาปรจิตวิทยา (Parapsychology) จากสหรัฐเกือบสิบปี"
"ปรจิตวิทยาคืออะไร"
"มันเป็นการค้นคว้าทางด้านวิญญาณศาสตร์หรือกระบวนการด้านวิทยาศาสตร์ทางจิต โดยปกติแล้วร่างกายของคนเราประกอบด้วยสิ่งสำคัญ 2 ส่วนคือกายหรือรูป (materiallity) กับใจหรือนาม (mentality)
สสารและพลังงานทุกอย่างในโลกนี้จัดอยู่ในส่วนที่เป็นรูป ส่วนนามคือสิ่งที่สามารถรับหรือเร้าอารมณ์ที่มากระทบกับผัสสะทั้งห้า คือตา หู จมูก ลิ้น และกาย ทำให้รู้สึกและนึกคิดสิ่งต่างๆได้ ความหมายอีกอย่างของนามก็คือจิตหรือวิญญาณนั่นเอง"
"ผมไม่เห็นว่าจะเกี่ยวกับการนำสัตว์ประหลาดขึ้นมาจากนรกตรงไหน"
"คุณเคยได้ยินไหมว่าพระเกจิบางรูปสามารถถอดจิตเดินทางท่องเที่ยวในโลกแห่งวิญญาณได้"
สุเนตรพยักหน้าเนิบๆ
"นั่นเพราะว่าท่านละภาวะของกายเนื้อ(Physical Body) ที่เป็นรูปจากโลกนี้เข้าสู่ภาวะของกายละเอียด(Astral Body) ที่เป็นนามของโลกวิญญาณ
นักปรจิตวิทยาได้อธิบายถึงภาวะกายละเอียดนี้ว่าเป็นปรากฏการณ์ของ Teleportation คือความรู้สึกนึกคิดนอกเหนือไปจากกายเนื้อ (ExtrasensoryPerception) เป็นการเคลื่อนย้ายกายละเอียดออกจากกายเนื้อ ไปรับรู้เหตุการณ์ต่างๆได้เหมือนเช่นกายเนื้อทุกอย่าง
ในทางกลับกัน ถ้าเราจะเอาสัตว์ประหลาดจากโลกวิญญาณมาก็ต้องเคลื่อนย้ายกายละเอียดของภพโน้นเอามาเป็นกายหยาบในโลกเรา"
"แต่ยังไม่มีข้อสรุปทางวิทยาศาสตร์พิสูจน์ว่าจะเป็นไปได้นี่"
"ทฤษฎีสัมพันธภาพ (General Relativity) ของอัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ กล่าวยืนยันว่าอะไรๆในชีวิตหลังความตายล้วนมีความเชื่อมโยงเกาะเกี่ยวถึงกันทั้งหมดทั้งสิ้น ฉะนั้นการติดต่อเชื่อมโยงมิติระหว่างโลกมนุษย์และโลกวิญญาณด้วยอำนาจจิตก็ย่อมมีทางเป็นไปได้
สำหรับคนทั่วไปอาจไม่ใช่เรื่องง่ายนัก นอกเสียจากผู้นั้นจะมีจิตมุ่งมั่นอย่างแท้จริง หรือที่ทางพระพุทธศาสนาเรียกว่ามีมโนมยิทธิ (Will Power)หมายถึงคนที่มีความมุ่งมั่นปรารถนาและมีสมาธิแน่วแน่มั่นคง นั่นก็แสดงว่าศาสนาพุทธเองก็เชื่อว่าสามารถเป็นไปได้เช่นกัน"
"แล้วคุณจะทำได้เหรอ" ท้ายคำถามขึ้นเสียงสูง ถึงแม้ว่าเขาจะรู้สึกคล้อยตามในทฤษฎีของหมอผีผู้นี้ แต่ในทางปฏิบัติเขายังมองไม่เห็นทาง
"คุณเห็นนั่นมั้ย"
หมอผีไฮเทคทอดตามองไปยังสิ่งหนึ่งที่ติดอยู่ที่ฝาผนังเบื้องหลังสุเนตร
เขาเอี้ยวคอมองตาม ตาเบิกกว้าง มันเป็นซากหัวสัตว์ชนิดหนึ่งคล้ายแพะ
แต่เป็นแพะพันธุ์ประหลาดที่สุดในโลก เขี้ยวของมันยาวออกมานอกกราม ดูยังไงก็เหมือนสัตว์กินเนื้อมากกว่า
"นั่นแหละ แพะเมืองผีของแท้ ผมเพิ่งจะทดลองเปิดประตูมิติล่ามันมาเมื่อเดือนที่แล้ว"
สุเนตรอ้าปากค้าง ยังคงตกตะลึงกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า
"ทีนี้มันก็ขึ้นอยู่กับว่าคุณจะให้ค่าป่วยการผมเท่าไหร่"
"คุณเรียกเท่าไหร่ล่ะ" สุเนตรย้อนถาม ตาเป็นประกาย
"สิบเท่าของผลกำไรประจำปีสูงสุดที่พิพิธภัณฑ์ของคุณเคยได้รับ"
สุเนตรนิ่งอึ้งชั่วครู่ เขารู้ดีว่ามันเป็นจำนวนเงินสูงถึง 8 หลัก แต่เมื่อหักลบกลบหนี้แล้วก็นับว่าคุ้มค่า
"ตกลง คุณจะเริ่มงานเมื่อไหร่"
"พรุ่งนี้ ..."