.....เรื่องราวของฉันผู้หญิงคนหนึ่ง..... Love has no boundaries.
Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2552
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
22 ตุลาคม 2552
 
All Blogs
 

"น้ำค้าง กลางน้ำตา"




น้ำค้างหยด พราวพร่าง กลางหมอกหนา
พริ้งพราวตา ดารดาษ สวาทไหว
สายลมหนาว โชยมา ฟากฟ้าไกล
โลมใบไม้ เอนระทวย ด้วยมนตร์พราว

น้ำค้างใส กอดใบหญ้า พาเพ่งพิศ
ดังเราชิด เคียงข้าง กลางลมหนาว
มองน้ำค้าง ระยับเย็น เด่นดุจดาว
ที่วับวาว ราวเพชร เกล็ดมณี




โอ้..หนาวนี้ น้องเศร้า เฝ้าเหงาหงอย
ด้วยรักลอย เหินห่าง แรมร้างหนี
หยดน้ำตา ในห้วง ดวงฤดี
จึงเต็มปรี่ ท่วมท้น ล้นฝั่งใจ

คะนึงครั้ง สองเรา เคล้าคลอคู่
ช่วงฤดู เหมันต์ ให้หวั่นไหว
หนาวน้ำค้าง กรีดห้วง แห่งดวงใจ
กลั่นอุ่นไอ เป็นน้ำตา คาค้างทรวง




ไหลรินหลั่ง ค้างใน ใจขื่นขม
ทุกข์ระทม เกินจะหัก รักสุดหวง
ใยพีจ๋า ร้างลา สุดาดวง
ต้องช้ำทรวง เหน็บหนาว คราวรักลา

มองน้ำค้าง ที่หยดลง ตรงใบไม้
เหมือนน้ำตา หยาดใส ไหลนองหน้า
กลางลมหนาว ร้าวรวด ปวดอุรา
น้ำค้างพร่าง กลางน้ำตา โอ้..อาดูร/...











 

Create Date : 22 ตุลาคม 2552
20 comments
Last Update : 23 ตุลาคม 2552 23:48:42 น.
Counter : 3628 Pageviews.

 

ระยับหมอกระรอกหม่นระคนไหม้
น้ำค้างใสน้ำใจสาวน้ำพราวสี
กระชับมิตรกระชิดหมอกกระฉอกมี
ดวงฤดีดวงดาราดวงอาดูร

555555555555

 

โดย: อาลีอา 23 ตุลาคม 2552 9:36:04 น.  

 

น้ำค้างวันนี้ เศร้าจังเลยครับ

 

โดย: คุณพีทคุง (ลายปากกา ) 23 ตุลาคม 2552 10:00:06 น.  

 


คุณสุครับ
เพราะ...เศร้าๆได้รส....

 

โดย: ลัดฟ้ามาเจอ 24 ตุลาคม 2552 16:03:59 น.  

 

น้ำใสหยดรดล่วงจากดวงหน้า
คือน้ำตาข้าไหลเพราะใจร้าว
เหมือนน้ำค้างพร่างพรมลมพัดพราว
ให้เหน็บหนาวเพราะสาวลาจากข้าไป เหอ เหอ

 

โดย: เสือกะบาก IP: 125.24.201.161 25 ตุลาคม 2552 11:28:55 น.  

 

...................ขอบคุณพี่เพื่อน
ที่แวะมาเยือน...กับไถ่ถามหา
ขอบคุณน้ำใจ...ใสสวยงามตา
ขอบคุณหล้าฟ้า..ที่พาพบกัน

....................ขอบคุณบล็อกแก็ง
ที่ให้แสดง...กับร่ายสุขสรรค์
ขอบคุณกลอนกานท์...ที่สานสู่ฝัน
ขอบคุณทุกวัน...มีฉันมีเธอ

.......................ขอบคุณเยื่อใย
ที่โยงหัวใจ...รับรู้เสมอ
ว่าเธอเป็นห่วง...กับช่วงเหงาเผลอ
ใช่เหงาละเมอ...กอดเก้อคนเดียว


....................ญามี่///...

สวัสดีคืนวันอาทิตย์ที่อากาศเริ่มเย็นๆแล้วค่ะคุณสุ

 

โดย: ญามี่ 25 ตุลาคม 2552 18:20:48 น.  

 

คุณสุนันยา แต่งกลอนได้หวานจังครับ

มีข้อสังเกตที่ครูกลอนท่านหนึ่งเคยให้กับผมไว้ว่า...

นักกลอนที่ดี ควรแต่งกลอนได้หลากหลายอารมณ์

ท่านได้ให้อรรถาธิบายต่อไปว่า

กลอนกับชีิวิต ย่อมผูกติดกัน

ชีวิตไม่เคยมีด้านเดียว

แต่ชีวิตคือความหลากหลาย

มีสุข เศร้า รัก สนุก ฯลฯ

นักกลอนที่ดี จึงต้องถ่ายทอดชีวิตอันหลากหลายเหล่านั้น

ออกมาได้อย่างมีชีวิตชีวา

การเขียนกลอนจึงต้องหมั่นฝึกฝนศึกษาในทุกสถานการณ์

ผมว่าคำสอนนี้น่าสนใจนะครับ

เท่าที่เห็นเพื่อนหลายคน

บางคนเขียนกลอนหวานได้แทบจะหยด

แต่อ่านกี่ครั้งกี่ครั้ง

ก็หวานอยู่อย่างนั้น

มันก็ออกจะเลี่ยนไปสักหน่อย

อ่านมากเข้าก็เบื่อได้...

........

จึงเสนอแนะมาด้วยความเคารพครับ...

 

โดย: ลุงแว่น 26 ตุลาคม 2552 7:18:37 น.  

 

คุณสุครับ

เศร้าเคล้าสุขปะปน

เช่นนี้ได้รสชาติชีวิต

เพียง"หยดน้ำ"

เปรียบเปรยได้ถึงรากชีวิต

 

โดย: ลัดฟ้ามาเจอ 26 ตุลาคม 2552 22:44:32 น.  

 

(กาพย์สุรางคนางค์ ๓๒)

หลับเถิดคนดี...หากเหนื่อยยังมี
ก็ฝากที่นี่...ให้ฉันรับเอง
คืนนี้จงย่าง...ห่างเหงาข่มเหง
ไร้ทุกข์บรรเลง...เพลินเพลงนิทรา

ฉันพร้อมจะเคียง...กล่อมเธอข้างเตียง
แลพร้อมร่ายเรียง..เดือนดาวเพียงตา
ให้เธอฝันหวาน...เนานานตามหา
แลทุกเวลา...อุราเริงรมณ์

หลับเถิดคนดี...อย่ามัวรอรี
สู่ลานทวี...แต่หวามสุขสม
ฉันพร้อมปัดเป่า...รนเร่าให้จม
แลพร้อมจะถม...ขมครันมลาย....


...............ญามี่///...


ฝันดีค่ะพี่สุ ห่มผ้าด้วยนะคะ

 

โดย: ญามี่ 27 ตุลาคม 2552 1:57:17 น.  

 





 

โดย: สุนันยา 27 ตุลาคม 2552 15:34:08 น.  

 

คุณสุครับ
ขอบคุณที่ให้ปลาไว้เลี้ยง
ยังสวนล้อมรัก ปล่อยไว้ในบึง
บางบอนแล้วครับ
สบายๆดีนะคุณ
เพียงลัดฟ้ามาทักทายยามเย็น

 

โดย: ลัดฟ้ามาเจอ 28 ตุลาคม 2552 16:35:39 น.  

 


นางละครตอนที่๒๔ อัฟแล้วนะจ๊ะ ดรสา
สร้างกริตเตอร์

แวะมาทักทายยามค่ำค่ะ คุณสุนันยาสบายดีนะคะ

 

โดย: ดรสา 28 ตุลาคม 2552 20:51:36 น.  

 

ปลาที่เอามาฝากมี่ น่ากินทุกตัว เอ้ย น่ารักทุกตัวเลยค่ะพี่สุ555
................
ผ่านไปอีกวัน...กับสิ่งสารพัน
ได้ดีสุขสรรค์...หรือทุกข์เหนื่อยใจ
โปรดจงส่งข่าว...กับร้าววุ่นไหว
ให้รู้ได้ไหม...คนไกลคนดี

ถ้ามีขื่นขม...โปรดอย่าเก็บอม
จงฝากสายลม...อย่าช้ารอรี
ฉันพร้อมรองรับ...กับปรับวิถี
ให้เศร้าราคี...จงลี้จากเธอ


ฝันดีค่ะ

 

โดย: ญามี่ 28 ตุลาคม 2552 21:54:27 น.  

 



อยากจะชวนไปร่วมรำลึกถึง

ระหัดวิดน้ำ...

ภูมิปัญญาของบรรพชนที่กำลังสูญหาย

ใน...

"ระหัดวัดใจ"

"...ระหัดวน หมุนช่วย ด้วยแรงน้ำ

เช้าจรดค่ำ ไม่หยุดหย่อน ผ่อนหลับใหล

ไม่พึ่งพา พลังแรง จากแหล่งใด

เพียงอาศัย ร่วมแรง ดัดแปลงทำ..."

 

โดย: ลุงแว่น 29 ตุลาคม 2552 7:25:21 น.  

 

หมูโม...มาเยี่ยมเยียน...เจ้าค่ะ

วันนี้ว่างๆ แอบบุกถึงบ้านดีกว่า..เนาะ

 

โดย: นะ...โมเม 30 ตุลาคม 2552 15:15:00 น.  

 

ความคิดเห็นที่ 2

เรียวลิ้นบนจินตนาการ....
คือเสียงขาน ขยับรับอาสา
พวกขี้ขลาดยอมเป็น ทาสอำมาตยา
ไม่นำพา เหตุผล ก่นถากถาง


คดีความ นำเด่น เห็นประจักษ์
แบ่งฝ่ายฝัก ชักไย ใครหนุนข้าง
วาจาร้อย ถ้อยเถียง เอนเอียงวาง
คนเห็นต่าง ด่าทอ ใครฉ่อฉล


จะแดงเหลืองเลือกข้างอย่างเห็นชัด
ใครข้องขัด กระบวนการ อันสับสน
อย่าดูถูก แบ่งชั้น กันแค่จน
เราก็ต่าง เป็นคน เหมือนเหมือนกัน


อำนาจเงิน อำนาจรัฐ ประกาศก้อง
ใครถูกต้อง ใครผิด คิดแปรผัน
หลักประชา ธิปไตย ใครดึงดัน
ทำลายล้าง หลักมั่น ผันโอนเอียง


หนึ่งคนย่อม มีสิทธิ์ จะดิดได้
หนึ่งดวงใจ พร้อมให้ ได้หนึ่งเสียง
สิทธิ์เสรี มีไหม ให้พร้อมเพียง
จะไม่เถียง หากมี อย่างที่ควร


เหลืองก็คน แดงก็คน ชนเชื้อชาติ
แดงประกาศ จุดยืน ไม่คืนหวน
คนสับปลับ ทำบ้านเมือง เสียกระบวน
สุขอชวน ตรองไตร่ ชั่งใจดู


ข่มโคคืน กลืนหญ้า ว่าดูหมิ่น
อยู่ผืนดิน เดียวกัน มันอดสู
ยกตัวเอง สูงข้า น่าเชิดชู
ไม่ใช่พวก ของตรู ถูจมดิน


ร้อยเล่ห์ลิ้น วาจา น่าเศร้านัก
ไม่ใช่ คนที่รัก ผลักให้สิ้น
ใช้วาจา หยามหยัน นั้นเหลือกิน
เห็นแล้วสิ้น ศรัทธา ค่านิยม


หากเป็นเหลือง เรื่องใดทำ ล้ำเลิศค่า
ยึดทำเนียบ ปิดสภา น่าขื่นขม
สนามบิน ปิดกัน ยันชื่นชม
เรียวลิ้นถ่ม รมย์รื่น น่าชื่นใจ


ต้องอย่างนี้ ชิหนาท่าน วานแถลง
ช่วยชี้แจง หน่อซิ ดีตรงไหน
ทำบ้านเอง ปี้ป่น จนบันลัย
มีบ้างไหม คำด่าพ้อ พวกก่อการ/..
(ยกมาจาก กระทู้๐ เรียวลิ้นบนจินตนาการ......๐ สดายุ ห้องกวีการเมืองค่ะ)

 

โดย: สุนันยา 31 ตุลาคม 2552 12:22:07 น.  

 

(ยกมาจาก กระทู้๐ เรียวลิ้นบนจินตนาการ......๐ สดายุ ห้องกวีการเมืองค่ะ)



ความคิดเห็นที่ 14

ไม่อยากเชื่อ ก็ต้องเชื่อ เมื่อได้เห็น
คำเบี่ยงเบน ที่อ้างเอ่ย เผยน้ำถ้อย
เคยหลงรม คมอกษร กลอนเลิศลอย
ที่เรียงร้อย งามนัก รักษ์จัดวาง


ไม่อยากเชื่อ ก็ต้องเชื่อ เหนือคำเอ่ย
เห็นคำเผย เกยหนุน คุณเอ่ยอ้าง
ไอ้..หอกหัก..ฝากคำถ่อย ร้อนเป็นทาง
กลับยกห่าง พวกโจร ปล้นแผ่นดิน


ไม่อยากเชื่อ ก็ต้องเชื่อ เมื่อมองผิด
ในความผิด ถ้อยกระบวน ชวนถวิล
คดีดัง อย่างเรื่อง เฟื่องธานินทร์
ของที่ดิน ซื้อขาย ก็อายแทน


ไม่อยากเชื่อ ก็ต้องเชื่อ เมื่อปรากฏ
พวกกบฏ กลับยอกย่อง ป้องหวงแหน
เสียงข้างน้อย คอยใช้เล่ห์ ไม่เท่แมน
ไม่ดูแคลน แม้สักคำ ไม่นำพา


ไม่อยากเชื่อ ก็ต้องเชื่อ เหนือคำกล่าว
มีเรื่องราว มากมาย ใช้กล่าวหา
หุ้นของเขา ที่ขายไป ได้เงินมา
ยัดข้อหา ภาษี ที่ว่ากัน


ไม่อยากเชื่อ มันเหลือเชื่อ เมื่อประสบ
คนคิดคบ ก่อการร้าย หมายปุกปั่น
ความวุ่นวาย ในบ้านเมือง เรื่องสำคัญ
คนเหล่านั้น ถูกยกย่อง ปองเชิดชู


ไม่อยากเชื่อ ก็ต้องเชื่อ เหนือคำอ้าง
ที่ว่าถูก จัดจ้าง ยังอยากรู้
ความเป็นจริง อยู่ตรงไหน ใครขอดู
ที่เห็นอยู่ ด้วยสองตา ร่วมฝ่าฟัน


ไม่อยากเชื่อ ร้อยกรอง ทำนองนี้
ของคนที่ มีวาจา พาชวนฝัน
แต่ได้พบ ได้เห็นถ้อย ร้อยจำนรรจ์
ความรู้สึก เหล่านั้น พลันล่องลอย


ทั้งหยามหยัน นั่นนี่ วลีกล่าว
ถ้อยถากถาง ชวนร้าว ฉาวคำถ่อย
บิดเรื่องเบี่ยง เพียงทำลาย ใจคนคอย
ความเพียงน้อย ถ้อยขยาย ให้ใหญ่โต


แต่คนผิด มากมาย ไม่กล่าวถึง
สักคำหนึ่ง มีไหมนะ น่าโมโห
พวกโกงกิน แผ่นดินพ่อ ก็เห็นโชว์
คุณไม่โต้ สักคำ กรรมของใคร/...


..



 

โดย: สุนันยา 31 ตุลาคม 2552 12:23:33 น.  

 

ความคิดเห็นที่ 1

ดุจน้ำค้าง หยดใส เกาะใบพฤกษ์
ถึงยามดึก หยาดรด จรดใบหญ้า
แววระยับ จับเเสง เเห่งจันทรา
ดั่งเหว่ว้า หวิวหวั่น ให้สั่นตรม

ใจเจ้าเอย ยามเศร้า ให้ร้าวรวด
เมื่อเจ็บปวด สะอื้น ด้วยขื่นขม
หยาดน้ำตา ไหลหยด รดระทม
ราวจะข่ม ใจข้า ไม่อาทร

น้ำค้างพราว พร่างพรม ห่มใบหญ้า
คล้ายน้ำตา ไหลอาบ ฉาบสมร
รักที่เคย ห่วงหา เฝ้าอาวรณ์
บัดนี้จร จากไกล ไม่หวนคืน

น้ำตาตก กลางใน หัวใจร้าว
เหมือนน้ำค้าง กลางหาว เคล้าสะอื้น
วารผันผ่าน ความหลัง ไร้ยั่งยืน
จำต้องฝืน ทนสู้ อยู่เดียวดาย.......

...............

สวัสดีคะพี่สุ..เวลาไม่เศร้า เเต่ต้องเเต่งกลอนเศร้านี่ มันยากส์ เจงๆเล้ย.

จากคุณ : อาลีอา
เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 52 03:20:59
ถูกใจ : cenyou, นะ...โมเม, นครเหมันต์, ตาเป๋า
*************************

ความคิดเห็นที่ 5

หนาวน้ำค้างพร่างพรม เมื่อลมผ่าน
ไหวสะท้าน โอ้ใจ อาลัยหา
ดวงกมล หม่นหมอง นองน้ำตา
ร้าวอุรา ล้าระทม ตรม กล้ำกลืน


เมื่อรักเรา เขาห่าง ร้างลาหาย
ตรมมิวาย ให้ระกำ จำต้องฝืน
นองน้ำตาอาดูรสูญใจชื้น
ต้องสะอื้น ร้าวรอน นอนระทม


น้ำค้าใส ดั่งแก้ว แพรวเพริศพริ้ง
หยดลงนิ่ง ยอดพฤกษา พาสุขสม
แต่ใจเหงา ต้องปวดร้าว เศร้าตรอมตรม
คู่เคยชม ทิ้งไกล ไม่เหลียวแล


มองน้ำค้าง เดียวดาย ให้คิดถึง
รักเคยซึ้ง พี่ไย ไม่แยแส
กลางลมหนาว ยิ่งหนาวเหน็บ เจ็บดวงแด
ช้ำรอยแผล หนาว"น้ำค้าง กลางน้ำตา”


หวัดดีจ้ะน้องเลิฟ
ไม่เศร้า ก็ดีแล้วนี่นา ..อิอิ บิ้วอารมณ์หน่อยละกัน
..








 

โดย: สุนันยา 31 ตุลาคม 2552 12:27:38 น.  

 

ความคิดเห็นที่ 2

หยดน้ำค้างหล่นลงตรงยอดหญ้า
หยดน้ำตาหลั่งลงที่ตรงไหน
หยดน้ำใสไหลออกบอกความนัย
ว่าจิตใจร้อนรนเกินทนทาน

มีน้ำตาคาใจไว้เป็นเพื่อน
ใช่ย้ำเตือนให้คิดติดสงสาร
แค่หนึ่งในใจนี้ที่ร้าวราน
ทรมานเสียบ้างเป็นครั้งคราว

เหมันต์ผ่านด่านใจไปฝังลึก
ให้รู้สึกว่าเจ็บนั้นเหน็บหนาว
ภาพความหลังฝังตรึกนึกเรื่องราว
แม้จะก้าวผ่านมายังตราตรึง

จะลืมเลือนเหมือนง่ายใยยากนัก
เผลอก็จักหวนไปให้คิดถึง
ข่มเท่าไหร่ใจหนอก็คำนึง
ยังรำพึงถึงอยู่มิรู้คลาย

เมื่อความหนาวเข้ามาอีกครานั้น
แต่ใจมันโศกาใช่ว่าหาย
ค่ำคืนนี้มีเราเศร้าเดียวดาย
สิ่งข้างกายคือเหงาที่เฝ้าตาม

หยดน้ำค้างกลางใจใช่เสแสร้ง
มิได้แกล้งให้ใครได้ทวงถาม
เมื่อหนาวนี้มีทุกข์มาคุกคาม
จะกี่ยามต้องช้ำก็จำทน
..............................
จากคุณ : cenyou
เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 52 13:00:12
*************************
ความคิดเห็นที่ 7

หยดน้ำค้าง ยังหล่น บนยอดหญ้า
แต่น้ำตา ที่หลั่งรด เป็นหยดใส
ยังคงค้าง อยู่ห้วงแห่งดวงใจ
เป็นรอยช้ำ ย้ำฤทัย ไว้คอยเตือน

น้ำค้างพรม พื้นหญ้า อุราร้าว
ต้องนอนหนาว เดียวดาย รักกลายเคลื่อน
ไม่มาอยู่ หยอกเย้า นับดาวเดือน
รักลาเลือน ต้องนอนหนาว เศร้าฤดี

ลมพัดหวน ยวนเย้า หนาวใจหนัก
คิดถึงรัก เคยอ้อน คราก่อนนี้
ในอ้อมกอด เคยอุ่นอวล ล้วนวลี
เป็นน้ำถ้อย จากพี่ ที่เอ่ยมา

ว่าจะรัก ภักดี ไม่มีเปลี่ยน
ลมหนาวเวียน จะไม่จาก รักห่วงหา
เหมันต์กราย ไม่เห็นพี่ นี้สักครา
ไม่หวนคืน ดังว่า พาหนาวใจ

สายลมหนาว เข้าเยือน เตือนอีกครั้ง
แต่ความหวัง รักหวน ชวนหวั่นไหว
ลืมหมดสิ้น คำสัญญา ไม่ลาไกล
กลับเปลี่ยนไป แม้เยื่อใย เหมือนไม่มี

นำค้างใส กลางสายหมอก เหมือนตอกย้ำ
ถึงรอยช้ำ ให้ตระหนัก รักหลบหนี
ไร้ซึ่งเงา พี่เยือน หา มาแรมปี
ปลายปีนี้ มีแต่เรา หนาวเดียวดาย/...

สวัสดีค่ะ คุณ เซ็นยู
ขอบคุณมากนะคะ ที่แวะแจม
***


 

โดย: สุนันยา 31 ตุลาคม 2552 12:30:26 น.  

 

 

โดย: ลัดฟ้ามาเจอ 31 ตุลาคม 2552 23:20:12 น.  

 

"หนาวน้ำค้างกลางน้ำตา"

หยดน้ำค้าง ร่วงหล่น บนพฤกษา
แต่น้ำตา รินรด เป็นหยดใส
ยังคงค้าง กลางห้วง ดวงหทัย
เป็นรอยช้ำ ย้ำใจ ไม่ลืมเลือน

น้ำค้างพรม พื้นหญ้า อุราร้าว
ต้องนอนหนาว เดียวดาย รักกลายเคลื่อน
ไม่มาอยู่ หยอกเย้า นับดาวเดือน
รักลาเลือน ตอนหนาว เศร้าฤดี

ลมพัดหวน ยวนเย้า หนาวใจหนัก
คิดถึงรัก เคยอ้อน คราวก่อนนี้
ในอ้อมกอด อุ่นอวล ล้วนเปรมปรีดิ์
อีกวลี เพ้อพร่ำ จำนรรจา

ว่าจะรัก ภักดี ไม่มีเปลี่ยน
ลมหนาวเวียน มิไกล อาลัยหา
เหมันต์กราย ไร้เงา พี่เย้ามา
ไม่หวนคืน ดั่งวาจา น่าน้อยใจ

สายลมหนาว เข้าเยือน เตือนอีกครั้ง
แต่ความหวัง รักหวน ชวนหวั่นไหว
ลืมแล้วเหรอ สัญญา จะไม่ไกล
กลับเปลี่ยนไป ใยเยื่อ ไม่เหลือมี

นำค้างใส กลางหมอก เหมือนตอกย้ำ
ถึงรอยช้ำ ช้ำหนัก คราวรักหนี
ไร้ซึ่งเงา พี่ผ่าน นานนับปี
หน้าหนาวนี้ ฤดีช้ำ น้ำตานอง....

"สุนันยา"

 

โดย: สุนันยา 28 พฤศจิกายน 2553 12:34:06 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


สุนันท์ยา
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 11 คน [?]




by http://www.zalim-code.com

free counters




ชะตาชีวิต ลิขิตผกผัน
ดิ้นรนฝ่าฟัน..เพื่อฝันที่มี
ผู้หญิงคนหนึ่ง ซาบซึ้งกวี
เรียงร้อยวจี..ฤดีเดียวดาย...



ผู้ชมออนไลน์
New Comments
Friends' blogs
[Add สุนันท์ยา's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.