เสียงสาวอ้อนวอนครวญหวนละห้อย
แว่วหลุดลอยห้วงหาวแซมดาวไสว
มองเบื้องบนน้ำฟ้าหล่นคราใด
ดุจน้ำตาร้องไห้ใจอาวรณ์
ความรักเอยเผยไปไยร้ายพิษ
เข้าเจาะจิตติดกายเกินถ่ายถอน
รุมรุมกายคล้ายไข้ในบังอร
ร่ำยามจรยามจากมากอาลัย
จะกินนอนร้อนร่างนางผวา
น้ำจากตารินหลั่งดั่งน้ำไหล
สะอื้นอกระทกช้ำระกำใน
เพราะหนึ่งใครไม่หวนมาทวนทาง
ก็รู้ถึงอาการหวานผวา
อนิจจาอกอุ่นเคยหนุนต่าง
จึงบัดนี้เหมือนจบลบรอยจาง
รักอำพรางอย่างนี้..ที่ระทม
เห็นใจเจ้า เหงาหงอยนั่งคอยคู่
เห็นใจเจ้า เฝ้าดูคู่เหมาะสม
เห็นใจเจ้า มีไหม..ใครชื่นชม
เห็นใจเจ้า ต้องซานซม..ขมน้ำตา
เพียงน้ำใจไหลสู่อยู่เป็นเพื่อน
เพียงย้ำเตือนให้ตรองลองเสาะหา
เพียงชีวิตบางช่วงทวงเวลา
เพียงมองฟ้ายามนี้..มีเมฆคลุม..
"บ้านริมโขง"
๒๗ สิงหาคม ๒๕๕๕
อยากซบกอด ออดอ้อน ตอนปวดปร่า
ให้อุรา พาพราก จากไฟสุม
ขับความร้อน ก่อนเก่า เฝ้าเกาะกุม
ที่เข้ารุม ล้อมจิต จนติดตรม
หากมีพี่ ช่วยซับ ขับร้อนให้
ดวงฤทัย เคยเหงา เศร้าขื่นขม
คงจะหาย คลายบ่วง ห้วงระทม
ปรับอารมณ์ ห่มชื่น พี่ยื่นมา
น้องเจ็บช้ำ ทรวงใน ไร้รักก่อ
อยากจะขอ พี่ด้วย ช่วยรักษา
เป็นดังเช่น ยาใจ มิไกลลา
เคียงน้องยา เสมอมั่น ทุกวันคืน
จะได้ไหม พี่เอย เผยสักหน่อย
อย่าได้ปล่อย ฤดี นี้จำฝืน
ต้องรับแต่ ผิดหวัง ทั้งกล้ำกลืน
นอนสะอื้น ดวงแด พ่ายแพ้รัก
เห็นพี่มอบ ปลอบคำ พร่ำสงสาร
คนร้าวราน วานต่อ ขอตระหนัก
ทรมาน นานเนา ช่างเศร้านัก
หวังพี่จัก เมตตา คนล้าจินต์
ทุกถ้อยคำ ย้ำต่อ ท้อหนักหนา
มีแต่รอย น้ำตา คราถวิล
อยู่กับความ ขื่นขม ถมชีวิน
อยากโบยบิน มาเคียง เพียงพี่ยา.
“สุนันยา”
หลังจากที่ทิ้งบล็อไปนาน มีบางคนต่อว่ามาว่า ควรอัฟบล็อคใหม่ได้แล้ว
สุต้องขอโทษ ด้วยนะคะ ที่หายไปนาน
กลอนวันนี้ เป็นกลอนที่เขียนขึ้นใหม่ค่ะ แต่อยากนำ บทกลอน ที่พี่”บ้านริมโขง” ร่วมต่อไว้ มาให้ทุกท่านได้อ่านกันด้วย
สุเลยเอามาไว้หมวด เก็บกลอน ย้อนรอยค่ะ
ขอบคุณ ที่เข้ามาอ่าน และ มาเม้นท์กันนะคะ...