|
|
| 1 | 2 | 3 | 4 |
5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 |
12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 |
19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 |
26 | 27 | 28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
น้องหมาตาบอดสี จริงรึเปล่าน๊า... (โลกสัตว์เลี้ยง)
หลายท่านที่เลี้ยงสุนัขคงเคยมีคำถามว่า เจ้าตูบของเรามองเห็นสีสันต่าง ๆ เหมือนกับเรามั้ย วันนี้ได้รู้กันแน่นอน...
หลายท่านอาจจะเคยได้ยินมาว่าเจ้าตูบนั้นตาบอดสี แต่จริง ๆ แล้วไม่เป็นความจริง น้องหมาไม่ได้ตาบอดสี น้องหมามองเห็นมากกว่าสีดำ สีขาว สีเทาแน่ ๆ แต่เพียงแค่ระดับความถี่ของสีในการมองเห็นนั้นอยู่ในระดับจำกัด เมื่อเทียบกับการมองเห็นของคนเรา สีพื้นฐานที่น้องหมาจะมองเห็นนั้นส่วนมากจะเป็นสีที่ประกอบด้วยสีเหลือง น้ำเงิน และสีม่วง ส่วนสีแดง สีเขียวและสีส้ม ที่คนเรามองเห็นนั้น น้องหมาจะไม่สามารถแยกแยะออกได้ แต่น้องหมาจะเห็นเป็นสีอะไรสักสีระหว่างสีเหลืองกับสีน้ำเงิน
เหตุผลก็คือ เรตินาทั้งของคนและของน้องหมานั้น ประกอบด้วย เซลล์รับแสง 2 ชนิด คือเซลล์รูปแท่ง (ซึ่งไวต่อการรับแสงสว่าง แต่ไม่สามารถแยกความแตกต่างของสีได้) กับเซลล์รูปกรวย (สามารถแยกความแตกต่างของสีได้) นัยย์ตาของมนุษย์จะมีเซลล์รูปกรวยมากกว่าของน้องหมาในขณะที่น้องหมานั้น จะมีเซลล์รูปแท่งมากกว่าและไม่มีโฟเวีย (Fovea เป็นจุดเล็ก ๆ บนเรตินา ซึ่งเป็นจุดที่มองเห็นชัดที่สุด) เลยไม่สามารถจะทำให้มองเห็นรายละเอียดของภาพอย่างคมชัดเหมือนมนุษย์ นี่เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมน้องหมาจึงมีการมองเห็นในตอนกลางคืนและสัมผัสการเคลื่อนไหวได้ดีกว่ามนุษย์ แต่เห็นสีได้น้อย รูปลักษณ์และวัตถุที่เห็นจะมีรายละเอียดน้อยกว่า คนส่วนใหญ่จะสามารถมองเห็นสีที่แตกต่างกันของคลื่นแสง โดยคลื่นแสงถูกแยกจากการเปลี่ยนแปลงความเข้มของสนามแม่เหล็กไฟฟ้า (electromagnetic spectrum) ซึ่งการมองเห็นเป็นสัตว์ต่าง ๆ เป็นผลมาจากระบบสายตาของคนเรา ไม่ใช่เพราะระดับความเข้มของสนามแม่เหล็กไฟฟ้า
ส่วนสุนัขมีข้อด้อยกว่ามนุษย์ตรงที่ไม่สามารถเห็นความสว่างของแสงสีหมดทุกสี แต่ทั้งมนุษย์และสุนัขต่างก็มีวิวัฒนาการในระบบการมองเห็นที่พัฒนามาให้เหมาะสมกับตัวเองที่สุด มนุษย์จะออกหากินในเวลากลางวัน ดังนั้น ความสามารถลากรรับรู้ในการมองเห็นสีจะเป็นเครื่องมือช่วยในการหาอาหารของมนุษย์ ส่วนสุนัขนั้นแต่เดิมจะไม่ออกหากินในเวลากลางวัน ดังนั้น ความสามารถในการมองเห็นในเวลากลางคืนจึงสำคัญกว่าการมองเห็นสีสำหรับสุนัข โดยในกระบวนการล่าเหยื่อต้องมีการพรางให้กลมกลืนกับสิ่งแวดล้อม ดังนั้นสุนัขจึงไม่ต้องใช้ความสามารถในการเห็นสีที่หลากหลายเหมือนมนุษย์
จอรับภาพ (Retina) ประกอบด้วย เซลล์รับแสงรูปร่างเป็นแท่ง และโคน (กรวย) (rods and cones) ซึ่งทำหน้าที่เปลี่ยนลำแสงให้เป็นภาพที่มองเห็นหัวกลับตามนุษย์และสุนัขก็จะมีเซลล์ทั้ง 2 นี้ แต่ในตาสุนัขจะมีเซลล์รูปร่างเป็นแท่งมากกว่าของมนุษย์ โดยเซลล์รูปแท่งจะทำงานได้ดีในสภาวะแสงน้อยและมีการเคลื่อนไหวจอรับภาพส่วนกลางของสุนัข (Central Retina) จะประกอบด้วยเซลล์รูปโคนประมาณ 20 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่มนุษย์มีส่วนที่มีเซลล์รูปโคนถึง 100 เปอร์เซ็นต์ที่เรียกว่า fovea (บริเวณที่มองชัดที่สุดของมนุษย์) ซึ่งเซลล์รูปโคนจะมีประสิทธิภาพในปริมาณแสงขนาดกลางถึงขนาดสูงและมีความสามารถในการแยกสี
มนุษย์มีเซลล์รูปโคนที่แปลผลสัญญาณสีได้ 3 ชนิด (trichromat) คือ เซลล์รับแสงสีแดง สีเขียว สีน้ำเงิน ขณะที่ในสุนัขจะมีเซลล์รูปโคนที่แปลผลสัญญาณสีเพียง 2 ชนิด (dichromat) ซึ่งขาดเซลล์รับแสงสีเขียวประมาณเดียวกับอาการตาบอดสี ซึ่งไม่สามารถแยกสีส้ม แดง เหลือง เขียวออกจากกันได้โดย เซลล์รับแสงมนุษย์จะไวต่อการความยาวคลื่นแสงในจุดที่ 445 nm, 535 nm, และ 570 nm ส่วนในสุนัขเซลล์รับแสงจะไวต่อการความยาวคลื่นแสงในจุดที่ 429 nm, 555 nm
แม้ว่าเราจะรู้ว่าสุนัขมีเซลล์รูปโคนเพียง 2 ชนิด แต่เรายังสรุปไม่ได้ว่าสมองของสุนัขจะแปลความหมายสิ่งที่มองเห็นว่าเป็นอย่างไร ต้องมีการศึกษาเรื่องนี้โดยนักพฤติกรรมสุนัข มีงานวิจัยที่น่าสนใจทำการศึกษาโดย Neitz, Geist and Jacobs ใช้วิธีการนำแผนสี่เหลี่ยมที่มี 3 สี วางไว้หน้าสุนัข ฝึกให้สุนัขหยิบสีที่แตกต่าง เพื่อผู้วิจัยจะได้เดาได้ว่าสีอะไรที่สุนัขมองเห็น คำถามก็คือสุนัขหยิบแผ่นสีจากความแตกต่างของสี ไม่ใช่ความแตกต่างของแสง
Create Date : 14 มีนาคม 2560 |
|
1 comments |
Last Update : 14 มีนาคม 2560 15:50:47 น. |
Counter : 1607 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
วาว..น้องหมาน่ารักจัง..
อยากเลี้ยงง่ะ..