Group Blog All Blog
|
วันที่ 10 เที่ยวโตเกียววันที่ 2 โปรแกรมเที่ยวของเราวันนี้คือพระราชวังอิมพีเรียล ย่านกิซ่า ย่านชิบูยะ และย่านฮาราจุกุ และกะว่าจะหาซูชิกินเป็นอาหารเย็น เพราะตั้งแต่มาเที่ยวญี่ปุ่นทริปนี้ยังไม่ได้กินซูชิแท้ๆเลย เนื่องจากเมื่อวานปวดขามาก วันนี้เลยกะว่าจะเดินเที่ยวแบบชิวๆอ่ะ ไปเรื่อยๆ เหนื่อยก็พักอะไรประมาณนี้ แต่พอเอาเข้าจริงๆ ก็ได้เดินกันทั้งวันเหมือนเดิม เฮ้อ! จากสถานีรถไฟที่ใกล้พระราชวังอิมพีเรียลมากที่สุด เราก็ยังต้องเดินต่อไปอีกประมาณ 10-15 นาที เป้าหมายหลักของเราก็คงเหมือนกับนักท่องเที่ยวคนอื่นๆ คืออยากมาถ่ายรูปที่สะพานแว่นตาหรือสะพานนิจูบาชิ (Nijubashi Bridge) แต่เนื่องจากว่าเราไม่เคยมา และในหนังสือหรือเวปไซต์ก็ไม่ได้บอกด้วยว่าสะพานนิจูบาชิอยู่ตรงส่วนไหนของพระราชวัง เราเลยเข้าไปชมสวนฝั่งตะวันออกที่เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมกันก่อน แล้วค่อยเดินไปดูสะพาน ในส่วนของสวนฝั่งทิศตะวันออกที่เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมฟรีนั้น มีมุมสวยๆอยู่ประมาณสัก 20% อ่ะค่ะ นอกนั้น มันดูเป็นสวนที่แห้งแล้งไปหน่อยนะ เข้าใจว่าเพิ่งเข้าฤดูใบไม้ผลิ แต่ต้นไม้ดอกไม้ที่ไม่ได้ผลิดอกผลัดใบตามฤดูมันก็มีเยอะอยู่นะ หามาปลูกมั่งดิ สวนจะได้สวยๆ เสียความรู้สึกนิดนึงอ่ะ เพราะการจัดสวนสไตล์ญี่ปุ่นเนี่ยะมีชื่อเสียงมากเลยนะ แล้วนี่เป็นสวนในพระราชวังด้วยอ่ะ เฮ้อ! รูปด้านล่างนี่เราเลือกมาเฉพาะรูปที่คิดว่าสวยที่สุดของสวนค่ะ ออกจากสวนของพระราชวัง เราก็เดินหาสะพานแว่นตากัน อย่างที่บอกไปแล้วว่าไม่รู้ว่ามันอยู่ส่วนไหนของพระราชวัง เราเลยอาศัยเดินตามนักท่องเที่ยวคนอื่นๆไป ไปเจอทางเข้าพระราชวังอีกทางหนึ่ง แต่ไม่ใช่สะพานแว่นตาที่เราตามหา เราเลยเดินกันต่อไป เดินไปเดินมา เดินจนรอบพระราชวังอ่ะค่ะถึงจะเจอ คือเราเดินอ้อมไปด้านขวาของพระราชวังอ่ะค่ะ โง่มาก โง่สุดๆ เพราะสะพานแว่นตาที่เราตามหา มันตั้งอยู่ใกล้ๆสวนที่เราเข้าไปตั้งแต่ตอนแรกนั่นแหล่ะ แต่เราเดินไปคนละทางอ่ะ เลยต้องเดินอ้อมพระราชวังกันประมาณเกือบ 2 ชั่วโมงแน่ะ แล้วที่ซวยไปกว่านั้น ฝนตกด้วย เอาเข้าไป ***ข้อแนะนำสำหรับคนที่อยากไปเที่ยวชมพระราชวังอิมพีเรียล หลังจากที่ออกจากสถานีรถไฟแล้วเดินตรงไปที่พระราชวัง พอเห็นพระราชวังอยู่ตรงหน้าคุณแล้ว ด้านขวามือของคุณคือสวนฝั่งทิศตะวันออกที่เปิดให้เข้าชมฟรี ส่วนด้านซ้ายมือของคุณคือสะพานนิจูบาชิค่ะ อย่าเสียเวลาหลงทางแล้วเดิมอ้อมเหมือนดิฉันเลยนะคะ ขอให้ดิฉันและคุณสามีเป็นมนุษย์ที่โง่ที่สุดคู่สุดท้ายก็พอค่ะ โอเคนะคะ จากนั้นเราก็นั่งรถไฟไปเที่ยวย่านกินซ่าค่ะ ย่านหรูของชาวโตเกียวเค้าล่ะ เราหาข้าวกินกันแถวนี้ แต่ไม่กล้าซื้ออะไร Window shopping กันอย่างเดียว ออกจากินซ่าเราก็มาต่อกันที่ชิบูยะ สิ่งที่บีบีอยากเห็นมากที่สุดในชิบูยะก็คือรูปปั้นของฮาชิโกะ ฮาชิโกะเป็นชื่อของสุนัขยอดกตัญญูค่ะ เรื่องของเรื่องคือว่า เจ้านายของฮาชิโกะเป็นอาจารย์สอนอยู่ที่มหาลัยโตเกียว ทุกวันฮาจิโกะจะเดินมารับและมาส่งเจ้านายที่สถานีรถไฟชิบูยะเสมอ เย็นวันนั้นฮาชิโกะก็มารอรับเจ้านายที่สถานีรถไฟตามปกติ แต่รอนานเท่าไหร่เจ้านายก็ไม่กลับมาสักที ที่เจ้านายของฮาชิโกะไม่กลับมาก็เพราะเว่าเขาเสียชีวิตกระทันหันในที่ทำงาน ต่อมีก็มีคนเอาฮาชิโกะไปเลี้ยงต่อ แต่ว่าพอถึงตอนเย็นทีไร ฮาชิโกะก็ยังมารอรับเจ้านายเก่าที่สถานีชิบูยะทุกวันจนกระทั่งมันแก่ตาย ซึ้งอ่ะ ออกจากอนุสาวรีย์ฮาชิโกะแล้ว เราก็เดินไปร้านกาแฟสตาร์บัคที่ตั้งอยู่ตรงข้ามกัน 5 แยกวุ่นวายของชิบูยะ ได้กาแฟกันแล้วเราก็หาที่นั่งรอดูคนเดินข้ามถนนกัน ที่ชิบูยะมีร้านค้าให้ช้อปเยอะแยะเลย แต่ร้านส่วนใหญ่ก็ไม่ต่างจากย่านชินจูกุที่เราพัก แล้วเสื้อผ้าส่วนใหญ่มันก็เป็นแบรนด์ที่หาซื้อได้ในอเมริกา เราเลยไม่ได้เข้าไปดูห้างไหนเป็นพิเศษ สถานที่ต่อไปที่เราจะไปคือย่านฮาราจูกุ คุณสามีเราบอกว่าสถานีฮาราจูกุกับสถานีชิบูยะห่างกันแค่สถานีเดียว เดินไปก็ได้ กว่าจะไปถึงฮาราจูกุก็ค่ำพอดี สภาพถนนช้อปปิ้งทาเคชิตะที่เราเห็นนะ คนเยอะมาก ขนาดว่าฝนยังตกรินๆนะ คนยังเดินช้อปปิ้งกันแบบไม่กลัวเปียกและไม่กลัวหนาวอ่ะ แต่พอเราเข้าไปเดินแล้วเราก็ชอบนะ ของขายส่วนใหญ่เป็นของวัยรุ่น น่ารักๆ ราคาไม่แพงอ่ะ มีร้านเครปน่ากินๆอยู่หลายร้ายด้วย บีบีเลยเพลินเลยอ่ะ เดินช้อปจนลืมไปเลยว่าตัวเองปวดขาอยู่ วันนี้เลยได้รองเท้า ถุงเท้า ผ้าพันคอ และเครื่องประดับมาหลายชิ้นเลย หุหุ มีฟามสุข ช้อปเสร็จ เราก็กลับโรงแรมก่อนเลย เอาของไปเก็บก่อนแล้วค่อยออกมาหาร้านซูชิกินกัน ร้านซูชิที่เราไปกินเป็นร้านที่พนักงานต้อนรับที่โรงแรมเราแนะนำมาค่ะ อยู่ในย่านชินจูกุที่เราพักนั่นแล่ะ แต่ว่าจำชื่อร้านไม่ได้ จำได้แต่ว่าต้องรอคิวแปปหนึ่งถึงจะได้กินอ่ะ รสชาดซูชิอร่อยอ่ะค่ะ รู้สึกได้เลยว่าปลามันสดมากๆ ต่างจากซูชิที่เราเคยกินเยอะเลย ติดใจเลยอ่ะ กะว่าพรุ่งนี้ก่อนกลับ จะหาซูชิกินกันอีกสักร้านก่อนไปสนามบิน คิดแล้วก็เศร้า พรุ่งนี้ก็ต้องกลับแล้ว ไม่อยากกลับเลยอ่ะ |
Sugar lip
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 156 คน [?] วันหนึ่ง เราจะต้องทำบล็อคหน้าตาสวยๆออกมาให้ได้ คอยดูสิ หึ บีบีได้มาใช้ชีวิตอยุ่ที่อเมริกาถึงวันนี้ก้อเกือบ 3 ปีล่ะค่ะ การได้มาใช้ชีวิตต่างแดนตัวคนเดียว เวลามีปัญหาหรือข้อสงสัยขึ้นมา มันก้อไม่รุ้จะไปถามใคร ภาษาเราก้อไม่ดี บีบีก้อจะหาข้อมูลในเวป google แล้วบีบีก้อจะได้คำตอบออกมาในรูปแบบของ bloggang บีบีเลยรู้สึกถึงความสำคัญของบล็อค รู้สึกขอบคุณคนเขียนบล็อคทุกๆคน ที่เสียสละเวลามาเล่าประสบการณ์ต่างๆที่เป็นประโยชน์อย่างมากมายกับคนที่ไม่รู้อะไรเลยอย่างบีบี ดังนั้นบีบีก้อเลยตั้งใจไว้ว่าจะทำบล็อคเพื่อบอกเล่าเรื่องราวประสบการณ์ และ how to ต่างๆ ของบีบี เผื่อว่าจะได้เป็นประโยชน์แก่คนอื่นๆมั่งค่ะ
Friends Blog Link |
กลืนน้ำลายหิวตามเลยค่ะ