สิงหาคม 2554

 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
26
27
28
29
30
31
 
 
25 สิงหาคม 2554
Day 4 : Bruges & Brussels



เช้านี้เราต้องจากปารีสไปแล้ว ออกอาการเศร้านิดหน่อย เพราะยังกินเบเกอรี่ที่อยากกินไม่ครบเลย เฮ้อ! โปรแกรมของวันนี้คือ นั่งรถไฟ TGVจากปารีสไปเมืองบรุช (Bruges) แวะเที่ยวที่นั่น 3-4 ชั่วโมง แล้วค่อยนั่งรถไฟเข้าเมืองบรัซเซล (Brussels) ค้างคืนที่นั่นหนึ่งคืน

เราออกจากโรงแรมแต่เช้าเพื่อไปขึ้นรถไฟที่สถานี Paris Nord รถไฟเราออกเกือบเก้าโมงเช้า แต่ตามตั๋วเค้าบอกให้มารอรถไฟก่อนรถออกครึ่งชั่วโมง แต่พอเอาเข้าจริงๆ ปรากฎว่ารถไฟมาช้าไปเกือบ 10 นาทีค่ะ (ไหนใครบอกว่ารถไฟยุโรปวิ่งตรงเวลามาก เดี๊ยนขอเถียงว่าไม่จริ๊ง ไม่จริง แค่ขบวนแรกที่ขึ้นมันก้อมาสายแล้ว แล้วยังมีอีกหลายขบวนในทริปนี้ที่มาสาย)

ไปถึงสถานีรถไฟแล้ว บีบีก้อเอาตั๋ว Eurail ที่มีไป Validate ค่ะ เดินตามป้าย Billets ไปหาพนักงานที่ห้องขายตั๋วรถไฟ (ticket ในภาษาฝรั่งเศษ = Billets) บอกเค้าว่าให้ Validate ตั๋วให้หน่อย พร้อมกับยื่นตั๋ว Eurail และพาสปอร์ตของเราให้พนักงานเค้าไปค่ะ แล้วพนักงานก้อจะกรอกวันเริ่มต้นกับวันสิ้นสุดการใช้งานในตั๋วหน้าแรก และเลขที่พาสปอร์ตของเราและสามีในหน้าที่สอง พร้อมกับประทับตราวันที่และสถานที่ที่ validate ตั๋วให้เราทั้งสองหน้าค่ะ









ตั๋ว Eurail พร้อมใช้แล้ว ต่อไปก้อเป็นตั๋วรถไฟ TGV ก่อนขึ้นรถไฟให้เอาตั๋วรถไฟ TGV ไป validate ที่ตู้สีเหลืองๆ ในสถานีรถไฟ จัดยัดเข้าไปให้ได้ยินเสียงเหมือนเครื่องตอกบัตรแล้วก้อเอาออกมา แค่นี้ก้อพร้อมใช้แล้วค่ะ








วิธีการขึ้นรถไฟก้อง่ายมาก ที่สถานีรถไฟ เค้าจะมีบอร์ดตารางรถไฟใหญ่ๆ คล้ายๆกับบอร์ดตารางเครื่องบินเลยค่ะ รถไฟชื่ออะไร ขบวนที่เท่าไหร่ วิ่งไปไหน จองที่ชานชลาที่เท่าไหร่ ออกเวลาไหน ถ้ารถไฟมาช้า มันก้อจะขึ้นป้าย delay ให้ดูด้วยค่ะ รถไฟที่นี่เค้าแบ่งชั้นวรรณะกันอย่างชัดเจนนะ สังเกตุจากหมายเลขที่ประตูทางขึ้นรถไฟแต่ละโบกี้ ส่วนใหญ่รถไฟชั้น 1 (first class) จะอยู่ที่หัวหรือท้ายขบวนและมีอยู่ไม่กีโบกี้ และรถไฟชั้น 2 (second class)จะอยู่ตรงกลางขบวน ถ้าเป็นรถไฟที่บังคับจองที่นั่ง เช่น TGV, Thalys หรือรถไฟนอน ในตั๋วรถไฟเค้าจะระบุไว้เลยว่าเราต้องขึ้นรถไฟโบกี้หรือ coach ที่เท่าไหร่ และนั่งตรงหมายเลขอะไร








รถไฟ TGV ที่บีบีนั่งวันนี้คือสาย Paris – Lille Frandres แล้วต้องต่อรถไฟอีก 2 ต่อ กว่าจะถึงบรุช (Bruges) จริงๆจากปารีสไปบรุช นั่งรถไฟ Thalys สะดวกที่สุดค่ะ แต่! แพงที่สุดเหมือนกัน ขนาดบีบีมี Eurail pass แล้ว ยังต้องเสียค่าจอง Thalys เพิ่มอีก 100 ยูโรต่อคนอ่ะ เราเลยตัดสินใจนั่ง TGV ดีกว่า เสียค่าจองคนละ 8 ยูโรเอง ถูกกว่ากันเป็นไหน ใช้เวลาเดินทางเท่ากันด้วย เช้านี้เราเลยนั่งรถไฟ TGV จาก Paris to Lille Frandres = 1.02 ชั่วโมง, ต่อด้วยรถไฟ RE(Reginol Express) จาก Lille Frandres to Kortrijk = 29 นาที, ต่อด้วยรถไฟ IC (Intercity) จาก Kortrijk to Bruges = 20 นาที รวมทั้งหมดก้อประมาณ 2 ชั่วโมงแหล่ะ แต่จริงๆเหมือนแป๊ปเดียวนะ ดูวิวข้างทางไปเพลินๆก้อถึงล่ะ

รถไฟ TGV เป็นรถไฟความเร็วสูงสัณชาติฝรั่งเศส ก้อเหมาะสมแล้วอ่ะนะที่เป็นหน้าเป็นตาให้กับประเทศ เพราะที่นั่งมันดูหรูหรา กว้างขวาง เท่ห์ ไฮโซมาก โดยเฉพาะที่นั่งชั้นหนึ่ง ผู้โดยสารใส่สูทหรือชุดกระโปรงกันทุกคน ดูเป็น business man มาก (ยกเว้นบีบีกับคุณสามี) บนที่นั่งของเราก้อมีปลั๊กไฟ โคมไฟ กับอินเตอเนตให้ใช้ด้วย (แต่อินเตอเนตเสียเงินนะ)








พอมาขึ้นรถไฟด่วนที่วิ่งประจำท้องถิ่นในประเทศเช่น RE(Reginol Express) หรือ IC (Intercity) มันก้อโอเคนะ กว้างขวาง สะอาด นั่งสบายๆ ชิวๆไปเรื่อยๆ วิธีขึ้นรถไฟพวกนี้ก้อง่ายมาก เดินขึ้นไปแล้วเลือกที่นั่งตามใจตัวเองเลย พอรถออกแล้วจะมีพนักงานมาขอดูตั๋ว เราก้อยื่นตั๋ว Eurail ให้เค้าไป อ้อ ลืมไบอกไปว่าทุกครั้งที่ใช้ตั๋ว Eurail ให้เขียนรายละเอียดรถไฟที่ขึ้นบนซองตั๋ว Eurail ด้วย (วันที่ / เวลา / สถานีต้นทาง / สถานีปลายทาง / หมายเลขขบวนรถไฟ ถ้าจำได้) ที่ต้องเขียนลงไปเพราะว่าบางทีพนักงานที่ตรวจตั๋วเค้าจะดูตรงนี้และก้อประทับตราวันที่ให้ด้วยค่ะ








ไปถึงบรุช (bruges) กันเกือบเที่ยง เราก้อเอากระเป๋าไปฝากไว้ที่ตู้ลอกเกอร์ในสถานีรถไฟก่อน ตู้ลอกเกอร์ที่นี่ “ใหญ่มาก” ใหญ่ขนาดที่ผู้ชายตัวใหญ่ๆจะเข้าไปนั่งได้สบายๆอ่ะ ค่าฝากก้อถูกด้วย 4 ยูโรเอง หยอดเงินเข้าไป ประตูลอกเกอร์เปิดออกมา ใส่กระเป๋าเข้าไป ปิดลอกเกอร์ปุ๊ป มันก้อจะให้ใบเสร็จออกมา แต่ต้องเก็บไว้ให้ดี เพราะมันมีบาร์โค้ดที่ต้องใช้แสกนเพื่อเปิดตู้ลอกเกอร์ตอนจะเอาของออกด้วย





ออกจากสถานีรถไฟบรุช เราก้อเดินเท้าเข้าไปในเมืองค่ะ ประมาณ 15 นาทีก้อเริ่มเห็นอะไรสวยๆงามๆล่ะ เคยได้ยินหลายคนบอกว่าบรุช (bruges) สวยเหมือนเมืองในเทพนิยาย พอมาเห็นกับตาบีบีเลยเข้าใจว่าทำไม บรุช (bruges)เป็นเมืองเก่า ถนนปูด้วยหิน ตึกรามบ้านช่องสร้างด้วยอิฐแดงทั้งหลัง บางทีก้อมีตึกกลมๆ คล้ายหอคอย(เตี้ยๆ) ที่สร้างด้วยอิฐแดง มีรถม้าวิ่งบริการ มีหงส์ขาว (หรือห่านก้อไม่รู้) ลอยไปลอยมาตามคลอง มันก้อเลยเหมือนเหมืองในเทพนิยาย กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ด้วยประการละชะนี้แล
































ในส่วนของดาวน์ทาวน์บรุช (bruges) ตึกที่ทำการเมืองกับส่วนของตุลาการเมือง ดูเผินๆเหมือนปราสาทโบราณเลย สวยดี รอบๆลานจตุรัสมีร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึกบริการอยู่เพียบ บีบีกับคุณสามีก้อแวะกินข้าวกันแถวนั้นล่ะค่ะ ทุกอย่างเป็นไปด้วยดี แต่ติดใจอยู่อย่างหนึ่ง คือ ร้านอาหารแถวนี้ไม่มีน้ำแข็งบริการอ่ะ
























บรุช (bruges) เป็นเมืองที่ขึ้นชื่อมากในเรื่องของชอคโกแลตค่ะ ดังนั้นเราจะเห็นร้านชอคโกแลตตั้งอยู่ทุกถนนเลยเชียว แต่ละร้านก้อทำชอคโกแลตออกมา รูปร่างน่าตา น่ารัก น่ากินมั่กๆ วัตถุประสงค์ที่แท้จริงของบีบีที่อยากมาเที่ยวที่เมืองบรุช (bruges) ก้อคือ “ชอคโกแลต” นี่ล่ะค่ะ ปีที่แล้วคุณสามีเค้ามาแล้วซื้อชอคโกแลตกลับไปฝากบีบี อร่อยมากกก บีบีเลยตั้งใจไว้ว่า บีบีจะต้องไปซื้อชอคโกแลตที่ร้านนั้นให้ได้ ร้าชอคโกแลตในฝันของบีบีมีชื่อว่า “Stephan Dumon” ค่ะ ราคาไม่แพง รสชาติเยี่ยม ร้านนี้ยังเป็นร้านชอคโกแลตแนะนำในหนังสือนำเที่ยวของ Rick’s Steve อีกด้วย

















รถไฟจากบรุช (Bruges) ไปบรัซเซล (Brussels) ออกทุกๆครึ่งชั่วโมงค่ะ เราเลยไม่ต้องรีบอะไรมาก เราออกจากบรุช (bruges) ประมาณบ่ายสี่โมงค่ะ รถไฟวิ่งประมาณ 1 ชั่วโมง ก้อถึงบรัซเซล (Brussels) ล่ะค่ะ











จากสถานีรถไฟเราก้อเดินตรงไปเชคอินที่โรงแรมเลย เดินไม่ถึงสิบนาทีเลย ถึงล่ะ คืนนี้เราพักกันที่โรงแรม Ibis Brussels Off Grand Place ราคาคืนละ 135 ยูโร จองผ่านเวปของ accor.com ค่ะ ห้องพักก้อแคบและสะอาดตามมาตรฐานโรงแรมไอบิส แต่ดูๆแล้วกว้างกว่าที่ปารีสนิดหนึ่ง และมีอาบอาบน้ำให้ด้วย (ในปารีสมีแค่ฝักบัวอ่ะ)














โรงแรมที่เราอยู่ทำเลดีมาก ใกล้สถานีรถไฟและใกล้จตุรัสกรองปลาส (Grand Place) ด้วย (ไม่ถึงห้านาที) เชคอินเสร็จเราก้อเดินออกไปที่จตุรัสกรองปลาส (Grand Place) จตุรัสนี้ถูกขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก้ นอกจากนั้นยังได้ชื่อว่าเป็นจตุรัสเก่าแก่ที่งดงามที่สุดของโลกอีกด้วย มันก้อสวยจริงๆอ่ะค่ะ ตึกแต่ละตึก เสาแต่ละต้น ปราณีตกันน่าดู

















สัญลักษณ์ของเมืองบรัซเซล (Brussels) คือ รูปปั้นเด็กผู้ชายยืนฉี่ หรือ Meneken Pis ไม่รู้เหมือนกันว่ามันวิเศษยังไง มีชื่อเสียงมาจากไหน รู้แต่ว่าทุกคนที่มาเมืองนี้แล้วจะต้องไปถ่ายรุปกับ Meneken Pis ให้ได้ ร้านชอคโกแลตบางร้านก้อทำชอคโกแลตรูป Meneken Pisออกมาขายเป็นที่ระลึกอีกด้วย

















หลังจากทีเราถ่ายรูปกับ Meneken Pis แล้ว ก้อถึงเวลาที่บีบีรอคอย นั่นก้อคือ “เบลเยี่ยมวัฟเฟิล กับหอยแมลงภูอบเนย” ค่ะ เบลเยี่ยมวัฟเฟิลชั้นแรกที่กิน บีบีซื้อจากร้านไอศครีม Haagen Dazs ค่ะ เป็นเบลเยี่ยมวัฟเฟิลกับไอศครีมคุกกี้แอนครีม ราดด้วยคาราเมล หวานไปหน่อย แต่อร่อยใช้ได้เหมือนกัน




























กินเสร็จแล้วเราก้อเดินเล่นแถวๆนั่นล่ะ จนมืดแล้วเราค่อยไปหาหอยกินกัน แถวๆ จตุรัสกรองปลาส (Grand Place) มันจะมีซอยหนึ่งเป็นร้านอาหารซีฟู๊ดทั้งซอยเลยเชียว วิธีการขายก้อเหมือนเมืองไทยบ้านเรานะ แบบว่ามีคนยืนอยู่หน้าร้าน คอยเชียร์แขกเข้าร้าน ที่หน้าร้านทุกร้านจะมีเมนูกับราคาอาหารไว้ให้เลือกตามอัธยาศัยอีกด้วย คุณสามีเค้าพาบีบีไปกินหอยที่ร้าน Chez Leon ค่ะ เป็นร้านอาหารแบบหอยแมลงภู่อบแนะนำจากหนังสือ Rick’s Steve ค่ะ, คุณสามีของบีบีเป็นแฟนคลับของพ่อคนนี้ค่ะ อะไรๆก้อต้องทำตามหนังสือ เฮ้อ! แต่กว่าจะหาร้านเจอนี่ก้อนานเหมือนกัน ที่ร้านเค้ามีเมนุชุดขายด้วย คือมีหอยแมลงภู่อบเนย, เฟรนซ์ฟราย, ขนมปังฝรั่งเศส กับเบียร์หมักเองแก้วหนึ่ง ราคาชุดละ 12 ยูโร คุ้มค่ะ อร่อยดี หอยตัวใหญ่มาก ไม่คาวเลย แกะง่าย ไม่เปื้อนมือ เบียร์ก้ออร่อย นุ่ม ลื่นคอ แต่คุณสามีบีบีไม่ชอบ บีบีก้อเลยจัดการแทนซะเกลี้ยงทั้งหอยทั้งเบียร์เลย อิ่ม อร่อย เมา ก่อนกลับไปนอน หมดไปอีกหนึ่งวัน











Create Date : 25 สิงหาคม 2554
Last Update : 25 สิงหาคม 2554 12:50:59 น.
Counter : 10225 Pageviews.

5 comments
  
โดย: ดอยสะเก็ด วันที่: 26 สิงหาคม 2554 เวลา:8:27:25 น.
  
ขอบคุณที่อวยพรวันเกิดกันจ้า
ตามมาเที่ยวเมืองนอกด้วย ฮี่ๆ
โดย: แม่อ้วนคนสวย วันที่: 26 สิงหาคม 2554 เวลา:11:18:23 น.
  
ขอบคุณสำหรับคำอวยพรค่ะ
น่าไปเที่ยวจังเลย อยากมีเวลาไปเที่ยวบ้าง อะไรบ้าง
โดย: nongbow วันที่: 26 สิงหาคม 2554 เวลา:11:26:17 น.
  
ขอบคุณสำหรับคำอวยพรค่ะ

โดย: rimpingringpim วันที่: 29 สิงหาคม 2554 เวลา:8:54:21 น.
  
ขอบคุณมากมากค่ะ
สุขสันต์ สุขสันต์ เช่นกันนะค๊ะ
โดย: dicery วันที่: 31 สิงหาคม 2554 เวลา:2:29:17 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Sugar lip
Location :
Seattle  United States

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 156 คน [?]



วันหนึ่ง เราจะต้องทำบล็อคหน้าตาสวยๆออกมาให้ได้ คอยดูสิ หึ

บีบีได้มาใช้ชีวิตอยุ่ที่อเมริกาถึงวันนี้ก้อเกือบ 3 ปีล่ะค่ะ การได้มาใช้ชีวิตต่างแดนตัวคนเดียว เวลามีปัญหาหรือข้อสงสัยขึ้นมา มันก้อไม่รุ้จะไปถามใคร ภาษาเราก้อไม่ดี บีบีก้อจะหาข้อมูลในเวป google แล้วบีบีก้อจะได้คำตอบออกมาในรูปแบบของ bloggang บีบีเลยรู้สึกถึงความสำคัญของบล็อค รู้สึกขอบคุณคนเขียนบล็อคทุกๆคน ที่เสียสละเวลามาเล่าประสบการณ์ต่างๆที่เป็นประโยชน์อย่างมากมายกับคนที่ไม่รู้อะไรเลยอย่างบีบี ดังนั้นบีบีก้อเลยตั้งใจไว้ว่าจะทำบล็อคเพื่อบอกเล่าเรื่องราวประสบการณ์ และ how to ต่างๆ ของบีบี เผื่อว่าจะได้เป็นประโยชน์แก่คนอื่นๆมั่งค่ะ
New Comments