กรกฏาคม 2554

 
 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
23
24
25
26
27
29
30
31
 
 
22 กรกฏาคม 2554
Day 1 : Paris (Eiffel, Notro Dame, Lourve)


วันแรกของการเดินทางทริปใหญ่ บีบีใช้บริการของสายการบิน U.S.Airways ออกจากซีแอทเทิลตอน 8.45น. เปลี่ยนเครื่องที่ฟิลาเดเฟีย แล้วไปถึงสนามบิน Charles de Gaulle (CDG) ที่ปารีสตอน 7.55 น. ใช้เวลาเดินทางรวม 14.10 ชั่วโมง ที่ปารีสเวลาจะเร็วกว่าเมืองซีแอทเทิลที่บีบีอยู่ประมาณ 9 ชั่วโมงค่ะ แต่อาการ “เจทเล็ก” ยังไม่เกิด เรายังร่าเริงกันได้อยู่ค่ะ

ตอนผ่าน ต.ม.ปารีส มีแอบเสียวนิดหนึ่ง เพราะบีบีใช้พาสปอร์ตเล่มใหม่เดินทาง โล้นมาก มีแค่วีซ่าเชงเก้นอย่างเดียว นามสกุลบนพาสปอร์ตยังเป็นนามสกุลก่อนแต่งงาน แต่เจ้าหน้าที่ก้อดูแค่หน้าบีบีแล้วถามว่า “มากับแฟนเหรอ” (คุณสามีของบีบียืนรอคิวอยู่ข้างหลัง) พอบีบีบอกว่าใช่ เค้าก้อเรียกคุณสามีมา แล้วก้อประทับตราที่พาสปอร์ตให้ทั้งคู่ แล้วก้อให้ผ่านไปเลย ไม่พูด ไม่ถามอะไรอีกเลย เรารึก้ออุตส่าห์เตรียมแฟ้มเอกสารแผนการท่องเที่ยวมาด้วย

ผ่าน ต.ม.มาแล้ว เราก้อไปรอรับกระเป๋า แล้วก้อเพิ่งจะรู้ว่าตัวเองอยู่ที่ terminal 1 เลยพากันไปขึ้น shuttle bus ไปที่ terminal 2 กัน (ที่สนามบิน CDG มี terminal ทั้งหมด 3 terminal ค่ะ ถ้าเราต้องการเดินทางเข้าเมืองโดยรถไฟ เราต้องไปขึ้นรถไฟที่ terminal 1 หรือ 2 เท่านั้นค่ะ ) ที่ terminal 2 คนเยอะมาก เห็นบูธขายของ ขายทัวร์ เช่ารถ จองโรงแรมเพียบไปหมด มีตู้ขายตั๋วรถไฟอัตโนมัติด้วย จริงๆก่อนมา บีบีก้อทำการบ้านมาแล้วล่ะ แล้วก้อพอจะรู้ว่าที่ปารีสเค้ามีตั๋วรถไฟแบบไหนบ้าง แต่บีบีก้อยังไปถามเค้าเตอร์ information เพื่อความชัวร์เลยว่า โรงแรมที่บีบีจองไว้เนี่ยะ ต้องนั่งรถไฟสายอะไร ขึ้นตรงไหน ลงตรงไหน แล้วเราก้อไปซื้อตั๋วรถไฟกัน วันนั้นบีบีซื้อตั๋วรถไฟเข้าเมือง RER line B กับตั๋วแบบ carnet (ตั๋วเที่ยวเดียวแบบ 10 ใบ) มาชุดหนึ่ง

ระบบการเดินทางของปารีสแบ่งออกเป็น 3 ส่วนใหญ่ๆ คือ Metro, RER, และรถบัสค่ะ บีบีจะพูดถึง RER ก่อนละกัน เพราะเราต้องใช้ RER เดินทางเข้าเมืองกันทุกคน RER เป็นรถไฟสายยาว วิ่งจากนอกเมืองผ่านตัวเมืองปารีส ค่ารถไฟคิดตามระยะทาง RER มีทั้งหมด 5 คือสาย A (ไป Paris Disneyland และ La Defense), สายB (ไปสนามบินทั้ง 2 ที่ของปารีส), สายC (ไปพระราชวังแวร์ซาย), สายD, และสาย E การเดินทางจากสนามบินเข้าเมือง นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ก้อใช้บริการของ RER สาย B เพราะราคาถูกที่สุด ซื้อตั๋วที่สนามบินราคาประมาณ 8 ยูโร แล้วยังสามารถใช้ตั๋ว RER กับรถไฟ metro ในกรณีที่ต้องเปลี่ยนรถไฟในตัวเมืองปารีสได้อีกด้วย

รถไฟ Metro มีทั้งหมด 14 สาย เริ่มจากสาย 1 ไปจนถึงสายที่ 14 ให้บริการในตัวเมืองปารีส รถไฟแบบนี้บางที่ก้อวิ่งใต้ บางที่ก้อขึ้นมาวิ่งบนดิน รถไฟแบบนี้วิ่งบนรางไฟฟ้า แต่มิใช่รถไฟฟ้าแบบบ้านเรานะจ๊ะ เพราะมันไม่มีแอร์ มีแต่หน้าต่างให้เปิดรับลมธรรมชาติ แล้วเวลาจะขึ้นจะลงรถไฟ เราต้องเปิดประตูเองด้วย ส่วนค่ารถไฟ จะใกล้หรือไกล ก้อคิดราคาเดียวทั้งสายจ้า






รถบัส มีประมาณ 60 กว่าสาย เริ่มตั้งแต่สาย 20 จนถึงสาย 96 และยังมีรถบัสสายพิเศษที่วิ่งไปสนามบิน, ย่านลาดีเฟนซ์, ย่านมงมารต์ท อีกด้วย ค่ารถบัสคิดราคาเดียวทั้งสาย ตั๋วรถบัสและตั๋วรถไฟ Metro หรือรถไฟ RER เป็นตั๋วเดียวกันค่ะ ดังนั้นถ้าจะขึ้นรถบัส ให้ซื้อตั๋วที่เครื่องขายตั๋วในสถานีรถไฟก้อได้ หรือจะขึ้นไปซื้อบนรถบัสเลยก้อได้ค่ะ

ระบบการขนส่งของปารีสรวมๆ ทั้งหมดแล้วก้อเกือบร้อยสาย แผนที่สายรถต่างๆของปารีสและแยกได้จากสี และหมายเลขกับกำกับสายของรถที่วิ่งค่ะ ดูเหมือนจะงง แต่จริงๆไม่งงค่ะ แค่ตาลายเฉยๆ ก๊ากกก




ประเภทของตั๋วรถไฟในปารีส แบ่งเป็น 3 ประเภทใหญ่ๆ คือ

1.T-Standard or Ticket T เป็นตั๋วเที่ยวเดียว (single way) ที่ขายตามสถานีรถไฟ หรือตามตู้อัตโนมัต ใช้ได้กับ RER, Metro, Tram, Bus ที่วิ่งในโซน 1-2 เท่านั้น ราคาค่าตั๋วที่มีผลตั้งตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2011 คือ
-1 ticket or single ticket คือ ตั๋วเดี่ยว หรือ ตั๋วที่ใช้เดินทางได้ที่ยวเดียว ราคา 1.7 ยูโร
-10 tickets or carnet (full price) คือ ตั๋วเดินทางเที่ยวเดียว แต่ขายพร้อมกัน 10 ใบ สามารถแบ่งกันใช้ ได้ ราคาเต็ม 12.5 ยูโร หาซื้อได้ตามสถานีรถไฟทุกสถานี
-10 tickets or carnet (reduce price) เป็นตั๋วแบบข้างบน ราคา 6.25 ยูโร แต่หาซื้อได้เฉพาะที่สนามบินเท่านั้น



2. Daily Pass and Weekly Pass หรือที่เรียกกันว่า ตั๋ว Mobilis สามารถใช้ขึ้นรถทุกประเภท ไม่จำกัดจำนวนครั้ง ถ้าเป็นตั๋ววัน นับเวลาตั้งแต่ครั้งแรกที่ใช้ ไปจนถึงเที่ยงคืนของวันนั้น ตั๋ว Mobilis ซื้อได้ตามสถานีรถไฟทุกสถานีค่ะ ในบล็อคนี้ บีบีจะบอกแค่ราคาตั๋วแบบ Daily Pass นะคะ เพราะตั๋วแบบ Weekly Pass บีบีไม่มีข้อมูลค่ะ ราคาค่าตั๋ว Daily Pass มีผลตั้งตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2011 คือ
โซน 1-2 ราคา 6.30 ยูโร
โซน 1-3 ราคา 8.40 ยูโร
โซน 1-4 ราคา 10.40 ยูโร
โซน 1-5 ราคา 14 ยูโร





3. Paris Visite เป็นบัตรโดยสารคล้าย Mobilis คือใช้เดินทางได้ไม่จำกัดจำนวนครั้ง แต่มีสิทธิพิเศษตรงที่ว่าบัตรนี้ใช้เข้าชมพิพิธภัณฑ์หรือสถานที่ท่องเที่ยวบางที่ได้ และยังมีส่วนลดกับร้านค้าหรือร้านอาหารบางร้านอีกด้วย บัตร Paris Visite ซื้อได้ตามสถานีรถไฟทุกสถานี และสนามบินค่ะ ส่วนราคาบัตรที่มีผลใช้ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2010 จนถึงปัจจุบัน คือ
1 วัน Zone 1-3 ราคา 9.30 ยูโร , zone 1-5 ราคา 19.60 ยูโร
2 วัน Zone 1-3 ราคา 15.20 ยูโร , zone 1-5 ราคา 29.90 ยูโร
3 วัน Zone 1-3 ราคา 20.70 ยูโร, zone 1-5 ราคา 41.90 ยูโร
5 วัน Zone 1-3 ราคา 29.90 ยูโร, zone 1-5 ราคา 51.20 ยูโร

ข้อมูลตั๋วรถไฟข้างบน บีบีเอามาจากเวป //www.ratp.fr/en/ratp/c_21879/tourists/ นอกจากตั๋วรถไฟแล้ว ยังมีพวกบัตรเข้าชมพิพิธภัณฑ์หรือสถานที่ท่องเที่ยวที่ควรรู้ก่อนไปอีก 2 บัตร คือ Paris Museum Pass กับ Paris Pass ดูเผินๆ อาจคิดว่าเป็นบัตรเดียวกัน เพราะใช้เข้าชมสถานที่ท่องเที่ยวเหมือนกัน แต่จริงๆมันแตกต่างกันมากตรงราคา กับสิทธิประโยชน์บางอย่างค่ะ

บัตร Paris Museum Pass ชื่อก้อบอกอยู่แล้วว่าเป็นบัตรเข้าชมพิพิธภัณฑ์และสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ ในปารีสและรอบๆ ปารีส ข้อดีของบัตรนี้ก้อคือ สามารถเข้าชมพิพิธภัณฑ์และสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ ได้ไม่จำกัดจำนวนครั้ง ข้อดีอีกอย่างคือถ้ามีบัตรนี้แล้วก้อไม่ต้องไปเข้าแถวซื้อตั๋วอีกอ่ะค่ะ โชว์บัตรนี้ที่กับคนตรวจตั๋วแล้วก้อเข้าไปเลย ประหยัดเวลาได้เยอะมาก โดยเฉพาะกับสถานที่ท่องเที่ยวดังๆ เช่น พิพิธภันฑ์ลูฟ เป็นต้น บัตร Paris Museum Pass มีขายที่สนามบิน, ศูนย์ information ทุกที่, ร้าน FNAC ทุกสาขา, สถานที่ท่องเที่ยวบางที่ หรือจะซื้อทางอินเตอเนตก้อได้ค่ะ //en.parismuseumpass.com/ อันนี้เป็นเวปออฟฟิสกลางของบัตรค่ะ ถ้าซื้อกับเวปท่องเที่ยว หรือเวปเอเจนซี่ก้อจะได้ราคาที่สูงกว่าเวปกลางเล็กน้อยค่ะ ราคาและประเภทของบัตร Paris Museum Pass มี 3 แบบ คือ บัตร 2 วัน ราคา 35 ยูโร, บัตร 4 วัน ราคา 50 ยูโร, บัตร 6 วัน ราคา 65 ยูโร ค่ะ ก่อนใช่ง้าน ให้เราเขียนวันที่ ที่เราเริ่มใช้บัตรเป็นวันแรก และชื่อของเราที่ด้านหลังของบัตรค่ะ เพราะพนักงานตรวจตั๋วส่วนใหญ่จะดูแค่วันที่แค่นั้น

href="//www.bloggang.com/data/s/sugarlip/picture/1311322023.jpg" target=_blank>


บัตร Paris Pass มีคุณสมบัติขั้นต้นเหมือนกันกับบัตร Paris Museum Pass ด้านบนเลยค่ะ แต่ที่ดีกว่านั้นคือ สามารถใช้กับระบบขนส่งของปารีส แบบไม่จำกัดเที่ยวได้อีกด้วย นอกจากนั้นยังใช้ได้กับทัวร์แบบ hop-on hop-off และส่วนลดเรือล่องแม่น้ำเชน และร้านอาหารบางร้านได้ด้วย บางคนอาจสงสัยว่าบัตร Paris Pass กับบัตร Paris Visite มันต่างกันยังไง เพราะใช้เข้าสถานที่ท่องเที่ยวและขึ้นรถไฟเหมือนกัน มันต่างกันตรงที่ บัตร Paris Pass ครอบคลุมทุกพิพิธภันฑ์และสถานที่ท่องเที่ยวในและรอบๆปารีส แต่บัตร Paris Visite คลอบคลุมเฉพาะพิพิธภัณฑ์บางแห่ง และที่ไม่ค่อยดังเท่านั้นค่ะ บัตร Paris Pass บีบีคิดว่าไม่มีขายในปารีสนะ ต้องสั่งซื้อทางอินเตอร์เนตอย่างเดียว (แต่บีบีไม่แน่ใจนะคะ ถ้าใครสามารถซื้อในปารีสได้ รบกวนแจ้งข้อมูลด้วยนะ บีบีจะได้เอามาอัพบล็อคของบีบีอ่ะค่ะ) เวปออฟฟิสของ บัตร Paris Pass นี้คือ //www.parispass.com/ ใช้เวลาส่งบัตรประมาณ 10 วัน แต่เดี๋ยวนี้สำหรับคนที่ซื้อบัตรแบบใกล้วันเดินทาง สามารถปรินท์ใบเสร็จ แล้วเอาไปแลกบัตรจริงที่ปารีสได้ค่ะ ราคาค่าบัตร

บัตรแบบ 2 วัน ผู้ใหญ่ราคา 99 ยูโร, เด็กอายุ 12-17 ปี ราคา 57 ยูโร, เด็กอายุ 4-11 ราคา 31 ยูโร
บัตรแบบ 4 วัน ผู้ใหญ่ราคา 145 ยูโร, เด็กอายุ 12-17 ปี ราคา 77 ยูโร, เด็กอายุ 4-11 ราคา 41 ยูโร
บัตรแบบ 6 วัน ผู้ใหญ่ราคา 176 ยูโร, เด็กอายุ 12-17 ปี ราคา 88 ยูโร, เด็กอายุ 4-11 ราคา 51 ยูโร

การท่องเที่ยวในปารีสเป็นเรื่องที่ง่ายและสะดวกสบายมาก สะดวกตามกำลังทรัพย์ด้วย ก้อถ้ารวยอ่ะ จะซื้อบัตรแบบไหนก้อได้ เพราะไม่ต้องมานั่งสนใจว่ามันจะคุ้มหรือไม่คุ้ม แต่ถ้าเราวางแผนการเที่ยวดีๆ เราก้อสามารถประหยัดเงินตรงนี้ไปได้โขอยู่นะ สำหรับใครที่ไม่เน้นเที่ยวพิพิธภัฑท์ หรือคิดว่าบัตรพาสพวกนี้ไม่คุ้มแน่ๆ หรืออยากเข้าเฉพาะบางพิพิธภัณฑ์ แต่ก้อไม่อยากยืนเข้าคิวยาวๆซื้อตั๋วที่หน้าทางเข้า เดี๋ยวนี้สถานที่ท่องเที่ยวส่วนใหญ่สามารถซื้อตั๋วออนไลน์ล่วงหน้าได้แล้วค่ะ แต่บางที่อาจจะมีค่าธรรมเนียเพิ่มเล็กน้อย (แต่ส่วนใหญ่ก้อไม่เกิน 5 ยูโรอ่ะค่ะ) มีที่ไหนบ้างที่ขายตั๋วออนไลน์ ให้ติดตามอ่านบล็อคบีบีต่อไปนะคะ เดี๋ยวบีบีจะให้ข้อมูลไว้ค่ะ






ทริปนี้บีบีพักที่โรงแรม Ibis Tour Eiffel Cambronne ค่ะ จากสนามบินบีบีนั่งรถไฟ RER สาย B ไปลงที่สถานี Denfert Rochereau แล้วเปลี่ยนไปขึ้น Metro สาย 6 ไปลงที่สถานี Cambronne ใช้เวลาเดินทางประมาณชั่วโมงหนึ่ง ออกจากสถานีรถไฟมาปุ๊ป ก้อมองเห็นโรงแรมตั้งเด่นเป็นสง่าเลยทันที เรารึก้อกลัวหลง อุตว่าปรินท์แผนที่จาก googlemaps มาด้วย ตอนนั้นเวลาประมาณเกือบเที่ยง จะเข้าห้องพักเลยก้อได้ แต่บีบีอยากได้ห้องที่เห็นวิวหอไอเฟลด้วย พนักงานโรงแรมเลยให้มาเชคอินอีกทีตอนบ่ายสองอ่ะ ส่วนกระเป๋าเดินทาง ทางโรงแรมไม่รับฝากค่ะ ให้เอาไปเก็บไว้ที่ตู้ลอคเกอร์หยอดเหรียญ (4 ยูโร) ในลอบบี้ของโรงแรมนั่นแหล่ะ ก่อนเอากระเป๋าไปเก็บเลยขอไปล้างหน้าแปรงฟันก่อน เดินไปห้องน้ำที่ลอบบี้ ปรากฎว่าห้องน้ำล็อคค่ะ บีบีต้องเดินไปขอกุญแจกับพนักงานต้อนรับมา พนักงานก้อถามเบอร์ห้อง แล้วก้อให้คีย์การ์ดมา ใช้ได้แค่ 15 นาที เสร็จแล้วให้เอาไปคืนเขาด้วย อะไรจะขนาดนั้น






ล้างหน้าล้างตาเสร็จ เราก้อเดินไปที่หอไอเฟลเป็นที่แรกเลยค่ะ จากโรงแรมเดินไปประมาณ 15 นาที แต่ใช้เวลาเดินจริงๆ ประมาณครึ่งชั่วโมง เนื่องจากเดินดูนก ดูไม้ ดูของ ซื้อกาแฟไปเรื่อย กว่าจะถึง แต่พอเห็นหอไอเฟลแล้วก้อหายเหนื่อยเลยล่ะ ตอนเป็นเด็กบีบีก้อฝันไว้ว่า อยากไปอเมริกาเพราะอยากเห็นเทพีเสรีภาพ แล้วก้ออยากไปปารีสเพราะอยากเห็นหอไอเฟลนี่แหล่ะ ตอนนี้ก้อได้เห็นแล้ว ฝันเป็นจริง มีความสุขที่สุดเลย















ออกหลังจากชื่นชมหอไอเฟลเสร็จ เราก้อเดินเลียบแม่น้ำเชนไปขึ้นรถไฟไปที่โบสถ์ Notre Dome โบสถ์นี้เข้าชมฟรีค่ะ แต่ถ้าอยากขึ้นไปบนหอคอย ต้องจ่าย 7.5 ยูโร อากาศวันนั้นร้อนมาก เข้าไปในโบส์เลยรู้สึกสบาย เงียบ มืด เย็น































ออกจากโบสถ์มาแล้ว เราก้อไปเดินหาของกินแถว Latin Quarter นั่นแหล่ะ ตอนนั้นอะไรๆก้อเริ่มไม่สวยงามล่ะ เพราะอากาศร้อน ง่วงนอน แล้วก้อหิว สุดท้ายเลยกินอาหารจีนกัน อาหารจีนที่นี่ชั่งน้ำหนักขายกันเป็นขีด ขีดละ 1-5 ยูโร คนขายพอเค้าเห็นหน้าบีบี เค้าก้อพูดภาษาจีนใส่เลย บีบีก้อยืนอึ้งอยู่ เค้าเลยพูดภาษาฝรั่งเศสใส่ บีบียิ่งอึ้งไปกว่าเดิม จากนั้นบีบีก้อเลยใช้ภาษาใบ้กับเขา คือ เราต้องใช้นิ้วชี้ของเราให้เป็นประโยชน์ ใช้จิ้มเลือกอาหาร และใช้บอกจำนวนขีดที่ต้องการ จ่ายเงิน แล้วไปนั่งรอ คนขายจะเอากับข้าวไปอุ่นที่ไมโครเวฟ แล้วมาเสริฟให้เราที่โต๊ะ กินเสร็จก้อสะบัดก้นหนีไปได้เลย ไม่ต้องเก็บ






กินข้าวอิ่มแล้ว หนังท้องตึง หน้าตาก้อหย่อน เลยพากันกลับโรงแรม เช็คอินอีกรอบ แล้วก้องีบกันสักพัก ด้านล่างนี้เป็นรูปของห้องพักของเราค่ะ เราพักที่นี่ 3 คืน จ่ายไปทั้งหมด 261 ยูโร (ตกคืนละ 87 ยูโร) ราคานี้ไม่รวมอาหารเช้า แต่มีไวเลสให้เล่นฟรีในห้อง (ไปเอาพาสเวิร์ดที่กับพนักงานต้อนรับ แล้วพาสเวิร์ดเปลี่ยนทุกวัน เฮ้อ!) ห้องแคบอ่ะ แต่เอาเหอะ อย่างน้อย เราก้อได้เห็นหอไอเฟลก่อนเข้านอน กับหลังตื่นนอนล่ะ












งีบกับไปสัก 2 ชั่วโมง คุณสามีก้อปลุกให้ไปแถวถนนชองเอลิเซ่ ไอ้เราก้อนึกว่าจะพาไปชอปปิ้ง แต่ที่แท้คุณสามีจะไปซื้อบัตร Paris Museum Pass ที่ร้าน FNAC บนถนนนั่นล่ะ แต่พอไปถึงปรากฏว่าบัตรหมดค่ะ (คิดอยู่ในใจ บัตรแบบนี้มันปล่อยให้หมดได้ไงวะ ที่ร้านมันมีสต๊อคไว้กี่ใบกันวะ) แต่พนักงานเค้าก้อให้ที่อยู่ศูนย์ information ใกล้ๆมาให้ เราเลยกางแผนที่แล้วเดินไป หลงบ้างอะไรบ้าง ไปถึงนั่นตอนหนึ่งทุ่มสิบห้านาที (จำได้แม่นเลย) เดินวนหาทางประตูทางเข้าอยู่ พอเห็นประตูแล้วอยากจะกรี๊ดดังๆ เพราะมันปิดตอนทุ่มหนึ่งพอดี ก้อไม่เข้าใจอ่ะ เป็นศูนย์ข้อมูลสำหรับนักท่องเที่ยวอ่ะ หนึ่งทุ่มปิดแร่ะ เมิงจะรีบปิดไปไหน คิดว่าตัวเองเป็นธนาคารหรืออย่างไร ขี้เกียจทำงานหรือกลัวใครมาปล้นเหรอจ๊ะ) หงุดหงิดมาก เลยไปวีนใส่คุณสามี บอกว่าให้ซื้อที่สนามบินก้อไม่เชื่อ จะมาซื้อที่นี่ เป็นไงล่ะ



จากนั้นเราก้อเลยเดินไปเรื่อยๆ จนเจอพีรามิดแก้วที่หน้าพิพิธภัณฑ์ลูฟ แล้วพอดีว่าวันนั้นมันเปิดกลางคืนด้วย เลยเข้าไปเดินดูกัน บีบีเลยนึกขึ้นได้ว่าบัตร Paris Museum Pass มีขายที่นี่ด้วย เลยไปซื้อมาจนได้ จะอยู่ปารีสกัน 3 วัน คุณสามีซื้อแบบ 4 วันมา ไม่รู้ว่ามันซื้อมาประชดรึปล่าว ได้มาแล้วก้อมาเขียนชื่อกับวันที่ลงไปด้านหลังของบัตร แล้วก้อใช้เข้าลูฟเลย เดินดูนั่นดูนี่ได้อย่างสบายใจมาก เพราะกลางคืนคนไม่ค่อยเยอะ แอร์ก้อเย็นสบาย






พิพิธภัณฑ์ลูฟ (The Lourve Museum) เป็นหนึ่งในพิพิธภัณฑ์ที่ใหญ่และเก่าแก่ที่สุด มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเที่ยวชมมากที่สุดของของโลก พิพิธภันณ์ลูฟเคยเป็นพระราชวังมาก่อน ดังนั้น เรื่องความกว้างนี่ไม่ต้องพูดถึงเลย ถ้าจะเดินให้ทั่ว คงเวลาไม่ต่ำกว่าครึ่งวัน เพราะมันกว้างแล้วก้อมีอะไรให้ดูไม่จบไม่สิ้นอ่ะ ส่วนพีรามิดแก้วที่หน้าพิพิธภัณฑ์ลูฟถูกสร้างขึ้นมาใหม่เมื่อปี 1989 ออกแบบโดยสถาปนิกอเมริกันเชื้อสายจีน I.M.Pei ตอนแรกคนก้อคัดค้านการสร้างพีรามิดกันใหญ่ เพราะเกรงว่าจะไม่เข้ากับพิพิธภัณฑ์เก่าแก่แห่งนี้ แต่ปัจจุบันพีรามิดนี้กลายเป็นสัญลักษณ์ของลูฟไปแล้ว เพราะถ้าพูดถึงพิพิธภัณฑ์ลูฟ ทุกคนจะนึกถึงพีรามิดแก้วนี้ทันที ซึ่ง มันก้อสวยจริงๆนะ













ผลงานศิลปะที่มีชื่อเสียงที่สุดของพิพิธภันณ์ลูฟ คงจะเป็นภาพวาด “Monalisa smaile” ของลีโอนาโด ดาวินชี คนมารุมดูกันเยอะมาก คุณสามีบอกว่าครั้งที่แล้วที่เค้ามาตอนกลางวัน คนเยอะกว่านี้มาก ไม่ได้ดูใกล้ๆอย่างนี้หรอก (อีนังเมียก้อคิดในใจ นี่ใกล้แล้วเหรอ ห่างจากกรอบกระจกเกือบ 2 เมตร นี่เรียกว่าใกล้แล้วเหรอ)






นอกจากภาพวาดยัยโมนาลิซ่าแล้ว บีบียังอยากเห็นรูปปั้นวีนัส ของไมโล อีกด้วย แบบว่าเคยเห็นที่ห้องเรียนศิลปะตอนสมัยมัธยมอ่ะ อยากรู้ว่ามันจะเหมือนกันรึป่าว แต่พอเห็นของจริงแล้ว ไม่เห็นมันจะต่างกันตรงไหนเลย หรือเราจะตาไม่ถึงหว่า







ข้อมูลพิพิธภัณน์ลูฟ
- เดินทางไปโดย Metro สาย 1 ลงที่สถานี Palais-Royal–Musée du Louvre
- พิพิธภัณน์นี้ปิดทุกวันอังคาร
- เวลาเปิดให้เข้าชมวันจันทร์, พฤหัส, เสาร์, อาทิตย์ คือ 9.00 – 18.00 น.
- เวลาเปิดให้เข้าชมวันพุธ และวันศุกร์ คือ 9.00 – 21.45 น.
- ค่าตั๋วเข้าชม 10 ยูโร
- เปิดให้เข้าชมฟรีในวันอาทิตย์แรก ของทุกๆเดือน
- สามารถซื้อตั๋วออนไลน์ได้ที่ //www.louvre.fr/llv/pratique/billetterie.jsp








เราออกจากพิพิธภัณฑ์ลูฟกันตอนสามทุ่มครึ่ง (ตอนที่เค้าปิดไฟไล่นั่นแล่ะ) แล้วเราก้อกลับไปถนนชองเอลิเซ่อีกรอบ เพราะบีบีอยากเห็นประตูชัย Arc de Triomphe ตอนกลางคืนด้วย สวยงามมาก นอกจากนั้นจะได้ไปหาอะไรกินก่อนนอนด้วย คืนนั้นบีบีกลับถึงโรงแรมเกือบหกทุ่ม เหนื่อยและเมื่อยมาก อาบน้ำเสร็จเข้านอน หลับเป็นเลยเชียว หมดไปอีกหนึ่งวัน









Create Date : 22 กรกฎาคม 2554
Last Update : 28 กรกฎาคม 2554 13:29:35 น.
Counter : 34848 Pageviews.

15 comments
  
สวัสดีค่ะ คุณบีบี
ขอบคุณนะคะที่แวะไปอวยพรวันเกิดให้น้อย ขอให้พรดี ๆ ใด ประสบกับคุณบีบีและครอบครัวเช่นกันนะคะ

เก่งจังนะคะ ไปเที่ยวสถานที่สำคัญ ๆ เยอะเลย ข้อมูลในบล้อกก้อมีประโยชน์มากเลย วันหน้าน้อยมีโอกาสน้อยจะแวะเข้ามาอ่านบล้อกอีกนะคะ

ขอให้สุขสันต์ และโชคดีเช่นกันนะคะ
โดย: น้อยค่ะ (GLA_GAW ) วันที่: 24 กรกฎาคม 2554 เวลา:23:01:51 น.
  
ขอบคุณสำหรับคำอวยพรวันเกิดค่ะ คุณบีบี
ขอให้พรทุกสิ่งจงกลับมาสู่คุณบีบีเช่นกันนะค่ะ
คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...
โดย: เจ็บแต่ตอนหายใจ วันที่: 25 กรกฎาคม 2554 เวลา:14:25:00 น.
  
ขอบคุณค่ะ ที่เข้าไปอวยพรวันเกิดให้ ขอให้มีความสุขมากๆนะค๊า
โดย: ตั้งโอ๋ซาลาเปา วันที่: 25 กรกฎาคม 2554 เวลา:22:08:39 น.
  
ชอบเสื้อที่ระลึกจังเลย ไมตอนที่ไปไม่มีแบบน่ารักๆแบบนี้มั่งน๊า สงสัยต้องไปอีกรอบ..เหอะๆ
โดย: โบ เดอะ เกรท ^^ IP: 76.124.53.11 วันที่: 30 กรกฎาคม 2554 เวลา:10:47:39 น.
  
กำลังจะไปพอดี เขียนละเอียดและสนุกมากเลยครับ บล็อกน่ารักมาก

โดย: BOSSANOVA IP: 58.8.35.64 วันที่: 16 สิงหาคม 2554 เวลา:20:48:41 น.
  
ขอบคุณข้อมูลดีๆนะจ๊ะ บล็อกน่ารักเชียว
โดย: แตนเองจ้า IP: 31.185.89.46 วันที่: 31 สิงหาคม 2554 เวลา:17:46:24 น.
  
ผมรบกวนสอบถามหน่อยครับ
บัตร parispass ใช้กับรถไฟจากสนามบินเข้ามาในเมืองได้ด้วยหรือเปล่าครับ
โดย: เอก IP: 171.7.107.87 วันที่: 23 มิถุนายน 2555 เวลา:14:54:36 น.
  
คุณเอก

ใช้ได้ค่ะ
โดย: Sugar lip วันที่: 24 มิถุนายน 2555 เวลา:2:01:27 น.
  
ข้อมูลเยอะมากคะ ขอบคุณมากคะ
โดย: ปุ้ย IP: 14.214.252.29 วันที่: 28 มิถุนายน 2555 เวลา:14:33:43 น.
  
ขอบคุณสำหรับภาพและรายละเอียดทั้งหลาย สุดยอดครับ
โดย: Kiki IP: 146.23.250.105 วันที่: 28 พฤษภาคม 2556 เวลา:21:38:36 น.
  
ขอบคุณสำหรับข้อมูลนะครับ กำลังจะไปปารีสอาทิตย์หน้า เที่ยว 3 วัน ต่อด้วยโรม และจบที่ปราก จะเที่ยวตามคุณบีบีนะครับ
วางแผนที่เที่ยวในโรมเรียบร้อยแล้ว กำลังปวดหัวกับปารีสเลย ไม่รู้จะเที่ยวที่ไหน เดินทางอย่างไร ซื้อบัตรโน้นนี่อย่างไรดี เครียดเลย อยากประหยัดให้มากที่สุด ฮ่าๆ
จะซื้อทัวร์จากลอนดอนเลยก็ราคาแพง เลยไปลุยเองดีกว่า
โดย: Dome IP: 149.241.14.165 วันที่: 9 กรกฎาคม 2556 เวลา:9:02:23 น.
  
อยู่ seattle เหมือนกันเลยค่ะ กำลังจะไปเดือนหน้าค่ะ ข้อมูลมีประโยชน์มากค่ะ
โดย: ปู IP: 24.17.219.135 วันที่: 18 พฤศจิกายน 2556 เวลา:15:45:08 น.
  
-10 tickets or carnet (reduce price) เป็นตั๋วแบบข้างบน ราคา 6.25 ยูโร แต่หาซื้อได้เฉพาะที่สนามบินเท่านั้น

"เป็นตั๋วแบบข้างบน "
ข้อมูลตรงนี้ที่คุณSugar lip
เขียนไว้ไม่ถูกต้องนะคะ

ตั๋ว carnet แบบ reduce price นั้นเป็นตั๋ว สำหรับเด็กนะคะไม่ใช่ตั๋วแบบเดียวกับข้างบน(full price)(ซึ่งเป็นตั๋วผู้ใหญ่) บอกแบบนี้เดี๋ยว มีผู้ใหญ่บางคนเข้าใจผิดไม่ได้ตรวจทานข้อมูล ไปซื้อตั๋วเด็กcarnet (reduce price)สำหรับเด็กอายุ4-9ปีไปใช้ จะโดน inspectors ปรับ แพงอยู่นะคะ

ที่บอกเพราะหวังดีจริงๆ กลัวมีคนอีกหลายคนผ่านมาอ่านบล็อกคุณ แล้วไปซื้อแล้วเสียตังค์ฟรีใช้ไม่ได้เพราะไม่มีเด็กเดินทางไปด้วยก็ทิ้งฟรีเลย10ใบ หรือ เอาไปใช้โดยไม่รู้ว่าเป็นตั๋วเด็ก จะโดนinspectorที่เดินตรวจบนรถปรับเอานะคะ อย่าได้โกรธได้งอนกันนะคะ
โดย: ขออนุญาตเสนอแนะนิดนึงนะคะ IP: 223.204.248.248 วันที่: 15 มีนาคม 2557 เวลา:23:23:03 น.
  
เยี่ยมมากๆ อ่านเพลินได้ความรู้เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย
ขอบคุณคะ คุณบีบี
อ่านแ่ล้วรู้เลยว่า คุณบีบี เป็นคนที่จิดใจดีมากๆๆ คะ
โดย: ่jeab IP: 182.53.87.96 วันที่: 28 กันยายน 2559 เวลา:11:28:54 น.
  
เที่ยวปารีสกับคุณบีบี เพลินเลยค่ะ เขมอยากจะแจ้งว่า บริษัท แบงกอก กอล์ฟ วีโก้ ที่เขมทำงานอยู่ ขายตั๋ว Paris viste, Museum pass ตั่วเบตู และก็ตั๋วเรื่อล่องแม่น้ำแซงค์น่ะค่ะ เป็นตัวจริงเลยที่ลูกค้าจะได้รับเวลาไปซื้อหน้าเคาร์เตอร์ ไม่ จำเป็นต้องไปต่อคิวหรือซื้อออนไลน์หน้างานน่ะค่ะ เสียเวลา ราคาเราก้ถูกกว่าที่ซื้อกับทางอินเตอร์เนท หรือร้านคีออสที่ปารีส เอ่ยมาซะยาวเลย ทางเราเป็นตัวแทนที่ได้รับใบอนุญาต ขายตรงเลยค่ะ ถ้าสนใจติดต่อสอบถามเขมได้น่ะค่ะ 02-102-8800
โดย: เขม IP: 14.207.3.166 วันที่: 18 เมษายน 2560 เวลา:11:39:06 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Sugar lip
Location :
Seattle  United States

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 156 คน [?]



วันหนึ่ง เราจะต้องทำบล็อคหน้าตาสวยๆออกมาให้ได้ คอยดูสิ หึ

บีบีได้มาใช้ชีวิตอยุ่ที่อเมริกาถึงวันนี้ก้อเกือบ 3 ปีล่ะค่ะ การได้มาใช้ชีวิตต่างแดนตัวคนเดียว เวลามีปัญหาหรือข้อสงสัยขึ้นมา มันก้อไม่รุ้จะไปถามใคร ภาษาเราก้อไม่ดี บีบีก้อจะหาข้อมูลในเวป google แล้วบีบีก้อจะได้คำตอบออกมาในรูปแบบของ bloggang บีบีเลยรู้สึกถึงความสำคัญของบล็อค รู้สึกขอบคุณคนเขียนบล็อคทุกๆคน ที่เสียสละเวลามาเล่าประสบการณ์ต่างๆที่เป็นประโยชน์อย่างมากมายกับคนที่ไม่รู้อะไรเลยอย่างบีบี ดังนั้นบีบีก้อเลยตั้งใจไว้ว่าจะทำบล็อคเพื่อบอกเล่าเรื่องราวประสบการณ์ และ how to ต่างๆ ของบีบี เผื่อว่าจะได้เป็นประโยชน์แก่คนอื่นๆมั่งค่ะ
New Comments