พฤษภาคม 2556

 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
 
 
วันที่ 5 เกียวโต - นาระ

จริงๆ โปรแกรมเที่ยววันนี้คือเที่ยวในเมืองเกียวโต แต่เนื่องจากว่าคุณสามีเค้าอยากไปเที่ยวเมืองนาระมาก เราก็เลย “เออ ไปไหนก็ไป ไหนๆเราก็มี JR Pass กับ WIFI pocket อยู่แล้ว ตามใจเธอละกัน” เช้านี้เราเลยเริ่มกันที่วัดเบียวโดอิน (Byodoin temple) วัดนี้อยู่นอกเมืองเกียวโตออกไปทางทิศใต้ประมาณ 10 กิโลเมตร








เรานั่งรถไฟ JR สาย Nara มาลงที่สถานี Uji จากสถานีเกียวโตมาถึงที่นี่ใช้เวลาประมาณ 20 นาทีก็ถึงล่ะ สถานี Uji เป็นสถานีรถไฟเล็กๆ ออกจากสถานีรถไฟมาเราก็เดินตามป้ายบอกทางไปวัดเบียวโดอินไปเรื่อยๆ ประมาณ 10 นาทีก็ถึงล่ะ











เราจ่ายค่าเข้าชมวัดกันคนละ 500 เยน ราคานี้รวมกับค่าเข้าชมพิพิธภัณฑ์ในบริเวณวัดด้วย แต่ถ้าใครอยากเข้าไปชมด้านในของศาลาวัด “Phoenix Hall” จะต้องจ่ายค่าเข้าชมเพิ่มอีกคนละประมาณ 300 เยน











สาเหตุที่เราอยากมาวัดนี้เพราะว่า เมื่อ 2-3 ปีก่อนที่เราไปเที่ยวเกาะโฮโนลูลู่ที่ฮาวาย เราประทับใจวัดเบียวโดอินที่นั่นมาก มันสวยมากๆ พอมีโอกาศมาที่นี่แล้ว เราเลยอยากเห็นของต้นแบบ (Original) บ้าง














ข้อมูลวัดเบียวโดอิน (Byodoin temple)
- การเดินทาง JR Nara line ลงที่สถานี Uji
- ค่าเข้าชมบริเวณวัดและพิพิธภัณฑ์ 500 เยน
- ค่าเข้าชมศาลานกฟินิกซ์ (Phoenix Hall) 300 เยน
- เวลาเปิด-ปิด เปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 8.30 – 17.00
****หมายเหตุ ศาลานกฟินิกซ์ (Phoenix Hall) ปิดปรับปรุง ระหว่างเดือนกันยายน 2555 ถึงเดือนมีนาคม 2557 ดังนั้น ค่าเข้าชมบริเวณวัดจึงลดเหลือ 300 เยน ในช่วงเวลาที่ปิดปรับปรุงนี้ค่ะ








ขากลับออกจากวัด ร้านค้าสองข้างทางก็เปิดกันล่ะ (สงสัยตอนขามา เรามาเช้าเกินไป ร้านค้าเลยยังไม่เปิด) เราสังเกตุว่าของที่เขาขายกันส่วนใหญ่ในแถวๆนี้ เป็นสินค้าเกี่ยวกับชาเขียวทั้งนั้นเลย








จากวัดเบียวโดอิน เรานั่งรถไฟไปเที่ยวเมืองนาระกันต่อเลยค่ะ การเดินทางจากสถานี Uji ไปนาระ เรานั่งรถไฟ JR Nara line กันค่ะ ถ้าเป็นรถไฟธรรมดา (local) ใช้เวลา 41 นาที แต่ถ้าเป็นรถไฟด่วน (rapid service) ใช้เวลา 27 นาที ไปถึงสถานีรถไฟนาระแล้ว เราก็เดินไปเอาแผนที่จากศูนย์นักท่องเที่ยวในสถานีรถไฟก่อน แล้วจากนั้นเราก็เริ่มเดินกันค่ะ











เดินดูนั่นดูนี่ไปเรื่อยๆ จนถึงวัดโคฟุกุจิ (Kofukuji temple) หรือ วัดเจดีย์ ๕ ชั้น














ตรงใกล้ๆเจดีย์มีกลุ่มนักเรียนมาทรรศนะศึกษากันด้วย ดูจากหน้าตาแล้ว สงสัยจะเป็นชั้นม.ต้นกันอยู่ ชุดนักเรียนเค้าน่ารักอ่ะ





ออกจากวัดวัดโคฟุกุจิ เราก็เดินไปต่อไปเรื่อยๆ จนถึงสวนสาธารณะนาระ (Nara Park) ที่มีกวางอยู่เต็มไปหมด เดินกันเป็นอิสระเลยเชียว แล้วกวางที่นี่ไม่กลัวคนเลยด้วย ตรงกันข้าม คนอย่างอิฉันเริ่มกลัวกวางล่ะค่ะ เพราะพี่กวางที่นี่แยอะเกิน แล้วมันไม่ใช่กวางสวยอ่ะ แต่ละตัวมันผอมๆ แล้วขนมันก็หลุดออกเป็นเรื้อนๆอ่ะ เราเลยไม่อยากให้มันมาเข้าใกล้สักเท่าไหร่








ภายในสวนสาธารณะนาระ (Nara Park) มีพิพิธภัณฑ์เมืองนาระตั้งอยู่ด้วย บีบีกับคุณสามีก็เดินเข้าไปมองๆอยู่ แต่ว่าต้องเสียค่าเข้าชมคนละ 420 เยน เราเลยไม่เข้าดีกว่า เอาตังค์ไปซื้ออาหารเลี้ยงกวางแทนดีกว่า








ระหว่างสวนสาธารณะนาระ (Nara Park) ไปจนถึงวัดโทไดจิ (Todaiji temple) จะมีคนมาขายอาหารกวางอยู่เป็นจุดๆ อาหารกวางที่ว่ามันเป็นคล้ายๆ แผ่นแป้งบางๆ มัดรวมกัน ขายกันมัดละ 100-500 เยน แล้วกวางเค้าก็เหมือนเค้ารู้หน้าที่นะ ตรงไหนมีร้านขายอาหารกวาง น้องกวางก็จะไปยืนออกันอยู่แถวนั้นล่ะ นอกจากอาหารกวางแล้ว สิ่งที่กวางชอบกินมากที่สุดคือ “กระดาษ” ค่ะ ดังนั้น นักท่องเที่ยวทั้งหลาย โปรดจงระวังแผนที่ของท่านให้ดี เพราะถ้าเผลอท่านจะโดนน้องกวางแย่งแผนที่ไปกินแน่ๆ








วัดโทไดจิ Todaiji temple เป็นวัดเก่าแก่ที่สำคัญอีกที่ของญี่ปุ่น ที่ว่าสำคัญก็เพราะว่า วิหารหรือศาลาวัดที่นี่เป็นศาลาวัดที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น สาเหตุที่วิหารมันใหญ่มากก็เพราะว่าที่นี่เป็นที่ประดิษฐานของหลวงพ่อโต หรือที่รู้จักกันในชื่อของ “พระใหญ่แห่งเมืองนาระ” หลวงพ่อโตสูง 16 เมตร และหนักถึง 500 ตัน











นอกจากหลวงพ่อโตแล้ว ภายในวิหารยังมีรูปปั้นและรูปแกะสลักของเทพองค์อื่นๆ อีก เช่น เจ้าแม่กวนอิม และเทพกวนอู เป็นต้น











จุดสนใจอีกอย่างหนึ่งภายในศาลาวัดคือ มันจะมีเสาอยู่ต้นหนึ่ง ที่ฐานเสาถูกเจาะเป็นรูขนาดพอให้คนรอดได้ แล้วคนญี่ปุ่นก็ยืนเข้าคิวรอลอดเสานี้กันยาวเลยอ่ะ สงสัยว่าถ้าใครได้ลอดเสาต้นนี้แล้ว คงจะเป็นศิริมงคลในชีวิตประทำนองนี้มั้ง








ข้อมูลวัดโทไดจิ (Todaiji temple)

- การเดินทาง เดินเท้าจากสถานีรถไฟนาระใช้เวลาประมาณ 40-45 นาที (เดินผ่านวัดโคฟุกุจิและนาระพาร์ค) หรือนั่งรถบัสที่หน้าสถานีรถไฟนาระ มาลงที่ป้าย Todaiji Daibutsuden (ค่ารถบัสคนละ 200 เยน)

- วันและเวลาเปิด-ปิด เปิดทุกวัน เดือนพฤศจิกายนถึงเดือนกุมภาพันธ์ เปิดตั้งแต่เวลา 8.00-16.30 น. เดือนมีนาคม เปิดเวลา 8.00-17.00 น. เดือนเมษายนถึงเดือนกันยายน เปิดเวลา 7.30-17.30 น. และเดือนตุลาคม เปิเวลา 7.30-17.00 น.

- ค่าเข้าชม ผู้ใหญ่คนละ 500 เยน เด็กคนละ 300 เยน





ออกจากวัดโทไดจิแล้ว เราก็นั่งรถบัสกลับสถานีรถไฟ จริงๆ ก็อยากเดินอยู่นะ แต่เมื่อยแล้วอ่ะ หิวด้วย เลยนั่งรถบัสดีกว่า วิธีขึ้นรถบัสที่นี่ก็เหมือนกันกับที่เกียวโต คือขึ้นไปนั่งเลย ก่อนลงกดกริ่ง แล้วจ่ายเงินที่กล่องจ่ายเงินข้างคนขับรถก่อนลงจากรถ





รถไฟจากนาระไปเกียวโต ใช้เวลาวิ่งเกือบหนึ่งชั่วโมงแน่ะ นานอ่ะ กว่าจะมาถึงเกียวโตก็บ่ายแก่ๆแล้ว คุณสามีกับบีบีเลยตกลงกันว่าเดี๋ยวเราหาอะไรกินกันที่นี่ แล้วพอออกจากสถานีรถไฟแล้ว เราก็นั่งรถบัสไปวัดคิโยมิสึเดระ (Kiyomizudera temple) กันเลยดีกว่า





วัดคิโยมิสึเดระ (Kiyomizudera temple) เป็นวัดที่ตั้งอยู่บนเนินเขา ดังนั้น พอลงรถบัสแล้ว เราก็เดินขึ้นเขาไปอีกประมาณ 10-15 นาที











จุดเด่นของวัดคิโยมิสึเดระ หรือที่คนไทยชอบเรียกกันว่า “วัดน้ำใส” คือเราสามารถมองเห็นวิวของตัวเมืองเกียวโตจากวัดนี้ได้ และอีกอย่างคือการดื่มน้ำจากแม่น้ำสามสาย (Otowa waterfall)











แม่น้ำสามสาย (Otowa waterfall) ที่นี่ เค้าว่ากันว่าเป็นน้ำธรรมชาติที่ไหลมาจากภูเขาด้านหลังวัด โดยมีความเชื่อว่าถ้าใครที่ดื่มน้ำจากแม่น้ำที่นี่จะประสบความสำเร็จทางด้านต่างๆคือ แม่น้ำสายที่1 จะประสบความสำเร็จทางด้านการศึกษา แม่น้ำสายที่2 จะประสบความสำเร็จทางด้านความรัก และแม่น้ำสายที่3 จะประสบความสำเร็จทางด้านสุขภาพ แต่ถ้าใครดื่มน้ำทั้ง 3 สาย ถือว่าเป็นคนโลภมากค่ะ (อันนี้เค้าไม่ได้เขียนเองน๊ะ เค้าแค่แปลมาจากเวป)














คุณสามีกับบีบีไม่ได้ไปดื่มน้ำกับเขาหรอก แถวยาวเกิน เราเลยเดินเล่นรอบๆวัดดีกว่า ภายในวัดและบริเวณรอบๆวัดเราเห็นคนใส่ชุดกิโมโนมาเดินกันเยอะแยะไปหมดเลย บางคนมาเป็นคู่ด้วยนะ ดูดีอ่ะ เพราะปกติเราไม่ค่อยเห็นผู้ชายชอบแต่งตัวอะไรแบบเนี่ยะ











ออกจากวัดมาแล้วเราก็เดินเล่นแถว Higashiyama district หรือแถวรอบๆวัดวัดคิโยมิสึเดระนั่นแหล่ะ เดินเล่นฆ่าเวลากัน เพราะเราตั้งใจจะกลับมาดูโชว์แสง/สี/เสียง (Illumination show) ที่วัดคิโนมิสึเดระคืนนี้





ย่านฮิกาชิยามะ (Higashiyama district) เป็นย่านที่สงวนวัฒนธรรมดั้งเดิมของญี่ปุ่น คือบ้านเรือนแต่ละหลังยังคงเป็นบ้านไม้เก่าๆ แล้วแบบมีคนใส่ชุดกิโมโนเดินไปเดินมาแถวนี้ แล้วตามเวปบอกว่า ถ้าโชคดี เราอาจจะได้เห็นเกอิชาที่นี่ด้วย








ถึงบ้านแต่ละหลังในแถบนี้จะเป็นบ้านทรงเก่าๆ แต่ว่าข้างในบ้านได้ดัดแปลงเป็นร้านขายของที่ระลึก ร้านอาหาร ร้านน้ำชากันเกือบหมดแล้ว เดินกันเพลินเลยค่ะ








ย่านนี้เป็นที่บีบีชอบที่สุดในทริปญี่ปุ่นนี้เลยค่ะ คือมันเก่าแต่สวย คลาสสิคและมีเสน่ห์มาก ที่สำคัญเราได้เห็นเกอิชาตัวเป็นๆที่นี่ด้วย แล้วไม่ได้มาแค่คนเดียวนะ มากัน 3 คนเลยอ่ะ มีแต่คนหยุดมุงดูคุณเกอิชาพวกนี้กันใหญ่เลยอ่ะ ยิ่งกว่าดาราอ่ะค่ะ เพราะเสียงรัวชัตเตอร์นี่ดังมาก บีบีเข้าไปขอถ่ายรูปเค้า เค้าก็ยิ้มและยอมให้เราถ่ายด้วยนะ ประทับใจมากค่ะ








ความโชคดีของบีบียังไม่หมดแค่นั้น หลังจากเดินออกจากคุณเกอิชาพวกนั้นมาได้สักพัก เราก็เจอซู่โม่ค่ะ ซูโม่ตัวเป็นๆ 2 คนด้วยกัน บีบีเลยเข้าไปขอถ่ายรูปด้วย เค้าน่ารักอ่ะ อ้วน กลม แก้มยุ้ย พุงใหญ่น่าหยิกกันทั้งคู่เลยอ่ะ วันนี้ได้เจอทั้งเกอิชาและซู่โม่ บีบีโคตรมีความสุขเลยอ่ะ





พอมืดแล้วเราก็เดินกลับไปที่วัดคิโยมิสึเดระกันอีกรอบเพื่อรอดูการแสดง Illumination การแสดงมันก็โอเคอ่ะค่ะ ไม่ได้เลวร้ายแต่ก็ไม่ได้ประทับใจอะไรมากมาย แต่ว่าวิวเมืองเกียวโตตอนกลางคืนจากวัดนี้ สวยใช่เล่นเลยนะ














ข้อมูลวัดคิโยมิสึเดระ (Kiyomizudera temple)
- การเดินทาง รถบัสสาย 100, 206 ลงที่ป้ายรถบัส Gojo-zaka หรือ Kiyomizu-michi แล้วเดินขึ้นเนินไปอีก 10-15 นาที
- วันและเวลาเปิด-ปิด เปิดทุกวันตั้งแต่เวลา 6.00-18.00 น.
- ค่าเข้าชมคนละ 300 เยน

การแสดงแสง/สี/เสียง ทำการแสดงเฉพาะในช่วงฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วง
- เวลาทำการแสดง 18.30-21.30 น.
- ค่าเข้าชมคนละ 400 เยน








ออกจากวัดแล้ว เราก็เดินลงเขาไปทาง Higashiyama district แล้วออกไปโผล่ที่ศาลเจ้ายาซากะ แล้วก็เดินผ่านย่านกิยอนเผื่อไปถ่ายภาพวิวกลางคืนสวยๆก่อนกลับโรงแรม








วันนี้รู้สึกปวดเท้ามาก ปาดน่องด้วย สงสัยเพราะว่าเดินทั้งวัน แต่ก็คุ้มนะ เพราะวันนี้เราได้ไปไหว้พระที่วัดใหญ่ ได้เห็นเกอิชากับซู่โม่ตัวเป็นๆ แล้วก็ได้ภาพวิวกลางคืนสวยๆ มาอีกเพียบเลย



Create Date : 13 พฤษภาคม 2556
Last Update : 13 พฤษภาคม 2556 14:28:22 น.
Counter : 9303 Pageviews.

2 comments
  
แวะมาเยี่ยมชมและทักทายเจ้าของบ้านครับ

ยังไม่เคยไปกะเค้าเลย ญี่ปุ่น สงสัยต้องหาโอกาสไปบ้างแล้ว
โดย: 3KKK IP: 125.25.87.98 วันที่: 13 พฤษภาคม 2556 เวลา:15:18:06 น.
  
อยากเห็นรีวิว วันต่อไปอะค่ะ

เห็นว่าเป็น เรียวกัง +++
โดย: K IP: 183.88.112.182 วันที่: 14 พฤษภาคม 2556 เวลา:10:52:58 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Sugar lip
Location :
Seattle  United States

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 156 คน [?]



วันหนึ่ง เราจะต้องทำบล็อคหน้าตาสวยๆออกมาให้ได้ คอยดูสิ หึ

บีบีได้มาใช้ชีวิตอยุ่ที่อเมริกาถึงวันนี้ก้อเกือบ 3 ปีล่ะค่ะ การได้มาใช้ชีวิตต่างแดนตัวคนเดียว เวลามีปัญหาหรือข้อสงสัยขึ้นมา มันก้อไม่รุ้จะไปถามใคร ภาษาเราก้อไม่ดี บีบีก้อจะหาข้อมูลในเวป google แล้วบีบีก้อจะได้คำตอบออกมาในรูปแบบของ bloggang บีบีเลยรู้สึกถึงความสำคัญของบล็อค รู้สึกขอบคุณคนเขียนบล็อคทุกๆคน ที่เสียสละเวลามาเล่าประสบการณ์ต่างๆที่เป็นประโยชน์อย่างมากมายกับคนที่ไม่รู้อะไรเลยอย่างบีบี ดังนั้นบีบีก้อเลยตั้งใจไว้ว่าจะทำบล็อคเพื่อบอกเล่าเรื่องราวประสบการณ์ และ how to ต่างๆ ของบีบี เผื่อว่าจะได้เป็นประโยชน์แก่คนอื่นๆมั่งค่ะ
New Comments