ถนนนักเขียน
ด้วยความตั้งใจดังสโลแกนของบล็อกที่ว่า"อยากเป็นนักเขียนใจแทบขาด" ผมจึงต้องหยิบ"ถนนนักเขียน"ของเออร์สกิน คอลด์เวลล์ มาอ่านอีกรอบ



ล่มที่มีอยู่เป็นฉบับพิมพ์ครั้งที่ 2 (มกราคม 2536 โดยสำนักพิมพ์สามัญชน) หลังจากที่เคยจัดพิมพ์วางจำหน่ายครั้งแรกมาก่อนหน้านี้โดยสำนักพิมพ์ดวงกมล เมื่อตุลาคม 2523

ตอนนั้น-เมื่อเห็นชื่อหนังสือก็ซื้อทันที ด้วยเห็นว่าน่าจะเป็นเครื่องมือหรือตัวช่วยในการค้นหาฝันของตัวเองได้ เมื่อได้อ่านแล้วก็ให้รู้สึกว่าระหว่างบรรทัดของหนังสือเล่มนี้ มันช่างมีพลานุภาพในการกระตุ้นเร้าแรงบันดาลใจ ปลุกเร้าเชื้อปะทุให้เกิดกำลังใจอย่างมากมายเหลือคณา

ก็อย่างที่เขาบอกนั่นแหละ ระดับของแรงบันดาลใจเป็นเครื่องวัดความสำเร็จหรือความล้มเหลวและผู้ที่เต็มใจสู้กับอุปสรรคอย่างอดทน ย่อมประสบความสำเร็จในการเป็นนักเขียนได้

ได้รู้ได้เห็นได้รู้สึกร่วมไปกับความวิริยะอุตสาหะของคน ๆ หนึ่งที่ต้องการยึดอาชีพ-เป็นนักเขียนเพียงถ่ายเดียว ซึ่งน่าทึ่งมาก ๆ

เออร์สกิน คอลด์เวลล์ เชื่อว่า นักประพันธ์ที่แท้จริงมีอยู่ประเภทเดียว คือนักประพันธ์ที่ผลงานของเขาได้รับการตีพิมพ์)

ช่วงหนึ่งในหนังสือเขาบอกว่า

ข้าพเจ้าจึงตัดสินใจว่าต้องลาออกจากงาน แล้วอุทิศเวลาทั้งหมดเพื่อเขียนเรื่องสั้นและนวนิยายอย่างเดียว ข้าพเจ้าสัญญากับตัวเองว่าอาชีพอะไรก็ตามที่จะทำต่อไป นอกเหนือจากงานประพันธ์แล้ว อาชีพนั้นเป็นเพียงงานชั่วคราวเพื่อให้มีชีวิตอยู่รอด มีหลังคาคุ้มหัว และมีเสื้อผ้าสวมใส่เท่านั้น..ข้าพเจ้าขอเวลาห้าปีเพื่อจะบรรลุความทะยานอยาก และต่อรองกับตัวเองว่าหากจำเป็นก็ขอเพิ่มอีกสักห้าปี ข้าพเจ้ายังไม่ทราบเหมือนกันว่าจะเลี้ยงตัวอยู่รอดได้อย่างไรในระหว่างนั้นจนกว่าจะได้เป็นนักเขียนที่บรรณาธิการยอมซื้อเรื่องไปตีพิมพ์ แต่ทว่านั่นไม่ใช่ปัญหาสำคัญ เพราะว่าเมื่อถึงเวลาแล้ว มันก็คงแก้ไขได้เอง

เขาทำงานหนัก โดยเขียนแล้วตรวจ ตรวจแล้วแก้ แก้แล้วปรับปรุง ปรับปรุงแล้วเขียนใหม่

เขาเขียนมันด้วยความมุมานะสุดหัวใจ เขาเขียนสิบหกถึงสิบแปดชั่วโมงต่อวัน บางครั้งก็เขียนตลอดคืนไม่ได้หลับไม่ได้นอน โดยมิได้นำพาต่อกาลเวลาหรือความเหน็ดเหนื่อย เป็นการทำงานหลังแป้นพิมพ์ดีดแบบหามรุ่งหามค่ำ-วันแล้ววันเล่า ทั้งมุ่งมั่นตั้งใจเขียน และขยันส่งเรื่องไปยังสำนักพิมพ์อย่างไม่ย่อท้อ(แม้ในระยะแรกจะถูกปฏิเสธอยู่บ่อยครั้งก็ตาม)

สิ่งที่ได้แน่ ๆ ในระหว่างบรรทัด ก็คือ การมีเป้าหมาย ความมุ่งมั่น ทำงานหนัก ไม่ย่อท้อ

เขาเขียนทุกวัน-ฝึกเขียนจนเป็นนิสัยประจำวัน โดยตื่นนอนก่อนเที่ยง กินอาหาร แล้วลงมือทำงานทันที หยุดตอนบ่ายหนึ่งชั่วโมง กินซุปรองท้อง เดินออกกำลังกาย แล้วกลับมาเขียนต่อถึงตีสามตีสี่(มาระยะหลังที่เขาแบ่งเวลาแต่ละวันออกเป็นสามส่วน คือ แปดชั่วโมงสำรับการพักผ่อนนอนหลับ อีกแปดชั่วโมงสำหรับการเขียน และแปดชั่วโมงที่เหลือสำหรับงานที่ต้องใช้กำลังกาย-รวมถึงออกกำลังกาย)

ตอนที่เขียน ใช่ว่าเขาจะเขียนตลอดเวลา แต่เขานั่งอยู่หลังแป้นพิมพ์ดีดตลอดเวลา บางครั้งก็เขียนไม่ได้แม้แต่บรรทัดเดียว แต่เขาก็จะนั่งอยู่อย่างนั้นจนหมดเวลาทำงาน(มืออาชีพจริง ๆ)

มิใช่แต่สักว่าจะเขียน เพราะเขายังเชื่อว่าความสำคัญมาก ๆ ในงานประพันธ์คือเนื้อหาของเรื่อง ซึ่งน่าจะสำคัญยิ่งกว่าลีลาการเขียนเสียอีก เพราะเนื้อหามันเป็นสาระพื้นฐานของงานประพันธ์ แต่นักเขียนส่วนมากมักเน้นรูปแบบและเทคนิค จนละเลยการสอดใส่ความรู้สึกลงในผลงาน

ท้ายเล่มมีการถาม-ตอบที่น่าสนใจ จึงขอยกมาฝากสักสาม-สี่คำถาม-ตอบ

คุณมีวิธีเขียนเรื่องอย่างไร?
วิธีเขียนเรื่องที่ดีที่สุด ก็คือลงมือเขียน

ทำอย่างไรเรื่องที่คุณเขียนจึงได้รับการตีพิมพ์?
วิธีที่ดีที่สุดเพื่อให้เรื่องได้ลงพิมพ์ ก็ต้องส่งเรื่องไปยังนิตยสาร จนกระทั่งบรรณาธิการยินยอมให้ลงพิมพ์ในหนังสือของเขา

คุณเขียนเรื่องเพื่อเงินหรือเปล่า?
ผมเขียนเพราะอยากเขียน แต่ผมอาจจะไม่สามารถอุทิศเวลาทั้งหมดให้แก่การเขียน ถ้าหากปราศจากเงินตอบแทนผลงาน

คุณมีข้อแนะนำแก่นักเขียนหน้าใหม่บ้างไหม?
เตรียมตัวเตรียมใจสำหรับงานเขียน โดยถือว่าใครก็ตามที่ปรารถนาความสำเร็จในวิชาชีพนี้ ย่อมจะต้องอดทนต่อการฝึกฝนสักระยะหนึ่ง...พวกหมอ ทนายความ คนทำขนมปัง ช่างตัดผม ช่างเครื่องยนต์ วิศวกร และช่างพิมพ์ ต้องเรียนรู้เรื่องงานของเขาโดยการฝึกฝนหาความชำนาญก่อนเสมอ...ก็แล้วทำไมนักเขียนจะอยู่ในข่ายยกเว้นด้วยเล่า?

อ่านแล้วก็ให้รู้สึกอุ่นขึ้นในความรู้สึก ด้วยเพราะแรงบันดาลใจกำลังวิ่งพล่านอย่างกระตือรือร้น...ซึ่งถึงเวลาแล้วที่ผมจะต้องลงมือทำตามฝันนี้-เดี๋ยวนี้!



Create Date : 10 กันยายน 2554
Last Update : 19 ตุลาคม 2554 21:06:57 น.
Counter : 1261 Pageviews.

4 comments
  
อยากเขียนเหมือนกันค่ะ ช่วงนี้มีเวลามากพอที่จะทำ แต่คิดยังไงก็คิดไม่ออกว่าจะเขียนอะไร เลยได้แต่เขียนไดอารี่บรรยายสิ่งที่คิดและสิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัวไปก่อน หวังว่าซักวันคงจะขยับจากการเขียนไดอารี่แบบเรื่อยเปื่อยมาเป็นเรื่องสั้นหรือนิยายอะไรซักเรื่องนึงที่ดีพอจะใ้ห้คนอื่นอ่านได้


มาพยายามด้วยกันนะคะ^^
โดย: XODA วันที่: 10 กันยายน 2554 เวลา:23:49:51 น.
  
นักเขียนที่เริ่มต้นจะเต้องมีงานอย่างอื่นทำเพื่อเลี้ยงชีวิตเสียก่อน
เมื่อประสบความสำเร็จในเบื้องต้นแล้ว จึงละทิ้งอาชีพอื่นมาเขียนหนังสืออย่างจริงจังได้

มิฉะนั้นจะอดตายครับ.
โดย: เจียวต้าย วันที่: 11 กันยายน 2554 เวลา:13:22:46 น.
  
คุณทำได้
โดย: กานต์ IP: 61.91.203.165 วันที่: 29 พฤศจิกายน 2554 เวลา:16:39:33 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

เขาอยู่หน้าบ้าน
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



กันยายน 2554

 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
11
12
14
15
17
18
20
21
22
24
25
26
27
28
29
30
 
 
10 กันยายน 2554