...ในโลกนี้ไม่มีคนแปลกหน้าสำหรับเรา มีแต่เพื่อนที่เรายังไม่พบเท่านั้น...
หัว blog
++Healing an Helping++

Healing an Helping
เยียวยาและช่วยเหลือ

Photobucket

ความจริงที่น่าแปลกก็คือครั้งแรกที่ผมพบภรรยา ผมมองข้ามเธอไปโดยสิ้นเชิง ตอนนั้นคิมกับผมเข้าเรียนวิชาคณิตศาสตร์ในห้องเดียวกันทีมหาวิทยาลัยอิลลินอยส์ในชิคาโก ปี 2528 ไม่รู้ทำไม ผมไม่สังเกตเห็นเธอเลยถึงวันนี้กับความรักที่ผมมีต่อเธอ ผมจึงนึกไม่ออกว่าวันนั้นมองข้ามเธอไปได้อย่างไร แต่เราก็รู้สึกดีที่ได้รู้จักกันในเวลาต่อมา ผู้รู้ทันทีว่าผู้หญิงคนนี้คือคนที่ผมอยากอยู่ด้วยตลอดชีวิตนั่นเป็นแผนการที่มั่นคงของผม

แต่บางครั้งแผนการของพระเจ้าก็ไม่ต้องกับแผนการมนุษย์เสมอไป และหลังจากที่คุณเจอโรคร้าย ๆบางทีมันก็ไม่ง่ายที่จะดำเนินชีวิตต่อ ถึงกระนั้นผมก็รู้ว่าผมควรทำอะไร นั่นคือสิ่งที่ผมเรียนรู้จากคิม

วันหนึ่งหลังจากคิมกลับไปทำงานนอกบ้านไม่นาน เธอก็เริ่มมีผื่นคันบนใบหน้าในเวลากลางคืน หมอให้ยามาหลายขนาน แต่อาการก็ยังไม่หาย ในที่สุดหมอก็จับเธอไปตรวจอะไรต่อมิอะไรมากมาย เพื่อตรวจหาโรคตั้งแต่เบาหวาน ผิวหนังผุพอง และเอดส์ แต่ไม่เจอโรคใดเลย ในที่สุดราวๆ เดือนมกราคม 2539 เธอเปลี่ยนงานและเลิกกินยาทุกชนิด ผื่นคันเหล่านั้นก็หายไป เราคิดว่าปัญหาสุขภาพของคิมหมดไปแล้ว

วันหนึ่งคิมบอกผมว่าพบก้อนเนื้อในเต้านม ผมลองคลำดูก็เห็นจริงตามที่เธอบอก คิมไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลก่อนครบรอบวันเกิดอายุ 30 ปีของเธอเพียงหนึ่งวัน หมอบอกเธอเป็นมะเร็งทันที ผมตกตะลึงและไม่ได้เตรียมใจรับข่าวร้ายเลย เกิดขึ้นได้อย่างไร? มันช่างรวดเร็วเหลือเกิน คิมกินอาหารถูกหลัก ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ไม่ดื่มเหล้าไม่สูบบุหรี่ ครอบครัวของเธอไม่มีประวัติเป็นมะเร็งสักคน มันเกิดขึ้นได้อย่างไร เราพยายามค้นหาคำตอบทุกทาง

ตลอดช่วงสามเดือนหลังการตรวจสุขภาพร่างกาย คิมเข้ารับการรักษาด้วยเคมีบำบัด แต่ไม่มียาตัวใดทำให้ยุบลง เธอจึงเข้ารับการผ่าตัดเอาก้อนเนื้อออกและผ่านการฉายแสงอย่างต่อเนื่อง ในอีกสองเดือนต่อมาเธอก็พบก้อนเนื้อใต้วงแขนที่ข้างลำตัว มะเร็งได้ลุกลามไปยังร่างกายอีกด้านจนถึงสมอง

เดือนมีนาคม 2540 คิมนอนอยู่โรงพยาบาล หมอดึงผมไปกระซิบบอกว่าไม่สามารถช่วยเธอได้มากกว่านี้อีกแล้ว ผมกลับไปบอกคิมทันทีเพราะเราไม่มีความลับต่อกัน แต่ผมก็ยังอดร้องไห้ไม่ได้เมื่อบอกเรื่องนี้กับเธอ ผมร้องไห้ไม่หยุดและคิดว่าคงไม่มีวันหยุดได้

“ที่รักจ๋า คุณต้องหยุดร้องไห้ ถ้าคุณไม่หยุดร้องไห้ ถ้าไม่หยุด ฉันจะร้องตามนะ คุณจะเป็นแบบนี้ไม่ได้ คุณต้องจดจำวันเวลาที่ดีของเรา และนึกถึงมันไว้ ดาร์เนลล์ ฉันรู้ว่ามันยาก แต่คุณต้องมองในแง่ดีนะคะ” คิมเอ่ยพร้อมกับโอบกอดผมไว้ ทุ่มเทพลังทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ปลอบโยนผม ทั้งที่เธอป่วยหนัก ผมรู้สึกแย่มากที่คิมต้องเป็นฝ่ายปลอบผม ความจริงเธอรู้ดีว่าผมต้องการได้ยินอะไร ผมพาคิมกลับบ้านพร้อมมอบความสะดวกสบายที่สุดเท่าที่จะทำได้ เธอเจ็บปวดแสนสาหัสจวบจนวันตาย

ผมยังจำคืนนั้นได้ คืนที่ยังเจ็บแปลบแม้ในความทรงจำ เธอเจ็บปวดมากจนไม่อาจจะนอนเอนราบบนเตียง เธอขอให้ผมโอบกอดเธอไว้ เธอไม่อาจนั่ง ยืน หรือนอนได้ ผมต้องโอบกอดเธอไว้ในอ้อมแขนตลอดทั้งคืน
ผมจำเป็นต้องอยู่กับคิมเสมอ คอยดูแลทุกอย่างที่เธอต้องการ เธอเป็นภรรยาผม และผมอยู่ตรงนั้นเพื่อเธอ คิมสิ้นลมวันที่ 7 มิถุนายน 2541 ก็พบร่างไร้วิญญาณของเธอ ผมเจ็บปวดเหลือเกิน คิมกับดารุอิสคือสิ่งดีที่สุดในชีวิตผม
แต่ผมรู้ว่าพระเจ้ามีวิธีการจัดการในแบบของพระองค์ เราไม่รู้ล่วงหน้า เราไม่มีวันรู้ว่าพระองค์จะทำอะไร ผมรู้เพียงทุกอย่างอยู่ในหัตถ์พระเจ้าและแผนการทั้งสิ้นของพระองค์ ผมปลุกลูกพาเขาไปบ้านคุณย่าในเช้าวันนั้น ดารุอิสเพิ่งห้าขวบ ผมไม่อยากให้เขาเห็นแม่ตัวเองในสภาพเช่นนั้น หลังจัดการทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย ผมเล่าเรื่องทุกอย่างให้ลูกฟัง บอกว่าแม่กลับไปแล้ว พระเจ้าเป็นผู้ตัดสินว่าถึงเวลาแล้วที่แม่ควรกลับสู่ดินแดนของพระองค์ ลูกจะไม่พบแม่บนโลกใบนี้อีกแล้ว

แม้จะเจ็บปวด แต่ผมอดเจ็บปวดแทนลูกไม่ได้ พ่อแม่ผมยังมีชีวิตอยู่ แม้อายุ 70 และ 80 แล้วก็ตาม ผมรักพวกท่านมาก ผมนึกไม่ออกว่าลูกจะรู้สึกอย่างไร ลูกร้องไห้ ผมก็ร้องตาม ในช่วงที่คิมป่วยผมแอบร้องไห้คนเดียวอยู่หลายหน แต่เวลานี้ผมไม่อยากปิดบังลูก เพราะเราทั้งคู่มีเหตุควรให้ร้องไห้

หลังเสร็จงานศพคิม ผมพยายามยอมรับสภาพและดำเนินชีวิตต่อไป แต่มันช่างขมขื่นและหงุดหงิดใจ เวลาผมเดินไปเห็นคนสูบบุหรี่บนท้องถนน ผมรู้สึกโมโห
“พระเจ้า เหตุใดพระองค์พรากคิมไปทั้งที่เธอไม่ได้สูบบุหรี่ ไม่ดื่มเหล้า กินอาหารถุกหลักอนามัยทุกอย่าง ออกกำลังกายเสมอ แต่กับคนที่สูบบุหรี่ยังมีชีวิตที่ปกติ ขณะที่แม่ของลูกผมสิ้นไปแล้ว เพราะอะไร”

ผมพร่ำถามคำถามนั้นซ้ำไปซ้ำมา จนผ่านไปหลายเดือน ผมอยู่อย่างโดดเดี่ยวและโกรธขึ้ง ผมมองไม่เห็นทางที่จะดำเนินชีวิตและเลี้ยงดูอาริอุสต่อไป จนวันหนึ่งขณะครุ่นคิดถึงลูก ผมตัดสินใจเปิดชมวิดีโอที่คิมทิ้งไว้ให้ลูก เธอบันทึกเทปก่อนเข้ารับการผ่าตัดหลังจากที่รู้ว่าทำเคมีบำบัดแล้วไม่ได้ผล ผมเข้าใจว่าเธอรู้ตั้งแต่ตอนนั้นว่าเธอจะไม่อยู่พบหน้าพูดคุยกับลูกได้อีกแล้ว

ผมดูเทปด้วยความขมขื่นใจ และยังไม่เปิดให้ลูกเห็นจนกว่าจะแน่ใจว่าถึงเวลาอันควรสำหรับเขา แต่ผมก็ดีใจที่ตัดสินใจเปิดเทปมาดู แม้มันจะเจ็บปวดแต่มันวิเศษที่ได้เห็นหน้าและได้ยินเสียงเธอ

คิมเล่าถึงชีวิตและครอบครัวของเธอให้ลูกฟัง รวมทั้งเรื่องที่เราพบและแต่งงานกัน เมื่อเธอพูดถึงเรื่องความสัมพันธ์ของเรากับตอนที่คิมจับดาริอุสนั่งตักและอ่านหนังสือให้ลูกฟัง ผมดูด้วยใบหน้ายิ้มกริ่ม หลังจากดูวีดีโอม้วนนั้นเสร็จแล้ว ผมเพิ่งตระหนักว่าคิมภูมิใจในงานแต่งงานของเราเพียงใด ผมรู้ทันทีว่าต้องทิ้งอารมณ์ขมขื่น ความโกรธ และดำเนินชีวิตต่อไป ผมต้องก้าวต่อไปเพื่อดาริอุสและตัวเอง คิมมองเห็นการณ์ไกล เช่นเดียวกับตอนที่เธอเขียนคำปฏิญาณตนที่แสนสละสลวยในวันแต่งงาน แม้เธอจะสิ้นลม เธอยังให้บทเรียนแก่ผมอีก

ผมพยายามนำชีวิตกลับคืนมา เริ่มด้วยการเป็นอาสาสมัครชุมชนในสังกัด “ 100 คนดำแห่งอเมริกา” ที่เป็นสมาชิกอยู่ องค์กรนี่เป็นศูนย์รวมชายอเมริกาเชื้อสายแอฟริกาผู้มีอาชีพมั่นคงให้มาทำงานช่วยเหลือเด็กรุ่นหลัง ในปัจจุบันเราขยายสาขาไปทั่วประเทศถึง 80 แห่ง เราเป็นทั้งที่ปรึกษาและให้คำแนะนำแก่เด็ก ๆ โดยมีตัวแทนคอยพูดคุยกับพวกเขา ควบคู่กับการทำงานประจำ

ผมเคยได้ยินเกี่ยวกับองค์กรตอนแต่งงานกับคิมแล้ว ผมเล่าให้เธอฟัง เธอบอกว่าผมเหมาะสมที่สุดแล้ว ผมรู้สึกปราบปลื้มกับชีวิตวัยเด็ก มีคนคอยสนับสนุนมาตลอดชีวิต แต่ก็รู้ว่ามันไม่ได้เกิดขึ้นกับทุกคน และผมก็อยากช่วยเหลือเด็กๆที่ขาดอยู่นั้น

ผมชอบช่วยเหลือเด็กเสมอ เหนื่อยหน่ายกับความคิดร้าย ๆมุมมองและภาพลักษณ์ผิด ๆที่คนทั่วไปมีต่อพวกเรา ผมต้องการทำเป็นแบบอย่างให้พวกเขาเห็นคุณค่าการศึกษาในชีวิตจริง

ในตอนแรกคิมกระตุ้นผมให้เข้าร่วม แต่เมื่อดูวีดีโอเสร็จผมรู้สึกว่าเธอกระตุ้นให้ผมกลับมาใช้ชีวิตตามปกติอีกครั้ง “ช่วยดารุอิสและเด็กคนอื่นๆ” เธอกำลังบอกผมให้ผมลุกขึ้นทำในสิ่งที่ต่างไป ไม่ใช่นั่งจมกับความทุกข์ และอารมณ์โกรธอยู่ตลอดเวลา

การเข้าไปอยู่ในองค์กร 100 ชายอเมริกันผิวดำ ช่วยผมได้มหาศาล ให้ผมหันไปจดจ่อกับปัญหาของพวกเขา แทนที่จะหมกมุ่นกับปัญหาของตัวเอง การให้คำแนะนำทำให้ผมไม่ลืมรากเหง้าของตัวเอง มิฉะนั้นผมคงลืมว่าผมมาจากไหน ผมลืมไปว่าการเลี้ยงดูเด็กที่อาจไม่มีรากฐานแข็งแรงรองรับนั้นต้องแลกมากับอะไรบ้าง เราจำเป็นต้องออกไปทำงานนั้นด้วยตัวเอง เราไม่อาจนิ่งเฉยโดยคิดว่าคนอื่นอาจจะทำ การจากไปของคิมทำให้ผมฉุกคิดว่า คุณไม่อาจนิ่งนอนใจกับสิ่งใดเลย

ปัจจุบันผมทุ่มเทกับดาริอุส และตั้งใจช่วยเหลือเด็กอื่นๆให้มากที่สุด นั่นคือสิ่งที่คิดต้องการให้ผมทำ มันคือสารที่พระเจ้าส่งมากับวีดีโอม้วนนั้น เพราะพระองค์รู้ว่าผมสามารถสร้างประโยชน์ให้คนอื่นและรักษาแผลใจของตนได้ในเวลาเดียวกัน

โดย คาร์เนล กรีน
จากหนังสือ อัศจรรย์แห่งการให้
The Courage to Give
ผู้เขียน แจ็กกี้ วอล์ดแมน
สนพ.แพ็มแอนด์โฮม


I Will Always Love You - Whitney Houston


Create Date : 20 มีนาคม 2552
Last Update : 20 มีนาคม 2552 2:47:14 น. 2 comments
Counter : 441 Pageviews.

 
เป็นเรื่องเศร้านะคะ แต่ก็เป็นความประทับใจที่อีกฝ่ายดูแลอีกฝ่ายจนลมหายใจสุดท้าย แสดงให้เห็นถึงความรักที่มีล้นในจิตใจ

มีหลายคู่ที่เป็นแบบนี้ในโลกใบนี้


โดย: amskye วันที่: 20 มีนาคม 2552 เวลา:20:16:14 น.  

 

สวัสดีวันใหม่ค่ะ

วันนี้ครัวเปิดมากับ
ข้าวหมกไก่







โดย: praewa cute วันที่: 21 มีนาคม 2552 เวลา:0:09:19 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

หลักไมล์
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




...EVERYTHING IS A INSPIRATION...

Group Blog
 
<<
มีนาคม 2552
 
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
20 มีนาคม 2552
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add หลักไมล์'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.