|
| 1 | 2 | 3 | 4 |
5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 |
12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 |
19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 |
26 | 27 | 28 | |
|
|
|
|
|
|
|
อาหารกับสายตา
..เคยรู้สึกบ้างไหมคะกับอาการเหนื่อยล้าของสายตา ไม่ว่าจากการทำงาน อ่านหนังสือ นั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์เป็นระยะเวลานาน หรือการเสื่อมสมรรถภาพของสายตา แต่ไม่ว่าจากสาเหตุใดๆ ก็ตาม ยังมีอาหารและผักผลไม้บางอย่างสามารถช่วยบำรุงสายตาได้ค่ะ วันนี้จึงนำบทความมาฝาก ซึ่งเขียนโดย...รศ.ดร. อรอนงค์ กังสดาลอำไพ ค่ะ (ยาวไปหน่อย แต่สาระเพียบค่า)
*************************
ผู้เฒ่าผู้แก่มักจะบอกลูกหลานให้กินผักบุ้งเยอะๆ จะได้ตาหวาน ความเชื่อนี้เป็นสิ่งที่ถูกต้องอย่างยิ่ง เนื่องจากผักบุ้งจะมีสารอาหาร พวกวิตามินและแร่ธาตุอยู่มาก วิตามินที่เกี่ยวข้องกับตาคือวิตามินเอ ซึ่งในผักบุ้งหรือผักใบเขียวและเหลืองวิตามินเอจะอยู่ในรูปแคโรทีนอยด์
ตัวที่สำคัญและรู้จักกันดีคือเบต้าแคโรทีนในร่างกายเบต้าแคโรทีนจะถูกเปลี่ยนไปเป็นวิตามินเอที่เยื่อบุลำไส้
แคโรทีนอยด์นอกจากจะเป็นสารตั้งต้นของวิตามินเอแล้ว ยังทำหน้าที่ต้านอนุมูลอิสระ ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ยับยั้งการก่อกลายพันธุ์ ป้องกันเนื้องอก ลดความเสี่ยงเกี่ยวกับการเสื่อมของตาเนื่องจากสูงอายุ และต้อกระจก
วิตามินเอมีความสำคัญเกี่ยวกับการมองเห็นในที่แสงสลัว และความแข็งแรงของเยื่อบุต่างๆ การขาดวิตามินเอทำให้การปรับตาในที่มืดช้าลง ซึ่งสามารถสังเกตได้
เช่น เวลาเข้าไปในห้องที่มืด หรือเข้าไปในโรงภาพยนตร์ คนที่ขาดวิตามินเอต้องใช้เวลานานกว่าคนอื่นกว่าจะปรับสายตาให้มองเห็นทางเดินได้
สำหรับคนที่ขับรถยนต์ในเวลากลางคืน การปรับสายตาในที่มืดได้ช้านี้จะเพิ่มความเสี่ยงต่ออุบัติเหตุ เนื่องจากเมื่อมีรถยนต์สวนทางมา แสงสว่างจากรถที่สวนมาจะทำให้ตาพร่าและมองทางข้างหน้าไม่ชัด
เพื่อป้องกันการขาดวิตามินเอ ควรรับประทานอาหารที่มีวิตามินเอสูงๆ เช่น ตับหมู ตับไก่ ไข่ น้ำนม หรือรับประทานพืชผักที่มีสีเขียวเข้ม และผลไม้ที่มีสีเหลืองส้ม เช่น ผักบุ้ง ผักตำลึง ฟักทอง มะละกอสุก แครอท เป็นต้น
ถ้าการขาดวิตามินเอยังคงดำเนินต่อไปจะมีผลทำให้เนื้อเยื่อตาแห้ง และเป็นแผล(ตาไม่หวานเสียแล้ว) ถ้าขาดรุนแรงมากขึ้นจะทำให้การเสื่อมของจุดภาพชัดที่ตาบริเวณตาดำเป็นแผล และทำลายเลนส์ตา ซึ่งจะทำให้ตาบอด
การขาดวิตมินเอขั้นรุนแรงนี้เคยพบในทารกที่ได้รับการเลี้ยงดูด้วยนมข้นหวาน เนื่องจากนมข้นหวานมีน้ำตาลสูง เวลาผสมให้ทารกก็จะจางมาก ทำให้ทารกได้รับน้ำตาลเป็นหลัก ทารกจึงเสี่ยงต่อการขาดอาหาร โดยเฉพาะโปรตีนและวิตามินเอซึ่งอาจถึงขั้นตาบอดได้ ปัจจุบันบนฉลากนมข้นหวานจึงต้องมีข้อความ ห้ามใช้เลี้ยงทารก
การขาดสังกะสีทำให้การปรับตาในที่มืดช้าลงได้เช่นกัน เนื่องจากสังกะสีมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนวิตามินเอ ให้อยู่ในรูปแบบที่จะทำงานได้ที่ตา
สังกะสีพบได้มากในอาหารที่มีโปรตีนสูง เช่น ในหอยนางรม เนื้อ ตับ ไข่ นม ไก่ และปลา เนื้อสัตว์ที่มีไขมันมากจะมีสังกะสีน้อย ธัญาหารเป็นแหล่งสังกะสีเช่นกัน ปริมาณสังกะสีในธัญญาหารขึ้นกับการขัดสี สังกะสีจะมีมากบริเวณเปลือกนอกของเมล็ด ดังนั้นเมล็ดพืชที่ผ่าน การขัดสีน้อย เช่นข้าวซ้อมมือจะมีสังกะสีมากกว่าข้าวที่ขัดสีจนขาว
นอกจากนี้การเสื่อมของจุดภาพชัดที่ตาหรือโรคตาเสื่อมในคนสูงอายุ จะพบได้เสมอซึ่งสาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากการเสื่อมของกระจกตา ทำให้คนสูงอายุมองไม่ชัด เป็นอุปสรรคในการเลือกอาหาร เวลารับประทานอาหารคนสูงอายุมักจะถามลูกหลานว่าอาหารแต่ละจานเป็นอะไร ลูกหลานก็อย่าเพิ่งรำคาญ ต้องเข้าใจนะว่าท่านมองไม่ชัดว่าอาหารนั้นคืออะไร
การเสื่อมของจุดภาพชัดที่ตา หรือโรคตาเสื่อม และต้อกระจก เกิดจากการถูกทำลายด้วยปฏิกิริยาออกซิเดชัน (oxidative damage) สำหรับโรคต้อกระจกจะมีผลทำให้เลนส์ตาขุ่นมัวเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ หลังจากที่เริ่มมีอาการ และเมื่อถึงจุดหนึ่งก็สามารถผ่าตัดออกไปได้
ส่วนการเสื่อมของจุดภาพชัดที่ตาจะเกี่ยวข้องกับการเสื่อมของกระจกตา ทำให้การมองภาพเสื่อมอย่างถาวรจนอาจถึงขึ้นตาบอดได้ และไม่สามารถรักษาได้ ดังนั้นการป้องกันจึงเป็นสิ่งที่จำเป็น
การเสื่อมของตาเนื่องจากสูงอายุ (age related macular degeneration) พบว่าถ้ามีแคโรทีนอยด์ 2 ชนิดคือ ลูทีน และซีแซนทินน้อยจะมีความเสี่ยงในการเป็นโรคนี้ ลูทีน และซีแซนทิน เป็นแคโรทีนอยด์ที่พบในพืชผักมีส่วนเกี่ยวข้องกับตา โดยจะพบสารทั้ง 2 ชนิดนี้ที่บริเวณกระจกตาและในเลนส์ตา และมีส่วนป้องกันการเสื่อมของตาและโรคต้อกระจกในคนสูงอายุ จากการศึกษาพบว่าการเพิ่มการรับประทานอาหารที่มีลูทีน และซีแซนทินในผู้สูงอายุที่มีระดับสารทั้ง 2 ชนิดต่ำจะลดโอกาสเสี่ยงของโรคตาเสื่อม และโรคต้อกระจกในคนสูงอายุ
ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมาได้มีการทดลองให้ผู้สูงอายุรับประทานสารอาหารที่มีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ เพื่อลดโอกาสเสี่ยงของการเกิดโรคตาเสื่อม และโรคต้อกระจก
ซึ่งพบว่าการรับประทานวิตามินซี วิตามินอี เบต้าแคโรทีน และแคโรทีนอยด์จะลดอัตราการเกิดโรคดังกล่าวได้
ปัจจุบันการศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างสารต้านอนุมูลอิสระกับการเสื่อมของตา ยังอยู่ในระหว่างการศึกษา เพื่อยืนยันผลที่แน่ชัด ก่อนที่จะแนะนำให้รับประทานวิตามินเหล่านี้เสริม
ดังนั้นเพื่อสุขภาพที่ดีของดวงตา ควรรับประทานอาหารที่มีวิตามินซี วิตามินเอ วิตามินดี แคโรทีนอยด์ และสังกะสี สูง ได้แก่ ตับหมู ตับไก่ ไข่ ผัก ผลไม้ ธัญญหาร และข้าวซ้อมมือ
ขอบคุณสำหรับบทความดีๆ จาก รศ.ดร. อรอนงค์ กังสดาลอำไพ ที่มา..//www.healthtoday.net/thailand/nutrition/nutrition_59.html
|
Create Date : 27 กุมภาพันธ์ 2549 |
|
42 comments |
Last Update : 27 กุมภาพันธ์ 2549 21:41:23 น. |
Counter : 1750 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: ชายคา 27 กุมภาพันธ์ 2549 21:46:59 น. |
|
|
|
| |
โดย: ปลายเทียน 27 กุมภาพันธ์ 2549 22:48:21 น. |
|
|
|
| |
โดย: prncess 27 กุมภาพันธ์ 2549 22:56:17 น. |
|
|
|
| |
โดย: JewNid 27 กุมภาพันธ์ 2549 23:11:25 น. |
|
|
|
| |
โดย: นุทศรี!! 27 กุมภาพันธ์ 2549 23:19:30 น. |
|
|
|
| |
โดย: คนไม่กินผัก (แ ม ง ป อ ) 28 กุมภาพันธ์ 2549 1:03:37 น. |
|
|
|
| |
โดย: Qooma 28 กุมภาพันธ์ 2549 10:23:18 น. |
|
|
|
| |
โดย: ร้อยวลี 28 กุมภาพันธ์ 2549 12:04:17 น. |
|
|
|
| |
โดย: หยิ๋งแป๋ม 28 กุมภาพันธ์ 2549 15:26:11 น. |
|
|
|
| |
โดย: Fruit_tea 28 กุมภาพันธ์ 2549 16:30:30 น. |
|
|
|
| |
โดย: Fruit_tea 28 กุมภาพันธ์ 2549 16:45:48 น. |
|
|
|
| |
โดย: แ ม ง ป อ 28 กุมภาพันธ์ 2549 17:26:47 น. |
|
|
|
| |
โดย: erina 28 กุมภาพันธ์ 2549 18:11:34 น. |
|
|
|
| |
โดย: ทูน่าค่ะ 28 กุมภาพันธ์ 2549 18:19:06 น. |
|
|
|
| |
โดย: yadegari 28 กุมภาพันธ์ 2549 18:19:51 น. |
|
|
|
| |
โดย: Fruit_tea 28 กุมภาพันธ์ 2549 20:22:36 น. |
|
|
|
| |
โดย: ตงเหลงฉ่า 28 กุมภาพันธ์ 2549 22:06:30 น. |
|
|
|
| |
โดย: ชายคา 28 กุมภาพันธ์ 2549 22:23:07 น. |
|
|
|
| |
โดย: d__d (มัชชาร ) 1 มีนาคม 2549 9:49:07 น. |
|
|
|
| |
โดย: p_tham 2 มีนาคม 2549 4:52:10 น. |
|
|
|
| |
โดย: วารสารท้องถิ่นไทย IP: 203.113.85.242 12 ตุลาคม 2549 9:39:33 น. |
|
|
|
| |
โดย: Aum IP: 203.113.0.192 22 กุมภาพันธ์ 2550 14:37:51 น. |
|
|
|
|
|
|
|