พบหมอศิริราช (ครั้งที่ 1)
มาต่อกัน...
นั่งรออยู่หน้าห้องหมอ (จริง ๆ ต้องเรียกว่า คอกหมอสิ เพราะมันเป็นแค่ partition กัั้น ระหว่างหมอ กับหมอเท่านั้น) นานเกือบ สองชั่วโมง... นั่นไม่ใช่ปัญหาเลย รอได้ ทนไหว ขอให้ได้พบหมอ แล้วฉันก็ถูกเรียกชื่อ...
หมอที่เรียกชื่อเป็นหมอผู้หญิง ดูก็รู้ว่าเป็น หมอพึ่งจบ หน้า partition เขียนว่า พญ.... แพทย์ประจำบ้าน ตำแหน่งนี้เก๋จัง หมอเริ่มต้นจากการถาม ๆๆๆๆๆ เรียกง่าย ๆ ว่า ซักประวัติ ซักถึงขนาดว่า นอนกรนไหม๊ นอนกับใคร ที่บ้านมีใครป่วยบ้าง พ่อตายเพราะอะไร ตอนอายุเท่าไหร่ เยอะอะ... แต่นั่นก็ทำให้ฉันรู้สึกดี มันรู้สึกเหมือนมีคนใส่ใจในชีวิตสุขภาพของฉัน มันลบทัศนคติที่ฉันมีต่อโรงพยาบาลรัฐไปทันที คือ พูด สองสามประโยค แล้วจ่ายยา แต่นี่ไม่เป็นแบบนั้น เราคุยกันนานกว่าสิบนาทีแน่ ๆ อาจจะเกือบยี่สิบนาทีด้วยซ้ำ
คุยไปซักพัก แล้วหมอก็วิเคราะห์ยาที่เรากิน แล้วก็วิเคราะห์ยาที่จะให้ พร้อมกับเปิดฐานข้อมูลตัวยาที่มีในโรงพยาบาล มันช่างดีจริง ๆ ซักพักหมอก็บอกว่า "คราวหน้าต้องตรวจเลือด และตรวจ สแกน ตานะคะ เพราะว่าเสี่ยง ค่าไขมันสูงมาก เราต้องตรวจก่อนตอนที่ยังไม่เป็นอะไร" โอวก๊อดดดด นี่ถ้าอยู่โรงพยาบาลเอกชน หมอจะพูดแบบนี้ไหม๊ล่ะ...แม่เจ้าโว๊ย ช่างดูแลและเอาใจใส่กระไรอย่างนี้ มันเป็น first impression จริง ๆ คุ้มค่ากับการรอคอยมาก ๆ
ก่อนจะเสร็จการพูดคุย หมอบอกว่า "เดี๋ยวรอพบอาจารย์หมอก่อนนะคะ" เราก็ทำท่าทีตกใจ "ห๊า...ยังไม่เสร็จเหรอ" หมออมยิ้มเล็กน้อย แล้วบอกว่า "แป๊บเดียวค่ะ ไม่เกินสิบนาที" เราก็พยักหน้าแล้วยิ้ม ๆ ไปตามนั้น
ก่อนที่จะเจออาจารย์หมอ เราเห็นหมอประจำบ้านถือแฟ้มเราเข้าไปคุยกับอาจารย์หมอก่อน คิดในใจ นี่สินะ วิธีการฝึกแพทย์ ช่างแยบยลจริง ๆ พอเข้าไปหาอาจารย์หมอปุ๊บ...ไม่สิ เรียกคุณลุงน่าจะเหมาะกว่า
คุณลุงหมอดูท่าทางใจดี ช่างพูดช่างจา ช่างซัก ช่างถาม ถามคำถามที่เราไม่คิดว่าจะถาม..
"หมอถามจริง ๆ นะ เบื่อกินยาไหม๊" "เพราะอะไรถึงไม่ค่อยกินยา" "ควรกินอาหารเช้านะ เพราะมันเป็นมื้อสำคัญที่สุด" "รู้สึกกังวลไหม๊ที่เป็นโรคนี้"
ดูสิคุณลุงหมอถามเหมือนฉันเป็นเด็กดื้อไม่ยอมกินยา ดูใส่ใจดีจัง แล้วหมอก็อธิบายยาแต่ละตัวที่เราต้องกิน คิดว่าคงพยายามพูดให้เราตระหนักว่าเราต้องกินยา..ตัวนี้แก้อะไร ตัวนี้ดียังไง ตัวนี้กินแล้วน้ำตาลจะลด แถมยังทำให้น้ำหนักลดด้วยนะ ช่างวิเศษอะไรอย่างนี้...
ก่อนจากกัน ฉันทิ้งท้ายกับคุณลุงหมอว่า "เดี๋ยวหนูไปปรับวินัยของหนู คราวหน้าคงลดกว่านี้ค่ะ" หมอถามย้ำอีกว่า "อะไรลด" "ก็ ไขมันไงค่ะ ถ้าออกกำลังกาย ไขมันก็จะลดค่ะ" ฉันตอบ หมอยิ้ม หมอคงคิดในใจว่า รู้นี่ แต่ไม่ทำ !!!! 55555
นั่นแหละ มันเป็นอย่างนี้มาตลอดชีวิต เพราะงั้นชีวิตเลยไม่เคยผอมซะที 5555
ฉันจากหมอมา พร้อมกับได้ใบเอกสารนัดหลายใบเลย ทั้งนัดตรวจเลือด ตรวจตา ตรวจเบาหวาน เรามีนัดกันที่ศิริราชอีกทีเดือนกุมภาพันธ์ 2017
ฉันกลับบ้านมาพร้อมถุงยาใบใหญ่ กับตัวยา 4 ตัว พร้อมกับยาแก้ไอ ที่ไอมาเป็นเดือนแล้วไม่ยอมหายซะที ทั้งหมดราคารวม 645 บาท มันเป็นตัวเลขที่ัฉันไม่ต้องจ่าย น่าประหลาดปะล่ะ นี่ถ้าเข้าโรงพยาบาลเอกชน คงต้องเติม 0 ข้างท้ายอีกด้วย ...หมอศิริราชใจดีจุง
นี่สินะคือคำสอนของพระบิดาที่ลูกหลานชาวมหิดลทุกคนต่างรู้ในคำสอนของพ่อดีว่า
'True success is not in the learning, but in its application to the benefit of mankind'.
เพราะคำสอนนี้ที่ฉันยึดถือในการปฏิบัติหน้าที่ และวันนี้ฉันก็ได้รับสิ่งนี้กลับคืน
สำนึกในบุญคุณของพระบิดา และ ในหลวงรัชกาลที่ ๙ เสมอ
ภูมิใจอย่างที่สุด ที่ในชีวิตนี้ผูกพันกับ "มหิดล"
31 ธันวาคม 2559 วันสุดท้ายของปี หนึ่งทุ่มสามสิบเจ็ดนาที
Create Date : 31 ธันวาคม 2559 |
Last Update : 31 ธันวาคม 2559 19:37:52 น. |
|
2 comments
|
Counter : 485 Pageviews. |
|
|