ติดต่อพูดคุยกันได้ในเฟซบุ๊คเพจนะคะ
https://www.facebook.com/srisurangwriter
Group Blog
 
 
ธันวาคม 2551
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
31 ธันวาคม 2551
 
All Blogs
 
:::........ดาราแดง....บทที่ ๒........:::








ดาราแดง

บทที่ ๒


เธอมาถึงสถานที่ที่ต้องการในไม่ช้า ปุณฑริกาล่องลอยอย่างรวดเร็วลอดระหว่างยอดไม้ลงสู่ผืนหญ้าริมน้ำที่เงียบสงบแห่งนั้น

ทุกอย่างยังคงอยู่ในสภาพเดิมดังนิมิตที่เธอเห็น

หญิงสาวเข้าไปคุกเข่าลงข้างร่างที่นอนสลบไสลไม่ได้สติ ปลดผ้าคลุมไหล่ลงคลุมร่างกายท่อนล่างของเขาไว้ ก่อนพลิกกายเขาให้นอนตะแคง

แผลจากหัวศรใหญ่อยู่ข้างสะบักด้านขวาของเขา มันฉีกขาดเปิดกว้าง เลือดสีคล้ำมากมายไหลออกมานองแผ่นหลัง ขอบแผลที่เป็นสีน้ำเงินจางลงบ้างแล้วเพราะโลหิตที่ไหลออกมาเจือจางพิษลง แต่ว่าเขาก็ยังคงอยู่ในอันตราย

ปุณฑริกาเปิดจุกขวดยาใบน้อยของหล่อน ก่อนหยดลงตรงขอบแผลจนทั่ว โอสถสีขาวเรืองแสงนี้บังเกิดมาพร้อมๆ กับเธอ เป็นสมบัติของเธอโดยเฉพาะ และไม่ว่าเธอจะใช้มันไปเท่าไร เมื่อปิดจุกขวด น้ำยาก็จะกลับเต็มขึ้นเหมือนเดิม มันรักษาแผลบาดเจ็บได้ทุกชนิด รวมทั้งถอนพิษและสมานแผล เป็นเสมือนหยาดวิเศษที่ทำให้ผู้บาดเจ็บหายสนิทดีในเวลาเพียงชั่วครู่เดียว

หญิงสาวรีบทำความสะอาดคราบเลือดและพันแผลให้เขาด้วยผ้าขาวที่เตรียมมาด้วยอย่างรวดเร็ว สังเกตการหายใจสะดวกขึ้นและแรงขึ้นของเขาเมื่อโอสถเริ่มให้ผล ปุณฑริกามือไม้สั่น เธออยากรีบจัดการรักษาให้เสร็จแล้วหนีไปก่อนที่บุรุษผู้นี้จะฟื้นคืนสติขึ้นมา

กลัวทั้งเขา และกลัวผลอื่นๆ ที่อาจติดตามมาอย่างคาดไม่ถึงด้วย

เธอไม่ต้องการฝูงนางฟ้าที่โกรธแค้น หรือคำสาปแช่งของกระต่ายบินอย่างในอดีตอีกแล้ว แต่ด้วยวิญญาณความเป็นแพทย์ เธอปล่อยให้ผู้ใดตายโดยไม่ทำสิ่งใดเพื่อช่วยเหลือไม่ได้จริงๆ มิว่าเขาจะเป็นผู้ร้าย หรืออาจไม่ต้องการให้รักษา ทว่าเธอก็ไม่สามารถถามความสมัครใจของผู้ป่วยของเธอได้ในขณะนี้

เขาบาดเจ็บไม่น้อย ลูกศรที่เขาถูกเข้ามีพิษและอานุภาพรุนแรงมาก เขาเองก็คงรู้ ถึงได้เสี่ยงดึงมันออกทันทีด้วยตนเอง แม้รู้ว่าจะทำให้เกิดบาดแผลฉกรรจ์ นั่นก็คงพอจะบอกได้ว่าเขายังไม่อยากตาย

หญิงสาวหวังว่าเขาจะไม่ฟื้นขึ้นมาเร็วนัก เธอลอบมองใบหน้าของเขา เห็นดวงตาใต้เปลือกตาเต้นคล้ายกับคนกำลังฝัน เขาช่างงดงามเหลือเกิน ในขณะเดียวกันก็แผ่รัศมีที่น่าหวาดหวั่นจนผู้ใดที่อยู่ใกล้ต้องอกสั่นขวัญหาย หล่อนรีบจนขัดใจตนเองที่มือไม้งุ่มง่ามทำงานได้ไม่เร็วดั่งใจเลย

ปุณฑริการู้สึกเหมือนกำลังรักษาสิงโตบาดเจ็บที่ถูกทำให้สลบอยู่ และไม่รู้ว่ามันจะฟื้นขึ้นมาขย้ำคอหล่อนเข้าตอนไหน แทบจะถอนใจเฮือกอย่างโล่งอกออกมาเมื่อผูกปมผ้าตรงไหล่เขาเสร็จเรียบร้อย

หล่อนรวบรวมอุปกรณ์ในการทำแผลใส่กระเป๋าด้วยใจเต้นรัว เตรียมจะเผ่นหนีไปให้ไกลที่สุดเมื่อเสียงหายใจของเขาลึกและสม่ำเสมอขึ้นทุกที เขาคงจะฟื้นเร็วกว่าที่เธอคิดไว้

ปุณฑริกาชะโงกมองดูใบหน้าเขาเพื่อตรวจสอบเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจากไป แล้วก็ต้องตกใจจนเป็นอัมพาตเมื่อดวงตาทั้งสองของเขาลืมขึ้นทันควัน

ดวงตาของเขาเป็นสีแดง แดงสดเหมือนโลหิต และก็ใสราวทับทิม ตาขาวเป็นสีขาว ขณะที่ม่านตาดำเป็นสีแดงจัด มีประกายสีทองเล็กๆ แทรกอยู่โดยรอบ

ปุณฑริกาหยุดหายใจ อ่อนเปลี้ยจนขยับกายไม่ไหวไปชั่วครู่ ไม่เคยรู้สึกว่าได้ใกล้ชิดกับความตายมากถึงเพียงนี้มาก่อน เธอกำลังสบตากับผู้ล่าที่ดุร้ายและบาดเจ็บ

ความคิดเดียวที่ผ่านเข้ามาคือเธอต้องหนีไปให้เร็วที่สุด

ปุณฑริกาผุดลุกขึ้นทันที แต่ไม่เร็วไปกว่าเขา มือข้างขวาที่อยู่ใกล้หล่อนคว้าข้อมือหล่อนไว้แน่นและทำให้หล่อนยืนขึ้นไม่ได้ หญิงสาวจึงเสียหลักล้มลงไปบนตัวเขา ปุณฑริกาอ้าปากเพื่อหวีดร้องแต่ถูกมืออีกข้างของเขาตะปบปิดปากไว้

เขาตัวใหญ่กว่าหล่อนมาก และทั้งที่ยังไม่หายสนิทก็ทรงพลังจนเทียบกันไม่ติด

เขาลุกขึ้นมานั่ง กวาดตามองไปรอบด้านขณะที่ยังจับเธอไว้ไม่ปล่อย

หญิงสาวรู้สึกถึงพลังจิตที่เขาใช้แผ่ผ่านตัวเธอออกไปรอบด้านกว้างไกล เขากำลังตรวจสอบป่าโดยรอบ และอำนาจของเขาที่รู้สึกนั้นทำให้อิทธิฤทธิ์อันน้อยนิดของเธอดูคล้ายของเล่นไปในทันใด เขากำลังตรวจหาใครบางตน

ปุณฑริกาตกใจเมื่อได้คิดถึงอีกสิ่งหนึ่งที่หล่อนลืมระมัดระวังตัวไปจนหมดในขณะรักษาเขา ว่าศัตรูของเขา เจ้าของลูกศรอาบยาพิษที่ร้ายแรงอาจซุ่มอยู่ไม่ไกลในป่านี้เอง

หญิงสาวดุด่าความเลินเล่อโง่เง่าของตนเอง เธอพาตัวมาตกอยู่ในอันตรายอีกแล้ว คราวนี้ดูท่าว่าจะร้ายแรงยิ่งกว่าที่เคยเป็นมา

เขาคงพอใจกับการตรวจหา เพราะร่างที่เกร็งเครียดผ่อนคลายลงเล็กน้อย เขาปล่อยมือจากปากหล่อนและผ่อนแรงที่ข้อมือลง ปุณฑริการีบลนลานเลื่อนตัวลงจากตักเขามานั่งที่พื้น เขายังไม่ปล่อยข้อมือเธอ และเธอรู้ว่าคงยังหนีไปไม่ได้ในเวลานี้

“อยู่ตรงนี้มานานเท่าไหร่แล้ว”

หญิงสาวสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงถาม เสียงของเขาทุ้มต่ำมาก ต่ำว่าระดับบาริโทน เป็นครั้งแรกที่เธอได้ยินเสียงของผู้ที่มีเสียงเบสจริงๆ ฟังเหมือนเสียงกลองกระหึ่มกังวาน และคล้ายเสียงคำรามในลำคอของสัตว์ร้ายโดยไม่ตั้งใจเนื่องจากระดับที่ต่ำมากของเสียง

ปุณฑริกาไม่สบายใจยิ่งขึ้นเมื่อระดับเสียงที่ต่ำขนาดนี้ยังทำหลายสิ่งหลายอย่างกับผู้ฟังด้วย บ่อยครั้งมันไม่ได้ดังกระทบเพียงแค่ในโสตประสาทรับรู้ทางหูเท่านั้น มันเขย่าผ่านร่างกายและจิตใจไปพร้อมกัน

เขาคำรามอย่างขัดใจเมื่อเห็นหล่อนไม่ตอบ ดวงตาสีแดงจัดจับจ้องแน่วแน่เหมือนเสือจ้องเหยื่อ เสียงคำรามนั้นกระตุกหัวใจเธอ ราวกับเสียงกลองใหญ่ให้จังหวะในการแสดงดนตรีที่ทำให้หัวใจผู้ฟังแทบจะเต้นเป็นเสียงเดียวกับมัน

“มีใครเห็นเจ้าบ้าง”

หญิงสาวส่ายหน้า เธอไม่รู้...ไม่ทันสังเกตสังกาสิ่งใดเลยนอกจากเขา และขณะนี้เขาก็ยิ่งทำลายสติสัมปชัญญะของเธอมากขึ้นกว่าตอนที่หมดสติอยู่เสียอีก

“ผู้ใดส่งเจ้ามา”

เขาเพิ่มแรงบีบที่ข้อมือหล่อน ปุณฑริกาสังเกตเห็นหยาดน้ำตามตัวและใบหน้าเขากำลังหายวับไป เส้นผมที่เปียกชื้นของเขาแห้งสนิทไปกับตาเธอ เขาขยับกายและเธอมองเห็นว่าต้นขายาวทั้งสองข้างที่มีผ้าของเธอคลุมอยู่ข้างใต้นั้นถูกห่อหุ้มด้วยกางเกงผ้าเนื้อหนานุ่มสีดำแบบพอดีตัว ปลายขามีเชิงเป็นลายนูนเล็กน้อยสีดำเช่นกัน หากไม่สังเกตก็แทบไม่แลเห็น แปลกกว่าสนับเพลาของผู้มียศอื่นๆ

ลายเชิงแปลกตานั้นมันดูคล้าย...ลวดลายของหนังจระเข้และหนังเสือสอดแทรกสลับกันไป !

ปุณฑริกาอ้าปากค้าง ตวัดสายตื่นๆ ของตนขึ้นมามองที่ต้นแขนซ้ายของเขาซึ่งปรากฏมีกำไลแขนสีดำเหมือนนิลรัดรอบ และนั่นเป็นทั้งหมดที่เขาแต่งให้กับตัวเอง

ไม่มีเสื้อ ภูษา ผ้าคาด เข็มขัดหรืออื่นใด

“ข้าถามว่าใครส่งเจ้ามา !”

เขาเริ่มกระชากเสียงถามด้วยความรำคาญอาการใบ้ของเธอ

“มะ ไม่มี ข้าเห็นท่านจาก..นิมิต..” ช่วยไม่ได้จริงๆ ที่พิทยาธรีอายุเพียงร้อยกว่าปีอย่างเธอ ซึ่งไม่เคยเห็นอสูรตนใดมาก่อนเลย จะไม่ตื่นตกใจเมื่อถูกจับไว้ได้แบบนี้

เขาสบถออกมาคำหนึ่ง “พวกนางฟ้าใจบุญสินะ” น้ำเสียงถากถาง “หาเรื่องใส่ตัวเสียแล้ว”

ปุณฑริกาใจดิ่งวูบ ข้อนี้ไม่ต้องบอกเธอก็รู้ ทำไมนะเธอจึงไม่ปล่อยให้เขาตายไปเสียให้รู้แล้วรู้รอด ยักษ์บ้าตนนี้ไม่รู้จักคำว่าขอบคุณ แถมยังหยาบคายอีกด้วย

เขาปล่อยมือจากหล่อนแล้วลุกขึ้นยืน สำรวจบาดแผลของตนเองที่ถูกพันไว้ ก่อนเอ่ยมนต์สั้นๆ สองสามคำ

ยานพาหนะสีดำรูปร่างคล้ายรถศึกโบราณของเทพเจ้าก่อรูปขึ้นกลางป่า ตัวรถคันเล็กเงาวับเป็นประกายสลักลวดลายปิศาจน่ากลัวอยู่รายรอบ กว้างพอจะขึ้นไปยืนได้เพียงหนึ่งหรือสองตนเท่านั้น และไม่มีพาหนะเทียม ทำให้รถสองล้อรูปร่างกะทัดรัดราวกับขาดบางสิ่งที่สำคัญไป

ล้อสองข้างซึ่งมิได้เป็นแก้วสีนิลดั่งเช่นส่วนอื่นๆ เป็นวงแหวนแสงสีส้มเหมือนกงจักรลาวาที่หมุนวนอยู่ช้าๆ ทั้งที่รถยังมิได้เคลื่อนที่ไปไหน เงาของแสงเรืองส่งให้รูปสลักใบหน้าปิศาจราวกับเคลื่อนไหวได้

เขาเดินเข้าไปหารถประหลาดคันนั้นแล้วก้าวขึ้นไปยืนอิงสะโพกไว้ด้านหนึ่ง หันมาทางเธอก่อนเอียงศีรษะไปทางที่ว่างซึ่งยังเหลืออยู่น้อยนิดด้านหลัง

“ขึ้นมาสิ”

ปุณฑริกาหวั่นใจแกมงุนงงเมื่อพบว่าตนเองยังคงนั่งนิ่งงันอยู่บนพื้นหญ้าที่เดิม ทั้งที่เขาปล่อยเธอตั้งนานแล้ว เธอควรรีบเหาะหนีไปไม่เหลียวหลัง ไม่ใช่นั่งเป็นเบื้อใบ้เหมือนมักกะลีผล ผลไม้รูปสตรีที่ทำสมองหล่นหาย

ตลอดชีวิตของเธอใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ ณ ป่าบนภูเขาสูงและบนท้องนภา น้อยครั้งจะลงมาในป่าดงดิบหรือย่างกรายลงมาในแดนอันตรายที่พื้นล่าง พิทยาธรีหญิงค่อยๆ ลุกยืน ตอบปฏิเสธด้วยใจหวั่น

“ไม่เป็นไร...ข้า...ไม่..”

“เร็วเข้า” เขากลับคำรามสวน “อยากจะตายอยู่ที่นี่หรือยังไง”

“ข้าไม่ไปกับท่าน” ปุณฑริกาตระหนก

“ต้องไป !” เขาส่งสายตาขู่ขวัญของปิศาจซึ่งกำลังหงุดหงิดมาบังคับ สายตาที่น่าจะตีความหมายได้อย่างเดียวว่า ทำตามที่บอกหากไม่อยากเจ็บตัว

ปุณฑริกากำลังคิดจะวิ่งหนีไปดื้อๆ เดี๋ยวนั้น เขาก็กล่าวว่า

“จะบอกให้นะ เจ้าสิ่งที่กำลังตามฆ่าข้าอยู่ นางฟ้าอย่างเจ้าไม่มีทางเหาะหนีได้ทัน และเมื่อเจ้ามารักษาข้าแล้ว หากหนึ่งในพวกมันเห็นเข้า...”

หญิงสาวนึกถึงอำนาจของเขาที่ได้ตระหนัก นึกถึงผู้ที่สามารถทำให้เขาบาดเจ็บปางตายได้ แล้วก็ไม่คิดว่าเขาจะขู่เธอเล่น ถ้าใครก็ตามซึ่งเป็นศัตรูเขาเห็นเธออยู่กับเขา ช่วยเหลือเขา ก็เท่ากับเธอตกอยู่ในอันตรายในฐานะพวกเดียวกับเขา

“เราจะไปไหน”

“ไปให้พ้นจากป่านี้ก่อน”

ถึงแม้ว่าเขาจะดูเป็นยักษ์ป่าเถื่อนที่กำลังอารมณ์ไม่ดี ปุณฑริกาก็ไม่คิดว่าเขามีเจตนามุ่งร้ายต่อเธอในขณะนี้ เธอจึงยอมขึ้นไปยืนด้านท้ายพาหนะจากโลกันตร์นั้น เกาะขอบรถซึ่งสูงประมาณเอวตนไว้แน่นขณะที่มันยกตัวแล้วลอยลิ่วออกไปอย่างรวดเร็ว

พริบตาเดียวเขาก็พาเธอเหินมาไกล ไกลออกไปมากจากป่าแห่งนั้นและทุกๆ ป่าที่เธอเคยคุ้น ไกลกว่าหนใดที่เธอเคยออกไปเที่ยวถึง

โลกของเธอเป็นสุขกว่าโลกมนุษย์ก็จริง แต่ก็ยังมีอันตราย ไม่มีผู้ใดรู้ว่าจะได้พบเจอสิ่งใดในดินแดนที่ห่างไปเพียงแค่ไม่กี่ชั่วอึดใจในการเดินทาง

เธอเป็นสตรีประเภทที่ค่อนข้างเก็บตัว มักใช้เวลาอยู่ตามลำพัง เล่นดนตรี เข้าฌาน มองดูนิมิตหรือปลูกดอกไม้ ไม่ใคร่มีเพื่อนฝูงมากมายซึ่งมีประสบการณ์นำพาไปเที่ยวถิ่นต่างๆ แปลกใหม่หรือห่างไกลไปจากสถานที่ที่คุ้นเคยมากนัก และเธอก็ไม่ชอบท่องเที่ยวด้วย

อำนาจในการป้องกันตนของเธอมีน้อย เธอรู้ว่าอาจถูกเทพใจพาลจับไปเป็นนางบำเรอ หรือถูกอสูรใจร้ายจับไปกินเป็นอาหารได้ถ้าโชคร้ายมากพอ

ปุณฑริการู้ว่าเธอก็คล้ายกวางซึ่งท่องเที่ยวตัวเดียวในป่า และรู้ดีเกินกว่าจะจากถิ่นอาศัยที่ปลอดภัยไปไกลเกิน

ทว่าขณะนี้เธอกำลังออกมาไกลเกินไปแล้ว รถปิศาจคันนี้เร็วชวนเสียสติ หญิงสาวแทบมองไม่เห็นทิวทัศน์สองข้างทางที่ผ่าน มันกลายเป็นภาพเลือนของแสงสีต่างๆ เป็นเส้นๆ พุ่งผ่านตัว

พาหนะที่ค่อนข้างพิเศษและรวดเร็วขนาดนี้แสดงถึงฐานะที่สูงส่งของเจ้าของ ราชรถจะบังเกิดขึ้นมาพร้อมกับผู้มีอำนาจมาก พวกกึ่งเทพหรือเทพเจ้า นั่นหมายความว่าเขาไม่ใช่ยักษ์ธรรมดา เขาต้องเป็นพวกที่มีสัดส่วนของความเป็นเทพเจ้าสูงกว่าความเป็นอมนุษย์มากๆ

เหล่าเทพยังสามารถดัดแปลงสิ่งของต่างๆ ให้เปลี่ยนรูปไปตามใจคิด หรือเนรมิตสิ่งที่พวกเขาต้องการขึ้นมาใช้ตามความพอใจได้ด้วย ส่วนอมนุษย์จะมีแค่สิ่งซึ่งเกิดมาพร้อมกับตน ถ้าต้องการสิ่งอื่นๆ พวกเขาก็จะต้องหามาจากภายนอก

ปุณฑริกาทราบมาว่า อสูรมีหลายประเภท บางพวกคล้ายเทพเจ้า บางพวกคล้ายปิศาจดูดเลือด บางพวกคล้ายปอบ กินคนเป็นๆ และบางพวกที่กินซากศพตามสุสานเรียกว่า รากษส ก็มี

เธอหวังเป็นอย่างสูงว่าอสูรตนนี้จะเป็นประเภทที่ดีที่สุด ซึ่งไม่กินสิ่งมีชีวิตเป็นๆ อีกต่อไป เธอจะได้รอดพ้นจากการถูกกิน ยักษ์พวกที่นับถือพระพุทธองค์นั้นถึงกับใจดีมีศีลด้วยซ้ำไป

ความจริงแล้วปุณฑริกาก็ไม่มีความรู้เรื่องเหล่าอสูรมากนักหรอก เธอได้แต่หวังว่าจะปลอดภัยจากยักษ์ตนนี้ อย่างน้อยเธอก็ช่วยชีวิตเขาเอาไว้ เขาพาเธอออกมาจากสถานที่อันตรายเพื่อเป็นการตอบแทนแทนคำขอบคุณที่เธอสงสัยว่าเขาอาจไม่เคยมอบให้ใคร หญิงสาวก็ยอมรับได้

ถึงแม้ว่าเขาจะพาออกมาไกลเกินไปสักหน่อย และดูท่าว่าเธอจะต้องเดินทางย้อนกลับไปอีกไกลก็ตาม หากการออกมาไกลขนาดนี้จะทำให้แน่ใจได้ว่าศัตรูของเขาไม่มีทางจะตามรอยมาได้ก็นับว่าคุ้มค่า

ปุณฑริกากำลังจะเอ่ยปากถามว่าสมควรหยุดได้หรือยัง พาหนะสีนิลคันเล็กก็ชะลอลง หญิงสาวเริ่มมองเห็นทิวทัศน์รอบด้านชัดเจน

ภูเขาสูงชันสีเขียวเข้มมากมายคล้ายภูเขาไฟระดะดุ่มอยู่รอบด้าน พืชพรรณเป็นของป่าในเขตอบอุ่น หมอกจางๆ ลอยเรี่ยอยู่ระหว่างหุบเขา มองไปคล้ายภาพเขียนของจีนโบราณ ลำน้ำและทะเลสาบสีครามกว้างไกลเติมแต่งให้ภาพนั้นคล้ายคลึงทิวทัศน์ในหมู่เกาะทะเลใต้ขึ้นอีกเล็กน้อย เป็นส่วนผสมที่น่าสนใจ

ถ้าเพียงแต่ท้องฟ้าจะไม่เป็นสีม่วงประหลาดตา และก้อนเมฆบนนภาไม่เป็นสีเขียวอ่อน ภาพนี้ก็คงจะไม่ทำให้เธอตกตะลึงตื่นตาอย่างที่เป็นอยู่

เขาลดระดับการ ‘บิน’ จากเหนือยอดไม้ลงมาต่ำเรี่ยพื้น ลัดเลาะไปตามหมู่ต้นไม้สักครู่ก็ถึงที่โล่งกว้างใหญ่ ไม่มีต้นไม้ใดอยู่ในบริเวณนั้นเลยนอกจากหญ้า พรมหญ้ากว้างใหญ่สุดสายตา ไปจรดปราสาทรูปร่างคล้ายกลุ่มพระปรางค์วัดอรุณสีดำสนิทสูงใหญ่เป็นเงาตระหง่านทาบท้องฟ้าสีม่วงเจือแดง มันน่ากลัวเกินกว่าจะเข้าใกล้ แต่เขากำลังพาเธอมุ่งเข้าไปหาสิ่งก่อสร้างที่เป็นเงาทะมึนแห่งนั้น

เมื่อเข้าไปใกล้ ปราสาทหินสีดำยิ่งดูมโหฬารราวจะสูงสักสามสิบชั้น แกะสลักเป็นรูปหน้าขบ หน้าสิงห์และอสูรแบบต่างๆ แทบทุกแบบในเทพนิยาย ระเบียงปราสาทด้านหน้ากว้างเกือบเท่าท้องสนามหลวง รถแก้วสีดำหยุดลงตรงหน้าประตูใหญ่ซึ่งมีซุ้มประตูหินสลักรูปทวารบาลสองตนเป็นยักษ์ถือกระบองพาดบ่า ความใหญ่โตโอฬารและสลับซับซ้อนของฝีมือสร้างสรรค์น่าครั่นคร้าม

ปุณฑริกางุนงงเมื่อก้าวลงมายืนมองแผ่นหินสีนิลสลักเสลาตรงหน้า “ที่นี่คือที่ไหนกัน ?”

เขาหันมาตอบ มุมปากยกขึ้นนิดหนึ่งคล้ายยิ้มหยัน

“ส้วมสาธารณะของปิศาจกระมัง นางฟ้าแสนสวย หรือคิดว่ามันจะเป็นร้านขายลูกกวาดล่ะ”

ไม่มีทางที่มันจะเป็นทั้งสองแห่งนั้นได้แน่ๆ

หญิงสาวแหงนมองไปรอบๆ ตะลึงกับสถานที่เกินกว่าจะติดใจกับคำเสียดสีที่เขาเอ่ยออกมาด้วยเสียงแผ่วต่ำ รู้สึกราวยืนอยู่ตรงหน้าผาหินสูงชันเพราะความใหญ่โตของตัวอาคาร อสูรผู้พาหล่อนมาเดินตรงเข้าไปที่ประตูซึ่งเปิดออกจากกันทันทีอย่างเงียบเชียบ เขาเข้าไปข้างใน ทิ้งให้เธอยืนกอดกระเป๋าอยู่ข้างรถบนลานระเบียงโล่งเพียงลำพัง

ปุณฑริกาไม่คิดตามเขาเข้าไปในสถานที่น่ากลัวซึ่งไม่ทราบชัดว่าเป็นที่ใดอย่างแน่นอน แต่เพราะว่าเขามิได้บังคับ เชื้อเชิญ หรือชักจูงโดยตรงหรือโดยอ้อมแม้สักนิดให้เข้าไป เธอจึงเกิดความสงสัย อยากรู้อยากเห็นว่าข้างในจะเป็นอย่างไร

เธอไม่เคยเห็น ‘วิมาน’ ของใครที่มหึมาและน่ากลัวเช่นนี้มาก่อน สังหรณ์ใจว่านี่จะเป็นนิวาสสถานที่เรียกได้ว่ามหาปราสาทสุดสยองขวัญของเขาเอง เธอตัดสินใจในทันทีว่าจะชะโงกหน้าเข้าไปดูเล็กน้อยเพื่อประดับความรู้ และถือโอกาสบอกเขาว่าเธอจะไปแล้ว

หญิงสาวก้าวผ่านประตูใหญ่เข้าไปสู่ความมืดสลัว

ประตูไม่ได้ปิดเข้าหากันเสียงดังสนั่นแล้วลั่นดาลขังเธอไว้อย่างที่คิดกลัว กำแพงหินนั้นหนามากจนเธอต้องใช้มากกว่าห้าก้าวจึงเดินผ่านพ้นช่องประตูเข้ามาสู่โถงกลาง

รอบด้านรายล้อมด้วยเสาหินอ่อนสีดำ โคมระย้าช่อมหึมาเป็นแก้วสีนิลจุดประทีปนับร้อยดวงลอยอยู่กึ่งกลางเพดานสูง สะท้อนแสงระยิบระยับลงมาที่พื้นซึ่งดาดด้วยโลหะเงินเงาวับ ปุณฑริกาอุทานเบาๆ เมื่อก้มลงมองพื้นซึ่งสลักลวดลายนูนเป็นเครือเถาเกาะเกี่ยวซ้อนกันต่อเนื่องไม่สิ้นสุดไปทั่วอาณาบริเวณกว้างขวางของห้อง

ด้านหนึ่งของห้องโถงนั้นเปิดสู่สวน ใกล้กับประตูมีโต๊ะอาหารตัวใหญ่ตั้งอยู่ เขาอยู่ที่นั่นกำลังรินน้ำสีม่วงจากเหยือกแก้วลงสู่จอกมีเชิงใบใหญ่ ก่อนยกขึ้นดื่ม ปุณฑริการะลึกได้ในพลันว่านั้นคือน้ำจากผลหว้าชนิดเดียวกันกับต้นที่ ‘บ้าน’ ของเธอ

ด้วยความประหลาดใจเธอจึงลืมวัตถุประสงค์ที่จะมาบอกลาของตนเองไปชั่วครู่...เขาดื่มน้ำผลไม้ !

เขามองมาเห็นหล่อนแล้วรินของเหลวสีสวยลงในแก้วอีกใบหนึ่ง

ปุณฑริการู้สึกปลอดภัยขึ้นทันที และคลายใจขึ้นมากพอจะเดินต่อไปใกล้เขามากขึ้น เขาคงจะรู้ว่าเธอกลัวจึงเปิดโอกาสให้เธอหนีได้เสมอ ประตูยังเปิดอยู่ ทั้งประตูด้านหน้า และประตูสู่สวนต้นไม้ด้านหลังของเขา เธอจะจากไปเมื่อใดก็ได้ที่ต้องการไป

เขาวางเหยือกลง เดินเข้ามายื่นแก้วทรงสวยให้ด้วยอาการค้อมกายนิดหนึ่งกึ่งล้อเลียน ซึ่งทำให้ใบหน้าเขาลดลงมาอยู่ในระดับเดียวกับเธอ

“เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับความไว้วางใจจากนางฟ้า” เสียงแผ่วเหมือนเสียงครางกระหึ่มนั้นเกือบจะอ่อนโยน แต่ปุณฑริกากลับรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาเมื่อเห็นความเข้มข้นของสายตาสีแดงจัดที่จ้องมองเธอ

“ไม่ใช่นางฟ้า ข้าชื่อปุณฑริกา”

เขาขยับริมฝีปากเล็กน้อยคล้ายจะลองเรียกชื่อหล่อน ก่อนยืดกายตรง

“แล้วท่านเล่า” หญิงสาวรู้สึกว่าเขาลังเลนิดหนึ่งก่อนตอบ

“โฆรัม”

เขาออกเสียงขึ้นจมูกนิดๆ จนฟังคลาย โกรัม มากกว่า โครัม

หญิงสาวยกแก้วในมือขึ้นมองดู

“ยัคเฆ...คุณดื่มน้ำผลไม้นี้ด้วยหรือ”

ริมฝีปากเขาขยับยกขึ้นกับคำเรียกขานยกย่องอย่างสุภาพที่เธอใช้ เป็นรอยยิ้มเพียงเล็กน้อย แต่ก็เป็นครั้งแรกที่ปุณฑริการู้สึกว่าพอจะเป็นมิตรกับเขาได้

น่าแปลก บุคลิกลักษณะท่าทางของเขา และความรู้ว่าเขาเป็นอสูร บ่งบอกเต็มร้อยว่าเขาเป็นพวกอันตราย อยู่นอกเหนือการควบคุม แต่ความสง่างาม ดวงตาฉลาดลึกล้ำ ตลอดจนคำพูดแปลกหูทำให้เขาเป็นดุจภาพปริศนาชิ้นใหญ่

เขาทำให้เธอรู้สึกสนใจ ไว้วางใจในส่วนลึก มากพอๆ กับอยากกระโดดหนีไปให้ไกล

เหมือนเสือที่ฝึกแล้วเพียงพอที่จะเข้าใกล้ได้ สวยงามน่าพิศวงทว่ายังเปี่ยมอันตราย คงเพราะจนถึงขณะนี้เขายังไม่ได้ทำร้ายใดๆ ต่อเธอ ปุณฑริกาจึงยังไม่ถูกทำให้ตื่นตกใจมากพอจะหนีไปจากเขา และกลับรู้สึกตนเองขี้ขลาดหากจะทำอย่างนั้น

เขาลดสายตาลงมองแก้วน้ำในมือ “ก็เหมือนกับของว่าง หรืออาหารทานเล่น ไม่ใช่อาหารหลัก ความหลากหลายในบางสถานการณ์ก็เป็นสิ่งจำเป็น”

ปุณฑริกาเริ่มสะกิดใจ “แล้วอาหารหลักของท่านคือ...?”

โฆรัมผินหลังให้เธอ หยิบจอกใบใหญ่ของเขาขึ้นชูสูง มองดูของเหลวสีสวยที่ยังเหลืออยู่ในนั้น

“ข้าดื่มทุกสิ่งที่มีพลังชีวิต ดูดซับพลังนั้น หากเป็นสิ่งที่เคยมีชีวิตเช่นผักผลไม้ ก็พอใช้ทดแทนได้ ผลไม้ที่เกิดในป่าหิมวัตมีความละเอียดอ่อนกว่าอาหารในโลกมนุษย์ สามารถดื่มกินได้จริงๆ และให้ความอิ่มเอมเช่นเดียวกันกับพลังจากสิ่งมีชีวิต เพียงแต่ต้องใช้ปริมาณมากกว่า

“ข้าไม่ดื่มกินอาหารหยาบจากมนุษย์โลก ไม่ว่าเนื้อ เลือด ของสัตว์ หรือพืชพรรณ สามารถเสพรสชาติได้โดยซึมซับความรู้สึกถึงรสของมันเข้ามาก็จริง แต่ไม่ชอบนัก” เขาไหวไหล่นิดหนึ่ง ก่อนวางแก้วลงมองออกไปนอกประตูสู่สวน ไม่หันกลับมาสบตาหล่อน

“เจ้าอาจรู้ว่าอสูรบางตนกินสัตว์และสิ่งมีชีวิตหลายอย่างบนพิภพนี้ได้ บางพวกก็กินเทวดานางฟ้า ข้าหมายถึงเชือดเนื้อเถือหนังกันกินจริงๆ อสูรเช่นนั้นมีน้อย”

ใบหน้าคมสันเบือนมาเล็กน้อย ปุณฑริกาเห็นเพียงรูปหน้าด้านข้าง เมื่อเขากล่าวช้าๆ แผ่วๆ ว่า

“ข้าก็ดื่มกินจากเจ้าได้ แต่ในแบบที่ต่างออกไป”

ปุณฑริกาใจเต้นถี่แรง กำก้านแก้วน้ำจากผลหว้าในมือแน่นเพื่อไม่ให้มันหล่นลง เย็นเยือกขึ้นมาตามแผ่นหลัง

“ในแบบไหน”

เขาไม่ตอบ ตวัดสายตากลับไปในสวน ที่นอกประตูนั้นนกสีดำตัวหนึ่งบินลงมาเกาะกิ่งไม้ที่ยื่นเข้ามาใกล้ ก่อนไซ้ขนตัวเองด้วยท่าทางสบายใจ

ปุณฑริกาเห็นร่างทั้งร่างของเขาเกร็งขึ้น ฉับพลันประตูทั้งหมด ทั้งด้านหน้าที่เปิดสู่ระเบียง และด้านหลังที่เปิดสู่สวนทุกๆ บาน รวมถึงหน้าต่างบนชั้นอื่นๆ ซึ่งเธอไม่เห็นว่าอยู่ที่ไหน ปิดโครมครามเข้าหากันโดยแรง เขาคำรามในคอดังกระหึ่ม ปุณฑริกาสาบานได้ว่า เสียงต่ำพร่านั้นถึงกับทำให้กำแพงปราสาทสั่นสะเทือน




ยัคเฆ – ยคฺเฆ ข้าแต่ท่านผู้เจริญ เป็นคำพูดร้องเรียกผู้สูงกว่า













Create Date : 31 ธันวาคม 2551
Last Update : 10 ตุลาคม 2554 19:50:30 น. 6 comments
Counter : 752 Pageviews.

 
Happy New Year ค่ะ ขอให้มีความสุขมากๆนะคะ

จะรอนิยายรวมเล่มค่ะ ชอบแนวนี้มากมาย


โดย: wayvy IP: 124.120.107.253 วันที่: 31 ธันวาคม 2551 เวลา:23:09:59 น.  

 
สวัสดีปีใหม่ค่ะ


โดย: CrackyDong วันที่: 1 มกราคม 2552 เวลา:2:09:56 น.  

 

lozocat แวะมา..สวัสดีปีใหม่.. ขอให้มีความสุขตลอดปีใหม่และปีต่อๆๆไปนะคะ



โดย: lozocat วันที่: 1 มกราคม 2552 เวลา:21:22:23 น.  

 
emo

คุณ wayvy - สวัสดีปีใหม่ค่ะ ขอให้มีความสุขมากๆ เช่นกันนะคะ

คุณ CrackyDong - Happy New Year ค่ะ

คุณ lozocat - ขอบคุณที่แวะมาค่ะ ขอให้มีความสุขมากๆ ตลอดไปเช่นกันนะคะ


โดย: ศรีสุรางค์ วันที่: 2 มกราคม 2552 เวลา:10:52:19 น.  

 

เนื่องในวาระดิถีขึ้นปีใหม่
ขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัย
จงปกปักรักษา
คุ้มครองให้ท่านและครอบครัว
มีความสุขความเจริญ
ด้วยอายุ วรรณะ สุขะ พละ
ปฏิภาณ ธนสารสมบัติ
ปรารถนาสิ่งใด
ที่เป็นไปด้วยความชอบธรรม
ขอให้สำเร็จสมความปรารถนา
ทุกประการ เทอญ


จากใจ...โสดในซอย



โดย: โสดในซอย วันที่: 3 มกราคม 2552 เวลา:12:43:04 น.  

 
emo

คุณ โสดในซอย - ขอบคุณมากๆ สำหรับพรปีใหม่ค่ะ
ขออำนาจคุณพระทั้งสามดลบันดาลให้คุณมีความสุข สมหวัง สุขภาพแข็งแรงเช่นกันนะคะ


โดย: ศรีสุรางค์ วันที่: 6 มกราคม 2552 เวลา:10:14:58 น.  

ศรีสุรางค์
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 22 คน [?]












visit me at:
Srisurang's book recommendations, liked quotes, book clubs, book trivia, book lists (read shelf)




ประวัติผลงาน





สงวนลิขสิทธิ์

การนำส่วนหนึ่งส่วนใด หรือทั้งหมดของงานเขียนในเว็บนี้ ไปเผยแพร่ ดัดแปลง เสนอขาย โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร ถือเป็นความผิดตามกฎหมาย
Srisurang's bookshelf: read

หัวใจที่ถูกจอง รักนี้ (ไม่) มีสตรอว์เบอร์รี รวมมิตรแต้พานิช มายานาง เจ้าดวงใจ คนในผ้าเหลือง A Man in Saffron Robes

More of Srisurang's books »
Book recommendations, book reviews, quotes, book clubs, book trivia, book lists

My Goodreads bookshelf

Dream Lake
Rose
เหยื่ออธรรม
ประมูลหัวใจ
Something About You
ปทมาศวรรย์
อานาปานสติ วิถีแห่งความสุข
Celebrity in Death
The Madness of Lord Ian Mackenzie
รักหลงฤดู
สามชาติสามภพ ป่าท้อสิบหลี่ เล่ม 1
จิตสดใสแม้กายพิการ
Love me, please...เพียงรักฝากใจ
พระสูตร ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค ภาค๑ และอรรถกถา Tipitaka The Pali Canon (Thai Translation) Book 15
Born in Sin
Dark Desire
ตุ๊กตา
นาคราช
ทวิภพ
Red River, Vol. 8


Srisurang's favorite books »
Friends' blogs
[Add ศรีสุรางค์'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.