Bloggang.com : weblog for you and your gang
ติดต่อพูดคุยกันได้ในเฟซบุ๊คเพจนะคะ
https://www.facebook.com/srisurangwriter
Group Blog
ทักทาย
ประวัติผลงาน
วินธัย
ทะเลน้ำตา(ล)-
ธาราน้ำผึ้ง
-ตรึงตะวัน
ดารกากลางใจ
พระภูริทัต
จันทกินรี
เพลิงสีน้ำเงิน
ดาราแดง
เล่ห์ร้ายนิยายรัก
ธารทับทิม
รอยจำในดวงใจ
วามเวหน
แกร่ง - Excite
...
ร้อยกรอง
เรื่องสั้น+บทความ
.....
หนังสือที่ประทับใจ
ธันวาคม 2551
>>
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
31 ธันวาคม 2551
:::........ดาราแดง....บทที่ ๒........:::
All Blogs
ปกดาราแดง ฉบับทำมือค่ะ
::.........ดาราแดง.........::(แนะนำผลงาน)
::.........ดาราแดง.....บทที่ ๓.....::
:::........ดาราแดง....บทที่ ๒........:::
::.........ดาราแดง.....บทที่ ๑.........::
:::........ดาราแดง....บทที่ ๒........:::
ดาราแดง
บทที่ ๒
เธอมาถึงสถานที่ที่ต้องการในไม่ช้า ปุณฑริกาล่องลอยอย่างรวดเร็วลอดระหว่างยอดไม้ลงสู่ผืนหญ้าริมน้ำที่เงียบสงบแห่งนั้น
ทุกอย่างยังคงอยู่ในสภาพเดิมดังนิมิตที่เธอเห็น
หญิงสาวเข้าไปคุกเข่าลงข้างร่างที่นอนสลบไสลไม่ได้สติ ปลดผ้าคลุมไหล่ลงคลุมร่างกายท่อนล่างของเขาไว้ ก่อนพลิกกายเขาให้นอนตะแคง
แผลจากหัวศรใหญ่อยู่ข้างสะบักด้านขวาของเขา มันฉีกขาดเปิดกว้าง เลือดสีคล้ำมากมายไหลออกมานองแผ่นหลัง ขอบแผลที่เป็นสีน้ำเงินจางลงบ้างแล้วเพราะโลหิตที่ไหลออกมาเจือจางพิษลง แต่ว่าเขาก็ยังคงอยู่ในอันตราย
ปุณฑริกาเปิดจุกขวดยาใบน้อยของหล่อน ก่อนหยดลงตรงขอบแผลจนทั่ว โอสถสีขาวเรืองแสงนี้บังเกิดมาพร้อมๆ กับเธอ เป็นสมบัติของเธอโดยเฉพาะ และไม่ว่าเธอจะใช้มันไปเท่าไร เมื่อปิดจุกขวด น้ำยาก็จะกลับเต็มขึ้นเหมือนเดิม มันรักษาแผลบาดเจ็บได้ทุกชนิด รวมทั้งถอนพิษและสมานแผล เป็นเสมือนหยาดวิเศษที่ทำให้ผู้บาดเจ็บหายสนิทดีในเวลาเพียงชั่วครู่เดียว
หญิงสาวรีบทำความสะอาดคราบเลือดและพันแผลให้เขาด้วยผ้าขาวที่เตรียมมาด้วยอย่างรวดเร็ว สังเกตการหายใจสะดวกขึ้นและแรงขึ้นของเขาเมื่อโอสถเริ่มให้ผล ปุณฑริกามือไม้สั่น เธออยากรีบจัดการรักษาให้เสร็จแล้วหนีไปก่อนที่บุรุษผู้นี้จะฟื้นคืนสติขึ้นมา
กลัวทั้งเขา และกลัวผลอื่นๆ ที่อาจติดตามมาอย่างคาดไม่ถึงด้วย
เธอไม่ต้องการฝูงนางฟ้าที่โกรธแค้น หรือคำสาปแช่งของกระต่ายบินอย่างในอดีตอีกแล้ว แต่ด้วยวิญญาณความเป็นแพทย์ เธอปล่อยให้ผู้ใดตายโดยไม่ทำสิ่งใดเพื่อช่วยเหลือไม่ได้จริงๆ มิว่าเขาจะเป็นผู้ร้าย หรืออาจไม่ต้องการให้รักษา ทว่าเธอก็ไม่สามารถถามความสมัครใจของผู้ป่วยของเธอได้ในขณะนี้
เขาบาดเจ็บไม่น้อย ลูกศรที่เขาถูกเข้ามีพิษและอานุภาพรุนแรงมาก เขาเองก็คงรู้ ถึงได้เสี่ยงดึงมันออกทันทีด้วยตนเอง แม้รู้ว่าจะทำให้เกิดบาดแผลฉกรรจ์ นั่นก็คงพอจะบอกได้ว่าเขายังไม่อยากตาย
หญิงสาวหวังว่าเขาจะไม่ฟื้นขึ้นมาเร็วนัก เธอลอบมองใบหน้าของเขา เห็นดวงตาใต้เปลือกตาเต้นคล้ายกับคนกำลังฝัน เขาช่างงดงามเหลือเกิน ในขณะเดียวกันก็แผ่รัศมีที่น่าหวาดหวั่นจนผู้ใดที่อยู่ใกล้ต้องอกสั่นขวัญหาย หล่อนรีบจนขัดใจตนเองที่มือไม้งุ่มง่ามทำงานได้ไม่เร็วดั่งใจเลย
ปุณฑริการู้สึกเหมือนกำลังรักษาสิงโตบาดเจ็บที่ถูกทำให้สลบอยู่ และไม่รู้ว่ามันจะฟื้นขึ้นมาขย้ำคอหล่อนเข้าตอนไหน แทบจะถอนใจเฮือกอย่างโล่งอกออกมาเมื่อผูกปมผ้าตรงไหล่เขาเสร็จเรียบร้อย
หล่อนรวบรวมอุปกรณ์ในการทำแผลใส่กระเป๋าด้วยใจเต้นรัว เตรียมจะเผ่นหนีไปให้ไกลที่สุดเมื่อเสียงหายใจของเขาลึกและสม่ำเสมอขึ้นทุกที เขาคงจะฟื้นเร็วกว่าที่เธอคิดไว้
ปุณฑริกาชะโงกมองดูใบหน้าเขาเพื่อตรวจสอบเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจากไป แล้วก็ต้องตกใจจนเป็นอัมพาตเมื่อดวงตาทั้งสองของเขาลืมขึ้นทันควัน
ดวงตาของเขาเป็นสีแดง แดงสดเหมือนโลหิต และก็ใสราวทับทิม ตาขาวเป็นสีขาว ขณะที่ม่านตาดำเป็นสีแดงจัด มีประกายสีทองเล็กๆ แทรกอยู่โดยรอบ
ปุณฑริกาหยุดหายใจ อ่อนเปลี้ยจนขยับกายไม่ไหวไปชั่วครู่ ไม่เคยรู้สึกว่าได้ใกล้ชิดกับความตายมากถึงเพียงนี้มาก่อน เธอกำลังสบตากับผู้ล่าที่ดุร้ายและบาดเจ็บ
ความคิดเดียวที่ผ่านเข้ามาคือเธอต้องหนีไปให้เร็วที่สุด
ปุณฑริกาผุดลุกขึ้นทันที แต่ไม่เร็วไปกว่าเขา มือข้างขวาที่อยู่ใกล้หล่อนคว้าข้อมือหล่อนไว้แน่นและทำให้หล่อนยืนขึ้นไม่ได้ หญิงสาวจึงเสียหลักล้มลงไปบนตัวเขา ปุณฑริกาอ้าปากเพื่อหวีดร้องแต่ถูกมืออีกข้างของเขาตะปบปิดปากไว้
เขาตัวใหญ่กว่าหล่อนมาก และทั้งที่ยังไม่หายสนิทก็ทรงพลังจนเทียบกันไม่ติด
เขาลุกขึ้นมานั่ง กวาดตามองไปรอบด้านขณะที่ยังจับเธอไว้ไม่ปล่อย
หญิงสาวรู้สึกถึงพลังจิตที่เขาใช้แผ่ผ่านตัวเธอออกไปรอบด้านกว้างไกล เขากำลังตรวจสอบป่าโดยรอบ และอำนาจของเขาที่รู้สึกนั้นทำให้อิทธิฤทธิ์อันน้อยนิดของเธอดูคล้ายของเล่นไปในทันใด เขากำลังตรวจหาใครบางตน
ปุณฑริกาตกใจเมื่อได้คิดถึงอีกสิ่งหนึ่งที่หล่อนลืมระมัดระวังตัวไปจนหมดในขณะรักษาเขา ว่าศัตรูของเขา เจ้าของลูกศรอาบยาพิษที่ร้ายแรงอาจซุ่มอยู่ไม่ไกลในป่านี้เอง
หญิงสาวดุด่าความเลินเล่อโง่เง่าของตนเอง เธอพาตัวมาตกอยู่ในอันตรายอีกแล้ว คราวนี้ดูท่าว่าจะร้ายแรงยิ่งกว่าที่เคยเป็นมา
เขาคงพอใจกับการตรวจหา เพราะร่างที่เกร็งเครียดผ่อนคลายลงเล็กน้อย เขาปล่อยมือจากปากหล่อนและผ่อนแรงที่ข้อมือลง ปุณฑริการีบลนลานเลื่อนตัวลงจากตักเขามานั่งที่พื้น เขายังไม่ปล่อยข้อมือเธอ และเธอรู้ว่าคงยังหนีไปไม่ได้ในเวลานี้
“อยู่ตรงนี้มานานเท่าไหร่แล้ว”
หญิงสาวสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงถาม เสียงของเขาทุ้มต่ำมาก ต่ำว่าระดับบาริโทน เป็นครั้งแรกที่เธอได้ยินเสียงของผู้ที่มีเสียงเบสจริงๆ ฟังเหมือนเสียงกลองกระหึ่มกังวาน และคล้ายเสียงคำรามในลำคอของสัตว์ร้ายโดยไม่ตั้งใจเนื่องจากระดับที่ต่ำมากของเสียง
ปุณฑริกาไม่สบายใจยิ่งขึ้นเมื่อระดับเสียงที่ต่ำขนาดนี้ยังทำหลายสิ่งหลายอย่างกับผู้ฟังด้วย บ่อยครั้งมันไม่ได้ดังกระทบเพียงแค่ในโสตประสาทรับรู้ทางหูเท่านั้น มันเขย่าผ่านร่างกายและจิตใจไปพร้อมกัน
เขาคำรามอย่างขัดใจเมื่อเห็นหล่อนไม่ตอบ ดวงตาสีแดงจัดจับจ้องแน่วแน่เหมือนเสือจ้องเหยื่อ เสียงคำรามนั้นกระตุกหัวใจเธอ ราวกับเสียงกลองใหญ่ให้จังหวะในการแสดงดนตรีที่ทำให้หัวใจผู้ฟังแทบจะเต้นเป็นเสียงเดียวกับมัน
“มีใครเห็นเจ้าบ้าง”
หญิงสาวส่ายหน้า เธอไม่รู้...ไม่ทันสังเกตสังกาสิ่งใดเลยนอกจากเขา และขณะนี้เขาก็ยิ่งทำลายสติสัมปชัญญะของเธอมากขึ้นกว่าตอนที่หมดสติอยู่เสียอีก
“ผู้ใดส่งเจ้ามา”
เขาเพิ่มแรงบีบที่ข้อมือหล่อน ปุณฑริกาสังเกตเห็นหยาดน้ำตามตัวและใบหน้าเขากำลังหายวับไป เส้นผมที่เปียกชื้นของเขาแห้งสนิทไปกับตาเธอ เขาขยับกายและเธอมองเห็นว่าต้นขายาวทั้งสองข้างที่มีผ้าของเธอคลุมอยู่ข้างใต้นั้นถูกห่อหุ้มด้วยกางเกงผ้าเนื้อหนานุ่มสีดำแบบพอดีตัว ปลายขามีเชิงเป็นลายนูนเล็กน้อยสีดำเช่นกัน หากไม่สังเกตก็แทบไม่แลเห็น แปลกกว่าสนับเพลาของผู้มียศอื่นๆ
ลายเชิงแปลกตานั้นมันดูคล้าย...ลวดลายของหนังจระเข้และหนังเสือสอดแทรกสลับกันไป !
ปุณฑริกาอ้าปากค้าง ตวัดสายตื่นๆ ของตนขึ้นมามองที่ต้นแขนซ้ายของเขาซึ่งปรากฏมีกำไลแขนสีดำเหมือนนิลรัดรอบ และนั่นเป็นทั้งหมดที่เขาแต่งให้กับตัวเอง
ไม่มีเสื้อ ภูษา ผ้าคาด เข็มขัดหรืออื่นใด
“ข้าถามว่าใครส่งเจ้ามา !”
เขาเริ่มกระชากเสียงถามด้วยความรำคาญอาการใบ้ของเธอ
“มะ ไม่มี ข้าเห็นท่านจาก..นิมิต..” ช่วยไม่ได้จริงๆ ที่พิทยาธรีอายุเพียงร้อยกว่าปีอย่างเธอ ซึ่งไม่เคยเห็นอสูรตนใดมาก่อนเลย จะไม่ตื่นตกใจเมื่อถูกจับไว้ได้แบบนี้
เขาสบถออกมาคำหนึ่ง “พวกนางฟ้าใจบุญสินะ” น้ำเสียงถากถาง “หาเรื่องใส่ตัวเสียแล้ว”
ปุณฑริกาใจดิ่งวูบ ข้อนี้ไม่ต้องบอกเธอก็รู้ ทำไมนะเธอจึงไม่ปล่อยให้เขาตายไปเสียให้รู้แล้วรู้รอด ยักษ์บ้าตนนี้ไม่รู้จักคำว่าขอบคุณ แถมยังหยาบคายอีกด้วย
เขาปล่อยมือจากหล่อนแล้วลุกขึ้นยืน สำรวจบาดแผลของตนเองที่ถูกพันไว้ ก่อนเอ่ยมนต์สั้นๆ สองสามคำ
ยานพาหนะสีดำรูปร่างคล้ายรถศึกโบราณของเทพเจ้าก่อรูปขึ้นกลางป่า ตัวรถคันเล็กเงาวับเป็นประกายสลักลวดลายปิศาจน่ากลัวอยู่รายรอบ กว้างพอจะขึ้นไปยืนได้เพียงหนึ่งหรือสองตนเท่านั้น และไม่มีพาหนะเทียม ทำให้รถสองล้อรูปร่างกะทัดรัดราวกับขาดบางสิ่งที่สำคัญไป
ล้อสองข้างซึ่งมิได้เป็นแก้วสีนิลดั่งเช่นส่วนอื่นๆ เป็นวงแหวนแสงสีส้มเหมือนกงจักรลาวาที่หมุนวนอยู่ช้าๆ ทั้งที่รถยังมิได้เคลื่อนที่ไปไหน เงาของแสงเรืองส่งให้รูปสลักใบหน้าปิศาจราวกับเคลื่อนไหวได้
เขาเดินเข้าไปหารถประหลาดคันนั้นแล้วก้าวขึ้นไปยืนอิงสะโพกไว้ด้านหนึ่ง หันมาทางเธอก่อนเอียงศีรษะไปทางที่ว่างซึ่งยังเหลืออยู่น้อยนิดด้านหลัง
“ขึ้นมาสิ”
ปุณฑริกาหวั่นใจแกมงุนงงเมื่อพบว่าตนเองยังคงนั่งนิ่งงันอยู่บนพื้นหญ้าที่เดิม ทั้งที่เขาปล่อยเธอตั้งนานแล้ว เธอควรรีบเหาะหนีไปไม่เหลียวหลัง ไม่ใช่นั่งเป็นเบื้อใบ้เหมือนมักกะลีผล ผลไม้รูปสตรีที่ทำสมองหล่นหาย
ตลอดชีวิตของเธอใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ ณ ป่าบนภูเขาสูงและบนท้องนภา น้อยครั้งจะลงมาในป่าดงดิบหรือย่างกรายลงมาในแดนอันตรายที่พื้นล่าง พิทยาธรีหญิงค่อยๆ ลุกยืน ตอบปฏิเสธด้วยใจหวั่น
“ไม่เป็นไร...ข้า...ไม่..”
“เร็วเข้า” เขากลับคำรามสวน “อยากจะตายอยู่ที่นี่หรือยังไง”
“ข้าไม่ไปกับท่าน” ปุณฑริกาตระหนก
“ต้องไป !” เขาส่งสายตาขู่ขวัญของปิศาจซึ่งกำลังหงุดหงิดมาบังคับ สายตาที่น่าจะตีความหมายได้อย่างเดียวว่า ทำตามที่บอกหากไม่อยากเจ็บตัว
ปุณฑริกากำลังคิดจะวิ่งหนีไปดื้อๆ เดี๋ยวนั้น เขาก็กล่าวว่า
“จะบอกให้นะ เจ้าสิ่งที่กำลังตามฆ่าข้าอยู่ นางฟ้าอย่างเจ้าไม่มีทางเหาะหนีได้ทัน และเมื่อเจ้ามารักษาข้าแล้ว หากหนึ่งในพวกมันเห็นเข้า...”
หญิงสาวนึกถึงอำนาจของเขาที่ได้ตระหนัก นึกถึงผู้ที่สามารถทำให้เขาบาดเจ็บปางตายได้ แล้วก็ไม่คิดว่าเขาจะขู่เธอเล่น ถ้าใครก็ตามซึ่งเป็นศัตรูเขาเห็นเธออยู่กับเขา ช่วยเหลือเขา ก็เท่ากับเธอตกอยู่ในอันตรายในฐานะพวกเดียวกับเขา
“เราจะไปไหน”
“ไปให้พ้นจากป่านี้ก่อน”
ถึงแม้ว่าเขาจะดูเป็นยักษ์ป่าเถื่อนที่กำลังอารมณ์ไม่ดี ปุณฑริกาก็ไม่คิดว่าเขามีเจตนามุ่งร้ายต่อเธอในขณะนี้ เธอจึงยอมขึ้นไปยืนด้านท้ายพาหนะจากโลกันตร์นั้น เกาะขอบรถซึ่งสูงประมาณเอวตนไว้แน่นขณะที่มันยกตัวแล้วลอยลิ่วออกไปอย่างรวดเร็ว
พริบตาเดียวเขาก็พาเธอเหินมาไกล ไกลออกไปมากจากป่าแห่งนั้นและทุกๆ ป่าที่เธอเคยคุ้น ไกลกว่าหนใดที่เธอเคยออกไปเที่ยวถึง
โลกของเธอเป็นสุขกว่าโลกมนุษย์ก็จริง แต่ก็ยังมีอันตราย ไม่มีผู้ใดรู้ว่าจะได้พบเจอสิ่งใดในดินแดนที่ห่างไปเพียงแค่ไม่กี่ชั่วอึดใจในการเดินทาง
เธอเป็นสตรีประเภทที่ค่อนข้างเก็บตัว มักใช้เวลาอยู่ตามลำพัง เล่นดนตรี เข้าฌาน มองดูนิมิตหรือปลูกดอกไม้ ไม่ใคร่มีเพื่อนฝูงมากมายซึ่งมีประสบการณ์นำพาไปเที่ยวถิ่นต่างๆ แปลกใหม่หรือห่างไกลไปจากสถานที่ที่คุ้นเคยมากนัก และเธอก็ไม่ชอบท่องเที่ยวด้วย
อำนาจในการป้องกันตนของเธอมีน้อย เธอรู้ว่าอาจถูกเทพใจพาลจับไปเป็นนางบำเรอ หรือถูกอสูรใจร้ายจับไปกินเป็นอาหารได้ถ้าโชคร้ายมากพอ
ปุณฑริการู้ว่าเธอก็คล้ายกวางซึ่งท่องเที่ยวตัวเดียวในป่า และรู้ดีเกินกว่าจะจากถิ่นอาศัยที่ปลอดภัยไปไกลเกิน
ทว่าขณะนี้เธอกำลังออกมาไกลเกินไปแล้ว รถปิศาจคันนี้เร็วชวนเสียสติ หญิงสาวแทบมองไม่เห็นทิวทัศน์สองข้างทางที่ผ่าน มันกลายเป็นภาพเลือนของแสงสีต่างๆ เป็นเส้นๆ พุ่งผ่านตัว
พาหนะที่ค่อนข้างพิเศษและรวดเร็วขนาดนี้แสดงถึงฐานะที่สูงส่งของเจ้าของ ราชรถจะบังเกิดขึ้นมาพร้อมกับผู้มีอำนาจมาก พวกกึ่งเทพหรือเทพเจ้า นั่นหมายความว่าเขาไม่ใช่ยักษ์ธรรมดา เขาต้องเป็นพวกที่มีสัดส่วนของความเป็นเทพเจ้าสูงกว่าความเป็นอมนุษย์มากๆ
เหล่าเทพยังสามารถดัดแปลงสิ่งของต่างๆ ให้เปลี่ยนรูปไปตามใจคิด หรือเนรมิตสิ่งที่พวกเขาต้องการขึ้นมาใช้ตามความพอใจได้ด้วย ส่วนอมนุษย์จะมีแค่สิ่งซึ่งเกิดมาพร้อมกับตน ถ้าต้องการสิ่งอื่นๆ พวกเขาก็จะต้องหามาจากภายนอก
ปุณฑริกาทราบมาว่า อสูรมีหลายประเภท บางพวกคล้ายเทพเจ้า บางพวกคล้ายปิศาจดูดเลือด บางพวกคล้ายปอบ กินคนเป็นๆ และบางพวกที่กินซากศพตามสุสานเรียกว่า รากษส ก็มี
เธอหวังเป็นอย่างสูงว่าอสูรตนนี้จะเป็นประเภทที่ดีที่สุด ซึ่งไม่กินสิ่งมีชีวิตเป็นๆ อีกต่อไป เธอจะได้รอดพ้นจากการถูกกิน ยักษ์พวกที่นับถือพระพุทธองค์นั้นถึงกับใจดีมีศีลด้วยซ้ำไป
ความจริงแล้วปุณฑริกาก็ไม่มีความรู้เรื่องเหล่าอสูรมากนักหรอก เธอได้แต่หวังว่าจะปลอดภัยจากยักษ์ตนนี้ อย่างน้อยเธอก็ช่วยชีวิตเขาเอาไว้ เขาพาเธอออกมาจากสถานที่อันตรายเพื่อเป็นการตอบแทนแทนคำขอบคุณที่เธอสงสัยว่าเขาอาจไม่เคยมอบให้ใคร หญิงสาวก็ยอมรับได้
ถึงแม้ว่าเขาจะพาออกมาไกลเกินไปสักหน่อย และดูท่าว่าเธอจะต้องเดินทางย้อนกลับไปอีกไกลก็ตาม หากการออกมาไกลขนาดนี้จะทำให้แน่ใจได้ว่าศัตรูของเขาไม่มีทางจะตามรอยมาได้ก็นับว่าคุ้มค่า
ปุณฑริกากำลังจะเอ่ยปากถามว่าสมควรหยุดได้หรือยัง พาหนะสีนิลคันเล็กก็ชะลอลง หญิงสาวเริ่มมองเห็นทิวทัศน์รอบด้านชัดเจน
ภูเขาสูงชันสีเขียวเข้มมากมายคล้ายภูเขาไฟระดะดุ่มอยู่รอบด้าน พืชพรรณเป็นของป่าในเขตอบอุ่น หมอกจางๆ ลอยเรี่ยอยู่ระหว่างหุบเขา มองไปคล้ายภาพเขียนของจีนโบราณ ลำน้ำและทะเลสาบสีครามกว้างไกลเติมแต่งให้ภาพนั้นคล้ายคลึงทิวทัศน์ในหมู่เกาะทะเลใต้ขึ้นอีกเล็กน้อย เป็นส่วนผสมที่น่าสนใจ
ถ้าเพียงแต่ท้องฟ้าจะไม่เป็นสีม่วงประหลาดตา และก้อนเมฆบนนภาไม่เป็นสีเขียวอ่อน ภาพนี้ก็คงจะไม่ทำให้เธอตกตะลึงตื่นตาอย่างที่เป็นอยู่
เขาลดระดับการ ‘บิน’ จากเหนือยอดไม้ลงมาต่ำเรี่ยพื้น ลัดเลาะไปตามหมู่ต้นไม้สักครู่ก็ถึงที่โล่งกว้างใหญ่ ไม่มีต้นไม้ใดอยู่ในบริเวณนั้นเลยนอกจากหญ้า พรมหญ้ากว้างใหญ่สุดสายตา ไปจรดปราสาทรูปร่างคล้ายกลุ่มพระปรางค์วัดอรุณสีดำสนิทสูงใหญ่เป็นเงาตระหง่านทาบท้องฟ้าสีม่วงเจือแดง มันน่ากลัวเกินกว่าจะเข้าใกล้ แต่เขากำลังพาเธอมุ่งเข้าไปหาสิ่งก่อสร้างที่เป็นเงาทะมึนแห่งนั้น
เมื่อเข้าไปใกล้ ปราสาทหินสีดำยิ่งดูมโหฬารราวจะสูงสักสามสิบชั้น แกะสลักเป็นรูปหน้าขบ หน้าสิงห์และอสูรแบบต่างๆ แทบทุกแบบในเทพนิยาย ระเบียงปราสาทด้านหน้ากว้างเกือบเท่าท้องสนามหลวง รถแก้วสีดำหยุดลงตรงหน้าประตูใหญ่ซึ่งมีซุ้มประตูหินสลักรูปทวารบาลสองตนเป็นยักษ์ถือกระบองพาดบ่า ความใหญ่โตโอฬารและสลับซับซ้อนของฝีมือสร้างสรรค์น่าครั่นคร้าม
ปุณฑริกางุนงงเมื่อก้าวลงมายืนมองแผ่นหินสีนิลสลักเสลาตรงหน้า “ที่นี่คือที่ไหนกัน ?”
เขาหันมาตอบ มุมปากยกขึ้นนิดหนึ่งคล้ายยิ้มหยัน
“ส้วมสาธารณะของปิศาจกระมัง นางฟ้าแสนสวย หรือคิดว่ามันจะเป็นร้านขายลูกกวาดล่ะ”
ไม่มีทางที่มันจะเป็นทั้งสองแห่งนั้นได้แน่ๆ
หญิงสาวแหงนมองไปรอบๆ ตะลึงกับสถานที่เกินกว่าจะติดใจกับคำเสียดสีที่เขาเอ่ยออกมาด้วยเสียงแผ่วต่ำ รู้สึกราวยืนอยู่ตรงหน้าผาหินสูงชันเพราะความใหญ่โตของตัวอาคาร อสูรผู้พาหล่อนมาเดินตรงเข้าไปที่ประตูซึ่งเปิดออกจากกันทันทีอย่างเงียบเชียบ เขาเข้าไปข้างใน ทิ้งให้เธอยืนกอดกระเป๋าอยู่ข้างรถบนลานระเบียงโล่งเพียงลำพัง
ปุณฑริกาไม่คิดตามเขาเข้าไปในสถานที่น่ากลัวซึ่งไม่ทราบชัดว่าเป็นที่ใดอย่างแน่นอน แต่เพราะว่าเขามิได้บังคับ เชื้อเชิญ หรือชักจูงโดยตรงหรือโดยอ้อมแม้สักนิดให้เข้าไป เธอจึงเกิดความสงสัย อยากรู้อยากเห็นว่าข้างในจะเป็นอย่างไร
เธอไม่เคยเห็น ‘วิมาน’ ของใครที่มหึมาและน่ากลัวเช่นนี้มาก่อน สังหรณ์ใจว่านี่จะเป็นนิวาสสถานที่เรียกได้ว่ามหาปราสาทสุดสยองขวัญของเขาเอง เธอตัดสินใจในทันทีว่าจะชะโงกหน้าเข้าไปดูเล็กน้อยเพื่อประดับความรู้ และถือโอกาสบอกเขาว่าเธอจะไปแล้ว
หญิงสาวก้าวผ่านประตูใหญ่เข้าไปสู่ความมืดสลัว
ประตูไม่ได้ปิดเข้าหากันเสียงดังสนั่นแล้วลั่นดาลขังเธอไว้อย่างที่คิดกลัว กำแพงหินนั้นหนามากจนเธอต้องใช้มากกว่าห้าก้าวจึงเดินผ่านพ้นช่องประตูเข้ามาสู่โถงกลาง
รอบด้านรายล้อมด้วยเสาหินอ่อนสีดำ โคมระย้าช่อมหึมาเป็นแก้วสีนิลจุดประทีปนับร้อยดวงลอยอยู่กึ่งกลางเพดานสูง สะท้อนแสงระยิบระยับลงมาที่พื้นซึ่งดาดด้วยโลหะเงินเงาวับ ปุณฑริกาอุทานเบาๆ เมื่อก้มลงมองพื้นซึ่งสลักลวดลายนูนเป็นเครือเถาเกาะเกี่ยวซ้อนกันต่อเนื่องไม่สิ้นสุดไปทั่วอาณาบริเวณกว้างขวางของห้อง
ด้านหนึ่งของห้องโถงนั้นเปิดสู่สวน ใกล้กับประตูมีโต๊ะอาหารตัวใหญ่ตั้งอยู่ เขาอยู่ที่นั่นกำลังรินน้ำสีม่วงจากเหยือกแก้วลงสู่จอกมีเชิงใบใหญ่ ก่อนยกขึ้นดื่ม ปุณฑริการะลึกได้ในพลันว่านั้นคือน้ำจากผลหว้าชนิดเดียวกันกับต้นที่ ‘บ้าน’ ของเธอ
ด้วยความประหลาดใจเธอจึงลืมวัตถุประสงค์ที่จะมาบอกลาของตนเองไปชั่วครู่...เขาดื่มน้ำผลไม้ !
เขามองมาเห็นหล่อนแล้วรินของเหลวสีสวยลงในแก้วอีกใบหนึ่ง
ปุณฑริการู้สึกปลอดภัยขึ้นทันที และคลายใจขึ้นมากพอจะเดินต่อไปใกล้เขามากขึ้น เขาคงจะรู้ว่าเธอกลัวจึงเปิดโอกาสให้เธอหนีได้เสมอ ประตูยังเปิดอยู่ ทั้งประตูด้านหน้า และประตูสู่สวนต้นไม้ด้านหลังของเขา เธอจะจากไปเมื่อใดก็ได้ที่ต้องการไป
เขาวางเหยือกลง เดินเข้ามายื่นแก้วทรงสวยให้ด้วยอาการค้อมกายนิดหนึ่งกึ่งล้อเลียน ซึ่งทำให้ใบหน้าเขาลดลงมาอยู่ในระดับเดียวกับเธอ
“เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับความไว้วางใจจากนางฟ้า” เสียงแผ่วเหมือนเสียงครางกระหึ่มนั้นเกือบจะอ่อนโยน แต่ปุณฑริกากลับรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาเมื่อเห็นความเข้มข้นของสายตาสีแดงจัดที่จ้องมองเธอ
“ไม่ใช่นางฟ้า ข้าชื่อปุณฑริกา”
เขาขยับริมฝีปากเล็กน้อยคล้ายจะลองเรียกชื่อหล่อน ก่อนยืดกายตรง
“แล้วท่านเล่า” หญิงสาวรู้สึกว่าเขาลังเลนิดหนึ่งก่อนตอบ
“โฆรัม”
เขาออกเสียงขึ้นจมูกนิดๆ จนฟังคลาย โกรัม มากกว่า โครัม
หญิงสาวยกแก้วในมือขึ้นมองดู
“ยัคเฆ...คุณดื่มน้ำผลไม้นี้ด้วยหรือ”
ริมฝีปากเขาขยับยกขึ้นกับคำเรียกขานยกย่องอย่างสุภาพที่เธอใช้ เป็นรอยยิ้มเพียงเล็กน้อย แต่ก็เป็นครั้งแรกที่ปุณฑริการู้สึกว่าพอจะเป็นมิตรกับเขาได้
น่าแปลก บุคลิกลักษณะท่าทางของเขา และความรู้ว่าเขาเป็นอสูร บ่งบอกเต็มร้อยว่าเขาเป็นพวกอันตราย อยู่นอกเหนือการควบคุม แต่ความสง่างาม ดวงตาฉลาดลึกล้ำ ตลอดจนคำพูดแปลกหูทำให้เขาเป็นดุจภาพปริศนาชิ้นใหญ่
เขาทำให้เธอรู้สึกสนใจ ไว้วางใจในส่วนลึก มากพอๆ กับอยากกระโดดหนีไปให้ไกล
เหมือนเสือที่ฝึกแล้วเพียงพอที่จะเข้าใกล้ได้ สวยงามน่าพิศวงทว่ายังเปี่ยมอันตราย คงเพราะจนถึงขณะนี้เขายังไม่ได้ทำร้ายใดๆ ต่อเธอ ปุณฑริกาจึงยังไม่ถูกทำให้ตื่นตกใจมากพอจะหนีไปจากเขา และกลับรู้สึกตนเองขี้ขลาดหากจะทำอย่างนั้น
เขาลดสายตาลงมองแก้วน้ำในมือ “ก็เหมือนกับของว่าง หรืออาหารทานเล่น ไม่ใช่อาหารหลัก ความหลากหลายในบางสถานการณ์ก็เป็นสิ่งจำเป็น”
ปุณฑริกาเริ่มสะกิดใจ “แล้วอาหารหลักของท่านคือ...?”
โฆรัมผินหลังให้เธอ หยิบจอกใบใหญ่ของเขาขึ้นชูสูง มองดูของเหลวสีสวยที่ยังเหลืออยู่ในนั้น
“ข้าดื่มทุกสิ่งที่มีพลังชีวิต ดูดซับพลังนั้น หากเป็นสิ่งที่เคยมีชีวิตเช่นผักผลไม้ ก็พอใช้ทดแทนได้ ผลไม้ที่เกิดในป่าหิมวัตมีความละเอียดอ่อนกว่าอาหารในโลกมนุษย์ สามารถดื่มกินได้จริงๆ และให้ความอิ่มเอมเช่นเดียวกันกับพลังจากสิ่งมีชีวิต เพียงแต่ต้องใช้ปริมาณมากกว่า
“ข้าไม่ดื่มกินอาหารหยาบจากมนุษย์โลก ไม่ว่าเนื้อ เลือด ของสัตว์ หรือพืชพรรณ สามารถเสพรสชาติได้โดยซึมซับความรู้สึกถึงรสของมันเข้ามาก็จริง แต่ไม่ชอบนัก” เขาไหวไหล่นิดหนึ่ง ก่อนวางแก้วลงมองออกไปนอกประตูสู่สวน ไม่หันกลับมาสบตาหล่อน
“เจ้าอาจรู้ว่าอสูรบางตนกินสัตว์และสิ่งมีชีวิตหลายอย่างบนพิภพนี้ได้ บางพวกก็กินเทวดานางฟ้า ข้าหมายถึงเชือดเนื้อเถือหนังกันกินจริงๆ อสูรเช่นนั้นมีน้อย”
ใบหน้าคมสันเบือนมาเล็กน้อย ปุณฑริกาเห็นเพียงรูปหน้าด้านข้าง เมื่อเขากล่าวช้าๆ แผ่วๆ ว่า
“ข้าก็ดื่มกินจากเจ้าได้ แต่ในแบบที่ต่างออกไป”
ปุณฑริกาใจเต้นถี่แรง กำก้านแก้วน้ำจากผลหว้าในมือแน่นเพื่อไม่ให้มันหล่นลง เย็นเยือกขึ้นมาตามแผ่นหลัง
“ในแบบไหน”
เขาไม่ตอบ ตวัดสายตากลับไปในสวน ที่นอกประตูนั้นนกสีดำตัวหนึ่งบินลงมาเกาะกิ่งไม้ที่ยื่นเข้ามาใกล้ ก่อนไซ้ขนตัวเองด้วยท่าทางสบายใจ
ปุณฑริกาเห็นร่างทั้งร่างของเขาเกร็งขึ้น ฉับพลันประตูทั้งหมด ทั้งด้านหน้าที่เปิดสู่ระเบียง และด้านหลังที่เปิดสู่สวนทุกๆ บาน รวมถึงหน้าต่างบนชั้นอื่นๆ ซึ่งเธอไม่เห็นว่าอยู่ที่ไหน ปิดโครมครามเข้าหากันโดยแรง เขาคำรามในคอดังกระหึ่ม ปุณฑริกาสาบานได้ว่า เสียงต่ำพร่านั้นถึงกับทำให้กำแพงปราสาทสั่นสะเทือน
ยัคเฆ – ยคฺเฆ ข้าแต่ท่านผู้เจริญ เป็นคำพูดร้องเรียกผู้สูงกว่า
Create Date : 31 ธันวาคม 2551
Last Update : 10 ตุลาคม 2554 19:50:30 น.
6 comments
Counter : 752 Pageviews.
Share
Tweet
Happy New Year ค่ะ ขอให้มีความสุขมากๆนะคะ
จะรอนิยายรวมเล่มค่ะ ชอบแนวนี้มากมาย
โดย: wayvy IP: 124.120.107.253 วันที่: 31 ธันวาคม 2551 เวลา:23:09:59 น.
สวัสดีปีใหม่ค่ะ
โดย:
CrackyDong
วันที่: 1 มกราคม 2552 เวลา:2:09:56 น.
แวะมา..สวัสดีปีใหม่.. ขอให้มีความสุขตลอดปีใหม่และปีต่อๆๆไปนะคะ
โดย:
lozocat
วันที่: 1 มกราคม 2552 เวลา:21:22:23 น.
คุณ wayvy - สวัสดีปีใหม่ค่ะ ขอให้มีความสุขมากๆ เช่นกันนะคะ
คุณ CrackyDong - Happy New Year ค่ะ
คุณ lozocat - ขอบคุณที่แวะมาค่ะ ขอให้มีความสุขมากๆ ตลอดไปเช่นกันนะคะ
โดย:
ศรีสุรางค์
วันที่: 2 มกราคม 2552 เวลา:10:52:19 น.
เนื่องในวาระดิถีขึ้นปีใหม่
ขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัย
จงปกปักรักษา
คุ้มครองให้ท่านและครอบครัว
มีความสุขความเจริญ
ด้วยอายุ วรรณะ สุขะ พละ
ปฏิภาณ ธนสารสมบัติ
ปรารถนาสิ่งใด
ที่เป็นไปด้วยความชอบธรรม
ขอให้สำเร็จสมความปรารถนา
ทุกประการ เทอญ
จากใจ...โสดในซอย
โดย:
โสดในซอย
วันที่: 3 มกราคม 2552 เวลา:12:43:04 น.
คุณ โสดในซอย - ขอบคุณมากๆ สำหรับพรปีใหม่ค่ะ
ขออำนาจคุณพระทั้งสามดลบันดาลให้คุณมีความสุข สมหวัง สุขภาพแข็งแรงเช่นกันนะคะ
โดย:
ศรีสุรางค์
วันที่: 6 มกราคม 2552 เวลา:10:14:58 น.
ศรีสุรางค์
Location :
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 22 คน [
?
]
visit me at:
ประวัติผลงาน
สงวนลิขสิทธิ์
การนำส่วนหนึ่งส่วนใด หรือทั้งหมดของงานเขียนในเว็บนี้ ไปเผยแพร่ ดัดแปลง เสนอขาย โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร ถือเป็นความผิดตามกฎหมาย
Srisurang's bookshelf: read
More of Srisurang's books »
My Goodreads bookshelf
Srisurang's favorite books »
Share
book reviews
and ratings with Srisurang, and even join a
book club
on Goodreads.
Friends' blogs
lozocat
ป้ามด
ป้าหนอน
กะว่าก๋า
หอมกร
สาวไกด์ใจซื่อ
โสมรัศมี
ยาคูลท์
อั๊งอังอา
ฟิลิเซียน่า
Franc
o_pinP
nikanda
หมูย้อมสี
ลุงแอ๊ด
แม่ไก่
than-nawa
pichayaratana
lekouy
ย่าชอบเล่า
Lavinia
จโกระ&ลาชา
tuktuk thailand
addsiripun
เกศสุริยง
ปลายทางของสายรุ้ง
froggie
KiRaRi
เหมือนพระจันทร์
หัวใจสีชมพู
อ้อมกอดของความเหงา
jackfruit_k
Sab Zab'
Webmaster - BlogGang
[Add ศรีสุรางค์'s blog to your web]
Links
ค้นพระไตรปิฎก
สำนักพิมพ์ 1168
readandsmile
สถาพร-พิมพ์คำ
BlogGang.com
Pantip.com
|
PantipMarket.com
|
Pantown.com
| © 2004
BlogGang.com
allrights reserved.
จะรอนิยายรวมเล่มค่ะ ชอบแนวนี้มากมาย