| ต่อ ...........
หลังจากสัมภาษณ์จบแล้ว กองทัพสื่อก็ดักตัวพี่คิ้มเอามาเจาะลึกประเด็นร้อน คงไม่บ่อยนักที่พี่คิ้มจะถูกรุมด้วยนักข่าวขนาดนี้ อาจจะเป็นเพราะเวลาปกติแล้วสื่อมักจะที่ไว้สำหรับข่าวรักๆเลิกๆ คนนู้นไม่ถูกกับคนนี้เสียส่วนใหญ่ แต่ก็ดีแล้วล่ะนานๆ พี่คิ้มจะออกสื่อ มาออกทีก็ดูตื่นเต้นดีนะ ( ฮึ ยังไงหว่า!! ) สักพักทีมงานเนชั่นก็มาดึงตัวพี่คิ้มไปบูธเพื่อไปแจกลายเซ็น
กองทัพแฟนๆของพี่คิ้มก็วิ่งกรูตามตูดไปติดๆ J.Kim Mania ซึ่งตอนนี้มีพี่แก้วมาเพิ่มก็ค่อยๆเดินตาม ทิ้งระยะห่างอยู่พอสมควร กว่าจะไปถึงบูธคนก็ยืนล้อมกรอบพี่คิ้มซะแน่นแล้ว มองดูผู้คนที่ยืนต่อแถวในมือทุกคนถือ อีคิ้ม คนเริงไมค์ เขยิบทีละก้าวเข้าใกล้พี่คิ้ม คาดว่าหลายคนคงเคยเห็นตัวเป็นๆของพี่คิ้มเป็นครั้งแรก หรืออาจจะเคยเห็นมาบ้าง แต่ก็ยังเห็นความตื่นเต้นซ่อนอยู่ในสายตาทุกคนอย่างเห็นได้ชัด
ฮู้ย..พี่คิ้มตัวจริงสวยกว่าในทีวีอีก ไม่เห็นอ้วนเลย เด็กสาววัยรุ่นสะกิดอาแปะแก่ๆที่มาด้วยกัน พร้อมกับบทสนทนา อาแปะเงยหน้าหันไปดูตามหลานสาว แล้วอีเป็งใครว่ะ อาแปะส่งสำเนียงจีนไหหลำ หรือ แต้จิ๋ว อันนี้ไม่แน่ใจ แต่อาแปะคงแก่เกินจะรู้ว่าพี่คิ้มเป็นใครล่ะมั๊ง ถึงได้พูดกับหลานอย่างนั้น คนวัยอย่างอาแปะคงได้แต่ดูหนังจีนชุด แบบ ตำนานรักดอกเหม่ย รึไม่ก็ชอลิ้วเฮียงอยู่บ้านมากกว่า
ชื่ออะไรคะ พี่คิ้มรับหนังสือจากแฟนๆ ถามชื่อทุกครั้งก่อนจะเซ็น เห็นอย่างนี้แล้ว J.Kim Mania ก็ได้แต่ยืนข้างๆบูธ ถ่ายรูปเล่นกับพี่ข้าวตู จนในที่สุดแถวที่เคยยาวก็สั้นลงทุกที พวกเราจึงค่อยๆเดินเข้าไปหาพี่คิ้ม
ยินดีด้วยนะพี่ไก่ ช้างส่งกล่องรองเท้าที่ห่อหุ้มด้วยกระดาษห่อสีสวย คัดเลือกแบบและขนาดโดยพี่แก้ว พร้อมกับที่ปาล์มส่งช่อดอกไม้ตามไป พี่ปาล์ม ดอกไม้ป้ากินได้มั๊ย พี่คิ้มบ่น (อีกแล้ว) แต่พอปาล์มบอกว่าจัดเอง พี่คิ้มถึงกับไม่อยากเชื่อหู ก่อนจะเปลี่ยนท่าทีหันมาอวยฝีมือปาล์มแทน ละสายตาจากพี่คิ้มชั่วขณะก็เห็นหริ่มในชุดนักศึกษาที่พึ่งมาถึง ที่มาช้าก็เนื่องมาจากติดสอบ เอาเป็นว่าตอนนี้ครบองค์พอดิบพอดี
พอคนซาแล้ว พวกเราก็ทยอยส่งหนังสือของแต่ละคนให้พี่คิ้มเซ็น เปิดบริสุทธิ์โดยพี่แก้วคนแรก จากนั้นก็ไล่ต่อๆกันมา จนกระทั่งถึงของปาล์ม พี่คิ้มเงยหน้ามองนิดนึงก่อนจะขอเอากลับไปเซ็นให้ที่บ้าน ซึ่งคาดว่าจะยาวสามหน้ากระดาษ เวลาเหลือไม่มากแล้ว 10 นาทีเห็นจะได้ ซึ่งพี่คิ้มมีงานต่อจึงกลายเป็นนาทีทองของหนอนหนังสือภายในงาน (งานนี้ไม่มีจับแล้วแจก มีแต่จับแล้วเน้น..อุ้ย..)พนักงานของเนชั่นก็ตะโกนโต้ตอบกันเองเพื่อเรียกลูกค้า ใครมาคะใครมา พี่คิ้มๆ
และแล้ว 10 นาทีสุดท้ายก็หมดลงไป พี่คิ้มและทีมงาน ก็ออกจากบูธเดินกลับไปที่รถ ระหว่างทางพี่แก้วเสนอความคิดว่าอยากให้พี่คิ้มลองรองเท้า เพื่อที่จะได้รู้ว่าพอดีมั๊ย ต้องเปลี่ยน Size หรือเปล่า แต่พี่แก้วความกล้ายังไม่มากพอ เลยหน้าซีดหน้าเซียว เรี่ยวแรงหมด ยืนตัวอ่อนปวกเปียกอยู่ตรงนั้น จนช้างกับเก้ต้องล็อคแขนหิ้วปีกพี่แก้ว เดินเข้าไปหาพี่คิ้ม
พี่คิ้มคะ ช่วยลองรองเท้าหน่อยได้มั๊ยคะ เสียงพี่แก้ว กระเซ่า ด้วยความกลัว พี่คิ้มก็เต็มใจจะลองให้ดู แม้จะรีบก็เถอะ พี่คิ้ม หยิบกล่องมากระชาก!! กระดาษห่อออกจัดแจงสวม แต่ดูแล้วขนาดจะคับแคบเกินไป (ลืมไปพี่คิ้มเป็นมนุษย์โบราณ มือใหญ่ เท้าใหญ่) ถามถึง Size รองเท้า พี่คิ้มบอกว่าต้องใหญ่กว่านี้ประมาณเบอร์ครึ่ง (เบอร์ 7.5 ) ก็เลยต้องเป็นพี่แก้วรับอาสาไปเปลี่ยนให้ ก่อนจะนำกลับมาคืนเจ้าของอีกครั้งในงานหน้า
พอลองรองเท้าเสร็จก็ปล่อยตัวพี่คิ้มให้ทีมงานเช่นเดิม แล้วพวกเรากับพี่คิ้มก็แยกกันตรงนั้น จ๊อก..จ๊อก !! เสียงท้องร้องแข่งกับเสียงผู้คน ไปกินข้าวร้านแบล็คแคนยอนกันเถอะ เดินวนไปวนมา เข้านอกออกใน กว่าจะมาถึงร้าน เอาเข้าจริงๆจากจุดที่แยกกับพี่คิ้มเดินลงบันไดมานิดเดียวก็ถึง แต่พี่แก้วพาวนซะได้ เฮ้อ....
งานใหญ่ๆแบบนี้ เป็นการรวบรวมคนรักพี่คิ้มเอาไว้มากครั้งนึง มีทั้งที่รู้จักและไม่รู้จักกัน บ้างก็เดินเข้ามาทัก บ้างก็แยกเขี้ยวกันอยู่ห่างๆ โอกาสแบบนี้คงไม่ได้มีเกิดขึ้นบ่อยๆ สำหรับพวกเรา J.Kim Mania ยินดีที่ได้เจอน้องๆหลายๆคน ขอโทษที่ไม่มีเวลาคุยด้วย บางคนที่เดินเข้ามาทักแล้วพวกพี่ๆทำหน้า งง ๆ ก็อย่าได้แคร์ อาจจะเป็นเพราะเวลาส่วนมากเราสื่อสารกันผ่าน Hi5 / MSN พอมาเจอหน้ากันจริงๆก็เลยจำกันไม่ค่อยได้ แต่เราก็อยู่บ้านหลังเดียวกัน บ้านใหญ่ภายใต้การดูแลของพี่คิ้มพี่สาวใจดี คนที่เรามักมีกำลังใจเสมอเมื่อได้เห็น คนที่เรายิ้มได้เมื่อได้เจอ ยินดีที่ได้รู้จักทุกคน โอกาสหน้าคงได้เจอกันอีก..
สำหรับ อีคิ้ม คนเริงไมค์ ที่ซื้อกลับมา พร้อมลายเซ็นกำกับ ยอมรับอย่างนึงว่าในจำนวนความหนาเกือบ 200 หน้า ทุกตอนมันเป็นเหตุการณ์ที่ผ่านมาแล้ว จะมีสักกี่คนที่กล้าจะออกมายืดอกยอมรับในความผิดพลาดของตัวเอง ผิดพลาดในที่นี้รวมไปถึงการยอมรับว่าตัวเองเป็น เมียน้อย โดยตั้งใจ โหยที่สุดของแจ้อ่ะ เรื่องนี้มันสอนให้รู้ว่า อดีตมันมักทิ้งรอยเปื้อนเล็กๆไว้ให้ปัจจุบัน แน่นอนว่าเราอาจไม่สามารถขจัดรอยเปื้อนให้หมดไป แต่เราทำให้มันจางลงได้ด้วยการทำปัจจุบันให้ดีที่สุด (โหย..คำคม..คิดได้ไงว่ะเนี่ย..)
สุดท้าย สิ่งที่พี่คิ้มขอมา มันดูเหมือนไม่ยากนะ การก้าวผ่านข้ามคำๆเดียวไป แต่ถ้าปล่อยให้ต้องเดาอยู่อย่างนี้ คำๆเดียว คำนั้นก็ดูยากยิ่ง เหนือสิ่งอื่นใด ยังแอบหวังเล็กๆเอาไว้ว่าสักวันพวกเราจะก้าวข้ามผ่านไปให้ได้ โปรดเก็บใจไว้เพื่อรอ...
ป.ล. ช้างน้อย ในฐานนะนักเขียนประจำ Blog นี้ มีความเสียใจอย่างสุดซึ่งสำหรับการเอ่ยถึงหลายท่านที่ไม่ประสงค์จะออกนาม หากการกระทำอันใดที่ช้างทำไป หากวาจาใดได้กล่าวล่วงเกินหลายๆคนทั้งที่รู้และไม่รู้ก็ขออภัยมาในโอกาสนี้ ขออย่าได้ถือโทษโกรธเคืองกันเลย ช้างไร้สติไปหน่อย แต่รักทุกคนที่เอ่ยถึงไม่น้อยนะจ๊ะ...กี๊วววว
ขอบคุณรูปสวย ๆ จากกล้องเจ้าปาล์มและพี่แอนนะคะ
ร้อยเรียงเรื่องราว โดย ช้างน้อย นำเสนอ โดย บูเก้ Apple & Bouquet Productions...
| |