ความเชื่อในการดำเนินชีวิตของคริสเตียน
จะต้องมีความเข้าใจในที่มาของพระคัมภีร์ของพระเจ้า
ว่ามีที่มา และมีความสำคัญอย่างไร
ความเชื่อในพระคัมภีร์นี้ถือเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งที่เราจะเพิกเฉยมิได้
เราผู้เชื่อในพระเจ้า สามารถพูดคุยกับพระเจ้าโดยการอธิษฐาน
แต่พระเจ้าจะตรัสกับเราผ่านทางพระคัมภีร์ชัดเจนที่สุด
ดังนั้นจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องรู้ซึ้งถึงความสำคัญของพระคัมภีร์
(1) พระเจ้าได้ทรงดลใจให้เขียนพระคัมภีร์
พระคัมภีร์ ทุกตอนได้รับการดลใจจากพระเจ้า และ{หรือ ทุกตอนที่ได้รับการดลใจจากพระเจ้า ก็}
เป็นประโยชน์ในการสอนการตักเตือนว่ากล่าวการปรับปรุงแก้ไขคนให้ดี และการอบรมในทางธรรม
2 ทธ. 3:16
(2) พระวิญญาณบริสุทธ์ได้ทรงดลใจ
เพราะว่าคำของผู้เผยพระวจนะนั้น ไม่ได้มาจากความคิดในจิตใจของมนุษย์
แต่มนุษย์ได้กล่าวคำซึ่งมาจากพระเจ้า ตามที่พระวิญญาณบริสุทธิ์ได้ทรงดลใจเขา
2 ปต. 1:21
ดูก่อนพี่น้องทั้งหลายจำเป็นจะต้องสำเร็จตามพระคัมภีร์ ซึ่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ได้ตรัสไว้
โดยโอษฐ์ของกษัตริย์ดาวิด ด้วยเรื่องยูดาส ซึ่งเป็นผู้นำทางคนที่ไปจับพระเยซู
กจ. 1:16
เหตุฉะนั้น ตามที่พระวิญญาณบริสุทธิ์ตรัสว่า วันนี้ถ้าท่านทั้งหลายฟังพระสุรเสียงของพระองค์
ฮบ. 3:7
(3) พระเยซูคริสต์ได้ทรงรับรองโดยอ้างถึง
ฝ่ายพระองค์ตรัสตอบว่า "มีพระคัมภีร์เขียนไว้ว่า "มนุษย์จะบำรุงชีวิตด้วยอาหารสิ่งเดียวหามิได้
แต่บำรุงด้วยพระวจนะทุกคำ ซึ่งออกมาจากพระโอษฐ์ของพระเจ้า
มธ. 4:4
ท่านทั้งหลายอ่านพระคัมภีร์ตอนนี้แล้วมิใช่หรือซึ่งว่า
"ศิลาซึ่งช่างก่อได้ทอดทิ้งเสีย ยังได้เป็นศิลามุมเอกแล้ว
มก. 12:10
พระคัมภีร์กล่าวไว้มิใช่หรือ ว่าพระคริสต์จะมาจากเชื้อพระวงศ์ของดาวิด
และมาจากหมู่บ้านเบธเลเฮมชนบทซึ่งดาวิดเคยอยู่นั้น"
ยน.. 7:42
(4) พระเยซูคริสต์ใช้สั่งสอน
พระองค์จึงทรงอธิบายพระคัมภีร์ที่เล็งถึงพระองค์ทุกข้อ ให้เขาฟังเริ่มต้นตั้งแต่โมเสสและบรรดาผู้เผยพระวจนะ
ลก. 24:27
(5) ถูกเรียกว่า
5.1 พระวจนะ(ของพระเจ้า)
เหตุฉะนั้นจงเลิกความโสมมทั้งหลายแหล่ และการชั่วร้ายอันดกดื่น
และจงน้อมใจรับพระวจนะที่ทรงปลูกฝังไว้แล้วนั้น
ซึ่งสามารถช่วยจิตวิญญาณของท่านทั้งหลายให้รอดได้
ยก. 1:21
ฝ่ายท่านทั้งหลายที่เป็นภรรยาก็เช่นกัน
จงเชื่อฟังสามีของท่านเพื่อว่าแม้สามีบางคนจะไม่เชื่อฟังพระวจนะของพระเจ้า
แต่ความประพฤติของภรรยาก็อาจจะจูงใจเขาได้ โดยไม่ต้องพูดเลยสักคำเดียว
1 ปต. 3:1
5.2 พระวาทะของพระคริสต์
จงให้พระวาทะของพระคริสต์ดำรงอยู่ในตัวท่านอย่างบริบูรณ์
จงสั่งสอนและเตือนสติกันด้วยปัญญาทั้งสิ้น
จงร้องเพลงสดุดีเพลงนมัสการ และเพลงสรรเสริญด้วยใจโมทนาขอบพระคุณพระเจ้า
คส. 3:16
5.3 สัจจวาทะ
โดยทรงตั้งพระทัยแล้ว พระองค์ก็ได้ทรงให้เราทั้งหลายบังเกิดโดยสัจจวาทะ
เพื่อเราทั้งหลายจะได้เป็นอย่างผลแรกแห่งสรรพสิ่งซึ่งพระองค์ทรงสร้าง
ยก. 1:18
5.4 พระคัมภีร์อันศักดิ์สิทธิ์
และตั้งแต่เด็กมาแล้ว ที่ท่านได้รู้พระคัมภีร์อันศักดิ์สิทธิ์
ซึ่งสามารถสอนท่านให้ถึงความรอดได้โดยความเชื่อในพระเยซูคริสต์
2 ทธ. 3:15
คือข่าวประเสริฐที่พระองค์ได้ทรงสัญญาไว้ล่วงหน้า
โดยทางพวกผู้เผยพระวจนะของพระองค์ ในพระคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์
รม. 1:2
5.5 หนังสือแห่งสัจจะ
แต่ข้าพเจ้าจะบอกท่านตามสิ่งซึ่งบันทึกไว้ในหนังสือแห่งสัจจะ
ไม่มีผู้ใดร่วมแรงกับข้าพเจ้าต่อสู้เจ้าเหล่านี้เลย
นอกจากมีคาเอลเจ้าผู้พิทักษ์ของท่าน
ดนล 10:21
5.6 หนังสือพยากรณ์
และถ้าผู้ใดตัดข้อความออกจากหนังสือพยากรณ์นี้
พระเจ้าก็จะทรงเอาส่วนแบ่งของผู้นั้นที่มีอยู่ในต้นไม้แห่งชีวิต
และที่มีอยู่ในวิสุทธนครนั้น ซึ่งบรรยายไว้ในหนังสือเล่มนี้ไปเสีย
วว. 22:19
5.7 หนังสือม้วน
แล้วข้าพระองค์ทูลว่า "ข้าพระองค์มาแล้ว พระเจ้าข้าในหนังสือม้วนก็มีเขียนเรื่องข้าพระองค์
สดด. 40:7
5.8 หนังสือของพระเจ้า
จงเสาะหาและอ่านจากหนังสือของพระเจ้า สัตว์เหล่านี้จะไม่ขาดไปสักอย่างเดียว
ไม่มีตัวใดที่จะไม่มีคู่ เพราะพระ โอษฐ์ของพระเจ้าได้บัญชาไว้แล้ว
และพระวิญญาณของพระองค์ได้รวบรวมไว้
อสย. 34:16
5.9 ธรรมบัญญัติ
และท่านหันหน้าไปทางลานเมืองหน้าประตูน้ำ อ่านตั้งแต่เช้าตรู่จนเที่ยงวัน
ต่อหน้าผู้ชายผู้หญิงกับบรรดาผู้ที่ฟังเข้า ใจได้
และประชาชนก็ตะแคงหูฟังพระธรรม(The Book of Law,The Law)
นหม. 8:3
เพราะว่าคนทั้งหลายซึ่งพึ่งการประพฤติตามธรรมบัญญัติ ก็ถูกแช่งสาป เพราะพระคัมภีร์เขียนไว้ว่า
ทุกคนที่มิได้ประพฤติตามข้อความทุกข้อ ที่เขียนไว้ในหนังสือธรรมบัญญัติ(The Law.)ก็ถูกแช่งสาป
กท. 3:10
5.10 พระธรรมของพระเจ้า
แต่ความปีติยินดีของผู้นั้นอยู่ในพระธรรมของพระเจ้า
เขาภาวนาพระธรรมของพระองค์ทั้งกลางวันและกลางคืน
สดด. 1:2
เพราะว่าเขาทั้งหลายเป็นชนชาติดื้อดึง เป็นลูกขี้ปด เป็นหลานที่ไม่ยอมฟัง พระธรรมของพระเจ้า
อสย. 30:9
5.11 พระแสงของพระวิญญาญ
จงเอาความรอดเป็นหมวกเหล็กป้องกันศีรษะ
และจงถือพระแสงของพระวิญญาณ คือ พระวจนะของพระเจ้า
อฟ. 6:17
5.12 พระดำรัสสัญญาของพระเจ้า(พันธสัญญา)
มีประโยชน์มากในทุกสถาน เป็นต้นว่าพวกยิวได้เป็นผู้รับมอบให้รักษาพระดำรัสสัญญาของพระเจ้า
รม. 3:2
ท่านถือหนังสือพันธสัญญาอ่านให้ประชาชนฟัง
พวกเขากล่าวว่า "สิ่งที่พระเจ้าตรัสไว้นั้น พวกเราจะกระทำตาม และเราจะเชื่อฟัง"
อพย. 24:7
ผู้กล่าวถึงบิดามารดาของเขาว่า "ข้าพเจ้าไม่รู้จักเขาแล้ว" เขาไม่จำพี่น้องของเขา
และไม่รู้จักลูกของตน เพราะว่าเขาปฏิบัติตามพระวจนะของพระองค์ และรักษาพันธสัญญาของพระองค์
ฉธบ. 33:9
มิตรภาพของพระเจ้ามีอยู่แก่คนที่ยำเกรงพระองค์
และพระองค์ทรงแจ้งพันธสัญญาของพระองค์แก่เขาเหล่านั้น
สดด.25:14
แต่พระเจ้าตรัสกับคนอธรรมว่า "เจ้ามีสิทธิ์อะไรที่จะท่องกฎเกณฑ์ของเรา
หรือรับปากตามพันธสัญญาของเรา
สดด.50:16
5.13 พระดำรัสภาษิตของพระเจ้า
ถ้าผู้หนึ่งผู้ใดจะพูด ก็ให้กล่าวเหมือนหนึ่งกล่าวพระภาษิตของพระเจ้า
ถ้าคนใดกระทำบริการ ก็จงให้บริการตามกำลัง
ซึ่งพระเจ้าทรงโปรดประทาน เพื่อว่าพระเจ้าจะทรงได้เกียรติในการทั้งปวง
โดยทางพระเยซูคริสต์ พระสิริและไอศวรรยานุภาพจงมีแด่พระองค์ตลอดไปเป็นนิตย์ อาเมน
1 ปต. 4:11
5.14 ข่าวประเสริฐที่พระองค์ทรงสัญญาไว้
คือข่าวประเสริฐที่พระองค์ได้ทรงสัญญาไว้ล่วงหน้า
โดยทางพวกผู้เผยพระวจนะของพระองค์ ในพระคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์
รม 1:12
5.15 กฎเกณฑ์และกฎหมาย
โมเสสจึงนำพระวจนะของพระเจ้าและกฎหมาย(Ordinance)ทั้งสิ้นมาชี้แจงให้ประชาชนทราบ
ประชาชนทั้งปวงก็ตอบเป็นเสียง เดียวกันว่า "พระวจนะทั้งหมดซึ่งพระเจ้าตรัสไว้นั้น พวกเราจะกระทำตาม"
อพย. 24:3
(5) ดูเถิด ข้าพเจ้าได้สั่งสอนกฎเกณฑ์และกฎหมายแก่ท่าน
ดังที่พระเยโฮวาห์พระเจ้าของข้าพเจ้าได้ทรงบัญชาข้าพเจ้าไว้
เพื่อท่านทั้งหลายจะกระทำตามในแผ่นดินซึ่งท่านทั้งหลายกำลังเข้าไปยึดครองนั้น
(14) ในครั้งนั้นพระเจ้าทรงบัญชาให้ข้าพเจ้าสั่งสอนกฎเกณฑ์และกฎหมายแก่ท่านทั้งหลาย
เพื่อท่านทั้งหลายจะได้ กระทำตามในแผ่นดินซึ่งท่านกำลังจะข้ามไปยึดครองนั้น
ฉธบ. 4:5,14
5.16 คำพยากรณ์
(19) และเรามีคำพยากรณ์ที่แน่นอนยิ่งกว่านั้นอีก จะเป็นการดีถ้าท่านทั้งหลายจะถือตามคำนั้น
เพราะคำนั้นเป็นเสมือนแสงประทีปที่ส่องสว่างในที่มืด
จนกว่าแสงอรุณจะขึ้น และดาวประจำรุ่งจะผุดขึ้นในใจของท่านทั้งหลาย
(20) ท่านทั้งหลายต้องเข้าใจข้อนี้ก่อน
คือผู้หนึ่งผู้ใด จะตีความหมายคำของผู้เผยพระวจนะในพระคัมภีร์เอาเองไม่ได้
(21) เพราะว่าคำของผู้เผยพระวจนะนั้น ไม่ได้มาจากความคิดในจิตใจของมนุษย์
แต่มนุษย์ได้กล่าวคำซึ่งมาจากพระเจ้า ตามที่พระวิญญาณบริสุทธิ์ได้ทรงดลใจเขา
2 ปต. 1:19-21
(6) พระคัมภีร์เป็น
6.1 พยานของพระคริสต์
ท่านทั้งหลายค้นดูในพระคัมภีร์ เพราะท่านคิดว่าในนั้นมีชีวิตนิรันดร์ และพระคัมภีร์นั้นเป็นพยานให้แก่เรา
ยน. 5:39
ผู้เผยพระวจนะทั้งหลายย่อมเป็นพยานถึงพระองค์ว่า ทุกๆคนที่เชื่อถือในพระองค์นั้น
พระเจ้าจะทรงยกความผิดบาปของเขา เพราะพระนามของพระองค์"
กจ 10:43
เพราะท่านโต้แย้งกับพวกยิวอย่างแข็งแรงต่อหน้าคนทั้งปวง
และชี้แจงยกหลักในพระคัมภีร์อ้างให้เห็นว่า พระคริสต์คือพระเยซู
กจ 18:28
เรื่องซึ่งข้าพเจ้ารับไว้นั้น ข้าพเจ้าได้ประกาศแก่ท่านทั้งหลาย
เป็นเรื่องสำคัญที่สุดคือว่าพระคริสต์ได้ทรงวายพระชนม์ เพราะบาปของเราทั้งหลาย
ตามที่เขียนไว้ในพระคัมภีร์
1 คร. 15:3
6.2 คำพยานของพวกผู้รับใช้
(29) แต่อับราฮัมตอบเขาว่า "เขามีโมเสสและพวกผู้เผยพระวจนะนั้นแล้ว ให้เขาฟังคนเหล่านั้นเถิด"
(31) อับราฮัมจึงตอบเขาว่า "ถ้าเขาไม่ฟังโมเสสและพวกผู้เผยพระวจนะ
แม้คนหนึ่งจะเป็นขึ้นมาจากความตาย เขาก็จะยังไม่เชื่อ""
ลก. 26:29,31
6.3 แสงประทีปส่องสว่างในความมืด
เพราะพระบัญญัติเป็นประทีป และคำสอนเป็นสว่างและคำตักเตือนของวินัย เป็นทางแห่งชีวิต
สภษ. 6:23
และเรามีคำพยากรณ์ที่แน่นอนยิ่งกว่านั้นอีก
จะเป็นการดีถ้าท่านทั้งหลายจะถือตามคำนั้น
เพราะคำนั้นเป็นเสมือนแสงประทีปที่ส่องสว่างในที่มืด
จนกว่าแสงอรุณจะขึ้น และดาวประจำรุ่งจะผุดขึ้นในใจของท่านทั้งหลาย
2 ปต. 1:19
6.4 เป็นเครื่องมือสอนให้ถึงความรอดโดยความเชื่อในพระเยซูคริสต์
และตั้งแต่เด็กมาแล้ว ที่ท่านได้รู้พระคัมภีร์อันศักดิ์สิทธิ์
ซึ่งสามารถสอนท่านให้ถึงความรอดได้โดยความเชื่อในพระเยซูคริสต์
2 ทธ. 3:15
6.5 เป็นประโยชน์ในการสอน การปรับปรุงแก้ไขคนให้ดี
(16) พระคัมภีร์ ทุกตอนได้รับการดลใจจากพระเจ้า และ {หรือ ทุกตอนที่ได้รับการดลใจจากพระเจ้า ก็}
เป็นประโยชน์ในการสอนการตักเตือนว่ากล่าวการปรับปรุงแก้ไขคนให้ดี และการอบรมในทางธรรม
(17) เพื่อคนของพระเจ้าจะพรักพร้อมที่จะกระทำการดีทุกอย่าง
2 ทธ. 3:16-17
(7) อธิบายไว้
7.1 บริสุทธิ์
พระดำรัสของพระเจ้า เป็นพระดำรัสที่บริสุทธิ์เป็นเหมือนเงินหลอมให้บริสุทธิ์ในเตาไฟบนแผ่นดินแล้วถึงเจ็ดครั้ง
สดด. 12:6
ข้อบังคับของพระเจ้านั้นถูกต้อง กระทำให้จิตใจเปรมปรีดิ์
พระบัญญัติของพระเจ้านั้นบริสุทธิ์ กระทำให้ดวงตากระจ่างแจ้ง
สดด. 19:8
เพราะพระองค์ทรงระลึกถึงสัญญาบริสุทธิ์ของพระองค์และอับราฮัมผู้รับใช้ของพระองค์
สดด. 105:42
7.2 ความจริง
สาระสำคัญแห่งพระวจนะของพระองค์ คือความจริง
และกฎหมายอันชอบธรรมของพระองค์ทุกข้อดำรงอยู่เป็น นิตย์
สดด. 119:160
สำหรับพระเจ้าพระองค์นี้ พระมรรคาของพระองค์บริบูรณ์
พระสัญญาของพระเจ้า พิสูจน์แล้วเป็นความจริง
พระ องค์ทรงเป็นโล่ของบรรดาผู้ที่ลี้ภัยอยู่ในพระองค์
สดด. 18:30
ความยำเกรงพระเจ้านั้นสะอาดหมดจด ถาวรเป็นนิตย์
กฎหมายของพระเจ้าก็สัตย์จริง และชอบธรรมทั้งสิ้น
สดด. 19:9
ขออย่าทรงนำพระวจนะแห่งความจริงออกไปจากปากข้าพระองค์อย่างสิ้นเชิง
สดด. 119:43
ขอทรงโปรดชำระเขาให้บริสุทธิ์ด้วยความจริง พระวจนะของพระองค์เป็นความจริง
ยน. 17:17
7.3 แน่นอน ไม่เปลี่ยนผัน
กฎหมายของพระเจ้ารอบคอบ และฟื้นฟูจิตวิญญาณ
กฎเกณฑ์ของพระเจ้านั้นแน่นอน กระทำให้คนรู้น้อยมีปัญญา
สดด. 19:7
เราจะไม่ฝ่าฝืนพันธสัญญาของเรา หรือพลิกแพลงถ้อยคำที่ออก
ไปจากริมฝีปากของเรา
สดด. 89:34
บรรดาพระโอวาทของพระองค์แน่นอนทีเดียว
ข้าแต่พระเจ้า ความบริสุทธิ์เหมาะกับพระนิเวศของพระองค์เป็นนิตย์
สดด. 93:05
7.4 น่าปรารถนามากกว่าทองนพคุณ
น่าปรารถนามากกว่าทองคำ ยิ่งกว่าทองนพคุณมากนัก หวานยิ่งกว่าน้ำผึ้ง ที่หยดลงจากรวง
สดด. 19:10
7.5 ไม่ตายและทรงพลานุภาพอยู่เสมอ
ไม่ตายและทรงพลานุภาพอยู่เสมอ
เพราะว่า พระวจนะของพระเจ้านั้นไม่ตายและทรงพลานุภาพอยู่เสมอ
คมยิ่งกว่าดาบสองคมใดๆ
แทงทะลุกระทั่งจิตและวิญญาณ ตลอดข้อกระดูกและไขในกระดูก
และสามารถวินิจฉัยความคิดและความมุ่งหมายในใจด้วย
ฮบ. 4:12
7.6 เขียนไว้เพื่อสั่งสอนเรา
เพราะว่าสิ่งที่เขียนไว้ในสมัยก่อนนั้น ก็เขียนไว้เพื่อสั่งสอนเรา
เพื่อเราจะได้มีความหวังโดยความเพียร และความชูใจด้วยพระคัมภีร์
รม. 15:4
7.7 ให้ชนชาติทั้งปวงเห็นประจักษ์
แต่มาบัดนี้ได้เปิดเผยให้ปรากฏแล้ว
และโดยคัมภีร์ผู้เผยพระวจนะทรงให้ชนชาติทั้งปวงเห็นประจักษ์
ตามซึ่งพระเจ้าผู้ทรงดำรงถาวร ได้ทรงบัญชาไว้เพื่อให้เขาได้เชื่อ
รม. 16:26
7.8 ห้ามเพิ่มเติมหรือตัดอะไรออกไป
ท่านทั้งหลายอย่าเสริมเติมคำที่ข้าพเจ้าได้บัญชาท่านไว้
และอย่าตัดออกเพื่อท่านทั้งหลายจะรักษาพระบัญญัติของพระ เยโฮวาห์พระเจ้าของท่าน
ซึ่งข้าพเจ้าได้บัญชาท่าน
ฉธบ. 4:2
"ทุกสิ่งที่ข้าพเจ้าบัญชาท่านไว้นั้น จงระวังที่จะกระทำตาม
ท่านอย่าเพิ่มอะไรเข้าหรือตัดอะไรออกไป จากที่ ข้าพเจ้าได้บัญชาไว้
ฉธบ. 12:32
และถ้าผู้ใดตัดข้อความออกจากหนังสือพยากรณ์นี้
พระเจ้าก็จะทรงเอาส่วนแบ่งของผู้นั้นที่มีอยู่ในต้นไม้แห่งชีวิต
และที่มีอยู่ในวิสุทธนครนั้น ซึ่งบรรยายไว้ในหนังสือเล่มนี้ไปเสีย
วว. 22:19
7.9 ไม่มีทางไม่สูญเสียข้อความหรือใจความ
เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ตราบใดที่ฟ้าและดินดำรงอยู่
แม้อักษรหนึ่งหรือขีดๆหนึ่งก็จะไม่สูญไปจากธรรมบัญญัติ
จนกว่าสิ่งที่จะต้องเกิด ได้เกิดขึ้นแล้ว
มธ. 5:18
ฟ้าและดินจะล่วงไป แต่ถ้อยคำของเราจะสูญหายไปหามิได้เลย
ลูกา 21:33
แหล่งที่มาข้อมูล : คู่มือหัวข้อพระคริสตธรรมคัมภีร์
(THE NEW TOPICAL TEXTBOOK)