กันยายน 2552

 
 
1
2
3
4
5
6
8
9
10
11
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
 
 
แฟนเก่า ... เค้าอยากได้ตังค์จากกระเป๋าเรา และเราก้อให้เค้าไป แบบไม่น่าเลย..ตรู...
ดูจากกลุ่มกระทู้แล้ว เรื่องนี้อาจไม่เข้าพวกเล็กน้อย เนื่องจากตั้งหัวข้อไว้ว่า หนังที่ต่อยอดความคิด

แต่หนังเรื่องนี้ ไม่ได้ต่อยอดความคิดอะไร

ถ้ามีก้อคงแค่ว่า คิดผิด ที่จ่าย 140 มาดูหนังที่คิดว่า น่าจะดีกว่านี้

กับ 2 คือ โชคดีจัง ที่หลุดพ้นจากแฟนเพลบอยแบบในเรื่องนี้มาได้

เพราะเราเชื่อว่า ทุกข์ที่สุดของผู้หญิงอย่างหนึ่ง คือการตกเป็นผู้ถูกกระทำจากการมีแฟนเป็นบุคคลไร้ความรับผิดชอบ อย่าง "เคน" ตัวละครหลักของเรื่อง

"เคน" ดาราช่ายผู้เป็นที่จับตามองในวงการ ที่มีเรื่องอื้อฉาวเรื่องผู้หญิงเสมอๆ และเป็นดั่งผู้ชายไม้เลื้อย ไม่ต่างจากตัวจริงซักเท่าไหร่

แน่นอนว่าเค้าเป็นเป้าของ ปาปารัชซี่

ในบรรดาผู้หญิงที่เค้าพัวพันด้วยมากมาย ในเรืองเอ่ยถึงตัวละครหลักๆ อยู่ 3 คน

ได้แก่ "มีน" ลูกสาวรัฐมนตรี จอมราวี โรคจิต ที่เล่นโดย ออม นวดี
"โบว์" สาวนักศึกษา ที่ตายซะตั้งแต่ต้นเรื่อง ที่เล่นโดย โบวี่
"พลอย" ที่เล่นโดย กิ๊บซี่ ที่มีฉากวิ่งไปมาตามชายหาด ด้วยบิกินี่ชิ้นเล็ก เป็นภาพติดตา ... ฮ่า...

ดูเหมือน ตัวจริง ของพี่เคนในเรื่องที่แสดงออกชัดเจนคือ น้องกิ๊บซี่ นุ่งน้อยห่มน้อย

ดูจากเทรลเลอร์ ก้อพอเดาได้ว่า พี่เคน ถูกตามป่วน ผสมหลอนจาก แฟนเก่า ที่ไม่รู้ว่าเป็นคนไหน

หนังเสนอแง่มุมของผู้ชายเจ้าชู้ได้สมจริง ในแง่ที่ไม่เกินความเป็นจริง และตีแผ่ถึงลักษณะเบื้องลึกของชายเจ้าชู้ได้ดี ในมุมที่ความเจ้าชู้มาจากความไม่หนักแน่น คิดถึงแต่ตนเอง และเอาความสุขของตัวเองเป็นที่ตั้งโดยไม่นึกถึงผลที่ตามมา

คำพุดสัญญิง สัญญา จากผู้ชายพวกนี้ จึงเป็นคำพุดพล่อยๆ ที่ไม่ใช่คำโกหก หากเป็นคำที่ไม่ได้ผ่านการกลั่นกรอง และ ตรึกตรอง

ที่สำคัญ การจะเปลี่ยนผู้ชายประเภทนี้ให้เป็นคนรักเดียวใจเดียว เป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้

ไม่ว่าคุณจะเป็น สาวสวย เซ็กซี่ ไฮโซ หรือ มีดีกรีขน่าดไหน คุณก้อเป็นได้แค่ผู้หญิงที่ผ่านมา และ ผ่านไป สำหรับผู้ชายเหล่านี้

เพราะไม่ว่าคุณจะตายแบบน่าเวทนา ซาดิสม์ยังไง ก้อไม่ทำให้เค้า"หยุด" ความรักไว้ที่คุณ

ซึงเป็นการเฉลยไว้ตอนท้ายแล้ว ไว้ใครจะตายเพราะ"ผม" พ้มมม..ก้อไม่หยุด ยังจะรักไปเรื่อยๆ

ซึ่งผีตัวนี้ ดูเหมือนจะละ เลิก อาฆาตไปแล้ว หลังจากที่ใจอ่อนไว้ชีวิต หลังจากได้ยินคำ "ผมขอโทษ" และน้ำตาลูกผู้ชาย ไม่ต่างจากผู้หญิงทั่วๆไปที่ยอมให้กับมุขนี้มานักต่อนัก

แต่บังเอิญว่าผีตัวนี้มี "บริการหลังการขาย"

มีการติดตามผลอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเมื่อพิสูจน์แล้ว ว่าชายไม้เลื้อย ก้อจะเลื้อยต่อไป สุดท้ายจึง "ปล่อยไว้ไม่ได้"

หนังทำได้ดีในการทำให้ตกใจ และลุ้นได้ตลอดเวลาว่าผีจะออกมาตอนไหน

แต่ดุเหมือนหนังผึที่ออกมาเกลื่อนกลาดประเทศไทย สุดท้ายก้อยังขาด "ชั้นเชิง" ในการเล่นกับคนดู ซะเป็นส่วนใหญ่

สุดท้าย ก้อทำได้แค่ "BOO!!" แล้วก้อหายไป พร้อมกับเลือดสาดกระจาด จากการฆ่าไม่เลือก

ซึ่งส่วนใหญ่ก้อไม่เน้นโชว์ฉากฆ่าให้เห็นจะๆ ซึ่งก้อไม่สนับสนุนให้โชว์ความรุนแรงกันมากมาย ไปๆมาๆ ก้อเลยตัดมาอีกที ก้อเป็นการเอาถังสาดเลือดลอดผ่านประตูมา และ การนอนคว่ำบิดแบบตกเตียง พร้อมเอ็พเฟ็กเลือดเล็กน้อยให้รู้ว่าชั้นตกตึกลงมานะตัวเอง

ทำไม้..ทำไม การหาหนังผีที่หลอนได้ แบบไม่ต้องเลือดสาดนี่ มันช่างหายากจิงๆ

สุดท้ายเมืองไทย ประเทศแห่งอุตสาหกรรมหนังผี ที่มีออกมาเกลื่อนกลาดทุก season ก้อเลยมีแค่หนังผีคลาสสิคอยู่ไม่กี่เรื่อง

ก้อเข้าใจนะ ว่าต้องทำหนังผี เพราะเด๋วมันไม่ทำเงิน

แต่สุดท้าย ก้อทำให้เสียดายเงินจนได้ พับผ่า..

อ่านะ ไม่เป็นไร คิดซะว่า เราไปดูสนองความสะใจตัวเองละกัน จะได้เอาไปจินตนาการถึงบรรดาผู้ชายในอดีต (หรือไม่อดีต) ของเรา ที่ทำเจ้าชู้ดีนัก ต้องโดนแบบนี้ซะบ้าง

เผื่อจะได้ลดความอาฆาตในชีวิตจริง และจะได้ไม่ต้องทำ"บาป" แบบไม่ตั้งใจ

โอ๋ๆ อโหสิกรรมนะตัวเอง ก้อเค้าไม่ได้ตั้งใจ พ้มขอโต้ดดดด... (พร้อมกับแอบเอาวาเป็กซ์ป้ายตา ตามเคยย!!)




Create Date : 07 กันยายน 2552
Last Update : 7 กันยายน 2552 14:14:24 น.
Counter : 643 Pageviews.

5 comments
  
-ขอบคุณค่ะ ที่มาเล่าให้ฟัง เพราะไม่ล้าเข้าไปดูเลยอ่ะ ไม่ว่าผีหลอกจริงผีหลอกฮ่วย คือกลัวหมดอ่ะ กล้วติดตาแล้วเดี๋ยวไม่กล้าส่องกระจกดูตัวเอง...เอ่ม พูดจริงนะ
โดย: anchesa วันที่: 7 กันยายน 2552 เวลา:15:19:23 น.
  
ขอบคุณที่เล่าให้ฟังค่ะ ...กลัวไม่กล้าไปดู แต่ก็อยากดู รู้เรื่องแล้ว ก็...ซาบายใจ ไม่ไปดู อิๆๆๆๆ
โดย: auau_pi วันที่: 7 กันยายน 2552 เวลา:15:24:20 น.
  
อยากดูเรื่องนี้ค่ะ แต่อ่านแล้ว ไม่ต้องไปก้อด้าย แหะๆ

ขอบคุณนะค่า
โดย: kook_happy วันที่: 7 กันยายน 2552 เวลา:17:14:36 น.
  
ต้องขอโทษทีมผู้สร้างหนังเรื่องนี้ที่ทำให้รายได้หดลงด้วยนะจ๊ะ ไม่ได้ตั้งจายยยย อิอิ...
โดย: ผู้เขียน (COS Stylist ) วันที่: 7 กันยายน 2552 เวลา:17:54:25 น.
  
จับผิดอะไรกันนักกันหนาน๊อ
โดย: เมย์ IP: 118.172.135.185 วันที่: 7 กันยายน 2552 เวลา:23:29:20 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

COS Stylist
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]



การไตร่ตรองและคิด วิเคราะห์ เป็นหนทางสู่การพัฒนาสมอง การพัฒนาตนเอง และพัฒนาสังคม

คนเรามักสนใจแต่การปรุงแต่งรูปลักษณ์ภายนอก บุคคลิกภาพ พื้นฐานทางสังคม และความสุขส่วนตัว หากมีซักกี่คนที่มุ่งเน้นการพัฒนา "ใจ"

บล็อคนี้ เขียนจากคนธรรมดา ที่ไม่มีอะไรโดดเด่น หากแต่ชอบคิด ชอบเขียน และ อยากพัฒนา"ใจ"ของตนเอง ให้พบกับความสุขที่ยั่งยืน ที่ไม่มีวัตถุเป็นตัวกำหนด พร้อมทั้งยังอยากให้เพื่อนๆร่วมโลกได้ประโยชน์จากประสพการณ์และเรื่องเล่าต่างๆ ให้เป็นสาระแก่การดำเนินชีวิต และได้ข้อคิดแล้วต่อจะไปปรับใช้ในชีวิตของแต่ละคน

ทั้งนี้ ผู้เขียนขอไม่ประสงค์ออกนามของทั้งตนเอง และผู้ใดก้อตามที่ได้กล่าวอ้างถึง ไม่ให้พาดพิงต่อสิทธิส่วนบุคคลของทั้งตนเองและผู้อื่น

ทั้งนี้ข้อคิด และ เรื่องราวต่างๆนานาๆ ผู้เขียนไม่อาจรับรองได้ว่าเป็นวิธีคิด การกระทำ หรือทางเลือกที่ดีที่สุด สิ่งที่นำเสนอ เพียงแต่เป็นมุมมองของแต่ละบุคคล และขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของผู้อ่านเป็นหลัก

ทั้งนี้ อยากให้เพื่อนๆเพียงแค่ได้นำสิ่งที่เขียนไปคิดพิเคราะห์ คนเขียนก็ปลื้มใจมากมายแล้ว

ทั้งนี้ในฐานะชาวพุทธ ขอยกคำสอนของพระพุทธเจ้าผู้ปราดเปรื่องให้ข้อเตือนใจก่อนจะรับฟังเรื่องใดๆดังนี้

กาลามสูตร แปลว่า พระสูตรที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงแก่ชาวกาลามะ หมู่บ้านเกสปุตติยนิคม แคว้นโกศล (เรียกว่า เกสปุตสูตร ก็มี[1]) กาลามสูตรเป็นหลักแห่งความเชื่อที่พระพุทธองค์ทรงวางไว้ให้แก่พุทธศาสนิกชน ไม่ให้เชื่อสิ่งใด ๆ อย่างงมงายโดยไม่ใช้ปัญญาพิจารณาให้เห็นจริงถึงคุณโทษหรือดีไม่ดีก่อนเชื่อ มีอยู่ 10 ประการคือ

อย่าเพิ่งเชื่อตามที่ฟังๆ กันมา
อย่าเพิ่งเชื่อตามที่ทำต่อๆ กันมา
อย่าเพิ่งเชื่อตามคำเล่าลือ
อย่าเพิ่งเชื่อโดยอ้างตำรา
อย่าเพิ่งเชื่อโดยนึกเดา
อย่าเพิ่งเชื่อโดยคาดคะเนเอา
อย่าเพิ่งเชื่อโดยนึกคิดตามแนวเหตุผล
อย่าเพิ่งเชื่อเพราะถูกกับทฤษฎีของตน
อย่าเพิ่งเชื่อเพราะมีรูปลักษณ์ที่ควรเชื่อได้
อย่าเพิ่งเชื่อเพราะผู้พูดเป็นครูบาอาจารย์ของตน
เมื่อใด ท่านทั้งหลายพึงรู้ด้วยตนเองว่า ธรรมเหล่านี้เป็นกุศล
ธรรมเหล่านี้ไม่มีโทษ ธรรมเหล่านี้ท่านผู้รู้สรรเสริญ
ธรรมเหล่านี้ใครสมาทานให้บริบูรณ์แล้ว เป็นไปเพื่อประโยชน์เกื้อกูล เพื่อความสุข
เมื่อนั้น ท่านทั้งหลายควรเข้าถึงธรรมเหล่านั้นอยู่
ปัจจุบันแนวคิดและหลักสูตรที่สอนให้คนมีเหตุผลไม่หลงเชื่องมงาย ในทำนองเดียวกับคำสอนของพระพุทธองค์เมื่อ 2500 ปีก่อนได้รับการบรรจุเป็นวิชาบังคับว่าด้วยการสร้างทักษะการคิดหรือที่เรียกว่า "การคิดเชิงวิจารณ์" (Critical thinking) ไว้ในกระบวนการเรียนรู้ในมหาวิทยาลัยของประเทศพัฒนาแล้ว

ที่มา: http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%AA%E0%B8%B9%E0%B8%95%E0%B8%A3

New Comments
MY VIP Friend