เมษายน 2553

 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
 
 
หวานครั้งแรก แปลกๆดี
เป็นครั้งแรก ที่ชั้นเริ่มเล่าเรื่องคนเก่าให้พี่หลัวฟัง

ไม่ได้อยากเป็นางเอกน้ำเน่า ขอความเห็นใจ ว่าชั้นนะ เป็นผู้หญิงอกหัก

เพราะไม่ชอบคำนี้เลย ให้ตายเหอะ

คำว่า "อกหัก" ฟังทีไร นึกถึงคนที่ไม่สมหวังในรัก ประเภท รักเค้าแต่เค้าไม่รักตอบ

แต่นี้ ชีวิตนี้ไม่เคยเริ่มชอบใครก่อน มีแต่คนเข้าหา (ไม่ได้โม้นะ อิอิ) กับ รอให้คนอื่นเข้าหา แบบว่าเรื่องความรัก อิชั้นไม่มีทางลงทุนก่อนเด็ดขาด เสียฟอร์ม

เลยเหมาเอาเองว่า ชั้นไม่ได้อกหัก แค่เลือกเดินออกจากของปฏิกูลเน่าเสีย ที่ไม่เป็นมงคลกับชีวิต

เนื้อร้าย ยังต้องตัดทิ้ง แล้วผู้ชายเลวๆ จะเก็บไว้ทำไม!!

เมื่อเดินจากมา เลือกเดินทางใหม่ คนที่จะเข้ามาร่วมเดินกับเรา ย่อมมีสิทธิ์รับรู้ตัวตนของเรา

และหากนั่น จะรวมถึงอดีตด้วย

บอกแล้ว ว่าเป็นคนที่มีบุคลิก เปรี้ยว XXXXราด (ตามที่มีคนเคยอ้างถึง) หน้าตาแบบนี้ ถ้าบอกว่าโสด คงไม่มีใครเชื่อ อาจคิดว่าแฟนไม่มีื แต่กิ๊กทั่วไทย

ว่าไปนั่น

รู้แหละ พี่หลิว ก้อคงคิด เหมือนกัน ว่าทำไมโสด แต่อุบไว้

ประมาณอยากรู้แต่ไม่อยากถาม

อิชั้นเอง ก้อแอบยัง question เฮียแกเลย ว่าทำไมถึงโสด

แต่อันนี้ เป็นไปตามประสาคนสอดรู้ัน่ะ อิอิ

เมื่อคุณ "สารเลว" กระหน่ำโทรมา sms มาขนาดนั้น ถึงเราจะไม่รับ เฮียแกจะทำหน้าเฉย แบบไม่รู้เรื่อง เนียนขนาดไหน แต่ก้อรับรู้ได้จา่กเซ้นส์ว่า แกคงอยากรู้เต็มแก่

หน้าเป็นเครื่องหมายคำถามขนาดนี้ ก้อจัดให้....

บังเอิญ หนังดันรอบดึำกไปหน่อย เลยเหลือเวลาเยอะ

วันนี้ เป็นได้รับรู้ว่า อาเฮียแกมีอดีตอันเลวร้ายกับแฟนเก่าสารพัด

ฟังดูเป็นผู้ชายน่าสงสารเป็นที่ซู้ด แต่ว่าของงี้ต้องฟังหูไว้หู

รู้จักกันแรกๆ ก้อเล่นมุขน่าสงสารยังงี้หมดแหละ

เป็นผู้หญิงระวังไว้นะ มุขจีบหญิงแบบชายอกหัก เอาดีเข้าตัวเอาชั่วเข้าคนอื่นเนี่ย เจอมาเยอะละ สุดท้าย ความจริงอาจเป็นคนละเรื่องเลย

แม้แต่ตัวเราเองยังทำตัวน่าสงสารเลยนิ ฮ่าๆๆๆๆ

ว่าแล้วเลยเล่าเรื่องหญิงสาวที่โดนแฟนเ่ก่าเจ้าคิดเจ้าแค้นรังควาญ น่าสงสารซะไม่มีอ่ะ

แล้วเราก้อดูหนังตลกด้วยความรู้สึกแปลกๆ กันทั้งเรื่อง



Create Date : 09 เมษายน 2553
Last Update : 8 พฤษภาคม 2554 21:18:31 น.
Counter : 1264 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

COS Stylist
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]



การไตร่ตรองและคิด วิเคราะห์ เป็นหนทางสู่การพัฒนาสมอง การพัฒนาตนเอง และพัฒนาสังคม

คนเรามักสนใจแต่การปรุงแต่งรูปลักษณ์ภายนอก บุคคลิกภาพ พื้นฐานทางสังคม และความสุขส่วนตัว หากมีซักกี่คนที่มุ่งเน้นการพัฒนา "ใจ"

บล็อคนี้ เขียนจากคนธรรมดา ที่ไม่มีอะไรโดดเด่น หากแต่ชอบคิด ชอบเขียน และ อยากพัฒนา"ใจ"ของตนเอง ให้พบกับความสุขที่ยั่งยืน ที่ไม่มีวัตถุเป็นตัวกำหนด พร้อมทั้งยังอยากให้เพื่อนๆร่วมโลกได้ประโยชน์จากประสพการณ์และเรื่องเล่าต่างๆ ให้เป็นสาระแก่การดำเนินชีวิต และได้ข้อคิดแล้วต่อจะไปปรับใช้ในชีวิตของแต่ละคน

ทั้งนี้ ผู้เขียนขอไม่ประสงค์ออกนามของทั้งตนเอง และผู้ใดก้อตามที่ได้กล่าวอ้างถึง ไม่ให้พาดพิงต่อสิทธิส่วนบุคคลของทั้งตนเองและผู้อื่น

ทั้งนี้ข้อคิด และ เรื่องราวต่างๆนานาๆ ผู้เขียนไม่อาจรับรองได้ว่าเป็นวิธีคิด การกระทำ หรือทางเลือกที่ดีที่สุด สิ่งที่นำเสนอ เพียงแต่เป็นมุมมองของแต่ละบุคคล และขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของผู้อ่านเป็นหลัก

ทั้งนี้ อยากให้เพื่อนๆเพียงแค่ได้นำสิ่งที่เขียนไปคิดพิเคราะห์ คนเขียนก็ปลื้มใจมากมายแล้ว

ทั้งนี้ในฐานะชาวพุทธ ขอยกคำสอนของพระพุทธเจ้าผู้ปราดเปรื่องให้ข้อเตือนใจก่อนจะรับฟังเรื่องใดๆดังนี้

กาลามสูตร แปลว่า พระสูตรที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงแก่ชาวกาลามะ หมู่บ้านเกสปุตติยนิคม แคว้นโกศล (เรียกว่า เกสปุตสูตร ก็มี[1]) กาลามสูตรเป็นหลักแห่งความเชื่อที่พระพุทธองค์ทรงวางไว้ให้แก่พุทธศาสนิกชน ไม่ให้เชื่อสิ่งใด ๆ อย่างงมงายโดยไม่ใช้ปัญญาพิจารณาให้เห็นจริงถึงคุณโทษหรือดีไม่ดีก่อนเชื่อ มีอยู่ 10 ประการคือ

อย่าเพิ่งเชื่อตามที่ฟังๆ กันมา
อย่าเพิ่งเชื่อตามที่ทำต่อๆ กันมา
อย่าเพิ่งเชื่อตามคำเล่าลือ
อย่าเพิ่งเชื่อโดยอ้างตำรา
อย่าเพิ่งเชื่อโดยนึกเดา
อย่าเพิ่งเชื่อโดยคาดคะเนเอา
อย่าเพิ่งเชื่อโดยนึกคิดตามแนวเหตุผล
อย่าเพิ่งเชื่อเพราะถูกกับทฤษฎีของตน
อย่าเพิ่งเชื่อเพราะมีรูปลักษณ์ที่ควรเชื่อได้
อย่าเพิ่งเชื่อเพราะผู้พูดเป็นครูบาอาจารย์ของตน
เมื่อใด ท่านทั้งหลายพึงรู้ด้วยตนเองว่า ธรรมเหล่านี้เป็นกุศล
ธรรมเหล่านี้ไม่มีโทษ ธรรมเหล่านี้ท่านผู้รู้สรรเสริญ
ธรรมเหล่านี้ใครสมาทานให้บริบูรณ์แล้ว เป็นไปเพื่อประโยชน์เกื้อกูล เพื่อความสุข
เมื่อนั้น ท่านทั้งหลายควรเข้าถึงธรรมเหล่านั้นอยู่
ปัจจุบันแนวคิดและหลักสูตรที่สอนให้คนมีเหตุผลไม่หลงเชื่องมงาย ในทำนองเดียวกับคำสอนของพระพุทธองค์เมื่อ 2500 ปีก่อนได้รับการบรรจุเป็นวิชาบังคับว่าด้วยการสร้างทักษะการคิดหรือที่เรียกว่า "การคิดเชิงวิจารณ์" (Critical thinking) ไว้ในกระบวนการเรียนรู้ในมหาวิทยาลัยของประเทศพัฒนาแล้ว

ที่มา: http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%AA%E0%B8%B9%E0%B8%95%E0%B8%A3

New Comments
MY VIP Friend