Group Blog
 
 
ธันวาคม 2554
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
31 ธันวาคม 2554
 
All Blogs
 
พรรักจากพระจันทร์ ๑





บทที่ ๑



ความรัก...ชื่อนั้น...ก็แค่บังเอิญพอดี



“จะออกไปไหน?” คุณจอมขวัญถาม เมื่อเปิดประตูเข้ามาเห็นลูกสาว กำลังเอียงซ้ายเอียงขวาอยู่ที่หน้ากระจก สายตานั้นออกจะขุ่นเล็กน้อย เมื่อเห็นว่าชุดที่ลูกสาวใส่นั้นค่อนข้างจะโป๊ไปสักนิด แม้จะรู้ดีว่ามันก็เป็นชุดสายเดี่ยวธรรมดานั่นแหละ

“จันทร์ จะออกไปกินข้าวกับเพื่อนๆ บอกแม่ไว้ตั้งแต่เมื่อวานไงคะ” แปรจันทร์ตอบ ก็หยิบเอาสร้อยลูกปัดหลากสีเป็นพวงยาวขึ้นมาสวม

“อย่าอยู่ดึกนะ เพราะพรุ่งนี้จะต้องไปเป็นเพื่อนแม่ ไปงานเลี้ยงพระที่บ้านพิมพ์วลีแต่เช้า”

“จันทร์ไม่ลืมหรอกค่ะ แม่ไม่ต้องห่วง อยู่ไม่ดึกหรอกค่ะ”

“ให้ไม่เกินห้าทุ่ม” คุณจอมขวัญเสียงแข็ง

“แม่” แปรจันทร์เรียกแล้วก็หันไปมอง หัวเราะออกมา จะมีก็แต่อารมณ์ขันเท่านั้นแหละ ที่เธอจะรับมือกับความเข้มงวดของแม่ได้

“นี่จะสองทุ่มแล้ว กว่าจันทร์จะไปถึงก็สามสี่ทุ่ม ยังไม่ได้ดื่มสักแก้ว ก็หมดเคอร์ฟิวแม่แล้วนะ”

“คืนนี้งดดื่ม งดไปฟังเพลง แม่จะไม่ห้ามจันทร์นะ ถ้าเราจะไม่มีธุระที่จะต้องทำ”

“แม่ค่ะ เลี้ยงพระเพล เราออกจากบ้านสักสิบโมงเช้ายังได้เลย”

“แต่แม่ต้องการไปถึงที่นั่นก่อนแปดโมงเช้า”

“งั้นก็ได้ค่ะ” แปรจันทร์ รับคำส่งๆ ก่อนจะคว้ากระเป๋าตรงเข้าไปกอดมารดา พูดประจบว่า

“แม่ไม่ต้องห่วง จันทร์พาคุณแม่ไปทันแน่ นอนให้หลับนะคะ ไม่ต้องรอจันทร์”

แล้วแปรจันทร์ ก็เดินตัวปลิวออกมาจากห้อง ใบหน้าที่ยิ้มละไมของเธอคลายลงเมื่อเดินลงบันได พอมาถึงชั้นล่างก็อดไม่ได้ที่จะชำเลืองไปทางห้องทำงานของพ่อ ซึ่งมีแสงไฟลอดออกมา

ไม่แน่ เธอกลับมาท่านก็อาจจะไม่ยังไม่นอนเสียด้วยซ้ำ แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่า ท่านอยู่รอเธอหรอก แต่เพราะทำงานอยู่ที่นั่นต่างหาก มันก็เป็นภาพที่เธอเห็นมาประจำนั่นแหละ

แปรจันทร์ เปิดประตูออกมาเดินไปที่รถซึ่งเธอเพิ่งจะได้รับเป็นของขวัญวันเกิดเมื่อต้นปีนี้เอง พ่อเป็นคนซื้อให้ แม้ว่าท่านจะไม่ค่อยเล่นหัวสนิทสนมกับลูกสาวอย่างเธอนัก แต่เธอก็รู้ดีว่าท่านรู้ทุกเรื่องของเธอ ซึ่งก็เป็นเพราะแม่เป็นคนรายงานอยู่เสมอ แต่นั่นก็ต้องเป็นตอนที่พ่อออกจากถ้ำทำงานของตัวเอง เธอไม่คิดมากในเรื่องนี้ เพราะชินเสียแล้ว

ฝนตกลงมาปรอยๆ เมื่อแปรจันทร์ ขับไปได้ถึงครึ่งทาง หญิงสาวมองนาฬิกา จะสองทุ่มครึ่งแล้ว ก็ไม่รู้ว่าเพื่อนๆ จะยังคงรอหรือเปล่า วันนี้เป็นวันเลี้ยงรุ่นเพื่อนๆ ที่เรียนเตรียมอุดมด้วยกัน บางคนก็ยังเรียนที่มหาวิทยาลัยเดียวกัน แต่บางคนก็แยกออกไปที่อื่นๆ เธอไม่ค่อยจะรู้ความเป็นไปของเพื่อนคนอื่นๆ นักหรอก นอกจากจะสนิทๆ กันอยู่สามสี่คน แต่ในสามสี่คนนี่แหละ ก็ราวกับเป็นนักข่าวประจำกลุ่ม เป็นเน็ตเวิร์กของเพื่อนๆ ที่ทำให้เธอรู้ความคืบหน้าของเพื่อนๆ หากเธออยากจะถามถึง แต่เธอก็ไม่ได้สุงสิงกับใครนักหรอก ยิ่งตอนนี้ด้วยแล้ว เธอมีสิ่งที่ท้าทายตัวเอง ด้วยการเขียนนวนิยายในแนวรัก ที่เธออยากจะทำออกมาให้ดียิ่งกว่าเล่มแรก

แม่คงไม่รู้หรอกว่า ที่เธอไม่ค่อยจะต่อต้านเรื่องที่ท่าน คิดจะจับคู่เธอให้กับหลานของเพื่อนท่าน คือ ป้าพิมพ์วลี ที่เธอต้องไปงานเลี้ยงพระที่บ้านท่านพรุ่งนี้นั้น เหตุผลหนึ่งก็คือ ป้าพิมพ์วลี เป็นคนที่ดูดวงเก่งมาก มีชื่อเสียงในด้านนี้แบบปากต่อปาก ส่วนตัวเธอตอนนี้ กำลังจะเขียนนวนิยายเกี่ยวกับตัวละครที่มีความพิเศษในด้านนี้เหมือนกัน ถ้าอย่างไรก็จะได้ถามท่าน ส่วนหลานชายท่านนั้น นัยว่าจบถึงดอกเตอร์ เธอคิดว่าก็น่าจะคุยกันได้ง่ายๆ หากว่า ต่างคนต่างจะไม่สนใจกัน เพราะถึงที่สุดแล้ว ในเรื่องนี้เธอก็เชื่อว่า เธอไม่มีวันที่จะยอมแน่ เธอต้องการแต่งงานด้วยความรัก อยากมีคนที่เธอรักได้...ใช่เธอหมายถึง คนที่เธอสามารถจะรักได้ เหมือนอย่าง...วนัสสาหรือพี่ป่า ซึ่งแต่งงานกันไปไม่นาน บรรยากาศของบ้านปางสน บึงสน ทำเอาเธออดจะอิจฉาพี่สาวต่างมารดาไม่ได้ และยิ่งเห็นท่าทีความรักของพี่เขยและพี่สาวที่แสดงต่อกันแล้ว มันทำให้เธอคิดว่า คนคู่นี้เกิดมาเพื่อกันและกัน ประมาณคู่แท้ก็ได้ เธออยากได้คนที่เป็นคู่กันอย่างนั้น

รถติดไฟแดง แปรจันทร์ถอนหายใจ เมื่อแหงนหน้าไปมองบนฟ้า ไม่มีดวงจันทร์อย่างที่เธอเคยขอพรเล่นๆ ในวันนั้น เพราะฝนกำลังตกไม่หนักมาก แต่ก็พาลทำให้เซ็งเอาเหมือนกัน เมื่อไฟเขียวแล้ว รถคันหน้าก็ยังไม่เคลื่อนตัวออก เธอเผลอบีบแตรลั่นเพราะความรีบ แต่หลังจากรออยู่ชั่วครู่ เธอก็ต้องเบี่ยงรถออก เพราะคิดว่ารถคันหน้าคงจะเสีย แปรจันทร์อดไม่ได้ที่จะชำเลืองไปมอง เมื่อรถผ่าน คนขับเป็นผู้ชาย ก็คงช่วยเหลือตัวเองได้อยู่ มันน่าเห็นใจอยู่หรอก หากรถต้องมาเสียเอาตอนทั้งฝนตกรถติดอย่างนี้

ผ่านไปประมาณสิบห้านาที แปรจันทร์ก็ยิ้มออกเมื่อเห็นป้ายร้านอาหารที่นัดเอาไว้ โชคดีที่เธอได้ออกจากการผจญภัยบนถนนเสียที หญิงสาวจะเลี้ยวเข้าไป เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เธอชะลอรถใช้มือข้างหนึ่งไปหยิบกระเป๋า ถ้าไม่เพื่อนโทรตาม แม่ก็โทรถามนั่นแหละ เธอคิด แล้วก็ต้องรีบเบรกจนตัวโกร่ง เมื่อรถที่วิ่งตามหลังมาเลี้ยวปราด ตัดหน้าเข้าไปก่อนเธอเม้มปากเล็กน้อย ก่อนจะเลี้ยวตามเข้าไป

จะรีบไปไหน ถ้าคิดจะแย่งที่จอดก็มีถมไป เธอนึกบ่นในใจ แต่จะเพราะบังเอิญหรือไง ไม่ทราบได้ ที่จอดรถว่างอยู่ใกล้กัน แปรจันทร์เลยขับรถไปที่จอด แล้วความบังเอิญก็เกิดขึ้นอีกเมื่อรถของเธอตกไปในหลุมตื่นๆ แต่มีน้ำท่วมขัง ประจวบเหมาะกับที่ร่างของคนที่เข้ามาจอดก่อนปิดประตูรถหันมาพอดี

แปรจันทร์ร้องอุ๊บแทน เพราะเขาเจอเข้าเต็มๆ แต่เธอก็ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ เมื่อลงจากรถก็ยังทำหน้าเฉย ก้าวเดินฉับๆ ไปอย่างรีบร้อน แต่แล้วเหมือนฟ้าแกล้ง เมื่อรองเท้าพลิกจะลื่นถลาล้ม แล้วก็มีมือหนึ่งมาช่วยยึดเอาไว้ แปรจันทร์ตั้งตัวได้ก็ยิ้มหวาน

“ขอบ...”

คำว่า คุณ ยังไม่ออกจากปาก เสียงเย็นๆ ก็ดังสวนขึ้นว่า

“มันน่าจะปล่อยให้ล้มเสียมากกว่า”

แล้วเขาก็เดินผ่านไปก่อน ทำเอาแปรจันทร์ต้องมองอ้าปากค้างมองพูดไม่ออก แต่แล้วเธอก็ยักไหล่ มันก็อาจจะเป็นอย่างทีเขาพูดก็ได้ เพราะในเมื่อเธอจอดรถทำให้น้ำกระเซ็นถูกเขาอยู่หยกๆ

แปรจันทร์เดินเข้าไปในร้าน แล้วคิดว่าจะต้องหาห้องน้ำเพื่อล้างเท้าเสียก่อน จึงโทรเข้าไปบอกเพื่อนว่า มาถึงแล้ว สวนอาหารที่เป็นเรือนไทยแห่งนี้ เธอเคยมาบ่อยแล้ว จึงรู้ที่ทางดี แต่ระหว่างทางที่เธอเดินไปห้องน้ำ แม้จะได้ยินเสียงฝีเท้าเดินตามหลังมา แต่เธอก็ไม่สนใจ เพราะมุ่งที่จะไปล้างเท้าตัวเอง โชคดีที่ห้องน้ำไม่มีคน เธอจึงยกเท้าในท่าทางหวาดเสียวว่าจะโป๊ เพื่อเช็ดเท้าตัวเองได้สบาย แปรจันทร์ใช้เวลาตกแต่งใบหน้าอีกเล็กน้อย ก่อนจะก้าวฉับๆ ออกจากห้องน้ำ ตอนนี้ได้เวลาสนุกกับเพื่อนๆ แล้ว


เวทิศ ออกจากห้องน้ำมองตามร่างที่เดินนำอยู่ข้างหน้า เขาจำเธอได้แน่ล่ะ มันก็ตั้งแต่จำรถที่บีบแตรลั่นตอนติดไฟแดงโน่นแล้ว มันก็บังเอิญเสียจริงที่รถของเขาเกิดสตาร์ทไม่ติด ต้องลองอยู่ตั้งสองสามครั้ง แต่เจ้าหล่อนก็บีบแตรซะลั่น ช่างไม่คิดเสียเลยว่า ใครๆ ก็อยากจะไปทั้งนั้นล่ะ แต่เขาไม่ได้ตั้งใจจริงๆ ตอนที่ปาดหน้าเลี้ยวเข้ามาก่อน มันก็แค่เขาสะดุดเห็นป้ายร้านอาหารที่เพื่อนบอกเอาไว้เท่านั้น เพราะไม่แน่ใจว่าตัวเองจะหาร้านได้ถูกหรือเปล่า อีกอย่างทางเข้ามันก็กว้าง เขาก็เห็นอยู่แล้วว่าหล่อนเปิดไฟเลี้ยวเอาไว้ แต่ทำไมไม่รีบเลี้ยวเข้าสักที

แต่เขาก็ไม่รู้หรอกว่า เธอจะแกล้งหรือเปล่าที่จอดรถไม่ระวัง ทำเอาน้ำที่ขังกระเซ็นใส่เขาเสียเปียกโชก แถมลงจากรถก็ทำเฉย ทั้งๆ ที่น่าจะเอ่ยปากขอโทษสักคำ ในเมื่อน้ำมันกระเซ็นสูงขนาดนั้นจะมองไม่เห็นได้อย่างไร เมื่อครู่เขาน่าจะปล่อยให้เธอล้มไปเลย หากไม่เพราะความเคยชินเห็นคนจะล้มต้องยื่นมือไปช่วย

สวยๆ อย่างนั้นหากล้มคงดูไม่จืดล่ะ
และเขาเองตอนนี้ก็ดูไม่จืดเหมือนกัน เมื่อเสื้อและกางเกงก็เปียกไปตั้งครึ่งตัว โชคดีที่ฝนตกอย่างน้อยคนเห็นก็คงคิดว่าเขาตากฝน ดีนะที่ไม่ต้องไปทำอะไรต่อนอกจากจะแวะมาสังสรรค์กับเพื่อน ที่เขาไม่ได้เจอมานาน

เวทิศขมวดคิ้วเมื่อเห็นร่างนั้นเลี้ยวไปทางที่เขากำลังจะเดินไปเหมือนกัน เขาผ่อนฝีเท้าลง เมื่อนึกไปถึงคำพูดของน้องสาววัยสิบห้า ที่ก่อนจะออกมาจากบ้านทักขึ้นว่า

“หนูเรดูดวงให้นะว่า วันนี้พี่ทิศออกไปจะพบเนื้อคู่”

“สงสัยจะไม่แม่นหรอก อาพิมพ์จองตัวพี่ไว้ให้ผู้หญิงอื่น เป็นกระดูกคู่แล้ว”

“อ้าว ก็ไพ่มันบอกอย่างนี้นี่นา”

“ไปฝึกใหม่ก็แล้วกัน”

“พี่ทิศนี่ ไม่ให้กำลังใจกันเลย”

เรวดี บ่นเคืองๆ เขาก็ได้แต่ยิ้ม ไม่พูดอะไร และไม่เคยเชื่อในเรื่องของดวง ทั้งๆ ที่ตระกูลของเขามีความสามารถพิเศษในทางนี้หลายคน โดยเฉพาะอาพิมพ์วลี ซึ่งตอนนี้ก็เจ้ากี้เจ้าการ เอาดวงเขาไปผูกติดกับลูกสาวของเพื่อนท่านคนหนึ่ง แล้วบอกไปเลยว่า นี่ล่ะ คู่แท้ แต่จะแท้หรือเปล่าเขาก็ไม่รู้ล่ะ เพราะจะนัดเจอกันเมื่อไหร่ ก็มีอันเป็นคลาดกันไปเสียทุกครั้ง ไม่เขาไม่ได้ไป เจ้าหล่อนก็ไม่ได้มา แต่ชื่อเธอนั้นสะดุดใจและคุ้นหูเขาอยู่เหมือนกัน แปรจันทร์ ก็ไม่รู้ว่าจะเป็นผู้หญิงแบบไหน แต่ถ้าเป็นแบบคนที่เขาเคยเจอในร้านหนังสือเมื่อหลายเดือนก่อน ก็คงจะน่าหนักใจ เพราะเจ้าหล่อนให้เขาเซ็นหนังสือ มันกระแทกใจเขา แปรจันทร์นักเขียนนวนิยายผู้ยิ่งใหญ่ ช่างมั่นใจในตัวเองเสียเหลือเกิน

แล้วผู้หญิงที่อยู่ข้างหน้าเขานี่ล่ะ จะชื่ออะไร เล่นเจอกันตั้งแต่อยู่บนถนนจนกระทั่งในร้านนี้ ถ้าเป็นเนื้อคู่อย่างที่ เรวดี ทำนายก็คงไม่จืดอีกนั่นแหละ ความสวยและท่าทางมั่นอกมั่นใจของเธอ ทำให้คิดว่าคงจะเข้ากับเขาได้ยาก ไม่ใช่ว่าเขาไม่ชอบผู้หญิงสวย แต่เบื่อขั้นตอนที่ก่อนจะมาสวยนี่ต่างหาก อีกทั้งเขาเป็นคนเอาใจคนไม่เก่งด้วยสิ เขาชอบผู้หญิงที่ลุยๆ มากกว่า

แล้วคิ้วของเวทิศก็ต้องขมวดเข้ากันอีกครั้ง เมื่อเดินมาหยุดยืนที่หน้าห้อง ที่เขาเพิ่งจะเห็นเธอผู้นั้นเปิดเข้าไป

เพื่อนของเขาหรือ? ใคร? ทำไมจำไม่ได้เลย


เสียงเพลงที่ร้องคาราโอเกะกันอยู่ ทำให้เขาที่เพิ่งก้าวเข้าไป ไม่เป็นที่สังเกตเท่าไหร่ แต่ขณะที่กำลังกวาดสายตามองหาเก้าอี้อยู่นั้น เสียงทักก็ดังขึ้นว่า

“อ้าว เวทิศ นึกว่าจะมาไม่ได้ มานั่งนี่เลย ใกล้ๆ ฉันหน่อย มีเรื่องอยากคุยด้วย”

เขามองไป ก็เห็นร่างท้วมของเพื่อนหญิงคนหนึ่งกุลีกุลอเรียก แต่สายตานั้นไม่ได้อยู่กับคนที่พูดด้วย แต่จับอยู่ที่เธอ ที่สารวนกับการพูดคุยกับเพื่อนอีกคนที่อยู่ข้างๆ และมันก็ช่างบังเอิญเสียจริง ที่มีเก้าอี้ว่างอยู่ข้างเธอพอดี

เขาเดินไปนั่งลง แล้ว เธอ ก็หันมา คิ้วเรียวของเธอขมวดเล็กน้อย ก่อนจะฉีกยิ้มให้ก่อน

“ว้าว บังเอิญจัง เราเป็นเพื่อนกันด้วยหรือ?”

“ไม่รู้สิ” เขาตอบ

“อ้าว แปรจันทร์ เธอจำเวทิศไม่ได้หรือ” เพื่อนอีกคนถามขึ้นมา

“ถ้าเป็นเด็กหลังห้อง ฉันจำไม่ได้หรอก เพราะไม่ค่อยจะเหลียวหลัง” แปรจันทร์พูดเล่นๆ ยิ้มแย้มให้เป็นอย่างดี ไม่มีทีท่าขุ่นเคืองหรือเก็บเอาสิ่งที่เจอก่อนหน้ามาคิดแต่อย่างใด แต่ที่ได้รับตอบก็คือความเฉยของเขา...ซึ่งแปรจันทร์ก็ได้แต่ยักไหล่ หันไปคุยกับเพื่อนคนอื่นๆ สนุกสนานกันไป

ความจริงแล้วเวทิศ ไม่คิดจะเฉยชากับเพื่อน แต่ชื่อ แปรจันทร์ ของเธอ ทำเอาเขากระตุกวูบที่หัวใจ ตั้งแต่ได้ยินแล้ว และเขาก็พยายามดึงสายตาตัวเองให้หันไปยังร่างท้วมของเพื่อนที่อยู่อีกข้าง ไม่หันไปมองเธอ ให้ตายเถอะ เธอชื่อ แปรจันทร์

ผ่านการกินการดื่ม และแม้แต่การพูดเล็กๆ น้อยๆ จากคนข้างๆอย่างที่เขา ไม่ค่อยจะตอบนัก แล้วเสียงถามก็ดังขึ้นว่า

“lover’s moon นี่เพลงใคร?”

“ของฉัน” แปรจันทร์ตอบแล้วลุกขึ้นจะยื่นมือไปรับไมค์จากเพื่อน แต่เจ้ากรรมเหลือเกินที่สะโพกเธอไปชนเข้ากับแขนคนนั่งข้างๆ ที่กำลังจะยกแก้วเหล้าขึ้นดื่ม

“อุ้ย ขอโทษ”

เธอรีบเอ่ยปาก เมื่อเห็นที่ใบหน้าและอกเสื้อของเขาเปียกไปอีกรอบ

“เดี๋ยวๆ ผ่านไปก่อน” เธอยื่นไมค์คืนเพื่อน แล้วหยิบทิชชู่ มายื่นให้เขา

“โทษนะ รู้สึกฉันจะทำคุณเปียกทั้งวันเลยนะนี่ ไม่ได้ตั้งใจจริงๆ ”

ใช่เธอไม่ได้ตั้งใจ แต่น้ำเสียงก็ไม่ได้ทุกข์ร้อนอะไร ติดจะขำๆ เสียด้วย เวทิศมองหน้าเธอไม่พูดอะไร แต่ก็รับทิชชูจากเธอไปเช็ดหน้าตัวเองเงียบๆ แต่อาจจะเป็นเพราะแปรจันทร์ รู้สึกละอายใจน้อยๆ ที่ทำเขาเปียกไปหลายหนแล้ว ก็เลยพยายามพูดคุยด้วย แต่แล้วก็ต้องหมดกำลังใจ เพราะถามคำ เขาก็ตอบคำ ดังนั้นพอผ่านความพยายามไปครู่หนึ่ง เธอจึงหันไปทางคนอื่น

“อ้าว แปรจันทร์ เตรียมตัว แสงจันทร์แห่งความรักของเธอกลับมาอีกแล้ว เวทิศอย่าเพิ่งยกแก้ว” เสียงเพื่อนที่ทำหน้าที่เป็นเหมือนโฆษกในงานบอกอย่างมีอารมณ์ขัน เมื่อยื่นไมค์ส่งต่อมาให้ แต่พอมาถึงเวทิศ แทนที่เขาจะส่งให้แปรจันทร์กลับบอกอย่างที่เธอไม่คาดเลยว่า

“ไม่ต้อง จะร้องเอง”

แปรจันทร์เอียงคอมองเขาอย่างแปลกใจ แต่แล้วก็ยิ้ม

“ตามใจ แต่ต้องร้องเพราะๆ นะ นี่มันเพลงประจำตัวฉัน”

เวทิศไม่สนใจเธอ แต่เมื่อดนตรีขึ้น แปรจันทร์ก็ต้องมองเขาอย่างทึ่งๆ พลางนึกชมในใจว่า เสียงเขาดีจริงๆ และการที่เขาร้องเพลงนี้ได้ มันทำรู้สึกแปลกๆ เหมือนมีบางอย่างกวนใจเธอ

ปกติเธอก็เป็นคนจำคนได้เก่ง แต่ทำไมนึกไม่ออกเลยว่า เคยเรียนร่วมกับเขามาก่อน มันคล้ายกับว่า จู่ๆ เขาก็โผล่เข้ามาในวันนี้เอง แต่เขาก็ไม่ได้เป็นคนแปลกหน้าสำหรับเพื่อนคนอื่นๆ เพราะหลายๆ คนก็ทักทายพูดคุยกับเขาอย่างเป็นปกติ และเขาก็ไม่ใช่คนเงียบๆ หรือไม่ชอบคุย เพราะที่เงียบนั้นกับเธอต่างหาก ว่าจะไม่คิดอย่างนี้หรอก แต่มันก็อดไม่ได้จริงๆ












Create Date : 31 ธันวาคม 2554
Last Update : 31 ธันวาคม 2554 21:28:23 น. 6 comments
Counter : 1633 Pageviews.

 
ตามพระจันทร์มา อิอิ ไว้ตามมาอ่านอีกทีค่ะ


โดย: พรายทราย วันที่: 31 ธันวาคม 2554 เวลา:21:23:35 น.  

 
มีเพลงชื่อนี้จริงๆหรือเปล่าคะ ชักสนใจ ^^

แอบแวะมาเชียร์ค่ะ จะตามอ่านไปเรื่อยๆนะคะ


โดย: นายยีราฟน้อย วันที่: 1 มกราคม 2555 เวลา:21:20:22 น.  

 
ขอคุยสองบทรวมกันเลยนะครับ

จะอ่านนิยายพี่ฟีในเว็บทีไรก็หวั่นๆ ทุกที เพราะสนุกจนเวลาถืออ่านเป็นเล่มแล้ววางไม่ลง อ่านข้ามคืนมาหลายคืนเต็มที พอจะอ่านในเว็บก็ต้องทำใจล่วงหน้า ว่าต้องรอจนลงแดงแน่ๆ กว่าบทต่อไปจะมา

แปรจันทร์กับเวทิศเป็นเพื่อนเก่ากันมาก่อน ตามแนวหนึ่งลิปดาที่วางไว้เป๊ะ ทำไมถึงจำกันไม่ได้นะ รอเฉลยๆๆ เจอกัน "ครั้งแรก" ก็มีเหตุแห่งจันทร์ให้ต้องเปียกปอนไปหลายรอบแล้ว (พระจันทร์นี่เป็นธาตุน้ำใช่มั้ยนะ?)

พรุ่งนี้สองคนนี้เจอกันอีกทีจะเป็นยังไงเนี่ย (ลุ้น)



ป.ล. ตอบคุณเค เพลงนี้มีจริงครับ เพราะมากๆ ไว้วันหลังตอนฟังวิทยุ ขอพี่ฟีเปิดให้ฟังสิครับ


โดย: คุณพีทคุง (ลายปากกา ) วันที่: 2 มกราคม 2555 เวลา:6:53:36 น.  

 
เห็นด้วยกับคุณพีทคุง เรื่องนิยายพี่ฟีที่ถ้าอ่านในเวปต้องรอจนแทบลงแดงแต่พออ่านเป็นเล่มก็ต้องอ่านให้จบในวันที่เริ่มอ่านเคยแล้วค่ะ ตีสองกว่าเกือบตีสามกับเรื่อง ดั่งไฟรัก แต่เรื่องนี้ไม่ต้องรอนานเพราะมีทุกสิบห้าวัน


โดย: ริปอง (ริปอง ) วันที่: 4 มกราคม 2555 เวลา:11:07:46 น.  

 
เข้ามาอ่านด้วยคน อิอิ

สงสัยเหมือนกันว่าทำไมจำกันไม่ได้ หรือไปทำศัลยกรรมที่เกาหลีมาทั้งคู่


โดย: วรบรรณ วันที่: 4 มกราคม 2555 เวลา:11:29:45 น.  

 
แต่เราก็หากันจนเจอ ฮ่าๆ

เหมือนแปรจันร์ กับเวทิศ
รอๆๆๆๆๆๆ จบๆๆๆ นะคะ


โดย: คอปเตอร์ (copter-forwriter ) วันที่: 6 มกราคม 2555 เวลา:20:38:35 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

ตันตราวี
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 23 คน [?]




ทำไมต้อง "หนึ่งลิปดา"

การค้นหาหรือจะตั้งชื่อนามปากกา
ให้ถูกใจเราเองนั้น...ยาก
เพราะไม่เพียงคิดชื่อ
แต่มันต้องให้สอดคล้อง
ไปกับธีมของสิ่งที่เราอยากจะเขียนด้วย ^--^

แล้วถ้าหากจะเขียนในสิ่งที่เรียกว่า
"ความรัก ความหลัง ความโรแมนติก
การทะเลาะ การงอนง้อ ความเข้าใจ
ความทรงจำอันอบอุ่น เพื่อน มิตรภาพ ฯลฯ "

ชื่อ "หนึ่งลิปดา" จึงผุดขึ้นมา อย่างชอบใจเลย ^--^

จากฟีลิปดา


ลายปากกา
 
Art Prints

New Comments
Friends' blogs
[Add ตันตราวี's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.