1 2
3 4 5 6 7 8 9
10 11 12 13 14 15 16
17 18 19 20 21 22 23
24 25 26 27 28 29 30
31
กฏรัก บัญญัติหัวใจ บทที่ ๖
บทที่ ๖
แม้จะไม่ได้เจอกันนาน แต่ท่าทีของนารินที่เงียบๆ และยิ้มตอบคำถามหรือแสดงความคิด เห็นต่อไอเดียของคุณชาลิสาอย่างใจเย็นแสดงให้เห็นถึงความเป็นมืออาชีพในงานของ ตัวเอง ก็ไม่อาจจะปิดบังอรรณพได้ว่า เธอกำลังเก็บความไม่พอใจเอาไว้ โดยเฉพาะอย่าง ยิ่งถ้อยคำกระเซ้าทีเล่นทีจริงที่คุณชาลิสามักจะแว้งมาคุยกับเขาบ่อยๆ มันทำให้รู้ว่า สองคนนี่ไม่ถูกกัน กับคุณชาลิสาแล้วก็ไม่มีอะไรมากนอกจากเคยไปดื่มไปเที่ยวด้วยกัน มาไม่กี่ครั้ง คุณชาลิสาเคยปรึกษาเขาเรื่องการหย่าเล็กๆน้อยๆ เท่านั้น ไม่ได้เป็นทางการ อะไร แต่ก็ยอมรับละว่า หล่อนเป็นคนมีเสน่ห์เร้าใจ ถ้าหล่อนไม่กลับไปเคลียร์เรื่องหย่า ที่ต่างประเทศเสียก่อน ความคุ้นเคยในตอนนั้น มันคงมีความเป็นไปได้สูงที่จะมีอาการ เลยเถิดไป ในเมื่อเขาไม่มีพันธะอะไรกับใครและก็ไม่ใช่ผู้ชายที่หวงเนื้อหวงตัวเสียด้วย “คุณณพจะพักกับคุณทิน หรือจะกลับไปพักที่คอนโด ยังอยู่ที่เดิมไหม พี่ลิสาไปส่งได้นะ” เป็นคำถามที่ทำให้อรรณพต้องส่งสายตาไปที่นาริน แล้วก็เห็นเธอเม้มริมฝีปากน้อยๆ นัยน์ตาวาวขึ้นทันที ...คำถามนี้ไม่เพียงส่อนัยความคุ้นเคยกับเขา แต่ยังข้ามหน้าข้ามตา ผู้หญิงที่เรียกได้ว่าเป็นแฟนเขาทีเดียว มีหรือนารินจะไม่รู้สึกได้ “ลิสา” คุณชาตรีพูดขึ้น “ ใครเขาอยากจะนั่งไปกับคนแก่ เขาก็อยากอยู่กันตามประสา หนุ่มสาวสิ เสร็จแล้วใช่ไหมเราจะได้กลับกันเสียที” “แหมคุณพี่ ลิสาก็ถามไปงั้น ตามประสาคนคุ้นเคยกัน คงไม่คิดมากใช่ไหมนาริน” นารินยิ้มหน้าซื่อ เมื่อตอบไปว่า “ไม่คิดค่ะ คิดไม่ลง วาดภาพไม่ออกด้วย” คุณชาลิสาหน้าตึง แต่แล้วก็ลุกขึ้นฉีกยิ้มเมื่อยื่นหน้ามากระซิบ “คนไม่เคยก็วาดภาพไม่ ออกหรอกจ้ะ สงสัยจะเป็นแฟนกันยังไม่นานละสิ ถึงไม่รู้ว่าคุณณพน่ะ...”หล่อนหยุด หัวเราะร่วนเอาเสียดื้อ ๆ หันไปพูดกับอรรณพ “พี่ลิสากลับก่อนนะคะคุณณพ ว่างๆ เราไปดริ๊งกัน” ทั้งนารินและอรรณพไม่ได้ขยับตัวเดินไปส่ง จะมีก็แต่ทินกรเดินตามสองพี่น้องนั้นไป อรรณพกลับไปทรุดนั่งที่เดิมหลับตาถอนหายใจยาวออกมา ขณะที่นารินส่งสายตาไป ที่เขาเงียบๆ จากการพูดคุยกันเมื่อครู่ท่าทีของอรรณพสร้างความแปลกใจให้กับเธอ เขาไม่มีทีท่าว่า จะลุกจากเก้าอี้เธอ แสดงความสนิทสนมให้ทุกคนเห็นอย่างไม่แคร์ แม้จะมีสายตาของ ทินกรมองมาอย่างล้อๆ เขาก็ทำเฉย ไม่แคร์ไม่ได้มีวี่แววกริ่งเกรงใครเมื่อทำตัวสบายๆ พูดคุยกับคุณชาตรี และเมื่อฟังที่คุยกันก็ราวกับว่า อรรณพเคยร่วมงานกับคุณชาตรี และคุณชาลิสามาก่อน ทั้งๆ ที่เธอเองก็รับงานกับคุณชาตรีบ่อย แต่ทำไมไม่เคยรับรู้ เรื่องราวของเขาเลย ยิ่งคุณเธอชาลิสานั้นไม่ต้องห่วงหรอก แม้จะคุยซักถามเธอ แต่ก็มักจะวกถามความเห็น อะไรเขาบ้างเป็นครั้งคราว ตอนแรกนั้นเธอคิดว่า เป็นการแกล้งเธอเล่น แต่ตอนหลัง เธอก็เห็นว่า การพูดคุยนั้นเป็นเรื่องเป็นราวจริงจัง โดยมีทินกรให้ความเห็นเป็นครั้งคราว เกี่ยวกับการดัดแปลงโครงสร้าง ต่างกันลิบ กับท่าทางยั่วกวนโมโหตอนคุยเรื่องสัญญาว่าจ้างกับเธอที่เขาแสดงออกใน ตอนเช้า...นารินไม่คิดจะเปรียบเทียบ แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่า แม้จะรุ่นเดียวกัน เคยเป็นเพื่อน ทะเลาะหยอกล้อกัน แต่เมื่อจบแยกย้ายไปทำงาน ลักษณะของความเป็นผู้นำของ อรรณพนั้นก็ฉายชัดออกมา ในขณะที่เธอเหมือนกับเป็นทำอะไรเป็นเล่นๆ ไปวันๆ เท่านั้นเอง แล้วอรรณพก็ลืมตา จ้องตอบเธอ “ไม่พอใจอะไร พูดมา?” ไม่ใช่ไม่พอใจ แต่อิจฉา...ความตรงไปตรงมาของนารินบอกกับตัวเองอย่างนี้ แต่ที่พูด ตรงๆ ออกไปก็คือ “ฉันไม่ชอบ ให้เอาเรื่องเล่นละครเป็นแฟนกัน ขยายวงไปสู่คนภายนอก อยากให้รับรู้ เฉพาะคนในครอบครัวฉันเท่านั้น” อรรณพยิ้มน้อยๆ ย้อนว่า “ถ้าไม่ชอบ ทำไมเธอไม่ปฏิเสธล่ะ?” นารินหน้าบึ้งตาวาว เสียงดังขึ้นว่า “จะให้ฉันปฏิเสธได้ยังไง ในเมื่อ...” อรรณพโบกมือพูดตัดบทขึ้นมาเสียก่อนว่า “ไม่ต้องเสียงดังตีโพยตีพาย ในเมื่อฉันเป็น คนโกหก ฉันรับผิดชอบเอง ไว้ฉันทำให้เธอท้องรอบสองได้ก่อนเถอะค่อยโวยวาย” ปากกาในมือนารินถูกเขวี้ยงใส่เขาทันที “อ้าว คู่รักทะเลาะกันซะแล้ว” เสียงทินกรดังขึ้น เมื่อย้อนกลับมา ถามต่อว่า“เติมเหล้า อีกไหมไอ้ณพ นารินล่ะ?” “ไม่ ฉันจะกลับ” นารินตอบ “รีบกลับไปไหน คุยกันก่อนสิ นานๆ ทีจะได้เจอ ดีใจนะที่เห็นเธอกับไอ้ณพ...” “ฉันจะรีบไปทำโครงงานส่งคุณชาลิสา” นารินตัดบท “ไม่ต้องรีบๆ” ทินกรหัวเราะร่วน “มีปัญหาอะไรส่งไอ้ณพไปเคลียร์ เดี๋ยวเรียบร้อย” “เฮ้ย อย่าพูดอย่างนั้น นารินเขายิ่งขี้หึงอยู่ด้วย” อรรณพขัดขึ้นหวังจะยั่วนาริน แต่ทินกรก็ทะลุปล้องเออออขึ้นมาว่า “เออ มันก็น่าหึงอยู่นี่หว่า คุณพี่ลิสาเขาออกจะเนื้อนมไข่เสียอย่างนั้น” นารินเม้มปากอย่างฉุนๆ จริงอยู่ถึงเธอไม่ชอบคุณชาลิสา แต่การได้ยินถ้อยคำหยอกล้อ ของทั้งสองหนุ่ม มันทำให้เธอคิดไปถึงครั้งที่โดนเขากับตัวเอง จึงอดจะนึกรังเกียจขึ้น มาไม่ได้ ไอ้ที่คิดชื่นชมอยู่เมื่อครู่ หายไปทันใด เมื่อพูดขึ้นว่า “สนุกปากจังเลยนะ นินทาผู้หญิงนี่” “ก็...แค่พูดเล่นสนุกๆ คิดมากไปได้ ” อรรณพแก้ตัว นารินยักไหล่เหยียดริมฝีปากมองเขาหมิ่นๆ หยิบเอาสมุดที่จดงานเอาไว้ขึ้นมาถือ แล้ว เดินออกไป ทินกรทำหน้างง มองตามหลังนาริน แล้วก็หันมาทางอรรณพ “ไอ้ อ่า...นารินหึงจริงน่ะ ฉันก็แค่พูดเล่น?” อรรณพไม่ตอบ แต่คว้าไม้เท้าพยุงตัวเอง เดินตามนารินออกไป เขารู้ว่านารินไม่ได้หึง อย่างที่ทินกรคิด แต่เธอโกรธนั้นจริง...ไม่ได้โกรธแค่ที่เขาพูดล้อเล่นเรื่องคุณชาลิสา เท่านั้น แต่ต้องรวมไปถึงครั้งที่ได้ยินเขาพูดกับทินกรด้วย แม้จะรีบเดินออกมาทั้งๆ ที่ต้องใช้ไม้เท้าพยุง แต่อรรณพก็มาทันนาริน เอาตอนที่เธอ กำลังจะปิดประตูรถ “ถ้าจะกลับด้วย จะไปส่งไหม?” เขาถาม “ไม่” นารินตอบโดยไม่ต้องคิด “แล้วที่จะไปบ้านเธอ จะไปไง ให้ฉันไปเอง หรือเธอจะ…” “แล้วจะโทรนัด” นารินตัดบท ปิดประตูสตาร์ทรถ แต่แล้วเธอก็ลดกระจกลงมา “ช่วงเวลา ที่ทำงานให้ฉัน เกี่ยวกับคุณชาลิสาน่ะ อย่าทำตัวสำส่อนนักนะ ” คำว่า สำส่อน ทำเอาอรรณพทั้งฉุนทั้งขำ แต่เขาก็ไม่ได้มีโอกาสโต้เถียง เพราะนารินขับรถ ออกไปเลย จึงได้แต่เม้มปากนิดๆ มองตามจนรถเลี้ยวออกไปลับสายตา “อ้าว ไอ้นาโกรธ ทิ้งแกไว้นี่เลยหรือ?” ทินกรที่ตามออกมาถามขึ้นเมื่อเห็นอรรณพยืนอยู่ คนเดียว “เออ” อรรณพรับสมอ้าง ทินกรหัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดีเช่นเคย “กลับกันแล้วว่ะ สมัยเรียนนารินเป็นฝ่าย ตามแก แต่ตอนนี้แกต้องเป็นฝ่ายตามเสียแล้ว เอะ...แต่จะว่าไป ฉันก็เห็นแกตามไอ้นา ตั้งแต่ตอนท้องแล้วนี่หว่า” พูดจบทินกรก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา ขณะที่อรรณพหน้าบึ้ง มันเป็นเรื่องที่เขาโดน ล้อเลียนไม่เลิกจริงๆ กับความโง่ที่ไปหลงเชื่อเรื่องโกหกของนาริน “จะตามไปไหม จะขับรถให้ ” “ไปส่งที่คอนโดก็แล้วกัน” อรรณพบอก “รถฉันอยู่โน่น” ทินกรเพยิดหน้าไปยังรถที่จอดอยู่ ใกล้กับทางเข้าโรงแรม อรรณพเลยขยับเดินไป โดย ไม่พูดอะไร แล้วรถคันหนึ่ง ก็วิ่งตรงเข้ามา เด็กที่นั่งอยู่ทำท่าจะวิ่งตามมาเปิดม่าน แต่ทินกรโบกมือให้ แล้วเขาใช้มือเปิดม่านห้องที่กำลังจะเดินผ่านให้รถขับตรงเข้าไป อรรณพกวาดสายตาผ่านๆ ก็เห็นเป็นชายที่น่าจะอยู่ในวัยกลางคนและฝ่ายหญิงนั้น อายุก็ไม่น่าจะห่างกันเท่าไหร่ แต่ก็จัดว่าสวยสมวัยทีเดียว ฝ่ายชายลดกระจกยื่น เงินทิปให้หนึ่งร้อย ซึ่งทินกรก็ทำท่าโค้งให้อย่างนอบน้อมก่อนจะปิดม่านให้ อรรณพ เลยอดจะหัวเราะเบาๆออกมาไม่ได้ แต่ทินกรจุปากดุว่า “ไอ้บ้าไปจ้องหน้าเขา เสียมารยาท” “แถวนี้เขาถือมารยาทกันด้วยเหรอวะ” อรรณพย้อนขำๆ “คู่นี้เห็นสองสามครั้ง อาจจะเป็นผัวเมียมาเปลี่ยนบรรยากาศก็ได้” อรรณพยิ้มออกมาเฉยๆ ไม่ได้ออกความเห็น แต่ก็ออกจะคล้อยตามเหมือนกัน เพราะ ทั้งชายหญิงเมื่อครู่นั้นก็ดูดีทีเดียวกับรถราคาหลายล้ายอย่างนั้น แต่ถ้าฝ่ายหญิงจะมี อายุน้อยไปกว่านี้ ไม่แน่เขาก็อาจจะคิดว่า อาเสี่ยหนีเมียแอบมากับอีหนูก็ได้ “ทำโรงแรมม่านรูดก็เห็นอะไรต่ออะไรเยอะ พลอยทำให้เซ็งเหมือนกัน มันเหมือนกับว่า ตัวเองมีส่วนทำให้สังคมเสื่อมทราม ขายเสียได้โล่งอกเหมือนกัน” ทินกรพูดเมื่อเปิดประตูรถ ส่วนอรรณพหัวเราะหึๆ ในลำคอ เดินอ้อมไปทางคนนั่ง เขา ปรับเบาะแล้วเหยียดขาออกแล้วรู้สึกเจ็บแปลบเล็กน้อย หวังว่าอาทิตย์หน้าขาเขาจะ ดีกว่านี้ ไม่สนว่านารินอยากจะได้คนขาเจ็บ แต่สำหรับตัวเขาแล้วก็ไม่อยากเป็นไอ้เป๋ เพื่อแสดงเป็นแฟนเธอหรอก “ว่าแต่แกเป็นแฟนกับนารินตั้งแต่เมื่อไหร่วะ ทำไมฉันไม่รู้เลย ยังนึกว่าแกจะลงเอยกับ หนูปิ่นขวัญใจคุณยายอยู่เลย” ทินกรวกเข้ามาเรื่องนารินอีกจนได้ เมื่อเคลื่อนรถออก “ก็เพิ่งตกลงคบกันจริงๆ ไม่นาน” อรรณพตอบยิ้มๆ และคิดว่าเขาเองก็ไม่ได้โกหกอะไร มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ ตามข้อสัญญาที่เขาทำกับเธอในตอนเช้านี้ “ฉันชอบนารินนะ ตั้งแต่ตอนเรียนแล้ว ตอนแรกคิดอยากจีบเหมือนกัน แต่มันดันแกล้ง ทำตัวเป็นทอม แถมยังสนิทกับแกมากกว่า” ทินกรพูดออกมาตรงๆ ชนิดที่อรรณพเองก็คาดไม่ถึง จึงได้หันไปมองหน้าเพื่อนเงียบๆ “บอกตรงๆ เลยนะ ตอนแรกฉันก็ไม่ชอบหรอกนะที่แกใช้นารินเป็นสะพานไปหาแขไข แต่พอเห็น แกเอาอกเอาใจตอนนึกว่านารินท้อง ก็เลยคิดว่า แกอาจจะรักนารินโดยไม่รู้ตัว ก็ได้” “ทำไมคิดอย่างนั้น?” “ง่ายมาก เพราะหากเป็นฉัน ถ้าทำผู้หญิงท้องโดยไม่ได้รัก เมื่อรู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องจริงแค่ ล้อเล่น คงโล่งใจฉิบหาย กอดคอไปเลี้ยงเหล้าเลย แต่นี่แก...” “พูดมากไปแล้ว” อรรณพพูดน้ำเสียงเอือมๆ “นี่ถ้าพวกแกไปกันไม่รอด แกถอยให้ฉันได้ไหม ไอ้ณพ?” ทินกรถามเอาดื้อๆ “ ไม่” คำตอบโดยไม่ต้องคิดของอรรณพทำให้ทินกรถึงกับหัวเราะชอบใจ พูดต่อว่า “ยังกับละครเลยว่ะ ก็นึกว่า ไอ้ที่แกบอกจะแต่งงานกับนารินนั่น แค่อยากพนันให้ชนะ แต่พอได้ยินแกบอกคุณชาลิสาว่าเป็นแฟนแถมนารินก็ไม่ปฏิเสธนี่สิ... ใครจะคิดว่าแก จะหวนกลับมาคบกับนารินได้อีก” ใช่...อรรณพเห็นด้วยในใจ เขาเองก็ไม่คิดหรอกว่า หลังจากที่ไม่ได้ข่าวคราวกันหลายปี เส้นทางของเขากับนารินจะได้มาพบกันอีก ชนิดที่ละครน้ำเน่ายังอายได้เลย… และไม่เคยคิดอย่างที่ทินกรคิดด้วยซ้ำ ว่าเขาอาจจะรักนาริน ต่อให้นารินไม่ปฏิเสธ เขาก็รู้หรอกว่าเธอเองก็ไม่ได้คิดพิศวาสอะไรเขาแน่ เธอไม่อยากให้มันออกจากปาก เขาด้วยซ้ำ...แต่ให้ตาย เขาไม่สนหรอกว่า เธอจะคิดยังไง จะสนใจแค่...เขาพอใจ อย่างไรมากกว่า มันก็แค่เรื่องโกหกทั้งนั้น เขาจะไปแคร์ทำไม! ผ่านไปอีกหลายวัน นารินก็ได้มานั่งเพ่งสายตาไปยังท้ายรถข้างหน้า รถติดทั้งๆ ที่เป็น วันเสาร์ บนทางด่วนรถไม่ติดถ้าไม่เกิดอุบัติเหตุ เธอเข้าใจและคิดว่าตัวเองไม่ได้ห่วง เรื่องจะช้าจะเร็วด้วย แต่ความกังวลของเธอมันเกิดจากคนที่นั่งข้างๆ นี่แหละ ตั้งแต่ ขึ้นรถมาอรรณพที่นั่งกอดอกนิ่งหลับตาเงียบๆ เธอคิดว่าเขาไม่ได้หลับ แม้ว่าเขาจะ พูดเป็นทำนองว่า เธอมาปลุกเขาแต่เช้า และไม่ได้โทรมาบอกล่วงหน้าด้วยว่าจะมารับ เอาตอนเจ็ดโมงทั้งๆที่ตอนตีหนึ่งเธอโทรมาถามที่อยู่กับเขา เธอชำเลืองไปทางเขาก่อน จะพูดขึ้นว่า “ฉันบอกแม่แล้วว่า รู้จักคุณเพราะขับรถชน” เสียงหึ ดังขึ้นมาจากลำคอของอรรณพ “มันเป็นรักแรกพบ” “โรแมนติกดี” “คุณลาออกจากงาน เพื่อมาทำธุรกิจของตัวเอง และกำลังไปได้สวย” “ฉันทำธุรกิจอะไร?” “ไม่รู้ ยังไม่ได้บอกรายละเอียด คิดไม่ออกด้วย แต่ก่อนไปถึงบ้านน่าจะคิดออก” นาริน สารภาพตรงๆ “ทำไมเธอไม่เอาง่ายๆอย่างที่ว่า เราเคยเป็นแฟนกันที่มหาลัย แล้วกลับมาพบรักกันใหม่ จะได้โกหกน้อยลงไปหน่อย ไม่ต้องแต่งเรื่องมาก โกหกให้มาก” “ก็ฉันมันคนชอบโกหก แต่งเรื่องนี่” นารินประชดเข้าให้ “อันนั้นรู้แล้ว” เขาประชดกลับ “นอกจากเรื่องงาน มีอะไรที่ฉันจะต้องเตรียมคำโกหก ให้ตรงกับจินตนาการของเธออีกไหม?” “ไม่ เอาแค่ที่เราตกลงกันเอาไว้ ที่เหลือก็คอยเอออตามฉันก็แล้วกัน” อรรณพแค่นเสียงหึ สั่นหน้าน้อยๆ อย่างไม่เห็นด้วย “เออออตามเธอนะเหรอ? เคยสรุปกับตัวเองบ้างไหมว่า ทำไมที่ผ่านมาจึงไม่มีคนเชื่อ” นารินนิ่งไปชั่วครู่ก่อนจะยักไหล่ “จริงๆ แล้ว กับคนอื่นฉันก็ไม่แคร์หรอกนะว่าจะเชื่อ ไม่เชื่อ ขอเพียงมีคนไปแสดงตัวไม่ให้แม่เสียหน้าเท่านั้น และที่สำคัญต้องไม่สร้าง ปัญหาให้แม่ไม่สบายใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง...” เธอหยุดปรายตามามองเขา “เรื่องความซื่อสัตย์ ถ้าอยู่ในระหว่างสัญญาว่าจ้าง อย่าให้เห็นว่ามีผู้หญิงอื่น” น้ำเสียงเน้นหนักของเธอทำให้อรรณพต้องหันไปมอง รอยยิ้มยั่วๆ ผุดขึ้นที่ริมฝีปาก เมื่อพูดว่า “เอ...ไอ้ข้อนี้ ฉันว่ามันไม่มีในสัญญานะ” นารินสะอึกกับคำพูดของเขา มันจะมีในสัญญาได้ยังไง ในเมื่อเธอไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้ มาก่อน ...และให้ตายเลยสิ ผู้ชายที่เคยจ้างมาไม่เห็นใครจะมีปัญหาสักคน เธอจัดการ ควบคุมได้หมด...เห็นที่ต้องไปอ่านสัญญาที่ตกลงเอาไว้ให้แจ่มแจ้งอีกครั้ง ไม่งั้นเธอ คงควบคุมเขาไม่ได้...ก็แล้วมันไม่ควรจะมีในสำนึกของผู้ชายหรือไงกันนะ ก็ถ้าตัวเอง มีแฟนอยู่แล้ว จะไปยุ่งกับผู้หญิงอื่นทำไม ไม่ว่าจะแฟนจริงหรือแกล้งเล่นละครน่ะ อารมณ์นารินพุ่งวูบเมื่อภาพยั่วเย้าสนิทสนมของคุณชาลิสาผุดขึ้นมา “ฉันไม่แคร์ว่าจะมีในสัญญาไหม แต่ถ้ามันเกิดขึ้น ก็ถือว่าฉันเลิกจ้าง ไสหัวเอาเงินไป ด้วยเลยไม่ต้องคืน” อรรณพถึงกับสะดุ้ง ร้องอูวเบาๆ กับน้ำเสียงดุเดือดเอาจริงของเธอ แต่ก็ยิ้มถามว่า “ก็แล้วถ้ามันกลับกันล่ะ...ฉันหมายถึงว่าเธอเป็นฝ่ายไม่ซื่อสัตย์เสียเอง” นารินหันไปมองหน้าเขา กับคำถามนี้ แต่ก็เห็นอรรณพมองเธอด้วยสายตาขำๆ ...เขายั่ว เธอเล่นนี่นา “ไม่ต้องห่วง ถึงจะเป็นอย่างนั้น ฉันก็จ่ายคุณเต็ม คุณทำหน้าที่ของคุณให้ดีก็แล้วกัน” อรรณพอึ้งกับคำตอบที่ออกจะขัดใจตัวเอง เพราะเขานึกว่า นารินจะพูดในเชิงว่า เธอ จะไม่มีวันทำอย่างนั้น แต่แล้วชายหนุ่มก็ยักไหล่ “พนันกันเป็นส่วนตัวก็ยังได้ว่า ฉันทำหน้าที่ของฉันได้ดีกว่าเธอแน่” นารินหัวเราะออกมาเบาๆ อย่างไม่เชื่อถือนัก แต่อรรณพก็ไม่สนเมื่อสำทับว่า “และบอกเสียก่อนนะว่า ลงว่าฉันต้องทำแล้ว ฉันจะทำมันให้สำเร็จนาริน เธอจะต้อง เป็นแฟนฉัน...อย่างที่ทุกคนต้องเห็นอย่างนั้น” นารินปรายตาไปมองแล้วยิ้มที่มุมปาก ตอบว่า “ดี...ถ้าทำได้ถูกใจจะทิปให้งามๆ” คำพูดเหยียดๆ ยั่วๆ นี้ ทำเอาอรรณพนึกอยากหักคอเธอขึ้นมาทันใด ทั้งๆ ที่ในใจนั้นบอก กับตัวเองว่า..ฉันจะเอาเธอเป็นแฟนนาริน ไม่เอาทิป รถคันหน้าเคลื่อนตัว นารินเปลี่ยนเกียร์ออกรถตาม พอผ่านรถที่หงายท้องอันเป็นสาเหตุ ให้รถติด แล้วก็เหยียบคันเร่ง ผ่านไปประมาณยี่สิบนาที เธอก็พูดขึ้นว่า “ที่บ้านญาติๆ จะอยู่รวมกันหมด มีหลายคนที่ไม่ค่อยชอบหน้าฉัน ซึ่งอาจจะทำให้พวก เขารุมทึ้งคุณไปด้วย เพื่อฉีกหน้าฉัน” “เอาเถอะ ฉันจะคิดเสียว่าหลายคน ก็ยังน้อยกว่าทุกคน ขอบใจที่เตือน” อรรณพตอบขำๆ นารินนิ่งไม่พูดอะไรอีก คำพูดสบายๆ อย่างมั่นใจในตัวเองของอรรณพ แทนที่จะทำให้ เธอโล่งอก แต่กลับกังวลใจอย่างแปลกๆ ... เธอไม่รู้เลยว่า อรรณพทำงานอะไรมีฐานะ แค่ไหน ตอนอยู่มหาวิทยาลัยก็รู้เพียงว่า พ่อแม่เขาเสียชีวิตแล้วและอยู่กับคุณยาย เท่านั้น แต่ถ้าหากเธอไม่เห็นท่าทีของเขาตอนอยู่โรงแรมของทินกร เธอก็อาจจะคิดว่า เขาขาดเงิน...และถ้าเขาขาดเงินจริงๆ ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องมาทำอย่างนี้ ในเมื่อเขายัง คบหากับทินกรอยู่ เพราะรายนั้นเธอรู้ว่าฐานะดีมาก ทำไมจะหยิบยืมกันไมได้...มันทำ ให้เธอคิดหนักละว่า อะไรจะเกิดขึ้นล่ะ ถ้าเขาเป็นฝ่ายทำให้เธอเสียหน้าเสียเอง รถแล่นด้วยความเร็วขึ้นเมื่อออกนอกเมือง อรรณพชำเลืองไปมองนารินก็เห็นเธอเม้ม ปากน้อยๆ สายตามองตรงอย่างตั้งใจขับรถ เห็นท่าทางเป็นกังวลของเธออย่างนั้น มันก็ทำให้อดจะเกร็งไปด้วยไม่ได้ ในเมื่อมันเป็นการแสดงละคร เขาก็ไม่ควรจะคิดมาก เล่นไปตามบทบาทที่เธออยากให้ทำก็พอ แต่ความรู้สึกของเขามันก็เป็นไปตามอย่าง ที่พูด คือเขาอยากให้ทุกคนคิดว่าเขาเป็นแฟนเธอจริงๆ และถ้าเขาเป็นแฟนเธอจริงๆ เขาก็อยากจะรู้ว่าทางครอบครัวของเธอจะต้อนรับเขาไหม “ถึงแล้ว” เสียงนารินทำให้อรรณพหลุดภวังค์ เขามองออกไปนอกรถ ก็เห็นกำแพงรั้วสีขาว ด้าน หน้ามีต้นเฟื้องฟ้าปลูกเป็นพุ่มสีสันสลับกันยาวเป็นแถว และนารินยังขับต่อไปอีกสอง สามร้อยเมตรได้ก่อนจะเลี้ยวเข้าประตู ใหญ่ ท่าทีสบายๆ ของอรรณพก็อึดอัดขึ้นมาทันใด แม้จะเคยสนิทสนมกับนารินตอนเรียน มหาวิทยาลัย แต่เขาก็ไม่เคยได้ซอกแซกซักถามเรื่องเกี่ยวกับครอบครัวนารินสักครั้ง ที่พอรู้ก็คือพ่อนารินเสียชีวิตไปแล้ว เธออยู่บ้านที่มีญาติพี่น้องเยอะ มีฐานะดี แต่... คุณพระเจ้าช่วยด้วยเถอะ นี่มันไม่ใช่แค่ฐานะดี แต่เข้าขั้นมหาเศรษฐี นารินขับรถตามถนนคอนกรีตที่สองข้างร่มครึ้มไปด้วยต้นหางนกยูงที่แผ่กิ่งก้านปกคลุม ราวกับขับเข้าไปในถ้ำ อรรณพมองผ่านออกไปทั้งสองข้างคือสวนสีเขียวที่จัดแต่งไว้ อย่างสวยงาม ตรงหน้าของเขาคือคฤหาสน์หลังงามโอ่อ่า...นี่เขากำลังจะเข้ามาสู่ คฤหาสน์บ้านทรายทองหรืออย่างไร...อรรณพพยายามคิดอย่างเป็นเรื่องสนุก เพื่อคลาย ความไม่คาดคิดของตัวเอง แต่เมื่อใกล้จะถึงคฤหาสน์ที่มีรถสองสามคันจอดอยู่ นารินก็เลี้ยวไปทางซ้ายมือ ถนน ยังร่มครึ้มเหมือนเดิมเพียงแต่มันไม่ใช่หางนกยูง แต่เป็นต้นชมพูพันธ์ทิพย์ที่ตอนนี้ ดอกร่วงเต็มพื้น แล้วนารินก็ไปจอดที่บ้านชั้นเดียวหลังหนึ่งที่ด้านหน้ามีรั้วเตี้ยๆสีขาว ปลูกกุหลาบและดอกเยียเบอร่าสีสด เธอหันมาทางเขาก่อนจะลงรถ พูดว่า “แม่คงสั่งเตรียมห้องให้คุณแล้ว เพราะฉันบอกจะมาวันนี้” อรรณพลงจากรถ ขาของเขาดีขึ้นแล้ว แต่ก็ยังต้องใช้ไม้เท้าช่วยมันเป็นไม้เท้าเหล็ก เหมือนคนแก่ใช้กัน ไม่ใช่ไม้เท้าพยุงที่รักแร้เหมือนแต่ก่อน เขามองนารินที่เดินตัวปลิว ไปตามทางโรยกรวดสั้นๆ ตรงไปยังชานบ้านกว้างเหมือนลืมไปเลยว่ามีเขามาด้วย ชายหนุ่มเดินตามไปช้าๆ แล้วร่างสตรีในชุดแซกสีเทาสวมไข่มุกเส้นยาวเดินออกมายืน ที่เชิงบันได นารินวิ่งเข้าไปกอดอย่างประจบ “คิดถึงแม่จังเลย ทำไมแม่นาสวยขึ้นทุกวันอย่างนี้” “ไม่ต้องมาพูดดี ไหนล่ะ แฟน ” นารินหันกลับมาทางเขา แล้วเธอก็หัวเราะเสียงใส เดินย้อนกลับมาหา กอดแขนข้างหนึ่ง ของเขาอย่างสนิทสนม “ขอโทษนะคะ นามัวแต่คิดถึงแม่เลยลืมคุณไป” อรรณพยิ้มนิดๆ แม้จะแปลกใจเพราะไม่คาดคิดว่า นารินจะเล่นได้ถึงบทบาทอย่างนี้ “อรรณพ แฟนนาค่ะแม่” เธอแนะนำเขาอย่างสดชื่น คุณกวินนาไม่ได้รับไหว้ชายหนุ่มตรงหน้า แต่มองตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้วก็ สั่นหน้าเซ็งๆ แม้จะนึกในใจว่า พ่อหนุ่มนี่ก็หน้าตาก็ดูดีอยู่หรอก ถ้าได้เปลี่ยนจากเสื้อยืดคอปกและ กางเกงยีนเสียหน่อย แล้วเธอก็ถึงกับถอนหายใจออกมาทีเดียวเมื่อเห็นมือข้างหนึ่ง ของเขาไม้เท้าเหล็กสีเงิน นี่ลูกสาวของเธอไปหาคนขาเป๋มาได้จริงๆ นะหรือ “ยัยนาจ้างมาเท่าไหร่ล่ะ?” คุณกวินนาถาม “แม่” นารินท้วงเสียงดัง “ฉันไม่ได้ว่าอะไร” คุณกวินนาสะบัดหน้าไปทางลูกสาว ก่อนจะหันมาทางอรรณพอีก “ถ้าเงินมันน้อย ฉันจะเพิ่มให้ แต่เอาให้สมบทบาทหน่อยนะ” อรรณพอึ้งไปไม่ใช่ว่าเขาจะตะลึงที่ได้ยินคุณแม่ของนารินพูดอย่างเปิดอกตรงไปตรงมา เช่นนั้น แต่เป็นเพราะเขาจดจำได้ว่า นี่เป็นสตรีที่เคยไปกับบุรุษวัยกลางคนที่เขาและ ทินกรคิดว่าเป็นผัวเมียไปเปลี่ยนบรรยากาศในโรงแรมม่านรูดไม่กี่วันมานี่เอง Free TextEditor
Create Date : 13 ตุลาคม 2553
35 comments
Last Update : 10 สิงหาคม 2554 16:54:20 น.
Counter : 4329 Pageviews.
โดย: กระรอกเมือง IP: 173.66.72.150 14 ตุลาคม 2553 3:51:49 น.
โดย: พี่ยอด IP: 118.173.36.50 14 ตุลาคม 2553 7:07:54 น.
โดย: น้องปุ๋ย IP: 124.122.228.61 14 ตุลาคม 2553 16:48:09 น.
โดย: Camile IP: 71.81.178.101 15 ตุลาคม 2553 8:18:47 น.
โดย: innam IP: 203.130.132.85 15 ตุลาคม 2553 16:00:42 น.
โดย: kkk IP: 119.42.85.14 28 ตุลาคม 2553 22:09:03 น.
โดย: napapran IP: 125.24.97.157 4 พฤศจิกายน 2553 16:34:52 น.
โดย: shinichi_kid1412b@hotmail.com IP: 203.170.234.7 11 พฤศจิกายน 2553 20:15:22 น.
โดย: thalay-ka-prachan IP: 124.121.172.109 5 มกราคม 2554 20:21:11 น.
โดย: หนึ่งลิปดา (ตันตราวี ) 17 มกราคม 2554 7:50:31 น.
โดย: JR IP: 10.73.4.127, 202.129.29.145 20 มกราคม 2554 13:04:45 น.
โดย: thalay-ka-prachan IP: 124.122.213.83 21 มกราคม 2554 22:49:10 น.
โดย: ฟีลิปดา (ตันตราวี ) 22 มกราคม 2554 18:05:31 น.
โดย: ki IP: 119.42.120.237 31 มกราคม 2554 12:01:43 น.
โดย: shinichi_kid1412b@hotmail.com IP: 202.12.74.65 22 กุมภาพันธ์ 2554 11:48:15 น.
โดย: พี่ยอด IP: 118.173.37.143 16 เมษายน 2554 19:54:42 น.
โดย: เปิ้ล IP: 61.90.124.139 3 พฤษภาคม 2554 21:46:40 น.
โดย: น้องนุช IP: 58.9.127.107 4 พฤษภาคม 2554 15:01:21 น.
โดย: npapran IP: 125.24.180.116 27 พฤษภาคม 2554 11:22:39 น.
โดย: Dhjb777 IP: 202.153.121.32 15 มิถุนายน 2554 13:34:10 น.
โดย: ฟีลิปดา (ตันตราวี ) 18 กรกฎาคม 2554 12:30:51 น.
โดย: DDD IP: 183.88.245.19 23 กรกฎาคม 2554 14:55:02 น.
โดย: หมี IP: 110.168.113.6 9 พฤศจิกายน 2554 14:08:06 น.
โดย: maemodnoypsyche IP: 58.137.154.119 9 พฤศจิกายน 2554 16:05:50 น.
โดย: maemodnoypsyche IP: 58.137.154.119 9 พฤศจิกายน 2554 16:05:50 น.
โดย: summer IP: 58.8.50.224 28 มกราคม 2555 16:19:51 น.
โดย: กระแสธารา IP: 223.204.22.127 11 มีนาคม 2555 19:27:47 น.
โดย: Kaykay Bouaphanh IP: 108.71.120.3 18 มิถุนายน 2555 8:36:32 น.
โดย: kukke IP: 110.168.167.222 2 ตุลาคม 2555 15:20:20 น.
โดย: หนึ่งลิปดา IP: 58.11.186.211 3 ตุลาคม 2555 20:32:51 น.
โดย: Napapran IP: 115.67.228.39 11 กุมภาพันธ์ 2556 22:24:43 น.
โดย: Chinatip IP: 202.49.134.179 3 เมษายน 2556 17:32:55 น.
โดย: ณปภาณ IP: 101.108.13.66 12 กรกฎาคม 2556 11:39:04 น.
Location :
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 23 คน [? ]
ทำไมต้อง "หนึ่งลิปดา" การค้นหาหรือจะตั้งชื่อนามปากกา ให้ถูกใจเราเองนั้น...ยาก เพราะไม่เพียงคิดชื่อ แต่มันต้องให้สอดคล้อง ไปกับธีมของสิ่งที่เราอยากจะเขียนด้วย ^--^ แล้วถ้าหากจะเขียนในสิ่งที่เรียกว่า "ความรัก ความหลัง ความโรแมนติก การทะเลาะ การงอนง้อ ความเข้าใจ ความทรงจำอันอบอุ่น เพื่อน มิตรภาพ ฯลฯ " ชื่อ "หนึ่งลิปดา" จึงผุดขึ้นมา อย่างชอบใจเลย ^--^ จากฟีลิปดา