บล๊อกสวยสมวัย MercuryBooks
Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2553
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
27 สิงหาคม 2553
 
All Blogs
 
ปาฏิหารย์รักฯ บทที่ ๑๐ โดย...บัดดี้

ภาพความหลังที่ตีย้อนขึ้นมาในความทรงจำ
ให้ความรู้สึกเหมือนถูกบังคับให้กินข้าวอยู่บนเรือที่โคลงเคลง
แม้จะอิ่มจนแน่นแต่ก็ต้องพยายามฝืนกินเข้าไปอีก
มันทำให้หญิงสาวรู้สึกเจ็บจนแน่นไปทั่วทั้งอกและศีรษะ
มวนเวียนในท้องและคลื่นไส้อยากจะขย้อนอะไรก็ตามที่อยู่ข้างนั้นออกมา

เธอไม่รู้ว่าตัวเองใช้เวลาไปเท่าไรกับการระลึกความหลังอันน่าเศร้า
แต่คงนานพอที่จะทำให้ข้างนอกเหลือเพียงเสียงหรีดร้องประสานกับเสียงคลื่นที่พัดโถมเข้าสู่ฝั่ง
ความมืดของรัตติกาลคลอบคลุมไปทั่ว แผ่อาณาเขตเข้ามาในห้องที่ปิดไฟ
มีเพียงแสงจันทร์ลางเลือนสิ่งลอดมาทางช่องหน้าต่าง
ที่พอให้เห็นเค้าโครงร่างของสิ่งต่างๆในระยะสายตา

ชาลิสานั่งก้มหน้ากอดเข่านิ่งอยู่บนเตียง เหมือนวิญญาณที่สิงสถิตอยู่ในห้องมืด
มากกว่าสิ่งมีชีวิตที่กำลังหายใจ

แวบหนึ่งเธอนึกถึง ผู้ชายที่เธอเพิ่งจะตั้งชื่อให้วันนี้
เขาหายไปเลย ตั้งแต่กลับจากกินข้าวที่ร้านลุงธรรม
เขาอาจจะง่วนอยู่กับ ‘ธุระ’ ของเขา หรือเขาอาจจะโกรธกับคำพูดของเธอ

“ฉันอยากอยู่คนเดียว นายจะไปไหนก็ไป ไป”
เธอพูดเมื่อเดินกลับมาถึงบ้านพัก

“แต่...” เขายังรีรอ แต่เธอก็ตัดบทด้วยเสียงตะวาดแวดกลับไป

“อย่ามายุ่งกับฉันได้ไหม ขอร้องหละ ไปให้พ้นหูพ้นตาฉันซะที”

“สักวันฉันต้องไปแน่ แต่คงไม่ใช่ตอนนี้”
เสียงเศร้าๆของเขาทำให้เธอต้องหันกลับไปมอง
และทันได้เห็นประกายตาที่วูบลงเหมือนคบเพลิงที่ถูกดับไฟโดยกะทันหัน
ก่อนเขาจะหันหลังเดินจากไป

มันช่วยไม่ได้จริงๆ ก็เขากวนประสาทเธอก่อน เธอคิด
แต่เขากวนประสาทเธอเรื่องอะไร เธอไม่แน่ใจ

ชาลิสาคว้ากระปุกยานอนหลับที่อุตส่าห์หอบหิ้วมาจากกรุงเทพฯ
นิ่งมองมันนาน เหมือนกำลังลังเลตัดสินใจว่าจะจัดการกับมันยังไงดี
เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น

“ชาลิสา ตื่นอยู่ใช่ไหม เปิดประตูหน่อยสิ”
เสียงของซันลอยมาจากข้างนอก หัวใจของหญิงสาวเต้นแรงขึ้นทันที
ให้ตายสิ เธอเกลียดตัวเองจริงๆที่เป็นแบบนี้ แต่ก็ลุกเดินไปเปิดประตู

แล้วเธอก็รู้สึกเหมือนตัวเองลอยพรุบออกจากห้อง เหมือนถูกดูดเข้าไปในอีกมิติ
ซันคว้ามือเธอให้ก้าวยาวๆตามเขาไปในความมืด

“ตามมาเร็ว จะพาไปดูอะไร”

พอตั้งตัวได้เธอก็พบตัวเองรายล้อมไปด้วยต้นไม้ใหญ่สูง
แสงจันทร์นวลส่องลอดทะลุลงมาช่วยให้พอมองเห็นเส้นทางและชายหนุ่มที่จูงมือเธอเดินนำอยู่ข้างหน้า

เขาจะพาเธอไปไหนนะ เธอสงสัย

เขาก้าวเดินเหมือนมองเห็นทุกสิ่งชัดเจนในความมืด ผ่
านป่าด้านหลังของห้องพักอีกสองหลังที่อยู่ถัดมา
แล้ววกกลับลงมาที่ชายหาดอีกครั้ง

บริเวณนี้ไม่มีบ้านพักและต้นไม้สูง มีเพียงพุ่มไม้เตี้ยขึ้นเป็นหย่อม
ทั้งสองเดินเลียบไปตามชายหาด

เธอสกัดกั้นความใคร่รู้เอาไว้ไม่ได้อีกต่อไปจนโพร่งขึ้นว่า

“นายจะพาฉันไปไหนน่ะ”

“เดี๋ยวก็รู้”

“ไม่! บอกมาก่อนว่าจะไปไหน ไม่งั้นฉันจะกลับ” ชาลิสาขืนแขนตัวเองที่ถูกเขากึ่งจูงกึ่งลากอยู่

“เถอะน่า ไม่พาไปขายหรอก” เขาออกแรงดึงเธออีก

“ไม่! ปล่อยฉันนะ ถ้าไม่บอกฉันไม่ไป”

ชายหนุ่มหยุดเดินหันมามองสบตาหญิงสาวจอมดื้อ พูดเสียงเหนื่อย

“ก็แค่การผจญภัยเล็กๆน้อยๆน่า ทำไมเธอไม่ปล่อยอะไรๆให้มันเป็นไปตามธรรมชาติ แล้วก็ทำตามใจตัวเองบ้างนะ”

หญิงสาวคิดอยากจะตอบเขาไปว่า เขาจะไปรู้ได้อย่างไรว่าเธอต้องการหรือไม่ต้องการอะไร
แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าในช่วงเวลาสั้นๆที่ผ่านมานี่ หลายครั้งแล้วที่เขารู้ในสิ่งที่เธอเองยังไม่แน่ใจ
เขาออกแรงดึงให้เธอเดินต่อไป แล้วเธอก็ทำอะไรไม่ได้
นอกจากปล่อยตัวเองให้ยอมตามความอยากรู้ของเธอเอง...ไปตามธรรมชาติ

พวกเขาลัดเลียบชายหาดมาจนสุดทาง
หาดทรายกลายเป็นหินก้อนเล็กก้อนใหญ่สลับผุดขึ้นมาจากทะเล ด้านข้างเป็นหน้าผาสูง
ซันพาเธอเดินข้ามจากหินก้อนหนึ่ง ไปที่อีกก้อน และอีกก้อน
เสียงคลื่นซัดสาดหมู่หินดังน่าระทึก เธอรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นนกน้อย
ในขณะที่พยายามกระโดดข้ามหินแต่ละก้อน และต้องคอยระวังระไวเหยี่ยวสายตาคมกริบ
ที่พร้อมจะโฉบเธอพาลงทะเลไปได้ในทุกนาที

ความตื่นเต้นผสมกับความสงสัยใคร่รู้ ทำให้เธอเริ่มรู้สึกสนุกกับการผจญภัยเล็กๆของเขา
เธอรู้สึกเหมือนตัวเองกระโดดข้ามก้อนหินเป็นร้อยก้อน
กว่าจะกระโดดลงบนหาดทรายขาวละเอียดอีกครั้ง

ท้องฟ้าเบื้องบนยังพร่างพราวไปด้วยดวงดาวนับล้าน
แก่งแย่งกันส่องแสงสุกสว่างลงมาบนพื้นโลก
ซันเดินนำเธอไปช้าๆแผ่วเบา ราวกับกลัวว่าเสียงเดินของเขาจะปลุกใครบางคนให้ตื่น

ด้านหน้าสุดสายตา หน้าผาหินจดน้ำทะเล
เมื่อเดินเข้าไปใกล้พอ เธอเห็นช่องว่างลึกเข้าไปในตัวภูเขาหิน
เหมือนหน้าผากำลังเปิดปากหาวอย่างเกียจคร้าน

ด้านหน้ามีหินก้อนไม่ใหญ่มาก กระจายอยู่ทั่วไปทั้งบนหาด บางก้อนเรี่ยอยู่ริมน้ำ
ซันพาตัวเองขึ้นไปบนหินก้อนหนึ่ง ย่อตัวลงนั่ง
เอามือตบพื้นที่ข้างๆตัวเองเป็นเชิงบอกให้เธอเดินไปนั่งข้างๆ

หญิงสาวทำตามอย่างว่าง่าย ระหว่างหมู่ก้อนหินกับช่องลึกในตัวภูเขา
เป็นทรายที่ค่อนข้างแห้งเป็นทางยาวลงไปในทะเล

ก้อนหินเหมือนปราการที่ธรรมชาติสร้างขึ้น
ให้บริเวณนี้เป็นพิ้นที่พิเศษที่น้ำทะเลไม่อาจเข้ามากล้ำกลายได้

เธอเห็นเขาจ้องมองท้องฟ้า แล้วก็มองไปบนพื้นทรายที่เป็นแอ่งเล็กๆ ด้านล่าง
เขาทำเช่นนี้อยู่สามรอบจนเธออดใจนิ่งเงียบต่อไปไม่ไหว

“ทำอะไร”

“ชู่ว...” เขาหันมาทำท่าทางให้เธอเงียบ

หญิงสาวได้ยินเสียงหัวใจตัวเองเต้นเร็วแรง ราวกับมันจะโดดดิ้นออกมาข้างนอก
เธอไม่แน่ใจว่าตัวเองกำลังตื่นเต้นกับการผจญภัยนี้
หรือว่าเป็นเพราะกลิ่นกายหอมเย็นของชายหนุ่มที่นั่งอยู่เคียงข้างเธอ
มันรบกวนนาสิกประสาท จนเธอแทบจะสะกดกั้นไว้ไม่ไหว
เธอต้องลุกขึ้นยืนเพื่อให้ตัวเองได้รับกลิ่นอากาศอื่นๆบ้าง
ก่อนที่หัวใจเธอจะเต้นแรงจนหยุดทำงาน

แต่เขากลับดึงมือเธอให้กลับลงไปนั่งคู่กัน
แถมยังกระเถิบเข้าใกล้จนเธอกลัวว่าถ้าหากใกล้กว่านี้
ใบหน้าของเขาอาจจะกลืนกินใบหน้าของเธอเข้าไปได้
หญิงสาวไม่กล้าขยับอีก เพราะเพียงแค่เธอหันหน้าไป
แก้มเธอจะต้องชนเข้ากับจมูกเขาเป็นแน่

ลมหายใจของเขาแผ่วเบาอยู่ที่ใบหูเธอ
รู้สึกใบหน้าตัวเองร้อนซ่านราวกับถูกสุมด้วยกองไฟ
ลมเย็นที่พัดโชยมากระทบไม่อาจดับความรุ่มร้อนข้างในได้

“มาแล้ว ได้เวลาแล้ว”

น้ำเสียงยินดีนั้นแผ่วเบาระเรี่ยอยู่ข้างหู
สายตาเขาจับจ้องไปตรงแอ่งทรายว่างเปล่าระหว่างก้อนหิน
หญิงสาวมองตามและได้เห็นพื้นทรายขยับขยุกขยิก
เธอคิดว่าตัวเองตาฝาดหรืออาจกำลังจะเป็นลมหรือเปล่า
ที่เห็นผืนทรายนั้นขยับเขยื้อนได้
แต่ไม่นานเกินอึดใจ
สิ่งมีชีวิตกลมๆเล็กเท่าปลายนิ้วก้อยก็โผล่ออกมา

“อะไรน่ะ” เธอรำพึงออกมาเบาๆ
สายตายังจับจ้องทุกการเคลื่อนไหวของเจ้าตัวเล็กบนพื้นทราย
สองขาเล็กๆของมันพยายามตะกายพาตัวเองออกมาจากทราย
จนในที่สุดก็แสดงตัวตนออกมาชัดเจน
ลูกเต่าทะเลที่โผล่พ้นทรายออกมาได้
วิ่งดุกดิกไปตามทางที่ธรรมชาติขีดไว้ให้แล้ว
ตามติดมาด้วยพี่น้องของมันอีกนับร้อยตัว
ที่ต่างตะกายตัวออกจากพื้นทรายและมุ่งหน้าสู่ท้องทะเล

ชาลิสายิ้มให้กับภาพที่เห็น
และนึกสงสัยว่าพวกเต่าทะเลมันรู้ได้อย่างไรว่าจะต้องวิ่งไปทางไหน
เพื่อลงทะเล มันอาจจะตามเสียงคลื่นไป
หรืออาจจะเป็นแสงจันทร์ที่สะท้อนวิบวับบนผืนน้ำที่ดึงดูดมันไป
กระดองเล็กๆของพวกมันที่วิ่งต้วมเตี้ยมลงน้ำ เวลาต้องแสงจันทร์
ราวกับผ้าแพรสีดำที่พริ้วไหวไปมาบนชายหาด

ชาลิสามองภาพเบื้องหน้าอย่างอิ่มเอมใจ
การเริ่มต้นขึ้นของชีวิตน้อยๆนับร้อยนี้
เป็นสัญญาณแห่งความสุขและความหวัง
ที่เธอไม่เคยได้รับรู้มาก่อนในชีวิต

“เยอะจังเลย ต่อไปทะเลคงเต็มไปด้วยเต่าละมังเนี่ย”
หญิงสาวพูดขึ้นอย่างอารมณ์ดี

“ชีวิตเต่าทะเลมันไม่ได้ง่ายอย่างที่คิดหรอก
เธออาจจะเห็นว่ามันมีจำนวนมากในตอนนี้
แต่อาจจะมีบางตัวที่ไม่สามารถพาตัวเองโผล่พ้นทรายออกมาได้
และก็ถูกฝังทั้งเป็น พอมันลงทะเลไปแล้ว
หลายตัวยังต้องตกเป็นเหยื่อของพวกนักล่า
ไม่ว่าจะเป็นนก ปลาฉลาม จระเข้ที่อาศัยในทะเล
ที่ต่างเฝ้ารอคอยการมาของพวกมัน
อาจจะเหลือรอดชีวิตไปได้ไม่ถึงหนึ่งเปอร์เซนต์ด้วยซ้ำ
และถ้ามันอดทนว่ายไปไม่ถึงน้ำลึก มันก็จะไม่มีชีวิตรอดเหมือนกัน
กว่าเต่าแต่ละตัวจะรอดพ้นช่วงเวลาอันตรายในวัยเยาว์
จนเจริญเติบโตแข็งแรงขึ้น มันต้องใช้ระยะเวลาที่เต็มไปด้วยการต่อสู้
ดิ้นรน และอดทนอย่างหนัก”

หญิงสาวฟังแล้วได้แต่นึกภาวนาในใจ ว่าขอให้พวกมันจงเข้มแข็งและมีชีวิตรอดเติบโตเป็นเต่าใหญ่ด้วยเถิด

ผ้าแพรสีดำบนชายหาดไหลลื่นลงทะเลไปจนหมดแล้ว
แต่พวกเขายังคงนั่งอยู่ที่นั่น หญิงสาวเอนกายพิงชายหนุ่ม
ซบแก้มลงบนไหล่กว้างของเขา
แม้ลมทะเลจะยังคงพัดกระทบผิวกาย
แต่เธอกลับรู้สึกอบอุ่นและสงบข้างใน
เธอคิดว่าตัวเองได้ยินเสียงเต้นของหัวใจเขา

“กลับไหม”

หญิงสาวส่ายหน้าเบาๆ

“อีกไม่กี่ชั่วโมง พระอาทิตย์ก็ขึ้นแล้ว จะรอดูพระอาทิตย์ขึ้นไหมล่ะ”

ชาลิสารีบพยักหน้าหงึกหงักอย่างรวดเร็ว ราวกับกลัวว่าเขาจะเปลี่ยนใจ

เธอได้ยินเสียงเขาหัวเราะเบาๆ
ก่อนที่แขนเขาจะโอบกระชับตัวเธอเข้าหาร่างหนาของตัวเอง
ลมหายใจเธอผ่อนเข้าออกช้าๆ

พระจันทร์และดวงดาวยังคงทำหน้าที่ของมันอย่างสุดกำลัง
สาดแสงสลัวลงมาบนพื้นทรายและท้องทะเลเบื้องหน้า
รอคอยเวลาที่พระอาทิตย์จะโผล่พ้นขึ้นมาตรงเส้นขอบฟ้านั้น
เพื่อมารับช่วงภาระกิจในการให้แสงสว่างแก่มวลมนุษย์ต่อ

ชาลิสาไม่สนใจการจากไปของดวงจันทร์และดวงดาว
รวมทั้งไม่ได้รอคอยการมาเยือนของดวงอาทิตย์

เพราะที่นี่ ในขณะนี้
เธอมีดวงอาทิตย์ที่ส่องแสงแห่งความอบอุ่นอยู่ข้างๆเธอแล้ว
เสียงเพลงนั้นลอยมาจากที่ไหนสักแห่ง
ใช่! เพลงที่เธอรู้สึกคุ้นเคย
อาจจะเป็นที่ไหนสักแห่งข้างในใจของเธอเอง


Oh dear Little, you’re a ray of sunshine
Shed the darkness for those in blind
You’re to love and to be loved
You’re to live and to be alive

เด็กน้อยเอย...เจ้าเป็นแสง แห่งสุริยันต์
ส่องโลกมิด ขับความมืด เปิดความฝัน
เจ้าจะอยู่ เพื่อรัก และรับรัก
เจ้าจะอยู่ เพื่อรู้จัก ดำรงอยู่



Create Date : 27 สิงหาคม 2553
Last Update : 27 กุมภาพันธ์ 2554 20:32:03 น. 1 comments
Counter : 416 Pageviews.

 
อยากมีคนไปดูพระอาทิตย์ขึ้นด้วยจังเลย


โดย: sakeena IP: 124.120.108.127 วันที่: 8 กันยายน 2553 เวลา:19:28:24 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

sorwor
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]





ต้นเหตุแห่งการยินดีที่ได้รู้จักกันนั้น เริ่มที่เว็บฟอร์ไรท์เตอร์ดอทคอมจากการพูดคุย แลกเปลี่ยนความคิดเห็นทางงานเขียนนวนิยาย ทำให้พวกเรา สว. (สาวสวยสมวัย) เกิดความคิดที่จะรวมตัวกันจัดทำบล๊อกขึ้นมาเพื่อเผยแพร่งานที่พวกเราเขียนเอง งานที่พวกเราทำด้วยใจรักและรักเหลือเกิน อยากให้เพื่อนๆ ได้อ่านและอยากได้คำติชมจากเพื่อนๆ เพื่อเป็นกำลังใจและนำพัฒนาทางการเขียนต่อไป


ฝากข้อความถึง"สวยสมวัย"







ซัน
โรแมนติก-อบอุ่น
ราคา 220 บาท



น้ำชารสสตรอเบอร์รี่
รัก-โรแมนติก
ราคา 190 บาท



ปางเสน่หา
โดย น้ำดอกไม้ (บัดดี้)
สนพ.พลอยชมพู




งานเขียนใน “สวยสมวัย”
เป็นลิขสิทธิ์ของผู้เขียน
ได้รับความคุ้มครองตามกฏหมาย
ตาม พ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ พ.ศ. ๒๕๓๗
...........................
คิดเอง เขียนเอง
และสร้างความภาคภูมิใจ
ให้กับตัวเองกันเถอะค่ะ


Friends' blogs
[Add sorwor's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend


 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.